เขาเรียกพวกผมว่าปาร์ตี้มอนสเตอร์สุดกาก...ผมก็ไม่ได้เถียงนี่!

-

เขียนโดย cQMan

วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 18.01 น.

  12 ตอน
  47 วิจารณ์
  12.69K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2562 04.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ตอนที่ 7 ผมช่วยทำให้คุณพ่อคนหนึ่งได้มีโอกาสทำอะไรบางอย่างเพื่อลูกของเขา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่ 7
ผมช่วยทำให้คุณพ่อคนหนึ่งได้มีโอกาสทำอะไรบางอย่างเพื่อลูกของเขา
 
ผมสารภาพตามตรงว่าผมไม่ยากจะเล่าเรื่องราวต่อจากนี้ให้พวกคุณฟัง ผมก็แค่อยากจะรักษาภาพลักษณ์ดีๆของผมและเพื่อนๆในสายตาของพวกคุณเอาไว้…อะไรนะ! พวกเราไม่มีเลยงั้นเหรอ!
งั้นก็ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าผมจะเริ่มเล่าต่อจากตอนที่แล้วเลยนะ
ใจกลางฝูงสัตว์อสูรปริศนา(ซึ่งดูเหมือนหมาป่า แต่ปากเหม็นกว่า) พวกเราที่อยู่ในปากของพวกมันคิดว่าเหล่าฝูงอสูรร้ายต้องการจะพาพวกเรากลับไปที่รังของพวกมันแน่ๆ ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมพวกมันถึงลงทุนยกขโยงกันมาขนพวกเราไป ผมพยายามมองหาทางรอดอย่างอับจนปัญญา น้ำลายเหนียวเหนอะเปื้อนตัวผมอย่างน่าขยะแขยง ผมแทบสิ้นใจในทุกๆครั้งที่มันพ่นไออุ่นออกมาทางปาก เพราะกลิ่นที่สายลมจากในตัวของมันโอบอุ้มเอาออกมาด้วยนี่แบบ…นรกแตกมาก!
ผมคิดว่ารังของพวกมันน่าจะอยู่สูงไปจากพื้นดิน พวกมันเดินทางลัดเลาะขึ้นเขาไปได้ระยะหนึ่งเราก็หลุดออกมาจากเขตป่าทึบ ในที่สุดผมก็ได้เห็นแสงจันทร์ แน่นอนว่าผมไม่ได้ดีใจที่เราได้เห็นท้องฟ้าผ่านฟันซี่แหลมๆเหล่านี้ แต่แสงจากฟากฟ้าสาดส่องอาบร่างของพวกมันก็ทำให้รู้ว่าจริงๆแล้วพวกมันเป็นตัวอะไร
พวกมันคือหมาป่าที่มีขนสีขาวฟูฟ่องอย่างที่ผมเดาไว้ ร่างกายใหญ่กว่าหมาป่าที่ผมเคยเห็นเกือบสามเท่า ดวงตาแดงก่ำของพวกมันดูดุร้าย ฟันอันแหลมคมทุกๆซี่มีสีเหลืองอ๋อยเช่นเดียวกับเล็บของพวกมันเอง พวกมันมีนามว่า หมาป่าภูเขา ระดับ 7 ระดับของพวกมันนั้นเท่ากันทุกตัว
และลักษณะทางกายภาพของพวกมันก็ทำให้ผมนึกถึงลูกหมาป่าที่เราฆ่าตายไปเมื่อตอนกลางวัน อย่าบอกนะว่าเจ้าพวกนี้…
“อีกไกลไหมเนี่ย....ทำไมขับช้ากันจังเลย” ลูกแก้วฟรานบ่น “บอกแล้วให้ใช้น้ำมันตราเต่า”
“เพราะใช้แล้วววว เครื่องฟิตสตาร์ทติดง่าย” เสียงของไข่มังกรเดรกดังแว่วมาจากท้ายขบวน
“หมาป่านะฟราน ไม่ใช่รถม้านำเที่ยว” ก้อนหินจิลเตือนเพื่อนเสียงสั่น นี่ขนาดกลัวยังมีอารมณ์มาตบมุขให้คนอื่นอีก ผมนับถือใจเขาจริงๆ
“ฉันหิวแล้วอ่ะ แวะร้านอาหารข้างทางก่อนได้ไหม” ลูกแก้วฟรานยังงอแงไม่เลิก
“นี่แกคิดว่าตัวเองมาเที่ยวรึยังไง!” เสียงของไข่มังกรเดรคดังมาจากปากของหมาป่าตัวไหนซักตัวที่อยู่ด้านหลังผม แต่เมื่อกี้นี้แกยังขยี้มุขให้มันอยู่เลยนะ
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงสถานที่ที่ดูเหมือนเป็นรังของพวกมัน ตรงนี้อยู่บนบริเวณสันเขาที่รายล้อมด้วยก้อนหินเล็กใหญ่กระจายอยู่ทั่ว ใครบางคนนำก้อนหินมาวางกองก่อตัวเป็นกำแพงตีกรอบล้อมรอบ ดูราวกับเมืองใหญ่บนภูเขา หน้าทางเข้ามีคบเพลิงทั้งสองฝั่ง เปลวเพลิงลุกโชดช่วงอยู่ด้านใน ผมสงสัยว่ารังหมาป่าควรมีอะไรแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ…
ทว่าในทันทีที่ผมถูกพาตัวผ่านพ้นกำแพงเข้าไป ผมก็ต้องเปลี่ยนความคิด เพราะที่นี่ไม่ใช่รังหมาป่าภูเขาธรรมดาๆอย่างที่ผมคิดไว้เลยซักนิด มันห่างใกลจากคำว่ารังลิบลับ
มันคือหมู่บ้านของหมาป่า เป็นหมู่บ้านของจริงเลยล่ะ สถานที่ที่เต็มไปด้วยบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ฝีมือหมาป่าภูเขาที่ดูเหมือนบ้านเรือนในสมัยที่มนุษย์ยังไม่ได้คิดค้นปืนไฟออกมาใช้ในสงคราม ตรงนั้นคือลูกหมาป่าที่ตัวเล็กกว่าตัวที่คาบผมเอาไว้ และ…โอ้ว! อย่าบอกนะว่าไอ้เจ้านั่นมันคือมนุษย์หมาป่าน่ะ!
ตัวที่ผมกำลังมองอยู่ คือสิ่งมีชีวิตที่ยืนสองขาได้เหมือนมนุษย์ รูปลักษณ์ร่างกายก็ใกล้เคียงกันกับคน แต่มีใบหน้าเป็นหมาป่า พวกมันล้วนเต็มไปด้วยมัดกล้ามบึกบึนแบบคนใช้แรงงาน อกเปลือยๆมีขนหนาโชว์ความแมนแบบโฮ่งๆ พวกมันเอาหนังสัตว์มาปกปิดส่วนล่างเหมือนอย่างพวกคนป่าที่พอมีอารยธรรม ขนสีขาวปกคลุมไปทั่วร่างกาย ดวงตาแดงก่ำ พวกมันคือ แวร์วูฟ และพวกมันทั้งหมดที่ผมเห็นมีระดับเกินกว่าสิบขึ้นไป ซึ่งด้วยความแข็งแกร่งระดับนี้ ผมมั่นใจว่าพวกมันสามารถฆ่าพวกผมได้เพียงแค่เดินเฉี่ยวๆเท่านั้น
พวกเราถูกพาลึกเข้าไปในหมู่บ้านของสัตว์ร้ายขนฟูพวกนี้ มีบ้านหลายหลังที่ดูเหมือนกับบ้านคนเด๊ะๆ บางหลังก็เป็นเหมือนบ้านสัตว์เลี้ยงหลังเล็กๆไว้สำหรับให้เหล่าหมาป่าภูเขาเข้าไปอาศัย ผมเห็นแวร์วูฟบางตัวทักทายพวกหมาป่าภูเขาด้วยภาษาของหมาป่าซึ่งผมฟังไม่เข้าใจ แน่ล่ะ ก็ผมเป็นสไลม์นี่นา
พวกคุณอาจจะคิดว่า ในหมู่บ้านนี้ต้องมีการแบ่งชนชั้นแน่ๆ เพราะแวร์วูฟเป็นสายพันธ์ที่ดูทรงภูมิปัญญาและแข็งแกร่งกว่าหมาป่าภูเขาทั่วไป แต่ดูเหมือนจะไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นระหว่างหมาป่าภูเขากับแวร์วูฟอย่างที่คิด พวกมันอาศัยอยู่ร่วมกันเฉกเช่นเดียวกับหมู่บ้านของมนุษย์ธรรมดาๆ มีแผงขายของอีกต่างหาก ผมรู้สึกทึ่งกับการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันของพวกมันมากๆ แถมบรรยากาศในหมู่บ้านนั้นสงบสุขราวกับพวกหมาไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่า การทะเลาะกันอีกต่างหาก
“แง่งๆๆ เอ๋งๆๆ” ทันใดนั้นทางด้านซ้ายของผม ก็มีหมาป่าภูเขาสองตัวพุ่งเข้าไปฟัดกันนัวเนีย โดยมีแวร์วูฟตัวหนึ่งพยายามจะเข้าไปห้ามด้วยสีหน้าลำบากใจ และโดนลูกหลงเข้าให้จนร้องครางหงิงๆวิ่งออกมาหอนอยู่นอกวงต่อสู้…เอิ่ม เอาเป็นว่าผมขอถอนคำพูดเมื่อกี้ก็แล้วกันนะ
ในที่สุดพวกผมถูกพาเข้ามาถึงใจกลางหมู่บ้าน พื้นที่โล่งๆที่มีแวร์วูฟหลายสิบตัวยืนตีวงล้อมรอบลานกว้างแห่งนี้เอาไว้ บรรยากาศดูจริงจังเหมือนจะมีการเลือกตั้งประธานพิธีโกนขนให้ลูกหมาที่อายุครบห้าขวบ เหล่าหมาป่าภูเขาที่คาบพวกเรามาได้คายเราออกมากองรวมกันอยู่ตรงหน้าบัลลังก์ไม้ที่มีหนังเสือโคร่งห่อหุ้มเอาไว้ จากนั้นพวกหมาป่าภูเขาที่หมดหน้าที่ของพวกมันแล้วก็ย่อตัวเล็กน้อยเพื่อเคารพสิ่งที่อยู่บนบัลลังก์ ก่อนจะวิ่งออกไปยืนรวมกับตัวอื่นๆ
ในที่สุดผมก็เป็นอิสระ แม้ผมจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นซากแพะเน่าๆที่เหนียวเหนอะ แต่ผมก็รู้สึกดีกว่าเมื่อครู่มาก จากนั้นผมก็กวาดตามองสถานที่รอบๆ ตรงหน้าของพวกเรา บนบัลลังก์มีแวร์วูฟที่ไม่ว่าจะมองมุมไหน มันก็แผ่ออร่าความเป็นบอสใหญ่ออกมาอย่างล้นเหลือนั่งอยู่
ผมทำใจกล้าเพ่งมองขึ้นไปยังเบื้องหน้า ดวงตาข้างหนึ่งของเจ้าแวร์วูฟบนบัลลังก์บอดและมีแผลรอยกรงเล็บของสัตว์ร้ายฝากเอาไว้ในรูปแบบของแผลเป็น ตัวของมันใหญ่กว่าแวร์วูฟธรรมดาเกือบสองเท่า ทำให้มันดูเหมือนยักษ์ขนฟูจากมุมมองของผมซึ่งสูงแค่ระดับฝ่าเท้าของมันเท่านั้น ดวงตาสีแดงฉานจับจ้องมาทางพวกเราอย่างกดดัน กล้ามเนื้อล่ำสันของมันสั่นเกร็งเหมือนกำลังจะระเบิดออกมา ชื่อของมันถูกเขียนด้วยตัวอักษรสีแดงว่า ราชาหมาป่า ระดับ 15 ความแข็งแกร่งและตำแหน่งจ่าฝูงของมันถูกยืนยันจากระดับที่มากกว่าแวร์วูฟตัวไหนๆในที่แห่งนี้
“ข้าได้กลิ่นลูกชายของข้ามาจากพวกเจ้า” ราชาหมาป่าทำในสิ่งเหลือเชื่อคือ มันกำลังพูดภาษาเดียวกันกับที่มนุษย์ใช้ เสียงทุ้มต่ำและแหบพร่าฟังดูมีพลังอย่างมาก มันลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมายืนต่อหน้าพวกเราราวกับกำลังพยายามจะข่มขวัญ “และในจุดที่พบซากบุตรของข้า ข้าก็ได้กลิ่นพวกแกอยู่ติดอยู่ตามซากของเขา” เหมือนมันกำลังพยายามข่มกลั้นโทสะไว้อย่างเต็มที่ ผมมั่นใจสุดๆว่างานนี้ไม่รอดแน่ๆ ราชาหมาป่าจะต้องฆ่าล้างแค้นพวกเราแน่ๆ ทำยังไงดี!
 “ถ้าหากพวกเจ้าดูแข็งแกร่งมากกว่านี้ ข้าคงคิดว่าพวกเจ้าเป็นคนลงมือฆ่าลูกชายของข้าเพื่อล่าไปกินเป็นอาหาร แต่พวกเจ้าดูกระจอกเกินกว่าที่จะทำแบบนั้นได้ ข้ามั่นใจว่าบุตรของข้าสามารถตบพวกเจ้าให้ตายได้ด้วยการตะปบไม่เกินสามครั้ง” มันกอดอกจ้องมองมาที่พวกเราอย่างดูถูกเหยียดหยาม ขอโทษด้วยแล้วกันที่ไอ้กระจอกพวกนี้ดันสามารถฆ่าลูกของแกได้ แถมยังกินกันจนพุงกางอีกต่างหาก
“อันที่จริงแล้ว…” ในทันทีที่ก้อนหินจิลกำลังจะพูดบางอย่าง ผมก็กระโดดเอาร่างกายเหลวๆเข้าไปอุดปากของเขาไว้ไม่ให้สามารถพูดได้ เพราะผมอยู่กับหมอนี่มานาน ผมรู้ดีว่าหมอนี่ไม่ยอมที่จะเห็นใครเข้าใจผิดเกี่ยวกับบางอย่างแน่นอน ช่วยเลือกเวลาในการเป็นคนดีหน่อยได้ไหมเนี่ย!
“บอกข้ามาที ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบุตรของข้า ทำไมกลิ่นของพวกเจ้าถึงไปติดอยู่บนตัวของเขา” ราชาหมาป่าหรี่ตาลง มันทำท่าเหมือนกับว่า มันสามารถพุ่งเข้ามากระทืบพวกเราได้ตลอดเวลาหากมีคำพูดซักคำที่กระทบกระทืบจิตใจของป๊ะป๋าซักคนที่เพิ่งเสียลูกชายไป
ความเงียบอันน่าอึดอัดเกาะกุมพื้นแห่งนี้อย่างยาวนาน ทุกคนมีท่าทีไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด ถ้าผมเป็นคนดีมากกว่านี้ผมคงจะยอมรับออกไปตรงๆเลยว่า “อ้อ! เรากินเขาไปเองแหละ ถ้าท่านรู้ว่าลูกชายของท่านมีเนื้อติดมันที่หอมหวานเพียงใด ท่านจะต้องภูมิใจในตัวเขาแน่ๆ!” แต่ตอนนี้ชีวิตของผมสำคัญกว่าความถูกต้องที่คงไม่ช่วยให้เรารอดไปได้ ผมจึงจำเป็นต้องพยายามใช้สมองของตัวเองคิดหาวิธีรอดไปจากสถานการณ์นี้อย่างหนักหน่วง
“อันที่จริงแล้วบุตรของท่านเป็นเพื่อนกับพวกเรา” ผมตัดสินใจสร้างเรื่องขึ้นมา
“จริงงั้นเหรอ…สวะชั้นต่ำอย่างพวกเจ้าเนี่ยนะ” ราชาหมาป่าดูไม่เชื่อถือ แวร์วูฟที่รายล้อมส่งเสียงโห่ร้องอย่างไม่พอใจ ทำไม! เป็นเพื่อนกับพวกเรามันผิดตรงไหนกัน! ไอ้เจ้าพวกเหยียดเผ่าพันธ์เอ้ย!
“เป็นความจริงอย่างแน่นอน” เป็นกะโหลกเซนที่พูดออกมาอย่างสุขุม น้ำเสียงของเขาสร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่าน้ำเสียงไม่ค่อยแน่ใจของผม “บุตรของท่านเป็นหมาป่าที่มีน้ำใจ ในระหว่างที่เขากำลังท่องป่าเขาก็พบพวกเราที่หิวโหยเพราะไม่สามารถล่าอาหารด้วยตัวเองได้ เขาจึงได้เผื่อแผ่เนื้อสัตว์ที่ล่ามาได้ให้แก่พวกเรา” เขากล่าวอย่างลื่นไหลราวกับเหตุการณ์มันเกิดขึ้นจริงๆ
“น้ำใจของเขาช่างยิ่งใหญ่ เขาบอกกับเราว่าเขาได้ต้นแบบความใจกว้างมาจากพ่อของเขา นั่นก็คือท่านยังไงล่ะ” ผมเสริม เมื่อได้เห็นกะโหลกเซนสร้างเรื่องอย่างลื่นไหลผมก็ชักจะเครื่องติดขึ้นมาแล้วสิ!
“เขาแค่ชื่นชมในตัวข้ามากๆก็เท่านั้น เขาเป็นแบบนี้เสมอ” ราชาหมาป่ามีท่าทีพอใจกับสิ่งที่พวกเราสร้างขึ้นมาด้วยทักษะการสร้างเรื่องชั้นครู “ที่เขาสามารถออกล่าได้ตั้งแต่อายุแค่นั้น ก็คงเพราะได้ความแข็งแกร่งจากข้าไปเต็มๆ” พวกแวร์วูฟส่งเสียงเห่าหอนเป็นเชิงเห็นด้วย
“แถมเนื้อสันคอของเขายังอร่อยสุดๆไปเลย” จู่ๆลูกแก้วฟรานก็เอ่ยขึ้นมา พวกหมาป่าหันขวับมามองเขาเป็นตาเดียว
“หืม!” ราชาหมาป่าขมวดคิ้วถลึงตามองมาทางพวกผม ไข่มังกรเดรคเห็นท่าไม่ดีจึงกล่าวแก้ตัวให้ว่า
“ท่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ เพราะความจริงแล้ว ข้าว่าเนื้อต้นขาของเขามีรสชาติที่ดีกว่า” ไข่มังกรเดรคพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งมันทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงกว่าเดิมซักสิบเท่าเห็นจะได้ การมีคนแบบนี้อยู่ข้างๆกายถึงสองคนด้วยกันอาจจะทำให้ผมเป็นบ้าไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง
“เขาหมายถึงเนื้อต้นขาของกวางหนุ่มที่บุตรของท่านแบ่งปันให้เราน่ะครับ” กะโหลกเซนกล่าวตอบกลับไปโดยไม่เสียเวลาคิด หมอนี่ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้อีกแล้ว
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเขา” ราชาหมาป่าเดินกลับไปนั่งบนบัลลังก์ รอฟังคำตอบจากพวกเรา
“เรื่องทั้งหมด! มันเป็นเพราะพวกมนุษย์นั่น!!!” ผมแสร้งทำเป็นโกรธแค้นราวกับมีคนเดินมาชกคุณยายของผมต่อหน้าต่อตา ก่อนจะกระโดดมาอยู่ตรงหน้าของราชาหมาป่าบนบัลลังก์ลายเสือโคร่ง สบตาเขา “พวกมันมากันเก้าคน พวกมันลงมือฆ่าบุตรของท่านที่เป็นเพื่อนของเราอย่างโหดเหี้ยมอย่างถึงที่สุด!”
“อันที่จริงแล้ว พวกเราต่างหากที่…อุ๊ฟ!” ผมกระโดดกลับไปอัดตัวอุดปากก้อนหินจิลเพื่อไม่ให้ความเป็นคนดีของเขาฆ่าพวกเราตายซะก่อน
“อันที่จริงแล้ว พวกเราต่างหากที่พวกมนุษย์หมายหัว!” กะโหลกเซนกล่าวแก้ต่างให้อีกครั้ง
“พวกมนุษย์ไล่ตามข้ามา เพราะความงดงามของข้าทำให้พวกมนุษย์หลงใหล” ลูกแก้วฟรานอ้าปากพ่นอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่ให้สถานการณ์ดีขึ้นออกมา แถมยังทำให้คนอื่นๆปวดหัวมากกว่าเดิมอีก ใครก็ได้! เอามันไปแทะเล่นที! เอาก้อนหินกับเจ้าไข่นี่ไปด้วย!!!
“ที่มนุษย์ไล่ตามเขาเพราะเขาเป็นมอนสเตอร์หายาก” กะโหลกเซนแต่งเรื่องต่ออีกครั้ง สิ่งที่เขามีเสมอต้นเสมอปลายคือความลื่นไหล ความสมเหตุสมผลและน้ำเสียงที่สงบนิ่งชวนให้เชื่ออย่างไม่ยากเย็น “ในจังหวะที่พวกเรากับบุตรของท่านกำลังจะแยกย้ายกันไป พวกมนุษย์ทั้งเก้าคนก็โผล่ออกมาจากที่ซุ่ม จู่โจมพวกเราจากทุกทิศทุกทาง”
“ไอ้พวกชั่วช้าเอ้ย!” แวร์วูฟที่ยืนอยู่รอบนอกก่นด่าอย่างไม่พอใจ “แบบนี้มันคนหมู่ชัดๆเลย!”
ผมมั่นใจว่ามันเป็นสำนวนแน่ๆ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไปเล็กน้อย
กะโหลกเซนกล่าวต่อไปว่า “บุตรของท่านเอาตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องพวกเราอย่างกล้าหาญ เขาปะทะเข้ากับมนุษย์ทั้งเก้าคนอย่างองอาจ ต่อสู้กับพวกนั้นอย่างสูสี”
“สุดท้ายเขาก็ตายลง พวกมนุษย์ฉีกทึ่งร่างของเขาอย่างโหดร้าย เพียงแค่เพราะความสะใจเท่านั้น” ผมแสร้งทำเสียงสั่นเหมือนสะเทือนใจสุดขีด “เขาได้ใช้ชีวิตอันสูงส่งเข้าแลกเพื่อให้มอนสเตอร์ผู้ต่ำต้อยอย่างพวกข้ารอดชีวิตมาได้ เขาทำไปเพียงเพราะแค่พวกข้าเป็นสหายกับเขาเท่านั้น ข้าไม่เคยเจอใครที่ประเสริฐเท่านี้มาก่อนเลย”
“ชีวิตนี้เราจะไม่ลืมบุญคุณที่เขามีต่อเราเลย” กะโหลกเซนทิ้งท้าย ผมมองไปที่ใบหน้าของราชาหมาป่า แล้วก็พบว่าน้ำตาแห่งความภาคภูมิไหลรินผสมปนเปไปกับน้ำตาแห่งความเศร้าโศกบนใบหน้าของมัน
ชักรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆเลยแฮะ…ไม่ได้สิ! คิดทำการใหญ่ ใจเราก็ต้องนิ่ง!!!
“ลูกพ่อ ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใดขอให้เข้ารู้ไว้ว่าพ่อภูมิใจในตัวของเจ้านะ” ราชาหมาป่าแหงนมองท้องฟ้า และพูดออกไปประหนึ่งกำลังคุยอยู่กับดวงดาว “เจ้าเป็นหมาป่าที่กล้าหาญที่สุดเสมอ” ก่อนที่มันจะสลัดความเศร้าหมอง และหันเหความสนใจกลับมายังพวกผมอีกครั้ง
“ขอบใจพวกเจ้ามากที่มาบอกให้ข้าได้รับรู้ ถ้าไม่ได้พวกเจ้า ข้าคงจะไม่มีวันรู้ได้เลยว่าวาระสุดท้ายของลูกชายข้าเป็นเช่นไร” ราชาหมาป่าลุกขึ้นมาจากบัลลังก์ก่อนจะจ้องมองพวกเราด้วยสายตาจริงจัง
“พวกเจ้าจำเหล่ามนุษย์ชั่วช้าที่ฆ่าบุตรของข้าได้ไหม” มันเอ่ยถามเสียงเย็นเฉียบ และผมสัมผัสได้ถึงเรื่องสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้น
“จำได้แม่นเลยครับท่าน คนที่มันฆ่าเพื่อนข้า ให้ตายข้าก็ไม่มีวันลืมพวกมันแน่ๆ” ผมเอ่ยด้วยเสียงที่เยียบเย็นพร้อมกับวางแผนการร้ายในใจ “ที่สำคัญ ข้ารู้ด้วยว่าตอนนี้ พวกมันอยู่ที่ไหนกัน”
ราชาหมาป่าแสยะยิ้มอย่างถูกใจ พวกเราทั้งสองตัวหัวเราะออกมาพร้อมกันเพราะรู้สึกได้เลยว่าเราจะกำลังได้ลิ้มรสชาติของการแก้เเค้นในเร็วๆนี้
“ดี! คืนนี้เราจะออกล่ามนุษย์เพื่อล้างแค้นให้ลูกชายของข้าและเพื่อนของพวกเจ้ากัน! พวกมันต้องชดใช้อย่างสาสม!!! บรู๋ววววววว!!!” ราชาหมาป่าเห่าหอนดังก้อง พวกแวร์วูฟและหมาป่าทั้งหมู่บ้านหอนตอบรับกันระงม ก้อนหินจิลมีสีหน้าไม่สู้ดีเมื่อเหตุการณ์ดูเหมือนจะบานปลายไปกันใหญ่
“แบบนี้จะดีเหรอ” เขากระซิบถามผมเบาๆ ผมหันไปสบตากับกะโหลกเซน เพื่อนคนนั้นของผมพยักพเยิบเป็นเชิงว่า เอาตามแผนของนายเลย ฉันโอเค
“ไม่ดีหรอก” ผมหัวเราะในลำคอ ประกายดวงตาของผมวาวโรดอย่างชั่วร้าย “แต่นี่มันเยี่ยมสุดๆไปเลยต่างหาก!!!”
เตรียมตัวไว้ได้เลยนะ ไอ้เจ้าพวกมนุษย์ที่เป็นต้นเหตุทำให้พวกฉันต้องหนีออกจากถ้ำแสนสุขมาเจอกับเรื่องบ้าๆน่าปวดหัวแบบนี้ ฉันจะเอาการแก้แค้นไปเสิร์ฟพวกแกให้ถึงที่เลยล่ะ หึ หึ หึ หึ…
 
ผมกับกะโหลกเซนควรจะได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักเล่าเรื่องชายดีเด่น : สไลม์ลอฟ
โปรดติดตามตอนต่อไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตคุณ หลังจากอ่านนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา