เขาเรียกพวกผมว่าปาร์ตี้มอนสเตอร์สุดกาก...ผมก็ไม่ได้เถียงนี่!
เขียนโดย cQMan
วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 18.01 น.
แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2562 04.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) ตอนที่ 12 ผมเคยเลี้ยงเต่าเอาไว้ตัวหนึ่งชื่อว่าดุ๊ก และมันก็น่ารักกว่าไอ้เจ้าเฒ่าเต่าตัวนี้มาก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 12
ผมเคยเลี้ยงเต่าเอาไว้ตัวหนึ่งชื่อว่าดุ๊ก และมันก็น่ารักกว่าไอ้เจ้าเฒ่าเต่าตัวนี้มาก
เปิดตอนมาด้วยภาพมอนสเตอร์เต่ายักษ์ มอนสเตอร์ที่มีร่างกายใหญ่กว่าพวกผมถึงสี่เท่า มีกระดองที่ดูแข็งแกร่งพอจะรับลูกกระสุนปืนใหญ่ได้ไม่ต่ำกว่าสามนัด สายตานิ่งเฉยจับจ้องมองมาทางพวกผมราวกับตัวตนกระจอกๆของพวกผมไม่สามารถคุกคามความปลอดภัยใดๆของมันได้
“เจ้าพวกมอนสเตอร์อ่อนแอเอ๋ย” จู่ๆเจ้าเต่าก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแก่ชรา ข่าวดีก็คือ ผมเริ่มจะชินกับสัตว์พูดได้ในโลกนี้เสียแล้ว “จงนำร่างสกปรกๆของพวกเจ้าหลีกทางไปให้พ้นจากสระของข้าซะ”
“อ่าวลุง พูดงี้ก็มีเรื่องอ่ะเด้!” ไข่มังกรเดรคอารมณ์ขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน “ทีหลังลุงก็เขียนชื่อแปะเอาไว้เซ่ จะได้รู้ว่าเป็นสระของใคร!” เขาประชด
“ก็เขียนไว้นะ” ผู้เฒ่าเต่าเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ มันยกขาชี้ไปทางด้านซ้าย “ตรงนั้น”
พวกเราหันไปมอง มีป้ายไม้ที่เขียนว่า คอนโดผู้เฒ่าเต่า 38/3 ปักไว้ตรงขอบสระพร้อมกับป้ายเตือนที่เขียนไว้ด้วยตัวหนังสือสีแดงว่า ห้ามจอดรถยนต์กีดขวางทางเข้าออก
“ศัตรูมีร่างกายใหญ่โต เคลื่อนไหวได้ช้า ดูได้จากการยกเท้าเมื่อครู่ จำนวนพวกเราทำให้ได้เปรียบ จัดการมันกันเถอะ” กะโหลกเซนที่ยืนวิเคราะห์อยู่นานเอ่ยขึ้นมาอย่างราบเรียบ
“เป็นความคิดที่ดี!” ไข่มังกรเดรคยังยั๊วะไม่หายเพราะเรื่องที่อีกฝ่ายพูดจาดูถูกพวกเรา
“ก็ดีนะ จะได้เก็บระดับกันไปเลยด้วย” ผมเห็นด้วยกับกะโหลกเซนที่ว่ามันดูไม่ค่อยแข็งแกร่งนัก การที่มันมีร่างกายใหญ่โตกว่าพวกเรา แต่ช้ากว่าพวกเรา ถือเป็นจุดอ่อนสำคัญที่เราสามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่เลยล่ะ
“หึ หึ หึ หึ” จู่ๆผู้เฒ่าเต่าก็หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย แววตาของมันเปลี่ยนไป ผมสัมผัสได้ถึงความอันตรายแบบที่มอนสเตอร์ระดับ 10 ควรจะมี “ประเมินข้าต่ำไปแล้วไอ้หนู”
“กระจายตัวล้อมรอบมันเอาไว้! ระวังตัวด้วยทุกคน!” ผมตะโกนบอกทุกคน พวกเราพุ่งไปล้อมมันทั้งสี่ทิศทางโดยพยายามหลีกเลี่ยงส่วนหัวของมัน แต่ผู้เฒ่าเต่าหาได้หวั่นเกรงไม่ มันยังคงยืนชูคออย่างสบายอารมณ์ ซึ่งผมกำลังเตรียมว่า ถ้าเกิดดูท่าไม่ดี พวกเราจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนเป็นโกยสุดชีวิตแทน แต่ตอนนี้ต้องลองเสี่ยงไปก่อน เผื่อฟลุ๊กได้ระดับมาฟรีๆ
ผมรู้ว่าพวกคุณกำลังคิดว่าอะไรกันอยู่ คงจะประมาณว่า “ลอฟ! นี่แกไม่สำเหนียกตัวเลยเหรอว่าดวงของตัวเองมันซวยบัดซบขนาดไหนน่ะ! คนอย่างแกไม่ควรจะรู้จักกับคำว่าฟลุ๊กเลยด้วยซ้ำ!”
ผมรู้อยู่เต็มอกว่าผมมันเกิดมาพร้อมกับดาวหายนะ แต่ผมก็เคยเป็นมนุษย์มาก่อนนะ และความหวังก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งของมนุษย์ คุณห้ามผมไม่ให้คาดหวังไม่ได้หรอก
“ข้ามีชีวิตอยู่มาเกือบๆหนึ่งร้อยปี เจ้าคิดไหมว่าทำไมข้าถึงอยู่รอดมาได้นานขนาดนี้!” น้ำเสียงของผู้เฒ่าเต่าเปลี่ยนไป ผมสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันเข้มข้น คลื่นพลังงานแห่งความกดดันสาดซัดมาจากร่างของศัตรู ดูท่าสิ่งที่มันพูดจะไม่ใช่แค่เรื่องหลอกลวงซะแล้ว “จงดู! พลังทำลายล้างของผู้เฒ่าเต่าตัวนี้ที่แม้แต่ราชาปีศาจยังต้องขวัญผวา! ย๊ากกกกกกกกกกกกก!!!”
“ทุกคน หนีเอาชีวิตรอด!!!” ผมใจหายวาบเพราะคิดว่า ตัวเองตัดสินใจได้ผิดพลาด! ที่แท้มันก็มีท่าไม้ตายอันรุนแรงมาทดแทนความเร็วที่ย่ำแย่ของมันนี่เอง “วิ่งโว้ยยยยย!!!”
แสงปริศนาสาดส่องออกมาจากร่างของผู้เฒ่าเต่า ก่อนจะขยายตัวกลืนกินพื้นที่เป็นวงกว้าง ผมพยายามจะวิ่งหนี แต่ก็ช้าไปมาก แสงสีขาวกลืนกินร่างของพวกผมจนมิด แล้วมหาเวทของมันก็สำแดงเดช! ผมหลับตาแน่นเพราะไม่อยากจะเห็นจุดจบของเพื่อนๆต่อหน้าต่อตา
“อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!!” เสียงของเพื่อนๆกรีดร้อง ผมเกร็งตัวเพื่อรอรับความเจ็บปวด เวลาผ่านไปอย่างเนิ่นนานจนพบคิดว่าป่านนี้ผมน่าจะเดินทางมาถึงที่สวรรค์แล้ว
ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง และพบว่าทุกๆอย่างยังเป็นปกติดี ร่างกายใสๆของผมยังมีมวลอยู่ครบไม่หายไปไหน เพื่อนๆของผมเองก็เช่นกัน ทุกคนอยู่ในสภาวะงงจนแทบอ้วกออกมาเป็นเครื่องหมายคำถาม
สายตาของพวกเราค่อยๆเลื่อนกลับไปทางไอ้ผู้เฒ่าเต่านั่นอย่างช้าๆ และสิ่งที่เราเห็นคือกระดองแข็งๆอันโตที่ข้างในมีกายเนื้อของเต่าชราหดอยู่
“แค่หดกระดองเองไม่ใช่เร๊อะ!!!” ให้ตายเถอะ! ผมโดนเต่าแก่ๆต้มจนสุขเลย!
“อื้ม…ก็ใช่ไง ทำไมเหรอ” ผู้เฒ่าเต่าลอยหน้าลอยตา
“แล้วมันเป็นมหาเวทย์ทำลายล้างตรงไหนมิทราบ!!!”
“อย่าถือสาลุงเลย คนแก่ก็เงี้ย!” ผู้เฒ่าเต่าหัวเราแห้งๆ แต่ก็ไม่ยอมโผล่หน้าออกมาจากกระดอง
“แกตาย!!!” พวกเราเข้าไปรุมโจมตีกระดองของมันที่มีพลังป้องกันสูงโคตรๆ จึงไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆได้
“ไอ้เจ้าพวกโง่! โจมตีให้ตายก็ไม่ได้สะกิดขาอ่อนข้าหรอกโว้ย” ผู้เฒ่าเต่าเอ้ยด้วยน้ำเสียงสะใจ นั่นทำให้ไข่มังกรเดรคหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
“แน่จริงก็ถอดกระดองออกมาต่อยกันข้างนอกสิโว้ย!!!” ไข่มังกรเดรคของขึ้น
“ถ้าออกไปก็กลัวอ่ะดิ” ผู้เฒ่าเกรียนทำเสียงยียวนกวนอารมณ์ “แน่จริงก็มุดมาต่อยกันข้างในสิวะ ก๊ากๆๆ”
“ก็ได้นะ” ผมตอบสั้นๆ
“จะบ้าหรอ! แกจะเข้ามาได้ยังไง ช่องว่างตรงกระดองมันก็เล็กและข้างในนี้ก็เต็มแล้วด้วย เพราะงั้น…โอ๊ย อะไรเนี่ย มีอะไรบางอย่างกำลังไหลเข้ามา อ๊ากกกก! ทำไมมันแสบร้อนอย่างนี้เนี่ย” ผู้เฒ่าเต่าโวยวายลั่นในขณะที่ผมใช้ร่างกายกึ่งของเหลวแทรกซึมไปตามช่องว่างเล็กๆระหว่างร่างกายกับผนังกระดองจนห่อหุ้มร่างของมันเอาไว้ได้เกือบทั้งหมด แล้วใช้ความสามารถย่อยสลายละลายผิวหนังของมันอย่างช้าๆ
“ออกไปนะโว้ย!!!” ผู้เฒ่าเต่าโวยวาย ผมหัวเราะก่อนจะสวนกลับไปว่า
“ถ้าออกไปก็กลัวอ่ะดิ”
“อย่างนั้นแหละลอฟ! ย่อยไอ้แก่เกรียนนั่นให้เกลี้ยงไปเลย!” ไข่มังกรเดรคเชียร์อยู่ข้างนอกอย่างถูกอกถูกใจ
“เดี๋ยวก่อน…โอ๊ยๆๆ หยุดแป๊ปนึง ข้ามีข้อเสนอ อ๊ากกกก!” ผู้เฒ่าเต่าเอ่ยไปร้องครวนครางไป ผมค่อยๆเคลื่อนร่างของมาจากกระดองอย่างช้าๆเพราะนึกสนใจอยู่เหมือนกันว่ามันจะมาไม้ไหนอีก
ผู้เฒ่าเต่าโผล่หัวออกมาจากกระดองด้วยท่าทีหวาดระแวง “อ่ะแห้มๆ” มันกระแอมออกมาสองทีก่อนจะกลับมาวางมาดเต่าชราร้อยปีอีกครั้ง
“การทดสอบจบลงเท่านี้…” มันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าได้รู้แล้วว่าพวกเจ้ามีความสามารถที่จะฝึกเคล็ดวิชาลับของข้าผู้นี้ไปได้ เพราะงั้นเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ข้าจะฝึกท่าไม้ตายให้แก่พวกเจ้า และชื่อของมันก็คือพลังคลื่นเต่…”
“ฆ่ามัน!!!” ผมร้องสั่ง เพื่อนๆร้องเฮ แล้วพวกเราก็จู่โจมใส่ร่างกายของเต่ายักษ์ที่โผล่พ้นกระดองออกมาจากทุกทิศทุกทาง
“ด…เดี๋ยวก่อนสิ! ฟังให้จบก่อน อ๊ากกกกก! พวกแกไปบ้าเลือดมาจากไหนกันเนี่ย!” ผู้เฒ่าเต่ากรีดร้องอย่างน่าสงสาร ในขณะที่พวกเรารุมทึ้งร่างของมัน ไข่มังกรเดรคเอาหัวโหม่งข้อเท้าซ้ายของมันอย่างสนุกสนาน เพราะเสียงหัวเราะสะใจของเขามันบ่งบอกแบบนั้น ก้อนหินจิลรับผิดชอบขาหลังด้านขวา กะโหลกเซนอ้อมไปจู่โจมทางด้านหลัง ผมแปะตัวไปบนขาหน้าด้านขวา ส่วนลูกแก้วฟรานก็…เอิ่ม…อย่างที่พวกคุณเห็นนี่แหละ
“แอบมองฟรานอยู่นะจ๊ะแต่ฟรานไม่รู้บ้างเลย แอบส่งใจให้นิดๆแต่ดูฟรานช่างเฉยเมย…” ลูกแก้วฟรานกระโดดโลดเต้นพลางร้องเพลงแปลกๆที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเราอาจจะมีปัญหาจากการกระทำของเขาได้ก็ไม่รู้ ผมควรจะหยุดเขาดีไหมนะ…
“ถ้าพวกเจ้าฆ่าข้าตายล่ะก็ ศิษย์เอกของข้าจะไม่อยู่เฉยแน่ นามของเขาคือซุนโก…อ๊ากกกกก! อย่าเคี้ยวหางข้าแบบน้านนน!!!” มันโวยวาย ในขณะที่กะโหลกเซนฝังเขี้ยวลงไปบนจุดเซนซิทิฟของมัน และนั่นทำให้พวกเรารอดปัญหาทางด้านลิขสิทธิ์อีกอันไปได้อย่างฉิวเฉียด
“รักไม่รักจะรักจะไม่รักจะรักไม่รักไม่…เอ...ท่อนนี้มันร้องยังไงหว่า เห้ยนี่ลุงเต่า! เบาเสียงลงหน่อยได้ไหมอ่ะ ฉันลืมเนื้อเพลงหมดแล้วเนี่ยเห็นไหม!” ลูกแก้วฟรานหันมาโวยวายอย่างหัวเสีย
“อ๊ากกกกกก! ลุงยอมแล้วจ้า! ได้โปรดช่วยหยุดที! ลุงยอมทำทุกอย่างเลย ปล่อยลุงไปเถ๊อะ! อ๊ากกกกก!!!” มันอ้อนวอนอย่างน่าสมเพช แต่มีเหรอที่คนอย่างผมจะยอมหยุดเรื่องสนุกๆแบบนี้ลงง่ายๆ แกจงทรมาณต่อไปซะเถอะ หึ หึ หึ เพราะเสียงโหยหวนของแกมันช่าง…ฟินเว่อ! อ่าห์
“หยุดก่อน!” จู่ๆกะโหลกเซนก็เอ่ยขึ้น ทุกคนเบรคกระทนหันจนหัวทิ่มไปตามๆกัน ผมที่ถูกขัดความเปรมปรีถึงกับร้องออกมาอย่างหงุดหงิด
“นายจะขัดทำไมเนี่ย! กำลังได้อารมณ์เลย…เอ่อ ฉันหมายถึงเรากำลังได้เปรียบกันเลยเนี่ย!” อุ๊ฟ…หลุดปากไปนิดส์
“มอนสเตอร์ตัวนี้อยู่มานาน บางทีมันอาจจะมีข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่เราตามหาอยู่ก็ได้” กะโหลกเซนให้เหตุผล จริงด้วยแฮะ!…ผมสนุกจนลืมเป้าหมายในการเดินทางของเราไปเสียสนิทเลย
“โอเค๊ๆ” ผมยอมแพ้แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม เพราะเรื่องการตามหาอัญมณีสำคัญกว่าการเก็บระดับและรสนิยมส่วนตัวของผมอย่างไม่ต้องสงสัย ผมเดินคอตกไปรวมกลุ่มกับไข่มังกรเดรคที่ดูเซ็งไม่แพ้กัน
“นึกว่าจะแน่ ถุ้ย!” ผู้เฒ่าเต่ามองมาทางผมและไข่มังกรเดรคในด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม ก่อนจะถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างกับตัวเองเป็นฝ่ายชนะ อ๊ากกกกก!!! ไอ้เจ้าเต่าแก่เฒ่าเกรียนเอ้ย! ฝากไว้ก่อนเถอะแก๊!!!
หัวร้อนโว้ยยยยยย!!!
คัมม่อน คัมม่อน คัมม่อน เบ๊บี! ให้ลูกแก้วทำนายกัน : ลูกแก้วฟราน
โปรดติดตามตอนต่อไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ