สลักใจจอมทัพ
-
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 19.52 น.
23 บท
0 วิจารณ์
19.76K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2562 11.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
21) บทที่ 5-3
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเขาทำสีหน้าลำบากใจ อ้าปากค้าง พูดตะกุกตะกัก “ไม่ ไม่เอาได้ไหม?”
พอคำพูดหลุดออกจากปากบรรยากาศก็ตึงเครียดทันที เข้าใจผิดทันควันคิดว่าคนชุดดำเหล่านั้นกำลังจ้องเขาอยู่ ปัญหาก็อยู่ตรงที่อ่านสีหน้าพี่หกไม่ออกยิ่งทำเอาเขาตกใจกลัว
ทันใดนั้น เขายังไม่ทันได้ตอบสนองก็เห็นเซ่าเหยียนใช้ความเร็วที่เร็วมากปรี่เดินมาหาตัวเอง แม้แต่โอกาสร้องช่วยด้วยก็ไม่มีถูกคว้าคอเสื้อแล้วเหวี่ยงขึ้นกลางอากาศอย่างไร้ความปราณี ได้แต่เห็นตัวเองลอยอยู่กลางอากาศ สายตาที่มองเห็นกว้างไกลทำเอาเขาสีหน้าย่ำแย่ พอก้มหน้าลงก็เห็นพี่หกเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาคมกริบ ขยับขา ทันใดคนก็มาอยู่ตรงหน้าเขา เซ่าชิงที่แต่งหน้าแล้วแทบจะใช้คำว่าเสียขวัญมาอธิบายสีหน้าของเขาในตอนนี้ได้เลย
“ไม่ เดี๋ยว...พี่หก...” ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเขาใช้พลังฝ่ามือกระแทกตรงอก จากนั้นก็ร่วงลงตรงพุ่มไม้ตระกูลตันอย่างแรงสีหน้าเกือบตาย
“โอ๊ย!” ทั่วทั้งร่างของเซ่าซิงรวดร้าว เขาคลานออกจากพุ่มไม้ ทั้งๆ ที่ภายนอกเป็นหญิงสาวงดงาม ทว่าตอนนี้กลับเหมือนนางผีที่มีความแค้นฝังใจเช่นนั้น โดยเฉพาะเครื่องประดับบนหัวที่ถูกถอดออกแล้วเส้นผมยุ่งเหยิงพาดอยู่บนไหล่ทั้งยังมีใบไม้หลายใบติดอยู่ บอกได้ว่าภาพนี้น่าสงสารเหลือขนาด
เขาเป็นถึงองค์ชายสิบสองที่สูงส่ง กลับถูกคนโยนไปผลักมาเหมือนอย่างขยะไม่มีแม้แต่ความเคารพ แต่เขายังไม่ทันได้แสดงความคิดเห็นอะไร เซ่าเหยียนที่ใช้พลังฝ่ามือตีเขาเหมือนลูกบอลก็ลงมาอยู่ข้างเขาอย่างสงบนิ่ง จากนั้นก็คว้าหลังคอเสื้อแล้วลากเขาไป
เขาไม่กล้าดิ้น ได้แต่ปล่อยให้เขาเหยียบย่ำจนแทบจะร้องไห้ อีกฝ่ายเป็นพี่หกของเขา เช่นนั้นเกียรติของตัวเองจะถือว่าเป็นอะไรได้อีก
เห็นกองกำลังลับที่อยู่นอกกำแพงต่างทยอยข้ามกำแพงเข้ามา เขาหดคอถามลองเชิงว่า “พี่หก ที่นี่เป็นบ้านของประชาชน ที่พี่ปรากฏตัวที่นี่คงจะไม่ใช่ว่ากำลัง ‘ทำงาน’ อยู่ใช่ไหม?”
“อืม” ได้ยินเสียงตอบเรียบเฉย ในใจของเขาร้องโอดครวญขึ้นมาทันที สุดท้ายก็ได้แต่ยอมรับว่าตัวเองโชคร้ายที่มาหาเขากลับกลายเป็นหนึ่งในสมาชิก ‘ทำงาน’ ของเขาอย่างไม่มีสาเหตุ “เช่นนั้น...พี่หกจะให้ข้าทำอะไร?”
“พอถึงเวลายามสาม ให้เจ้าพาตันกุ้ยมาที่ลานใหญ่”
“แค่นั้นหรือ?” เขามองอย่างไม่น่าเชื่อ ตั้งแต่ที่เขาเดินได้กระโดดได้และมีความทรงจำ ทุกคนล้วนบอกว่าเรื่องที่พี่หกสั่งนั้นยากเย็นยิ่งนัก แต่นึกไม่ถึงว่าเรื่องที่สั่งมาครั้งนี้จะง่ายดายเช่นนี้
“ถ้าเจ้าฆ่าเขาได้ก็ยิ่งดี”
เป็นไปได้อย่างไร! ฆ่าคนอย่างไร้เหตุผลมีแต่พี่หกเท่านั้นแหละที่ทำได้!
เห็นเขาสั่งงานเสร็จก็กระโดดไปตามชายคา กองกำลังลับก็กระจายกลุ่มเคลื่อนตัวเข้าไปในบ้านอย่างลับๆ และบนมือ...ล้วนเผยอาวุธออกมา เซ่าชิงมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้กลัวฉากการฆ่าฟัน เพียงแต่การใช้คนจำนวนมากสังหารหมู่ก็ย่อมไม่อยากเห็น
เซ่าชิงรีบเอาใบไม้บนหัวออก เดินไปที่ห้องของตันกุ้ยอย่างเป็นกังวล ตอนนี้ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะพาตันกุ้ยไปยังที่พี่หกบอกได้โดยไม่เสียตัวก่อนยามสาม แม้ว่าเรื่องที่เขาสั่งเอาไว้จะง่ายดาย แต่จะให้ชายคนที่ในหัวมีแต่เรื่องพรรณนั้นอยู่เป็นเพื่อนถึงยามสามอย่างเชื่อฟังก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
ปัดโธ่ ตกลงเร็วเกินไป เขากัดนิ้วอย่างแค้นเคืองจึงไม่สังเกตเห็นว่าไม่ไกลนักมีชายคนหนึ่งกำลังมองมาที่เขา
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงที่พลันดังขึ้น ทำเขาตกใจกัดเล็บแหว่งไปมุมหนึ่ง เขาตบอกกดความตกใจเอาไว้ มองไปเห็นตันฮั่นกำลังเดินเข้ามา
ตันฮั่นมองแม่นางที่ตันกุ้ยพากลับมา “เจ้าจะไปไหน ยามนี้ไม่พักผ่อน จะทำอะไร?”
ได้ยินน้ำเสียงเชิงสอบปากคำของเขา จึงทำให้เขาไม่ตอบอย่างระวังไม่ได้ เขาเผยรอยยิ้มแบบคนงามกล่าว “ไม่มีอะไร เพียงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ทำเอาข้านอนไม่หลับ เลยออกมาเดินเล่นคิดไม่ถึงว่าจะสะดุดกระโปรงตัวเองหกล้ม” เขาแกล้งพูดอย่างเขินอาย
ได้ยินเช่นนี้ ตันฮั่นก็หรี่ตาลงมองนาง ในใจเกิดความรู้สึกที่ไม่สงบกับแม่นางคนนี้ขึ้นมา ถึงแม้ว่าเขาเคยได้ยินตันกุ้ยพูดถึงที่มาของแม่นางคนนี้พอประมาณ แต่เวลานี้เป็นช่วงเวลาละเอียดอ่อน พอมีคนไม่รู้จักเข้าใกล้ก็ทำเอาเขาสงสัยขึ้นมา
เขาเอียงศีรษะขมวดคิ้ว เพิ่งคิดจะอ้าปากถามอีกก็เห็นตันกุ้ยวิ่งมาอย่างร้อนรน พอเห็นนางก็กอดนางเอาไว้ในอ้อมกอด “เจ้าไปไหน คิดว่าเจ้าจะออกจากบ้านไปเสียแล้ว”
“ข้าก็แค่เดินเล่นคลายเครียด” เขาถูกกอดจนหายใจไม่ออก จึงผลักเขาออกอย่างเกรงใจ
เห็นท่า ตันฮั่นก็หมดอารมณ์ถามต่อ ตอนนี้เขามีเรื่องที่สำคัญกว่าที่ต้องทำ ไปหาโหรวอี ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่อีก เพียงแต่ก่อนจะจากไปยังคงมองนางอยู่หลายครั้ง
เห็นตันฮั่นจากไป เซ่าชิงจึงผ่อนคลายลง แล้วมองใบหน้าที่พูดไม่หยุดของตันกุ้ยอย่างรังเกียจ
“คุณชายสาม จีสิบสองไม่ทันระวังสะดุดล้มกระโปรงตัวเอง เจ็บทั่วกายเหลือเกิน” เพื่อไม่ให้เขาพูดพล่ามไม่หยุด จึงได้แต่แกล้งเล่นตัวยื่นมือปิดปากของเขา ท่าทางทรงเสน่ห์แตะเขาเหมือนตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้าง สุดท้ายก็หุบปากของเขาได้ เพียงแต่ใบหน้าที่หื่มกามเช่นนั้นก็ทำเอาเขาหน้าบูดทันที ดูเหมือนว่าเขายังต้องทรมานอีกนาน!
…
ผ่านเหตุการณ์ตกเรือที่ชวนสะเทือนขวัญนี้ไปได้ ทำเอาตันโหรวอีเหนื่อยล้าเหลือเกิน คิดจะรีบดับไฟพักผ่อน แต่กำลังจะเอนกายนอนลงบนเตียงก็ได้ยินเสียงเคาะประตูต่อเนื่อง นางขมวดคิ้วคิดจะตะโกนตอกกลับเสียงดัง แต่พออ้าปากก็ได้ยินเสียงของตันฮั่นลอยมาจากนอกประตู
“โหรวอี หลับหรือยัง”
นางมองไปที่ประตู ในใจคิดว่าดึกขนาดนี้แล้วพี่ใหญ่มาหานางมีเรื่องอะไร นางจึงพูดอย่างเหนื่อยล้าว่า “พี่ใหญ่ มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยคุยกันเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว” พูดจบ นางยังจงใจแสร้งทำเสียงหาวให้เขาได้ยิน ในใจคิดว่าเขาคงจะกลับไป ทว่าเขายังยืนอยู่นอกประตูไม่จากไป “โหรวอี ข้ารู้ว่าคืนนี้เจ้าตกใจมาก แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็อยากถามเจ้าเรื่องหนึ่ง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ในใจกลับร้อนรนมาก
สุดท้ายก็ต้องเปิดประตูให้เขาเข้ามาอย่างเสียมิได้ แล้วนั่งลงตรงขอบเตียงอย่างหมดอารมณ์ “ทำไมหรือ?”
“เจ้าไม่เห็นตอนที่เสวี่ยหรั่นร่วงลงทะเลสาบ แล้วก็ไม่เห็นนางโผล่ขึ้นจากผิวน้ำจริงหรือ?” พอเข้ามาก็ถามขึ้นทันที แววตาเต็มไปด้วยความกังวล
พอได้ยินว่าถามถึงสาวใช้คนนั้น สีหน้านางก็ยิ่งแย่ลงอีกครั้ง “พี่ใหญ่ยังจะตามนางอีกนานแค่ไหน นางเป็นเพียงสาวใช้ไม่ใช่ลูกสาวตระกูลร่ำรวย พี่เป็นห่วงนางแค่ไหนก็ไม่มีทางแต่งงานกับนางได้”
เขาโมโหท่าทางที่ดูถูกชีวิตคนอื่นของนาง ตะโกนออกมาอย่างเหลืออดว่า “นั่นไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าแค่บอกข้ามาว่าสุดท้ายเจ้าเห็นเหตุการณ์ที่เสวี่ยหรั่นร่วงลงทะเลสาบหรือไม่”
พอถูกตำหนิอย่างไร้เหตุผล นางก็โมโหตาม “พี่ไม่เป็นห่วงข้าก็ช่างประไร แต่ถึงกับตะโกนใส่ข้าเพราะคนนอกคนหนึ่ง ตกลงพี่กินยาหลงเสน่ห์ประเภทใดถึงได้หลงใหลนางเช่นนี้ วันก่อนพี่ใหญ่ยังเครียดเรื่องของตระกูลฮวง แต่วันนี้เพียงเพราะเสวี่ยหรั่นนั่นร่วงลงทะเลสาบหาตัวไม่เจอก็ร้อนรนเช่นนี้ พี่ใหญ่ท่านเปลี่ยนไปเร็วเกินไปไหม” นางจ้องเขาอย่างโกรธเคือง
ได้ยินดังนั้น ตันฮั่นก็รู้ตัวว่าตัวเองตอบโต้รุนแรงเกินไป ท่าทีอ่อนลง “เป็นพี่ใหญ่ที่ใจร้อนเกินไปถึงใช้น้ำเสียงไม่ดี แต่ข้าเป็นห่วงจริงๆ ว่านางจะ...”
เรื่องของแคว้นเหลียวหยางทำเอาเขาปวดหัวมากแล้ว เวลานี้ยังเกิดเหตุการณ์ท้องเรือระเบิดเช่นนี้อีก ไม่รู้ว่ามีคนจงใจลอบปิดปากเขาโดยไม่สนใจชีวิตอื่นบนเรือหรือไม่ หากเดือดร้อนถึงเสวี่ยหรั่นละก็เขาต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่นอน
เห็นเขาเพื่อจะได้รู้ข่าวของเสวี่ยหรั่นแล้วยอมลดเสียงลง นางยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก “ข้ารู้ว่าพี่ใหญ่ชอบนางมาโดยตลอด แต่นางมีอะไร เป็นแค่สาวใช้ยังหน้าไม่อายเข้าใกล้พี่ อีกอย่างต่อให้จมน้ำจริงๆ ตอนนี้ช่วยขึ้นมาก็เหลือแค่ศพเน่าอืดเท่านั้น”
“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าพูดเช่นนี้!” เขากำหมัดแน่นตะโกนอย่างเดือดพล่าน
ตันโหรวอีตกใจเสียงตะโกนของเขา ดวงตามีน้ำตาซึมออกมา
ตันฮั่นรู้ว่าตั้งแต่ที่เสวี่ยหรั่นเข้ามาในบ้านตระกูลตัน โหรวอีที่ยังเด็กก็ไม่ชอบนาง แต่นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้นางเกลียดเสวี่ยหรั่น เขามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของโหรวอีแล้วส่ายหน้าถอนหายใจไม่รู้จะกล่าวอะไร
ทันใดนั้น ไฟเทียนในห้องก็ดับลงตกอยู่ในความมืด เขาและโหรวอีต่างตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น?” นางมองรอบๆ ในใจรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
“ไม่มีอะไรเจ้าอย่าเพิ่งขยับ ข้าจะไปจุดไฟ” เขาทำตัวสงบนิ่งคลำความมืดเดินไปที่ตู้ หาไม้ขีดมาจุดเทียน
ทันทีที่เทียนจุดขึ้นตันโหรวอีก็ตะโกนออกมา ตันฮั่นก็ใจกระตุกเช่นกัน มองชายคนที่จู่ๆ ก็ปรากฏอย่างเงียบๆ เขาทั้งสองคนล้วนตกใจกลัวไม่น้อย
“เจ้าเป็นใคร?” ตันฮั่นปกป้องโหรวอีเอาไว้ข้างหลัง
เซ่าเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาเย็นเยียบเหลือบมองพวกเขาไม่ตอบอะไร
เห็นเขาไม่พูดตันฮั่นก็มีสีหน้าตึงเครียดเหงื่อกาฬไหลเต็มหน้าผาก การปรากฏของชายคนนี้อย่างไม่มีลางบอกเหตุใดๆ ไม่เหมือนกับโจรปล้นทรัพย์หรือตะโกนเพื่อข่มขวัญ แต่กลับอยู่ร่วมกับพวกเขาอยู่ในห้องเดียวกันอย่างผิดปกติทั้งไม่มีความเกรงกลัวใดๆ เขาอดสงสัยอย่างมีเหตุผลไม่ได้ว่าคนผู้นี้อาจจะเป็น...นักฆ่า
พอคำพูดหลุดออกจากปากบรรยากาศก็ตึงเครียดทันที เข้าใจผิดทันควันคิดว่าคนชุดดำเหล่านั้นกำลังจ้องเขาอยู่ ปัญหาก็อยู่ตรงที่อ่านสีหน้าพี่หกไม่ออกยิ่งทำเอาเขาตกใจกลัว
ทันใดนั้น เขายังไม่ทันได้ตอบสนองก็เห็นเซ่าเหยียนใช้ความเร็วที่เร็วมากปรี่เดินมาหาตัวเอง แม้แต่โอกาสร้องช่วยด้วยก็ไม่มีถูกคว้าคอเสื้อแล้วเหวี่ยงขึ้นกลางอากาศอย่างไร้ความปราณี ได้แต่เห็นตัวเองลอยอยู่กลางอากาศ สายตาที่มองเห็นกว้างไกลทำเอาเขาสีหน้าย่ำแย่ พอก้มหน้าลงก็เห็นพี่หกเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาคมกริบ ขยับขา ทันใดคนก็มาอยู่ตรงหน้าเขา เซ่าชิงที่แต่งหน้าแล้วแทบจะใช้คำว่าเสียขวัญมาอธิบายสีหน้าของเขาในตอนนี้ได้เลย
“ไม่ เดี๋ยว...พี่หก...” ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเขาใช้พลังฝ่ามือกระแทกตรงอก จากนั้นก็ร่วงลงตรงพุ่มไม้ตระกูลตันอย่างแรงสีหน้าเกือบตาย
“โอ๊ย!” ทั่วทั้งร่างของเซ่าซิงรวดร้าว เขาคลานออกจากพุ่มไม้ ทั้งๆ ที่ภายนอกเป็นหญิงสาวงดงาม ทว่าตอนนี้กลับเหมือนนางผีที่มีความแค้นฝังใจเช่นนั้น โดยเฉพาะเครื่องประดับบนหัวที่ถูกถอดออกแล้วเส้นผมยุ่งเหยิงพาดอยู่บนไหล่ทั้งยังมีใบไม้หลายใบติดอยู่ บอกได้ว่าภาพนี้น่าสงสารเหลือขนาด
เขาเป็นถึงองค์ชายสิบสองที่สูงส่ง กลับถูกคนโยนไปผลักมาเหมือนอย่างขยะไม่มีแม้แต่ความเคารพ แต่เขายังไม่ทันได้แสดงความคิดเห็นอะไร เซ่าเหยียนที่ใช้พลังฝ่ามือตีเขาเหมือนลูกบอลก็ลงมาอยู่ข้างเขาอย่างสงบนิ่ง จากนั้นก็คว้าหลังคอเสื้อแล้วลากเขาไป
เขาไม่กล้าดิ้น ได้แต่ปล่อยให้เขาเหยียบย่ำจนแทบจะร้องไห้ อีกฝ่ายเป็นพี่หกของเขา เช่นนั้นเกียรติของตัวเองจะถือว่าเป็นอะไรได้อีก
เห็นกองกำลังลับที่อยู่นอกกำแพงต่างทยอยข้ามกำแพงเข้ามา เขาหดคอถามลองเชิงว่า “พี่หก ที่นี่เป็นบ้านของประชาชน ที่พี่ปรากฏตัวที่นี่คงจะไม่ใช่ว่ากำลัง ‘ทำงาน’ อยู่ใช่ไหม?”
“อืม” ได้ยินเสียงตอบเรียบเฉย ในใจของเขาร้องโอดครวญขึ้นมาทันที สุดท้ายก็ได้แต่ยอมรับว่าตัวเองโชคร้ายที่มาหาเขากลับกลายเป็นหนึ่งในสมาชิก ‘ทำงาน’ ของเขาอย่างไม่มีสาเหตุ “เช่นนั้น...พี่หกจะให้ข้าทำอะไร?”
“พอถึงเวลายามสาม ให้เจ้าพาตันกุ้ยมาที่ลานใหญ่”
“แค่นั้นหรือ?” เขามองอย่างไม่น่าเชื่อ ตั้งแต่ที่เขาเดินได้กระโดดได้และมีความทรงจำ ทุกคนล้วนบอกว่าเรื่องที่พี่หกสั่งนั้นยากเย็นยิ่งนัก แต่นึกไม่ถึงว่าเรื่องที่สั่งมาครั้งนี้จะง่ายดายเช่นนี้
“ถ้าเจ้าฆ่าเขาได้ก็ยิ่งดี”
เป็นไปได้อย่างไร! ฆ่าคนอย่างไร้เหตุผลมีแต่พี่หกเท่านั้นแหละที่ทำได้!
เห็นเขาสั่งงานเสร็จก็กระโดดไปตามชายคา กองกำลังลับก็กระจายกลุ่มเคลื่อนตัวเข้าไปในบ้านอย่างลับๆ และบนมือ...ล้วนเผยอาวุธออกมา เซ่าชิงมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้กลัวฉากการฆ่าฟัน เพียงแต่การใช้คนจำนวนมากสังหารหมู่ก็ย่อมไม่อยากเห็น
เซ่าชิงรีบเอาใบไม้บนหัวออก เดินไปที่ห้องของตันกุ้ยอย่างเป็นกังวล ตอนนี้ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะพาตันกุ้ยไปยังที่พี่หกบอกได้โดยไม่เสียตัวก่อนยามสาม แม้ว่าเรื่องที่เขาสั่งเอาไว้จะง่ายดาย แต่จะให้ชายคนที่ในหัวมีแต่เรื่องพรรณนั้นอยู่เป็นเพื่อนถึงยามสามอย่างเชื่อฟังก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
ปัดโธ่ ตกลงเร็วเกินไป เขากัดนิ้วอย่างแค้นเคืองจึงไม่สังเกตเห็นว่าไม่ไกลนักมีชายคนหนึ่งกำลังมองมาที่เขา
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงที่พลันดังขึ้น ทำเขาตกใจกัดเล็บแหว่งไปมุมหนึ่ง เขาตบอกกดความตกใจเอาไว้ มองไปเห็นตันฮั่นกำลังเดินเข้ามา
ตันฮั่นมองแม่นางที่ตันกุ้ยพากลับมา “เจ้าจะไปไหน ยามนี้ไม่พักผ่อน จะทำอะไร?”
ได้ยินน้ำเสียงเชิงสอบปากคำของเขา จึงทำให้เขาไม่ตอบอย่างระวังไม่ได้ เขาเผยรอยยิ้มแบบคนงามกล่าว “ไม่มีอะไร เพียงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ทำเอาข้านอนไม่หลับ เลยออกมาเดินเล่นคิดไม่ถึงว่าจะสะดุดกระโปรงตัวเองหกล้ม” เขาแกล้งพูดอย่างเขินอาย
ได้ยินเช่นนี้ ตันฮั่นก็หรี่ตาลงมองนาง ในใจเกิดความรู้สึกที่ไม่สงบกับแม่นางคนนี้ขึ้นมา ถึงแม้ว่าเขาเคยได้ยินตันกุ้ยพูดถึงที่มาของแม่นางคนนี้พอประมาณ แต่เวลานี้เป็นช่วงเวลาละเอียดอ่อน พอมีคนไม่รู้จักเข้าใกล้ก็ทำเอาเขาสงสัยขึ้นมา
เขาเอียงศีรษะขมวดคิ้ว เพิ่งคิดจะอ้าปากถามอีกก็เห็นตันกุ้ยวิ่งมาอย่างร้อนรน พอเห็นนางก็กอดนางเอาไว้ในอ้อมกอด “เจ้าไปไหน คิดว่าเจ้าจะออกจากบ้านไปเสียแล้ว”
“ข้าก็แค่เดินเล่นคลายเครียด” เขาถูกกอดจนหายใจไม่ออก จึงผลักเขาออกอย่างเกรงใจ
เห็นท่า ตันฮั่นก็หมดอารมณ์ถามต่อ ตอนนี้เขามีเรื่องที่สำคัญกว่าที่ต้องทำ ไปหาโหรวอี ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่อีก เพียงแต่ก่อนจะจากไปยังคงมองนางอยู่หลายครั้ง
เห็นตันฮั่นจากไป เซ่าชิงจึงผ่อนคลายลง แล้วมองใบหน้าที่พูดไม่หยุดของตันกุ้ยอย่างรังเกียจ
“คุณชายสาม จีสิบสองไม่ทันระวังสะดุดล้มกระโปรงตัวเอง เจ็บทั่วกายเหลือเกิน” เพื่อไม่ให้เขาพูดพล่ามไม่หยุด จึงได้แต่แกล้งเล่นตัวยื่นมือปิดปากของเขา ท่าทางทรงเสน่ห์แตะเขาเหมือนตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้าง สุดท้ายก็หุบปากของเขาได้ เพียงแต่ใบหน้าที่หื่มกามเช่นนั้นก็ทำเอาเขาหน้าบูดทันที ดูเหมือนว่าเขายังต้องทรมานอีกนาน!
…
ผ่านเหตุการณ์ตกเรือที่ชวนสะเทือนขวัญนี้ไปได้ ทำเอาตันโหรวอีเหนื่อยล้าเหลือเกิน คิดจะรีบดับไฟพักผ่อน แต่กำลังจะเอนกายนอนลงบนเตียงก็ได้ยินเสียงเคาะประตูต่อเนื่อง นางขมวดคิ้วคิดจะตะโกนตอกกลับเสียงดัง แต่พออ้าปากก็ได้ยินเสียงของตันฮั่นลอยมาจากนอกประตู
“โหรวอี หลับหรือยัง”
นางมองไปที่ประตู ในใจคิดว่าดึกขนาดนี้แล้วพี่ใหญ่มาหานางมีเรื่องอะไร นางจึงพูดอย่างเหนื่อยล้าว่า “พี่ใหญ่ มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยคุยกันเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว” พูดจบ นางยังจงใจแสร้งทำเสียงหาวให้เขาได้ยิน ในใจคิดว่าเขาคงจะกลับไป ทว่าเขายังยืนอยู่นอกประตูไม่จากไป “โหรวอี ข้ารู้ว่าคืนนี้เจ้าตกใจมาก แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็อยากถามเจ้าเรื่องหนึ่ง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ในใจกลับร้อนรนมาก
สุดท้ายก็ต้องเปิดประตูให้เขาเข้ามาอย่างเสียมิได้ แล้วนั่งลงตรงขอบเตียงอย่างหมดอารมณ์ “ทำไมหรือ?”
“เจ้าไม่เห็นตอนที่เสวี่ยหรั่นร่วงลงทะเลสาบ แล้วก็ไม่เห็นนางโผล่ขึ้นจากผิวน้ำจริงหรือ?” พอเข้ามาก็ถามขึ้นทันที แววตาเต็มไปด้วยความกังวล
พอได้ยินว่าถามถึงสาวใช้คนนั้น สีหน้านางก็ยิ่งแย่ลงอีกครั้ง “พี่ใหญ่ยังจะตามนางอีกนานแค่ไหน นางเป็นเพียงสาวใช้ไม่ใช่ลูกสาวตระกูลร่ำรวย พี่เป็นห่วงนางแค่ไหนก็ไม่มีทางแต่งงานกับนางได้”
เขาโมโหท่าทางที่ดูถูกชีวิตคนอื่นของนาง ตะโกนออกมาอย่างเหลืออดว่า “นั่นไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าแค่บอกข้ามาว่าสุดท้ายเจ้าเห็นเหตุการณ์ที่เสวี่ยหรั่นร่วงลงทะเลสาบหรือไม่”
พอถูกตำหนิอย่างไร้เหตุผล นางก็โมโหตาม “พี่ไม่เป็นห่วงข้าก็ช่างประไร แต่ถึงกับตะโกนใส่ข้าเพราะคนนอกคนหนึ่ง ตกลงพี่กินยาหลงเสน่ห์ประเภทใดถึงได้หลงใหลนางเช่นนี้ วันก่อนพี่ใหญ่ยังเครียดเรื่องของตระกูลฮวง แต่วันนี้เพียงเพราะเสวี่ยหรั่นนั่นร่วงลงทะเลสาบหาตัวไม่เจอก็ร้อนรนเช่นนี้ พี่ใหญ่ท่านเปลี่ยนไปเร็วเกินไปไหม” นางจ้องเขาอย่างโกรธเคือง
ได้ยินดังนั้น ตันฮั่นก็รู้ตัวว่าตัวเองตอบโต้รุนแรงเกินไป ท่าทีอ่อนลง “เป็นพี่ใหญ่ที่ใจร้อนเกินไปถึงใช้น้ำเสียงไม่ดี แต่ข้าเป็นห่วงจริงๆ ว่านางจะ...”
เรื่องของแคว้นเหลียวหยางทำเอาเขาปวดหัวมากแล้ว เวลานี้ยังเกิดเหตุการณ์ท้องเรือระเบิดเช่นนี้อีก ไม่รู้ว่ามีคนจงใจลอบปิดปากเขาโดยไม่สนใจชีวิตอื่นบนเรือหรือไม่ หากเดือดร้อนถึงเสวี่ยหรั่นละก็เขาต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่นอน
เห็นเขาเพื่อจะได้รู้ข่าวของเสวี่ยหรั่นแล้วยอมลดเสียงลง นางยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก “ข้ารู้ว่าพี่ใหญ่ชอบนางมาโดยตลอด แต่นางมีอะไร เป็นแค่สาวใช้ยังหน้าไม่อายเข้าใกล้พี่ อีกอย่างต่อให้จมน้ำจริงๆ ตอนนี้ช่วยขึ้นมาก็เหลือแค่ศพเน่าอืดเท่านั้น”
“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าพูดเช่นนี้!” เขากำหมัดแน่นตะโกนอย่างเดือดพล่าน
ตันโหรวอีตกใจเสียงตะโกนของเขา ดวงตามีน้ำตาซึมออกมา
ตันฮั่นรู้ว่าตั้งแต่ที่เสวี่ยหรั่นเข้ามาในบ้านตระกูลตัน โหรวอีที่ยังเด็กก็ไม่ชอบนาง แต่นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้นางเกลียดเสวี่ยหรั่น เขามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของโหรวอีแล้วส่ายหน้าถอนหายใจไม่รู้จะกล่าวอะไร
ทันใดนั้น ไฟเทียนในห้องก็ดับลงตกอยู่ในความมืด เขาและโหรวอีต่างตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น?” นางมองรอบๆ ในใจรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
“ไม่มีอะไรเจ้าอย่าเพิ่งขยับ ข้าจะไปจุดไฟ” เขาทำตัวสงบนิ่งคลำความมืดเดินไปที่ตู้ หาไม้ขีดมาจุดเทียน
ทันทีที่เทียนจุดขึ้นตันโหรวอีก็ตะโกนออกมา ตันฮั่นก็ใจกระตุกเช่นกัน มองชายคนที่จู่ๆ ก็ปรากฏอย่างเงียบๆ เขาทั้งสองคนล้วนตกใจกลัวไม่น้อย
“เจ้าเป็นใคร?” ตันฮั่นปกป้องโหรวอีเอาไว้ข้างหลัง
เซ่าเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาเย็นเยียบเหลือบมองพวกเขาไม่ตอบอะไร
เห็นเขาไม่พูดตันฮั่นก็มีสีหน้าตึงเครียดเหงื่อกาฬไหลเต็มหน้าผาก การปรากฏของชายคนนี้อย่างไม่มีลางบอกเหตุใดๆ ไม่เหมือนกับโจรปล้นทรัพย์หรือตะโกนเพื่อข่มขวัญ แต่กลับอยู่ร่วมกับพวกเขาอยู่ในห้องเดียวกันอย่างผิดปกติทั้งไม่มีความเกรงกลัวใดๆ เขาอดสงสัยอย่างมีเหตุผลไม่ได้ว่าคนผู้นี้อาจจะเป็น...นักฆ่า
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ