เขาเรียกพวกผมว่าปาร์ตี้มอนสเตอร์สุดกาก...ผมก็ไม่ได้เถียงนี่!

-

เขียนโดย cQMan

วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 18.01 น.

  12 ตอน
  47 วิจารณ์
  12.65K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2562 04.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) ตอนที่ 10 ผมได้ยินพวกหมาป่าคุยกันว่าการขึ้นคร่อมมันเป็นศิลปะ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 10

ผมได้ยินพวกหมาป่าคุยกันว่าการขึ้นคร่อมมันเป็นศิลปะ

 

งานเฉลิมฉลองถูกจัดขึ้นหลังจากที่พวกเราเคลื่อนพลกลับมาถึงหมูบ้านหมาป่าบนสันเขา พวกหมาป่าเห่าห้อนกันอย่างครื้นเครง เนื้อสดๆมากมายถูกนำมาแล่แบ่งไปกันไปทั่วงาน การเฉลิมฉลองถูกจัดขึ้นเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับราชาที่ได้ล้างแค้นให้บุตรชายจนสาแก่ใจ แต่ในบางแง่มุมมันก็เหมือนกับกำลังฉลองให้แก่การตายของลูกหมาป่าตัวน้อยที่ตายในวันนี้ด้วยเช่นกัน

ผมและเพื่อนๆร่วมวงกินเนื้อสัตว์แบบไม่อั้นกับพวกแวร์วูฟที่นั่งล้อมรอบกองไฟ จ้องมองดูระบำแวร์วูฟตัวเมียหุ่นนักกล้ามหญิงที่เต้นโยกไปโยกมาเหมือนหมาป่าโดนยาเบื่อ เราต้องทนรำคาญฟังเสียงของพวกแวร์วูฟที่เม๊ามอยกันอย่างสนุกปากว่าคืนนี้พวกมันจะขึ้นคร่อมแม่สาวแวร์วูฟตัวไหนดี

ราชาหมาป่ากระชากเนื้อออกมาจากน่องอันโตที่เขาถืออยู่ในมือพลางหัวเราะไปพลาง มีหมาป่าตัวเมียคอยเอาเนื้อมาเสิร์ฟเป็นระยะๆ ผมแปลกใจมากที่พวกหมาป่าพวกนี้โปรดปรานสุรา ดูได้จากไหดินเผาที่วางไว้ข้างกายของพวกแวร์วูฟหนึ่งใบต่อหนึ่งตัว

“เฮ้!” แวร์วูฟตัวหนึ่งโวยวายขึ้นมา “ใครเอาเหล้าไปให้พวกลูกหมากินเนี่ย! พวกนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะกันเลยนะ!”

เพศชายกับเหล้าดูเหมือนจะเป็นของที่อยู่คู่กันไปแล้ว แม้กับพวกหมาป่าเองก็ตาม ทว่าในกลุ่มของผมกลับไม่เป็นเช่นนั้น ผม กะโหลกเซน ลูกแก้วฟราน และก้อนหินจิลไม่เคยดื่มเหล้าและไม่คิดจะดื่มอย่างเด็ดขาดด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป ทว่าไข่มังกรเดรคเป็นข้อยกเว้น

“แม่สาวหมาป่าตัวนั้นหุ่นแซ่บมาก เธอทำให้ฉันปึ๋งปั๋ง!” ไข่มังกรเดรคที่กำลังเมาได้ที่เนื่องจากเล่นเหล้าไปหลายไห เนียนไปร่วมวงสนทนากับพวกแวร์วูฟ

เดี๋ยวนะ…

“จะมัวรออะไรอยู่ล่ะเพื่อน ไปคาบเธอมาเลยสิ! พ่อหนุ่มหมาป่าจอมขึ้นคร่อม!” แวร์วูฟตัวหนึ่งตบไข่มังกรเดรคเป็นเชิงกระตุ้น แต่ดูเหมือนมันจะกะแรงผิดไปนิดนึง เพราะการตบนั้นทำให้พลังชีวิตของไข่มังกรเดรคหายไปเกือบครึ่ง ที่สำคัญ พวกหมาป่าทำอย่างกับไข่มังกรเดรคเป็นพวกเดียวกันมันซะได้ล่ะเนี่ย!

“เฮ้! ระวังหน่อยสิ! เดี๋ยวเปลือกหล่อๆของฉันก็ร้าวกันพอดี!!!” ไข่มังกรเดรคโวยวายพร้อมวางมาดนักเลง ทำให้พวกหมาป่าขอโทษขอโพยกันอย่างแตกตื่น เออดี! เอากันเข้าไป! เมาอย่างกับหมากันทุกตัวเลย!

ผมที่เริ่มรู้สึกเอียนกับการโยกย้ายส่ายซะโพกของพวกหมาป่าเตรียมตัวจะชวนเพื่อนๆที่เหลือออกไปหาที่เงียบๆเช็คความสามารถที่ได้มาใหม่หลังจากเลื่อนระดับ ทว่าพอผมหันกลับไปหาเพื่อนๆ ผมก็พบความผิดปกติบางอย่างในกลุ่มของเรา

“ฟราน…หายไปไหน” สีหน้าของทุกคนดูลำบากใจเหมือนหมอที่ต้องบอกข่าวร้ายให้บรรดาญาติๆของคนไข้ฟัง

“ฟรานเขาแอบดื่มเหล้าไปนิดหน่อยน่ะ ฉันพยายามห้ามเขาแล้วนะ แต่เขาไม่ฟัง หลังจากนั้นเขาก็…” ก้อนหินจิลพยักเพยิบไปทางกองไฟ ผมหันหลังกลับไปมองอย่างช้าๆเหมือนตัวเอกในหนังสยองขวัญที่ต้องหันกลับไปเผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายที่ตามหลอกหลอน

แต่สิ่งที่ผมต้องเผชิญหน้าน่าสยองขวัญกว่าวิญญาณร้ายในหนังนั่นเยอะเลย

ภาพของลูกแก้วฟรานที่กำลังกระโดดเต้นระบำไปรอบๆกองไฟเนื่องจากพิษสุราผสมกับความบ้าบอส่วนตัวติดตรึงอยู่ในสายตาของผม เขาทำท่าเหมือนกับพยายามส่ายเอ็วโดยลืมไปว่าตัวเองไม่มีเอ็ว พร้อมช้อนสายตาใส่เหล่าหมาป่าหนุ่มเพื่อโปรดเสน่ห์

“สบตาฉันสิเจ้าพวกหมาป่าหนุ่มวัยกลัดมัน!” ลูกแก้วฟรานทำน้ำเสียงยั่วยวน พวกแวร์วูฟโห่ร้องให้เขาราวกับพวกมันถูกอกถูกใจในความเซ็กซี่ของลูกแก้วลูกนั้น “จงมาเป็นทาสสวาทของฉันซะ!”

“แม่สาวคนนั้นช่างร้อนแรง” ไข่มังกรเดรดจ้องมองลูกแก้วฟรานด้วยสายตาของคนอารมณ์เปลี่ยว พวกหมาป่าพากันส่งเสียงเพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกแก้วฟราน ไข่มังกรเดรคเพ้อออกมาว่า “เธอต้องเป็นคุณแม่หมาป่าที่ดีของลูกสาวฉันได้แน่ๆ”

ใจเย็นๆก่อนเห้ย! สมงสมองแกไปหมดแล้วววว!!!

“แล้วเราจะเอายังไงกับพวกเขาดี” ก้อนหินจิลเอ่ยถามกะโหลกเซนด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดี สายตาเขาดูเป็นกังวลอย่างถึงที่สุด “ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป เดรกได้ขึ้นคร่อมฟรานแน่ๆ!” เขาทำหน้าเสียขวัญ

กะโหลกเซนสบตาก้อนหินจิลด้วยอารมณ์ที่นิ่งเฉย เขากล่าวออกมาอย่างราบเรียบว่า “เดรก…ฟราน… ใครงั้นเหรอ ไม่เห็นเคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย!” ก้อนหินจิลอ้าปากค้าง

ผมเองก็พยายามลืมภาพความทรงจำชวนฝันร้ายในคืนนี้ออกไปจากหัวเหมือนกัน แต่ยิ่งฝืนไม่นึกถึงมันยิ่งวนเวียนอยู่ในหัวอย่างบ้าคลั่ง และผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองอยากจะ…

“อ้วกกกกกกก!”

แล้วค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองก็ผ่านไปอย่างยากลำบาก โดยมีพวกผมคอยห้ามไข่มังกรเดรกไม่ให้ขึ้นคร่อมลูกแก้วฟรานด้วยความพยายามทั้งหมดที่มี!

 

เช้าวันใหม่ ผมตื่นขึ้นมาในกระท่อมไม้แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่พักที่ราชาหมาป่าจัดเตรียมเอาไว้ให้ ในกระท่อมมีเพื่อนผมอยู่เกือบครบ ขาดแต่กะโหลกเซนที่ออกไปยืนรับลมอยู่หน้าบ้านเท่านั้น เป็นเรื่องปกติที่เขามักจะตื่นแต่เช้าตรู่อยู่เสมอ สายตาของกะโหลกเซนจับจ้องขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย เพื่อนคนอื่นๆยังไม่มีใครตื่น ผมไม่คิดจะปลุกพวกเขาเพราะเมื่อคืนพวกเรานอนกันดึกมากจริงๆ ผมกระโดดออกมาจากกระท่อมอย่างเงียบงัน ก่อนจะกล่าวทักทายคนที่ตื่นก่อนว่า

“ไง มายืนรับลมเหรอ” กะโหลกเซนหันกลับมาจ้องมองผมด้วยท่าทีเรียบเฉย ก่อนจะตอบกลับมาสั้นๆว่า

“อืม”

“อากาศเย็นสบายดีจัง ไปเดินเล่นกันหน่อยไหม” ผมเอ่ยชวน กะโหลกเซนไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ซึ่งนั่นก็คือสัญญาณที่เขาต้องการจะบอกว่า ไปก็ได้

พวกเราเดิน(ก็กระโดดนั่นแหละ)ไปตามทางเดินของหมู่บ้าน มีพวกหมาป่าแวะมาทักทายพวกเราบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งจะเน้นหนักไปทางการทักทายกะโหลกเซนโดยการเข้ามาเลียมากกว่า คือการเลียทักทายมันก็ยังดูธรรมดาอยู่ แต่สิ่งที่ทำให้กะโหลกเซนไม่สบายใจคือ หลังจากที่พวกหมาป่าเลียทักทาย พวกมันก็มองตามหลังเขาตาเป็นมันและน้ำลายไหลย้อยออกมาอย่างหิวกระหาย

พวกเราเดินกันไปเรื่อยๆออกจากเขตหมู่บ้านมาจนถึงขอบหน้าผาที่ด้านล่างคือป่าใหญ่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ตรงเส้นขอบฟ้าผมเห็นสิ่งก่อสร้างจำนวนมากและเดาว่ามันคงจะเป็นเมืองของมนุษย์แน่ๆ กะโหลกเซนหยุดเดินเสียดื้อๆ เขาทำท่าเหมือนกับอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ผมหันไปสบตากับเขาอย่างเนิ่นนานเพื่อค้นหาสิ่งที่ทำให้เขาไม่สบายใจ การเอ่ยถามว่านายเป็นอะไรไม่ทำให้คุณสามารถล้วงคำตอบจากคนๆนี้ได้ ก่อนผมจะหันกลับมาหม่อมองทิวทัศน์ผืนป่าด้านล่างด้วยท่าทีสบายอารมณ์

“เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่จำความได้เลยเนอะ” จู่ๆผมก็นึกอยากย้อนวันวานขึ้นมา กะโหลกเซนไม่ได้พูดอะไร แค่ฟังเงียบๆ “ผ่านอะไรๆด้วยกันมาก็เยอะ จนทำให้พวกเรากลายเป็นคนที่แค่มองตาก็รู้ใจกันไปซะแล้ว ขนาดเกิดใหม่เรายังได้มารวมกลุ่มกันอีกเลย กาลเวลาที่เราได้อยู่ร่วมกันมันทำให้ฉันค่อยๆรู้สึกว่าพวกนายไม่ใช่แค่เพื่อน…แต่คือครอบครัวเดียวที่ฉันเหลืออยู่ ฉันเชื่อว่าทุกๆคนเองก็รู้สึกอย่างนั้น”

ผมหันกลับไปสบตากับกะโหลกเซนอีกครั้ง พวกเราอยู่ด้วยกันมานานมาก นานซะจนทำให้ผมเข้าใจความคิดของเขาเลยล่ะ “นายกำลังกังวลเกี่ยวกับอนาคตของพวกเราใช่ไหม”

กะโหลกเซนพยักหน้า “โลกใบนี้อันตรายเกินไปสำหรับพวกเรา” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ “ไม่มีที่ไหนหรืออะไรซักอย่างที่จะสามารถยืนยันได้ว่า พวกเราจะปลอดภัยเมื่ออยู่ที่นั่น ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ในซักวันนึง…ฉันอาจจะต้องเสียพวกนายไป” เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมาผ่านน้ำเสียง แต่ผมรู้สึกได้ว่าเขากำลังหวั่นไหว “เราต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อสร้างที่นั่นขึ้นมาให้ได้ ที่ๆปลอดภัยพอสำหรับพวกเรา แต่ฉันกลับ…” กะโหลกเซนหยุดพูดไปเสียดื้อๆ ผมหัวเราะในลำคอเพราะรู้ว่าเขากำลังจะพูดว่าอะไร

“ถ้านายจะบอกว่าตัวเองอ่อนแอเกินไป ฉันก็ไม่เถียงนายหรอกนะ แต่ถ้านายกำลังคิดว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้ล่ะก็ ฉันจะขอเถียงนายจนขาดใจเลย” ผมกระโดดเตรียมจะมุ่งหน้ากลับไปยังหมู่บ้าน และทิ้งท้ายข้อความไว้สั้นๆว่า “นายน่ะสุดยอดสุดๆไปเลยนะ ทุกคนรู้ดีจากใจเลยแหละ แล้วก็นะ…ไอ้สถานที่แบบนั้นน่ะ ไว้เราค่อยๆสร้างมันขึ้นมาก็ได้ นายไม่เห็นต้องไปคิดมากอยู่เดียวเลย มันคงไม่ยากเย็นเท่าไหร่หรอกมั้ง”

“พูดง่ายจังเลยนะ” กะโหลกเซนแอบกัดผม ผมหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะบอกกับเขาว่า

“ที่ของพวกเรา พวกเราก็ต้องช่วยกันสร้างมันขึ้น ไม่ใช่แค่นายหรือคนใดคนหนึ่ง อย่าพยายามแบกรับอะไรคนเดียวเลย ทุกๆสิ่งต่อจากนี้ เราจะแบกรับมันไปด้วยกัน นั่นแหละถึงจะเรียกว่าเป็นเพื่อนตายที่แท้จริง”

กะโหลกเซนไม่กล่าวอะไร เขาทอดสายตามองออกไปไกลแสนไกลอีกครั้ง

“กลับกันเถอะ…ก่อนที่เจ้าพวกบ้านั่นจะตื่นแล้วทำอะไรน่าปวดหัวอีก” ผมกล่าว กะโหลกเซนหันกลับมาอย่างช้าๆ

“นั่นสินะ” เขากล่าวด้วยเสียงนุ่มลึก จากนั้นพวกเราก็เดินทางกลับที่พัก

แล้วสิบห้านาทีต่อมาผมก็ได้รู้ว่า ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าพวกตัวป่วนพวกนี้ ผมทายอะไรไม่เคยผิดเลยจริงๆ พับผ่าสิ!

ผมกับกะโหลกเซนกลับมาถึงหมู่บ้าน ระหว่างทางกลับไปกระท่อม เราก็พบกับเพื่อนๆทั้งสามคนกำลังยืนล้อมรอบมนุษย์หมาป่าคู่หนึ่งเอาไว้ แวร์วูฟตัวหนึ่งคือท่านราชาหมาป่าสุดโหดของเรานั่นเอง ส่วนอีกตัวหนึ่งเป็น…เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ! ผมกำลังเห็นภาพหลอนใช่ไหมเนี่ย!!!

ผมสีดำขลับเงางามแต่ยุ่งเหยิงยาวแค่ติ่งหู ดวงตากลมโตสดใสดูอ่อนต่อโลก ใบหน้ากลมเป็นรูปไข่และขาวผ่องดั่งหิมะในหน้าหนาว จมูกเล็กและริมฝีปากบาง รอยยิ้มของเธอทำให้พื้นที่โดยรอบสว่างไสว ร่างกายอ้อนแอ้นแบบเด็กสาววัยแรกรุ่นที่สูงแค่160เซนติเมตรน่าทะนุถนอม หางหมาป่าสีขาวฟูฟ่องที่งอกออกมาจากสะโพกสะบัดซ้ายทีขวาทีราวกับมีชีวิต หูของหมาป่ากระดิกไปมาอยู่บนหัวของเธอ เธออยู่ในชุดหนังสัตว์ที่ถูกตัดเย็นโดยช่างฝีมือ และเธอคนนั้นกำลังกระโดดโลดเต้นอย่างดีอกดีใจ

ผมไม่มั่นใจว่าระหว่างทางผมเผลอไปกินเห็ดเมาเข้าหรือไม่ ที่ผมอยากจะบอกพวกคุณก็คือ เราเจอกับแม่สาวหูสัตว์เข้าให้ซะแล้ว! นี่ถ้าตัดหางกับหูออกไปเธอก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กผู้หญิงน่ารักๆคนหนึ่งเลยซักนิด ผมรีบกระโดดเข้าไปร่วมวงเพราะสงสัยสุดขีดว่าเธอเป็นใครกันแน่

“นั่นก็เพื่อนของพวกนายงั้นเหรอ” เด็กสาวหูสัตว์คนนั้นชี้มาทางผมด้วยสีหน้าตื่นเต้น เสียงของเธอหวานหูราวกับดนตรีสวรรค์ “น่ารักจัง โดยเฉพาะคุณกระดูก”

กะโหลกเซนสะดุ้ง

“ใช่จ้ะ แต่เขาไม่ค่อยเจ๋งอะไรนักหรอก ไม่ต้องไปสนใจก็ได้” ไข่มังกรเดรคกล่าว นี่แกเล่นสะกัดดาวรุ่งกันอย่างนี้เลยเร๊อะ! ผมแอบเคืองนิดๆ

“แถมซาดิสม์โคตรๆ” ลูกแก้วฟรานเสริม อันนี้ผมไม่เถียง

“ใครอ่ะ” ผมกระซิบถามก้อนหินจิลที่มองเด็กสาวหมาป่าตรงหน้าด้วยแววตาเคลิบเคลิ้ม

“ลูกสาวของข้าเองแหละ” ราชาหมาป่าตอบแทนก้อนหินจิลที่ไม่น่าจะได้สติกลับคืนมาอีกซักพัก

“เรย์เองค่า!” เด็กสาวหมาป่าร้องออกมาอย่างสดใส

“ลูกสาวท่านเนี่ยนะ!!!” ผมร้องแหกปากตะโกนลั่นเหมือนคนที่ได้รู้ว่าอุกกาบาตกำลังจะโหม่งโลกในเร็วๆนี้ “นี่ท่านมีลูกกับมนุษย์ด้วยงั้นเหรอ!”

“จะบ้าหรือยังไง! ข้าเป็นหมาป่านะ ข้าจะไปมีลูกกับมนุษย์ได้ยังไงกันเล่า! โน่นต่างหาก เมียแสนสวยตัวที่สามสิบแปดของข้า!” ราชาผายมือไปทางด้านหลัง หมาป่าภูเขานมห้อยโตงเตงเห่าขานรับ ผมหันกลับมามองเด็กสาวหมาป่านามว่าเรย์ก่อนจะช็อกไปพักใหญ่

แวร์วูฟกล้ามโตขึ้นคร่อมหมาป่าภูเขาแล้วออกมาเป็น…เด็กสาวหมาป่าสุดน่ารักเนี่ยนะ! นี่มันตรรกะบ้าอะไรกันวะเนี่ย! ผมอยากรู้จริงๆว่ายีนส์ตัวไหนที่มันทะลึ่งกระเด้งข้ามสายพันธ์มาได้ไกลขนาดนี้!

“พวกนายก็จะช่วยหาหินวิบวับมาให้เรย์ใช่ไหม” เรย์สบตาผมก่อนจะถามด้วยท่าทีน่าเอ็นดู

ไข่มังกรเดรคเห็นท่าทีสงสัยของผม เขาเลยเข้ามาอธิบายว่า “คืองี้ เมื่อเช้าเราตื่นขึ้นมาแล้วก็เห็นท่านราชากำลังแสดงท่าทีเหมือนกลุ้มใจสุดๆ สาเหตุที่เขากลุ้มใจก็เพราะว่าลูกสาวของเขาชอบหินวิบวับซึ่งหมายถึงอัญมีณีเอามากๆ และนี่ก็ใกล้วันเกิดของเธอแล้วด้วย แต่ราชาไม่รู้จะไปหาจากไหนดี ราชามีบุญคุณกับเรามาก พวกเราก็เลยเสนอตัวช่วยตามหาให้เพื่อตอบแทนน้ำใจไง”

“ขอความจริง” ผมกล่าวออกไปสั้นๆด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

“เราแพ้ความน่ารักของเรย์เข้าไปเต็มๆจนเสนอตัวออกตามหาของขวัญวันเกิดเพื่อจะเอามาซื้อใจเธอเท่านั้นเอง แหะๆ” ไข่มังกรเดรคคายออกมาอย่างง่ายดาย ดวงตาเขาเกือบจะเปลี่ยนเป็นรูปหัวใจอยู่แล้ว

“ถ้าเรย์ขอ ต่อให้มันอยู่ในตับของราชามังกรเราก็จะมุดไปเอามาให้อย่างแน่นอน” ลูกแก้วฟรานส่งสายตาเจ้าชู้ “ทำได้ทุกอย่างเพื่อเธอเลยนะจ๊ะ…เบเบ้”

“เบเบ้…” ก้อนหินจิลพูดตามลูกแก้วฟรานอย่างลืมตัว เพราะกำลังจมอยู่ในภวังค์แห่งความรัก

“เบเบ้บ้านพวกแกน่ะเซ่! หาเรื่องใส่หัวกันทำหอกอะไรฟร๊ะเนี่ย!!!”

ผมจะไม่ทันมันแล้วโว้ยยยยยย! วันนี้ต้องแตกหักกันไปข้างนึกให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย!

“พวกเจ้ามีระยะเวลาในการหาหินวิบวับอีกแค่แปดวันก่อนวันเกิดของลูกสาวข้าเท่านั้น เมื่อหาอัญมณีพบแล้วก็เอามามอบให้กับลูกสาวสุดที่รักข้าทันทีเลยนะ” ราชาหมาป่ายิ้มอย่างยินดีที่มีคนช่วยอาสาหาของมาให้ลูกสาวแทนพวกหมาป่าที่มีขอบเขตการสำรวจอย่างจำกัด แล้วฉับพลัน! รอยยิ้มแบบคุณพ่อใจดีก็แปรเปลี่ยนเป็นการแยกเคี่ยวของสัตว์ร้ายที่กำลังส่งสัญญาณขู่อาฆาต แววตาของราชาหมาป่าหรี่ลงอย่างชั่วร้าย

เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า “แต่ถ้าเกิดพวกแกไม่ยอมรักษาสัญญาหรือไม่โผล่หัวมาพร้อมกับหินวิบวับในวันเกิดของลูกสาวข้า แวร์วูฟและหมาป่าภูเขาทั้งฝูงจะตามล่าพวกแก จำเอาไว้ให้ดีล่ะ!!!”

ดูสิ! อยู่ดีๆงานก็เข้าผมอีกแล้วเนี่ย! ทั้งหมดเป็นเพราะพวกแกเลย! ไอ้เจ้าพวกมอนสเตอร์หน้าม่อเอ้ย!!!

 

ส่งยิ้มมาเยียวยาหัวใจอันบอบช้ำของพวกเราที ท่านเรย์! : ลูกแก้วฟราน ไข่มังกรเดรค และก้อนหินจิล

โปรดติดตามตอนต่อไป

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตคุณ หลังจากอ่านนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา