ขอโอกาสรัก(ได้ไหม)ให้หวนกลับมา
8.7
เขียนโดย เงาในพระจันทร์
วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 16.37 น.
3 ตอน
1 วิจารณ์
4,143 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2562 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) บทที่ 1 (100%)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความต่อนะคะ
.
.
.
บ้านสีขาวรูปทรงทันสมัยที่ดูหรูหราในหมู่บ้านจัดสรรแถบชานเมืองแห่งนี้ มันดูใหญ่โตเกินไปกับการที่จะต้องอยู่คนเดียวในความคิดของชายหนุ่ม สายตาคมกวาดตามองทุกอย่างที่ดูเงียบสงัด ดูเหงาอ้างว้างเดียวดาย เขาเพียงแค่มาเก็บของเตรียมย้ายออกเพื่อก้าวเดินต่อไปในชีวิต เพื่อต้องเริ่มต้นใหม่
ขณะที่นั่งลงบนโซฟาหนังหรูตัวนี้ที่เขาเคยไปเลือกซื้อกับเธอ ความคิดแรกที่ผ่านมาในสมองคือความเสียใจที่บ้านหลังนี้คงจะร้างผู้คนในไม่ช้า มันจะปราศจากความสุขที่เคยโอบล้อม และต่อไปมันคงเป็นสถานที่ ที่เป็นบ้านของใครคนอื่นซึ่งไม่ใช่เขา เขาไม่สามารถที่จะอาศัยอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป ความทรงจำระหว่างเขาและเธอในบ้านหลังนี้มันเยอะเกินไป ทั่วมุมห้องมีแต่กลิ่นอายของเธออย่างชัดเจน มันทำให้เขาเจ็บปวดจวนเจียนระเบิดเขาเคยคาดหวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้เคยทำให้เธอ เธอจะเปิดใจ เปิดเผยตัวตนของเธอออกมาบ้าง แต่มันก็ไม่เป็นอย่างที่เขาคิดไว้เลยสักนิด
ดวงไฟเปิดสลัวไว้เพียงบางส่วน จนมองเห็นรอบๆข้าง การตกแต่งบ้านหลังนี้ที่บอกถึงรสนิยมอันเรียบง่ายของเธอ มีเพียงสีขาว ดำ และสีของไม้น้ำตาลอ่อนตัดกันด้วยลูกเล่นที่ดูลงตัว เธอไม่ชอบอะไรที่เยอะแยะ ในเมื่อก่อนเขาเคยคิดว่าชอบบ้านหลังนี้ ที่ทั้งเขาและเธอเห็นตรงว่าควรเป็นบ้านในการสร้างครอบครัว ทุกอย่างมันดูเป็นระเบียบ ตู้และชั้นต่างๆถูกซ่อนไว้ในการออกแบบที่เรียบง่าย ดูเป็นตัวของเธอดี แต่ตอนนี้เมื่อมองก็พบแต่ความแข็งกระด้าง ไร้ชีวิตชีวา เย็นชา ซ่อนทุกสิ่งไว้ให้พ้นสายตา และคงไร้หัวใจ
ความเงียบที่โอบล้อมเขาในขณะนี้ย้ำเตือนว่าเธอคงไม่ได้อยู่กับเขาอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้เราจะไม่หย่ากันอย่างเป็นทางการ แต่เมื่อก่อนตอนความรักยังสวยงาม เธอก็แทบไม่ค่อยอยู่ที่นี่สักเท่าไหร่ ทั้งงานที่เธอบอกว่ายุ่ง ทั้งต้องการอยู่กับตัวเอง เธอเลือกเอาแต่เดินหนีปัญหาทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้า ทำไมต้องเดินหนีเขาทุกครั้งกันนะ
รอยยิ้มบนหน้าใบนั้นที่เขาเคยมองว่าอ่อนโยน หากตอนนี้ถึงได้รู้ว่าเธอซ่อนความรู้สึกมากมายภายใต้ยิ้มอ่อนหวาน ทุกสิ่งสำหรับเธอ ยังไงการเลือกที่จะปิดบังมัน เลือกที่จะโกหกเป็นสิ่งที่เธอทำจนเคยชิน แม้กระทั่งการยิ้ม แววตา ท่าทางทุกอย่าง เขาเพิ่งรู้ว่ามันแสแสร้งราวกับคนแปลกหน้า ยิ่งเขาใกล้ชิดเขาก็รู้สึกเหมือนไม่เคยรู้จักตัวตนของเธอ เมื่อตอนเขาอ่อนแอต้องการเธอ กลับคว้าได้แต่ความว่างเปล่าเท่านั้น จนเป็นเขาเองที่ทนไม่ไหวต้องยอมแพ้ถอยออกมา
นี่มันคงเป็นโชคชะตาที่เจ็บปวดของเขาหรือไงนะ ไม่ว่าใครก็ไม่ได้ต้องการเขาเลย
ในวันนี้เป็นวันที่จะต้องหย่าขาดจากเธอ หัวใจเขาแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ เขาไม่อยากมาถึงจุดนี้เลย แต่เมื่อหลายๆครั้งที่เขาเคยถามเธอ เธอเลือกที่จะพูดมันมันออกมาราวกับตัดความรู้สึกได้ง่ายดาย เธอเลือกที่จะทำมัน แต่หากสุดท้ายเธอก็วิ่งหนีเขาอีกครั้ง ถ้าวันนี้เพียงแค่เธอกอดเขา ปฏิเสธมันออกมาเขาก็คงจะยอมพังทลายทุกอย่าง พังทลายกำแพงนั่นเพื่อได้ใช้ชีวิตกับเธออีกครั้ง
แต่สิ่งที่ทำได้ในวันนี้ คือ เขาได้แต่มองดวงหน้าที่เศร้าหมองของเธอมอง ดวงตาอันบอบช้ำและแห้งผากทุกอย่างบนใบหน้าดูทุกข์ระทมอย่างแสนสาหัก หากเธอกลับเลือกที่ไม่เอยที่สิ่งออกมา เขายังอยากจะกอดเธอไว้อีกครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่ได้
เพราะ..ตอนนี้เขาเหนื่อยแล้ว เขาคงเหนื่อยจริงๆ เหนื่อยในการวิ่งตามเธอตามคาดเดาความรู้สึกของเธอ เขาได้แต่บอกกลับตัวเองว่า เขาคงพอแล้วจริงๆ
สุดท้ายให้โชคชะตามันกำหนดเองจะดีกว่า
ดวงตาคู่คมที่หลับอยู่ลืมตาเพื่อเหม่อมองสายฝนในยามค่ำคืน ร่างสูงเหยียดร่างกายพิงโซฟานุ่มอย่างเหนื่อยล้า ฝนที่กระหน่ำลงมาคงทำให้เขาต้องติดอยู่ที่นี่ คงย้ายของและขับรถอย่างยากลำบาก เขาขอเลือกที่อยู่บ้านหลังนี้เพื่อซับซึมความรู้สึกอ่อนหวานไว้เป็นครั้งสุดท้าย หากเสียงฟ้าร้องน่ากลัวข้างนอกทำให้คิดถึงใครอีกคนที่ปานนี้ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง หรือทำอะไรอยู่ ปานนี้เธอคงนอน...ไม่ก็ร้องไห้อยู่อย่างแน่นอน หรือเธอจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้วนะ
มือหนาพยายามนวดคลึงที่เปลือกตาที่หน่วง เพื่อเขาจะได้เลิกคิดฟุ้งซ่านเสียที หากเสียงโทรศัพท์และเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยปรากฏและดังขึ้น มือหนาเอื้อมเพื่อรับสายอย่างเหนื่อยล้า
นี่มันก็เป็นเวลานานพอสมควรแล้วที่เธอต้องติดอยู่บนถนนสายนี้ ฝนที่ตกลงมาทำให้ตามจราจรติดขัดแล้วบ้านของเธอก็อยู่ไกลบริเวณแถบชานเมือง ถ้าผ่านจราจรจุดนี้ไปได้ อย่างน้อยถ้าเธอรีบเร่งกลับไปเพื่อไปหาเขาน่าจะยังทันเวลา เธออยากกลับไปบ้านหลังนั้น เพราะเธอรู้ดีว่าเขาต้องอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน นิ้วเรียวพยายามเคาะกับพวงมาลัยรถเพื่อฆ่าเวลาอย่างร้อนใจ รถที่ติดขนาดนี้ขยับเขยื้อนแทบไม่ได้เลย มันยิ่งทำให้ทุกเสี้ยววินาทีเชื่องช้าออกไป ใจของเธอได้แต่ร้อนรน คงมีแต่คำภาวนาเท่านั้นที่ช่วยเธอได้ในตอนนี้
สุดท้ายหลังจากที่ติดแหง็กบริเวณนี้มานานคำภาวนา ของเธอก็เป็นจริงเมื่อรถได้ขับเคลื่อนผ่านจุดที่ติดขัดมากที่สุด แม้เธอต้องใช้เวลาร่วมชั่วโมงกว่าเกือบสองชั่วโมง วราลีรีบเหยียบคันเร่งขับไปยังถนนสายหนึ่งทางชานเมือง อย่างน้อยตอนนี้เธอคงโชคดีอยู่บ้าง เพราะถนนสายนี้โล่งจนขับรถได้เร็วขึ้น ถึงแม้ว่าฝนจะตกหนักเพียงใดแต่หาใช่อุปสรรคที่เธอต้องยอมแพ้
แม้ตาและสมาธิเธอจะต้องใช้ในการขับรถแต่หัวใจดวงน้อยตอนนี้กลับโบยบินไปไกลถึงที่หมายแล้วเธออยากจะกลับถึงบ้านโดยไวอย่างใจจะขาดแต่เพียงแวบหนึ่งเธอเลือกหันมองไดอารี่เล่มนั้นของเขารอยยิ้มแห่งความสุขเกิดขึ้นบนใบหน้าเท้ารีบเหยียบคันเร่งอย่างร้อนรนเธอรู้ตัวดีว่าฝนตกขนาดนี้ไม่ควรรีบฝนที่ตกลงมามันไม่ปราณีเธอเลยสักนิดมันยิ่งตกหนักจนทัศนียภาพที่มีแต่ความมืดมิดย่ำแย่ลงแต่เธอรอไม่ได้อีกต่อไปแล้วถ้าเธอไม่รีบมันคงจะสายเกินไป
วราลีขับไปด้วยหัวใจที่จดจ่ออยู่ที่ปลายทาง จดจ่อเพื่อได้เจอเขา หากภาพเบื้องหน้าตอนนี้ มองเห็นไม่ชัดเจนเท่าใดนักจนเธอต้องเพ่งสายตาในความมืดมัวข้างหน้า หากในชั่วขณะที่เธอพยายามจ้องมอง แสงไฟจ้าสะท้อนสาดส่องเข้ามาจนหัวใจดิ่งวูบอย่างกะทันหัน วราลีได้แต่กรีดร้องอย่างเสียขวัญ เสียสติ จนรีบหักพวงมาลัยอย่างแรงเพื่อหลบเข้าทางอย่างรวดเร็ว ด้วยถนนอันเปียกลื่นเพราะสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน ด้วยความเร็วของรถที่เธอไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เกิดแรงกระแทกจนรถหมุนคว้างพลิกคว่ำเข้าข้างทางอย่างรุนแรง แม้ข้างทางจะเต็มไปด้วยต้นไม้รกชัฏ แต่ไม่ได้ช่วยผ่อนแรงกระแทกของรถ ทุกอย่างไถลไปข้างหน้าราวกับโดนมือที่มองเห็นจับโยน
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเธอไม่สามารถจะปะติดปะต่อได้ ดวงตาสลึมสะลือพยายามฝืนไม่ให้ปิดลง ของเหลวไหลเข้าตาจนมองอะไรไม่ได้เลย ร่างกายถูกบีบอัดกระแทกเหมือนภายในจะแหลกเหลว ทั่วร่างเจ็บปวดจนชาวูบชั่วขณะหนึ่งเธอเหมือนจะไร้ความรู้สึกราวกับไม่ใช่ร่างกายของเธอเองร่างทั้งร่างไร้เรี่ยวแรงที่จะขยับตัว แม้กระดิกนิ้วก็ทำได้ยากลำบาก น้ำตาไหลออกออกมาเป็นสาย เสียงที่ได้แต่ครางกระซิบอย่างเจ็บปวดไม่สามารถส่งออกลำคอได้ มีเพียงของเหลวรสสนิทที่เธอลิ้มรส และมันที่อาบไปทั่วร่างกาย เธอคิดถึงเขาเหลือเกิน
“ภาส...ภาส..ลีอยู่นี่” มีเพียงเสียงกระซิบที่เบาบางออกมาจากปากที่ขยับไม่ได้ วราลีพยายามฝืนมองไดอารี่เป็นครั้งสุดท้ายด้วยความรักที่มีให้เขาก่อนทุกอย่างจะดับวูบลง
ทำไมนะ! โชคชะตาทำไมไม่เข้าข้างคนอย่างเธอบ้าง
มันคงจบแล้วจริงๆใช่ไหม? เสียงกรีดร้องร่ำไห้ดังภายในใจต่อสู้กับความมืดมิดอันแสนเย็นเยียบที่เข้ามาครอบงำเธอทีละน้อย มัจจุราชกำลังรอเพื่อพรากลมหายใจของเธอ พรากชีวิตเธอ พรากเธอออกไปจากเขา
ขอ..ขอโอกาสอีกครั้งให้คนอย่างฉันได้ไหม
เธอ..สัญญา..สัญญาว่าเธอจะทำทุกอย่างมันต้องดีขึ้น
คำอธิษฐานไม่มีวันเป็นจริง ภาพเลือนลางทุกอย่างตรงหน้าดับวูบลง ดวงวิญญาณที่ปวดร้าวของเธอต้องติดอยู่ในโลกแห่งความฝันและความมืดมิดตลอดกาล
.
.
.
บ้านสีขาวรูปทรงทันสมัยที่ดูหรูหราในหมู่บ้านจัดสรรแถบชานเมืองแห่งนี้ มันดูใหญ่โตเกินไปกับการที่จะต้องอยู่คนเดียวในความคิดของชายหนุ่ม สายตาคมกวาดตามองทุกอย่างที่ดูเงียบสงัด ดูเหงาอ้างว้างเดียวดาย เขาเพียงแค่มาเก็บของเตรียมย้ายออกเพื่อก้าวเดินต่อไปในชีวิต เพื่อต้องเริ่มต้นใหม่
ขณะที่นั่งลงบนโซฟาหนังหรูตัวนี้ที่เขาเคยไปเลือกซื้อกับเธอ ความคิดแรกที่ผ่านมาในสมองคือความเสียใจที่บ้านหลังนี้คงจะร้างผู้คนในไม่ช้า มันจะปราศจากความสุขที่เคยโอบล้อม และต่อไปมันคงเป็นสถานที่ ที่เป็นบ้านของใครคนอื่นซึ่งไม่ใช่เขา เขาไม่สามารถที่จะอาศัยอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป ความทรงจำระหว่างเขาและเธอในบ้านหลังนี้มันเยอะเกินไป ทั่วมุมห้องมีแต่กลิ่นอายของเธออย่างชัดเจน มันทำให้เขาเจ็บปวดจวนเจียนระเบิดเขาเคยคาดหวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้เคยทำให้เธอ เธอจะเปิดใจ เปิดเผยตัวตนของเธอออกมาบ้าง แต่มันก็ไม่เป็นอย่างที่เขาคิดไว้เลยสักนิด
ดวงไฟเปิดสลัวไว้เพียงบางส่วน จนมองเห็นรอบๆข้าง การตกแต่งบ้านหลังนี้ที่บอกถึงรสนิยมอันเรียบง่ายของเธอ มีเพียงสีขาว ดำ และสีของไม้น้ำตาลอ่อนตัดกันด้วยลูกเล่นที่ดูลงตัว เธอไม่ชอบอะไรที่เยอะแยะ ในเมื่อก่อนเขาเคยคิดว่าชอบบ้านหลังนี้ ที่ทั้งเขาและเธอเห็นตรงว่าควรเป็นบ้านในการสร้างครอบครัว ทุกอย่างมันดูเป็นระเบียบ ตู้และชั้นต่างๆถูกซ่อนไว้ในการออกแบบที่เรียบง่าย ดูเป็นตัวของเธอดี แต่ตอนนี้เมื่อมองก็พบแต่ความแข็งกระด้าง ไร้ชีวิตชีวา เย็นชา ซ่อนทุกสิ่งไว้ให้พ้นสายตา และคงไร้หัวใจ
ความเงียบที่โอบล้อมเขาในขณะนี้ย้ำเตือนว่าเธอคงไม่ได้อยู่กับเขาอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้เราจะไม่หย่ากันอย่างเป็นทางการ แต่เมื่อก่อนตอนความรักยังสวยงาม เธอก็แทบไม่ค่อยอยู่ที่นี่สักเท่าไหร่ ทั้งงานที่เธอบอกว่ายุ่ง ทั้งต้องการอยู่กับตัวเอง เธอเลือกเอาแต่เดินหนีปัญหาทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้า ทำไมต้องเดินหนีเขาทุกครั้งกันนะ
รอยยิ้มบนหน้าใบนั้นที่เขาเคยมองว่าอ่อนโยน หากตอนนี้ถึงได้รู้ว่าเธอซ่อนความรู้สึกมากมายภายใต้ยิ้มอ่อนหวาน ทุกสิ่งสำหรับเธอ ยังไงการเลือกที่จะปิดบังมัน เลือกที่จะโกหกเป็นสิ่งที่เธอทำจนเคยชิน แม้กระทั่งการยิ้ม แววตา ท่าทางทุกอย่าง เขาเพิ่งรู้ว่ามันแสแสร้งราวกับคนแปลกหน้า ยิ่งเขาใกล้ชิดเขาก็รู้สึกเหมือนไม่เคยรู้จักตัวตนของเธอ เมื่อตอนเขาอ่อนแอต้องการเธอ กลับคว้าได้แต่ความว่างเปล่าเท่านั้น จนเป็นเขาเองที่ทนไม่ไหวต้องยอมแพ้ถอยออกมา
นี่มันคงเป็นโชคชะตาที่เจ็บปวดของเขาหรือไงนะ ไม่ว่าใครก็ไม่ได้ต้องการเขาเลย
ในวันนี้เป็นวันที่จะต้องหย่าขาดจากเธอ หัวใจเขาแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ เขาไม่อยากมาถึงจุดนี้เลย แต่เมื่อหลายๆครั้งที่เขาเคยถามเธอ เธอเลือกที่จะพูดมันมันออกมาราวกับตัดความรู้สึกได้ง่ายดาย เธอเลือกที่จะทำมัน แต่หากสุดท้ายเธอก็วิ่งหนีเขาอีกครั้ง ถ้าวันนี้เพียงแค่เธอกอดเขา ปฏิเสธมันออกมาเขาก็คงจะยอมพังทลายทุกอย่าง พังทลายกำแพงนั่นเพื่อได้ใช้ชีวิตกับเธออีกครั้ง
แต่สิ่งที่ทำได้ในวันนี้ คือ เขาได้แต่มองดวงหน้าที่เศร้าหมองของเธอมอง ดวงตาอันบอบช้ำและแห้งผากทุกอย่างบนใบหน้าดูทุกข์ระทมอย่างแสนสาหัก หากเธอกลับเลือกที่ไม่เอยที่สิ่งออกมา เขายังอยากจะกอดเธอไว้อีกครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่ได้
เพราะ..ตอนนี้เขาเหนื่อยแล้ว เขาคงเหนื่อยจริงๆ เหนื่อยในการวิ่งตามเธอตามคาดเดาความรู้สึกของเธอ เขาได้แต่บอกกลับตัวเองว่า เขาคงพอแล้วจริงๆ
สุดท้ายให้โชคชะตามันกำหนดเองจะดีกว่า
ดวงตาคู่คมที่หลับอยู่ลืมตาเพื่อเหม่อมองสายฝนในยามค่ำคืน ร่างสูงเหยียดร่างกายพิงโซฟานุ่มอย่างเหนื่อยล้า ฝนที่กระหน่ำลงมาคงทำให้เขาต้องติดอยู่ที่นี่ คงย้ายของและขับรถอย่างยากลำบาก เขาขอเลือกที่อยู่บ้านหลังนี้เพื่อซับซึมความรู้สึกอ่อนหวานไว้เป็นครั้งสุดท้าย หากเสียงฟ้าร้องน่ากลัวข้างนอกทำให้คิดถึงใครอีกคนที่ปานนี้ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง หรือทำอะไรอยู่ ปานนี้เธอคงนอน...ไม่ก็ร้องไห้อยู่อย่างแน่นอน หรือเธอจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้วนะ
มือหนาพยายามนวดคลึงที่เปลือกตาที่หน่วง เพื่อเขาจะได้เลิกคิดฟุ้งซ่านเสียที หากเสียงโทรศัพท์และเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยปรากฏและดังขึ้น มือหนาเอื้อมเพื่อรับสายอย่างเหนื่อยล้า
นี่มันก็เป็นเวลานานพอสมควรแล้วที่เธอต้องติดอยู่บนถนนสายนี้ ฝนที่ตกลงมาทำให้ตามจราจรติดขัดแล้วบ้านของเธอก็อยู่ไกลบริเวณแถบชานเมือง ถ้าผ่านจราจรจุดนี้ไปได้ อย่างน้อยถ้าเธอรีบเร่งกลับไปเพื่อไปหาเขาน่าจะยังทันเวลา เธออยากกลับไปบ้านหลังนั้น เพราะเธอรู้ดีว่าเขาต้องอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน นิ้วเรียวพยายามเคาะกับพวงมาลัยรถเพื่อฆ่าเวลาอย่างร้อนใจ รถที่ติดขนาดนี้ขยับเขยื้อนแทบไม่ได้เลย มันยิ่งทำให้ทุกเสี้ยววินาทีเชื่องช้าออกไป ใจของเธอได้แต่ร้อนรน คงมีแต่คำภาวนาเท่านั้นที่ช่วยเธอได้ในตอนนี้
สุดท้ายหลังจากที่ติดแหง็กบริเวณนี้มานานคำภาวนา ของเธอก็เป็นจริงเมื่อรถได้ขับเคลื่อนผ่านจุดที่ติดขัดมากที่สุด แม้เธอต้องใช้เวลาร่วมชั่วโมงกว่าเกือบสองชั่วโมง วราลีรีบเหยียบคันเร่งขับไปยังถนนสายหนึ่งทางชานเมือง อย่างน้อยตอนนี้เธอคงโชคดีอยู่บ้าง เพราะถนนสายนี้โล่งจนขับรถได้เร็วขึ้น ถึงแม้ว่าฝนจะตกหนักเพียงใดแต่หาใช่อุปสรรคที่เธอต้องยอมแพ้
แม้ตาและสมาธิเธอจะต้องใช้ในการขับรถแต่หัวใจดวงน้อยตอนนี้กลับโบยบินไปไกลถึงที่หมายแล้วเธออยากจะกลับถึงบ้านโดยไวอย่างใจจะขาดแต่เพียงแวบหนึ่งเธอเลือกหันมองไดอารี่เล่มนั้นของเขารอยยิ้มแห่งความสุขเกิดขึ้นบนใบหน้าเท้ารีบเหยียบคันเร่งอย่างร้อนรนเธอรู้ตัวดีว่าฝนตกขนาดนี้ไม่ควรรีบฝนที่ตกลงมามันไม่ปราณีเธอเลยสักนิดมันยิ่งตกหนักจนทัศนียภาพที่มีแต่ความมืดมิดย่ำแย่ลงแต่เธอรอไม่ได้อีกต่อไปแล้วถ้าเธอไม่รีบมันคงจะสายเกินไป
วราลีขับไปด้วยหัวใจที่จดจ่ออยู่ที่ปลายทาง จดจ่อเพื่อได้เจอเขา หากภาพเบื้องหน้าตอนนี้ มองเห็นไม่ชัดเจนเท่าใดนักจนเธอต้องเพ่งสายตาในความมืดมัวข้างหน้า หากในชั่วขณะที่เธอพยายามจ้องมอง แสงไฟจ้าสะท้อนสาดส่องเข้ามาจนหัวใจดิ่งวูบอย่างกะทันหัน วราลีได้แต่กรีดร้องอย่างเสียขวัญ เสียสติ จนรีบหักพวงมาลัยอย่างแรงเพื่อหลบเข้าทางอย่างรวดเร็ว ด้วยถนนอันเปียกลื่นเพราะสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน ด้วยความเร็วของรถที่เธอไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เกิดแรงกระแทกจนรถหมุนคว้างพลิกคว่ำเข้าข้างทางอย่างรุนแรง แม้ข้างทางจะเต็มไปด้วยต้นไม้รกชัฏ แต่ไม่ได้ช่วยผ่อนแรงกระแทกของรถ ทุกอย่างไถลไปข้างหน้าราวกับโดนมือที่มองเห็นจับโยน
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเธอไม่สามารถจะปะติดปะต่อได้ ดวงตาสลึมสะลือพยายามฝืนไม่ให้ปิดลง ของเหลวไหลเข้าตาจนมองอะไรไม่ได้เลย ร่างกายถูกบีบอัดกระแทกเหมือนภายในจะแหลกเหลว ทั่วร่างเจ็บปวดจนชาวูบชั่วขณะหนึ่งเธอเหมือนจะไร้ความรู้สึกราวกับไม่ใช่ร่างกายของเธอเองร่างทั้งร่างไร้เรี่ยวแรงที่จะขยับตัว แม้กระดิกนิ้วก็ทำได้ยากลำบาก น้ำตาไหลออกออกมาเป็นสาย เสียงที่ได้แต่ครางกระซิบอย่างเจ็บปวดไม่สามารถส่งออกลำคอได้ มีเพียงของเหลวรสสนิทที่เธอลิ้มรส และมันที่อาบไปทั่วร่างกาย เธอคิดถึงเขาเหลือเกิน
“ภาส...ภาส..ลีอยู่นี่” มีเพียงเสียงกระซิบที่เบาบางออกมาจากปากที่ขยับไม่ได้ วราลีพยายามฝืนมองไดอารี่เป็นครั้งสุดท้ายด้วยความรักที่มีให้เขาก่อนทุกอย่างจะดับวูบลง
ทำไมนะ! โชคชะตาทำไมไม่เข้าข้างคนอย่างเธอบ้าง
มันคงจบแล้วจริงๆใช่ไหม? เสียงกรีดร้องร่ำไห้ดังภายในใจต่อสู้กับความมืดมิดอันแสนเย็นเยียบที่เข้ามาครอบงำเธอทีละน้อย มัจจุราชกำลังรอเพื่อพรากลมหายใจของเธอ พรากชีวิตเธอ พรากเธอออกไปจากเขา
ขอ..ขอโอกาสอีกครั้งให้คนอย่างฉันได้ไหม
เธอ..สัญญา..สัญญาว่าเธอจะทำทุกอย่างมันต้องดีขึ้น
คำอธิษฐานไม่มีวันเป็นจริง ภาพเลือนลางทุกอย่างตรงหน้าดับวูบลง ดวงวิญญาณที่ปวดร้าวของเธอต้องติดอยู่ในโลกแห่งความฝันและความมืดมิดตลอดกาล
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ