สลักใจจอมทัพ
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 19.52 น.
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2562 11.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
17) บทที่ 4-3
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนนี้ อารมณ์ของเขาดีมาก
ยกอาหารเลิศรสขึ้นมาบนโต๊ะ บริเวณรอบๆ มีคนตระกูลตันและจีสิบสองนั่งอยู่ ข้างๆ ยังมีเหล่านางรำที่ร่ายรำตามเสียงเพลง มองจีสิบสองที่เหมือนจะตั้งใจแต่งตัวมาเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีใบหน้ารูปไข่ตามมาตรฐานแต่ก็ยังถือว่างดงาม ดวงตาตรงคิ้วหนากะพริบเป็นประกาย ริมฝีปากที่ทาด้วยชาดมีสีแดงอวบอิ่ม ชุดกระโปรงสีชมพูยิ่งเผยให้เห็นกลิ่นอายและเสน่ห์ทั้งหมดของนางออกมา
จีสิบสองสังเกตเห็นว่านางมองตัวเองอยู่จึงยิ้มให้นางอย่างทะเล้น เสวี่ยหรั่นก็ยิ้มตอบ จากนั้นก็ยืนอยู่ข้างๆ รอคำสั่ง
บนโต๊ะจัดเลี้ยงนอกจากตันโหรวอีที่ทำหน้าบูดบึ้งไม่รู้ว่าไปล้มหน้าขมำที่ไหนมานั้น ตันกุ้ยและจีสิบสองยังถือว่าอยู่ด้วยกันอย่างเป็นมิตร แต่ก็มีเพียงตันกุ้ยที่พยายามอยู่ฝ่ายเดียว เขาคีบอาหารให้จีสิบสองอย่างอ่อนโยนใส่ใจ ทั้งยังถามนู่นถามนี่กลัวว่าร่างกายบอบบางของนางรับลมแล้วจะเป็นหวัด
ตันโหรวอีเห็นดังนั้น สองตาแทบจะะปล่อยเปลวเพลิงออกมา ตั้งแต่ที่นางเห็นจีสิบสองก็รู้สึกหงุดหงิด ไม่ใช่แค่เพราะนางงดงามแม้แต่กลิ่นอายที่แผ่ซ่านก็ทำเอานางแสบตาอย่างมาก ทำเอานางแม้จะตั้งใจแต่งตัวก็ต้องด้อยค่าเพราะจีสิบสอง บวกกับก่อนหน้านี้คุยกับพี่ใหญ่ จึงทำเอานางรู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอ ส่วนตันกุ้ยผู้นี้กลับไม่สนใจเรื่องอะไรเลยเมื่อมีหญิงงามอยู่ด้วย ช่างเป็นน้องชายสมองกระบือเสียจริง
พอคิดถึงตรงนี้ก็ยิ่งหงุดหงิด แล้วดื่มเหล้าเข้าปากต่อเนื่องเพื่อระบายอารมณ์ เพียงแต่อารมณ์กรุ่นโกรธกลับไม่ได้หายไปเพราะความมึนเมากลับมีแต่จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น จึงตบโต๊ะด้วยความหงุดหงิด เห็นคนบนโต๊ะทั้งสองคนหันไปมองนางพร้อมกัน แม้แต่เสวี่ยหรั่นก็ยังตกใจกับการกระทำของนาง
เห็นพวกเขาเคลื่อนสายตามามองไปที่นาง นางกระแอมเล็กน้อยแสร้งนั่งตัวตรงลากนิ้วไปตามขอบแก้ว ดวงตาที่มีความมึนเมาสามส่วนยิ่งจ้องไปที่จีสิบสองแล้วแกล้งทำเป็นขอโทษ “ขอโทษนะ ข้าอาจจะเมาแล้วเลยเสียมารยาทไปบ้าง”
พอพูดเช่นนี้ ตันกุ้ยก็พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “พี่รอง ในเมื่อพี่รู้ว่าพี่ดื่มไม่เก่ง ดอกไม้ไฟยังไม่เริ่มทำไมถึงดื่มเยอะเช่นนี้เล่า”
“นายหญิงน้อย เจ้าก็อย่าเพิ่งดื่มเลย รอให้ดอกไม้ไฟเริ่มแล้วพวกเราค่อยดื่มกันให้สนุกเถอะ” จีสิบสองให้คนใช้ยกชามาให้นางจะได้สร่างเมาลงบ้าง
แน่นอนอยู่แล้วว่านางก็รู้สาเหตุที่นางทำหน้าบูดบึ้ง ไม่ใช่เห็นดวงตานางแดงก่ำ อย่างไรเสียตอนที่นางได้เห็นตันโหรวอีครั้งแรกก็ไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ โดยเฉพาะท่าทางหยิ่งยโสของนางยิ่งทำเอาไม่อยากเสวนากับนาง
“ขอบคุณมากที่เป็นห่วง วันนี้เป็นเทศกาลใหญ่ในเมืองดังนั้นจึงปล่อยเนื้อปล่อยตัวมากไปหน่อย ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้เป็นอะไรแม้แต่น้อย” แล้วนางก็ดื่มไปอีกแก้วด้วยรอยยิ้มที่ไม่จริงใจ
จีสิบสองแอบหัวเราะอย่างเย็นชาในใจ ทั้งๆ ที่อยากจะดึงความสนใจของคนอื่นถึงทำเช่นนี้ “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นก็ให้ข้าดื่มเป็นเพื่อนนายหญิงน้อยเถอะ” แล้วรินเหล้าใส่แก้วเหล้าตรงหน้าจนเต็มจากนั้นก็ดื่มรวดเดียวหมด ท่าทางห้าวหาญของนางเช่นนี้ยิ่งทำเอาตันกุ้ยชื่นชมขึ้นไปอีก
เห็นนางดื่มหมดแก้วอย่างง่ายดายเช่นนี้ ไม่ใช่แค่ตันโหรวอีเท่านั้นที่ตกใจแม้แต่เสวี่ยหรั่นที่อยู่ข้างๆ ก็ตกใจเช่นกัน นึกไม่ถึงว่าจีสิบสองที่มองจากภายนอกอ่อนแอจะดื่มเก่งขนาดนี้ เสวี่ยหรั่นอดไม่ได้มองนางอย่างชื่นชม แต่ตันโหรวอีกลับไม่คิดเช่นนั้น นางแค่รู้สึกว่านางก็แค่ไม่ยอมจึงจงใจจะหาเรื่องนาง ด้วยความโมโหนางผลักเก้าอี้ออกถือไหเหล้าและแก้วเดินไปที่ดาดฟ้าด้านหน้ารับลม ตันกุ้ยเห็นท่าก็ส่งสัญญาณให้เสวี่ยหรั่นรีบตามไปเพื่อไม่ให้เกิดเรื่อง
จีสิบสองเห็นนางออกจากโต๊ะด้วยความโกรธก็แอบได้ใจ แต่ว่านางก็ไม่ได้อยากมีเรื่อง คิดดูแล้วขอโทษนางน่าจะเหมาะสมกว่า ทว่านางเพิ่งจะลุกขึ้นก็ถูกตันกุ้ยกดกลับไปที่เก้าอี้ กำลังจะถามกลับเห็นเขาส่ายหน้าพูดว่า “อย่าสนใจนางเลย นิสัยนางก็เป็นเช่นนี้ ยิ่งเจ้าขอโทษนาง พี่รองก็ยิ่งเกลียดเจ้า” ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ใช่ไม่รู้ความเป็นศัตรูของพี่รองต่อจีสิบสอง แต่จีสิบสองก็สวยกว่านางไม่ใช่หรือ
ตอนแรกคิดจะพูดอะไรก็ได้ยินเสียงจุดดอกไม้ไฟดังขึ้นเป็นรอบๆ ทุกคนเงยหน้ามองท้องฟ้า พอดอกไม้ไฟจุดขึ้นนางก็ไม่มีโอกาสพูดจึงได้แต่ล้มเลิก
เสวี่ยหรั่นเห็นร่างของตันโหรวอีส่ายไปมา แม้จะไม่รู้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นแต่อย่างน้อยนางก็รู้ว่าอารมณ์ของนายหญิงน้อยกำลังแย่มาก หากเป็นเช่นนี้ยิ่งคนที่นางเกลียดยิ่งอย่าอยู่ใกล้นาง แต่คุณชายน้อยดันสั่งให้นางตามอยู่ข้างๆ
ขณะที่ถอนหายใจทำอะไรไม่ได้อยู่นั้น ตันโหรวอีก็เงยหน้ามองดอกไม้ไฟสีสันสวยงามบนท้องฟ้า แล้วเอาเหล้าเข้าปากบ้างเป็นครั้งคราว การดื่มเช่นนี้ช่างไม่เป็นระเบียบกลัวว่านางจะก้าวเท้าไม่มั่นคงตกลงไปในทะเลสาบ เพื่อความปลอดภัยของนาง เสวี่ยหรั่นจึงเดินขึ้นไปเอาไหเหล้าของนางออกขณะที่นางกำลังดีใจตะโกนกระโดดกับดอกไม้ไฟบนท้องฟ้า
ทันใดนั้นตันโหรวอีก็รู้สึกได้ว่าไหเหล้าไม่อยู่ในมือ หันไปก็เห็นมือเสวี่ยหรั่นถือไหเหล้าเอาไว้ ก็โมโหคว้านางเอาไว้ “เจ้าแย่งเหล้าข้าทำไม?” นางตะโกนขึ้นอย่างกรุ่นโกรธ
เสวี่ยหรั่นห่อไหล่พูดว่า “นายหญิงน้อยดื่มมากไปแล้ว แบบนี้จะไม่ดีต่อร่างกาย ดังนั้นถึงได้เอาเหล้า...” ยังพูดไม่ทันจบ ก็มีรอยฝ่ามือประทับบนใบหน้านาง
“เจ้ากล้าแย่งเหล้าข้า!” นางเอามือเท้าเอวชี้หน้าด่าขึ้นมา
เสวี่ยหรั่นกุมหน้าเห็นท่าทางโกรธจัดของนางก็ได้แต่ยอมรับว่าตัวเองโชคร้าย เพื่อให้นางหายโกรธเพิ่งจะคุกเข่าลงก็ถูกตันโหรวอีดึงขึ้นมา นางอดไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง
“หึ เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะไม่รู้ที่เจ้ามักจะคุกเข่าลงก็เพราะไม่เห็นถือว่าไม่รู้ เจ้าคิดว่าครั้งนี้ข้าจะให้เจ้าคุกเข่าแล้วก็ไม่เป็นไรหรือ? เจ้าก็เช่นกัน ทุกครั้งที่ข้ารังแกเจ้าแต่เจ้าก็มักจะกัดฟันทนให้พ้นไป ดูแล้วก็ยิ่งโมโห!” นางบีบแขนของนางแน่นขึ้น เพราะฤทธิ์ของเหล้ายิ่งทำให้นางเอาความโกรธทั้งหมดระบายบนตัวนาง
เสวี่ยหรั่นมองนางอย่างตกใจ ใช่แล้ว ที่นางมักจะคุกเข่าให้ตันโหรวอี ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะมองไม่เห็นรูปปากของนางจึงสามารถปล่อยให้นางด่าได้อย่างเต็ม อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะนางไม่ได้ยินดังนั้นไม่ว่านางจะด่าอย่างไรก็ไม่เป็นไร
นางละสายตาออกด้วยความละอายใจ แขนถูกบีบจนเจ็บแต่นางก็เม้มปากไม่กล้าร้องเจ็บ “ยังมีที่ทำหน้าน้อยใจนั้นดูแล้วก็หงุดหงิด ก็แค่ถูกพ่อเจ้าบังคับมาใช้หนี้เท่านั้น อย่าคิดว่าเจ้าเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดบนโลกนี้ ทำหน้าร้องไห้อยู่ตลอดเวลาช่างไม่รู้จริงๆ ว่า... อ๊ะ!” ยังพูดไม่ทันจบ เรือทั้งลำก็สั่นไหวอย่างรุนแรง จากนั้นก็ส่งเสียงดังคล้ายเสียงระเบิด แต่เพราะเสียงเป็นแบบเดียวกับเสียงของดอกไม้ไฟ ดังนั้นคนที่อยู่ริมฝั่งและเรือลำอื่นๆ จึงไม่สังเกตถึงความผิดปกติของเรือพวกเขา
แต่ถึงแม้ทุกคนบนเรือจะรู้สึกถึงการสั่นคลอนที่ผิดปกตินี้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนใต้ท้องเรือมีคนวิ่งมาร้องไฟไหม้จำนวนมาก
“อะไรนะ? ไฟไหม้!” ตันกุ้ยมองคนใช้ที่รายงานด้วยความตกใจ
จีสิบสองรีบถาม “ทำไมจู่ๆ ถึงเกิดขึ้น แล้วสถานการณ์ล่ะ ควบคุมได้หรือไม่?”
“ช่วยไม่ได้ ไฟลามเร็วมากจนไม่รู้ว่าไฟเริ่มไหม้ตรงไหน คุณชายและนายหญิงรีบหนีกันเถอะ รีบขึ้นเรือเล็กไป”
จีสิบสองได้ยิน ไม่แม้จะคิดก็ตะโกนใส่พวกเสวี่ยหรั่นว่า “เร็ว! รีบไปที่ท้ายเรือ ใต้ท้องเรือไฟไหม้แล้ว รีบหนีเร็ว!” สิ้นเสียงที่ใต้ท้องเรือก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ควันไฟเปลวเพลิงพวยพุ่งออกมาอย่างเห็นได้ชัด ไฟไหม้ที่ไม่มีสาเหตุเหมือนจะเป็นอุบัติเหตุ แต่เสียงระเบิดที่ผิดปกตินั้นกลับเห็นได้ชัดว่าไม่เข้ากันเลย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ