I'm BOY : ผมนี่แหละ สตรีมีหาง [Yaoi]​

-

เขียนโดย นนิรา

วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 15.13 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  9,860 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2562 15.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) บทที่ 7 : ใจเต้น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 7 : ใจเต้น

 

 

“ทำไมวันนี้ลงมาเร็วได้ ปกติเห็นชอบนอนเอกเขนก” แม่ถามผมเพราะเห็นผมตื่นก่อนเวลาปกติที่ควรตื่น

 

“วันนี้วินมีนัดกับพี่ในวงน่ะแม่” ผมบอกแม่พลางเดินไปตักข้าวที่แม่หุงไว้ แม่จะหุงข้าวเผื่อไว้ทุกเช้า ใครลงมากินก่อนก็เดินไปตักอาหารที่แม่ทำไว้ได้เลย แต่ต้องไม่เกินสิบเอ็ดโมง ไม่งั้นต้องระเห็จหอบตัวเองไปหาซื้อข้าวข้างนอกมากินเอง

 

“วง?”

 

“พอดีพี่ที่ชมรมชวนวินเข้าวงดนตรี”

 

“เดี๋ยวนี้มีวงกับเขาด้วยนะเรา”

 

“นิดนึงน่าแม่ วินอิ่มแล้ว วินไปก่อนนะแม่” ผมรวบช้อนส้อมเก็บก่อนยกจานข้าวไปวางไว้ยังซิงค์น้ำ

 

ระหว่างทางผมเวะเซเว่นซื้อขนมติดไม้ติดมือไปเผื่อนิดหน่อย เมื่อผมเดินเข้าห้องชมรมก็พบห้องที่ว่างเปล่า คือผมมาเร็วเกินไปใช่ไหม? ผมมาก่อนเวลาห้านาทีเองนะ

 

“มาแล้วเหรอวิน พอดีพี่ไปกินข้าวมาน่ะ” ผมนั่งรอในห้องไม่นาน สักพักพี่เติ้งก็เดินเข้ามาเป็นคนที่สอง “คนอื่น ๆ กำลังตามมา โน้นไงอยู่ตรงนั้น” ผมมองไปยังทางที่พี่เติ้งชี้ไปนับได้สามคนและในสามคนนั้นก็ไม่มีพี่เมฆ ผมว่ามาสายชัวร์ดูจากเมื่อวานตอนเย็นแล้วยังมาช้าเลย

 

“หวัดดีครับน้องวิน แล้วนี่ถืออะไรมาเยอะแยะ?”

 

ผมชูถุงขึ้นพร้อมเทของในถุงลงบนโต๊ะ “ผมซื้อขนมมาฝากครับ เอาไว้คุยไปกินไป”

 

“ขอบใจมาก น้องวินน่ารักจัง เออแล้วไอ้เมฆมันมายัง” พี่สามพูดกับผมจบก็ถามพี่เติ้งทันที เพราะเมื่อวานพี่เมฆดันไปป่าวประกาศไว้ว่าจะมาถึงเป็นคนแรก

 

“ยังไม่เห็นมันมาเลยว่ะ กูว่ายังไม่ตื่นชัวร์ พวกเราคุยกันเรื่องเพลงที่จะเอาไปประกวดกันก่อนเถอะ” พี่บอยบอกทุกคนก่อนนั่งลงกับพื้นพลางหยิบถุงขนมขึ้นมาแกะ

 

“แล้วกติกาคร่าว ๆ มีอะไรบ้างเหรอครับ?” ผมถามออกไปเพราะว่าผมยังไม่รู้รายละเอียดอะไรเกี่ยวกับการประกวดเลย

 

“ก็ไม่มีอะไรมาก ทางนั้นเขาให้เราเล่นเพลงไทยกับสากลสองเพลง แบ่งเป็นรอบเช้ากับบ่าย” พี่หนึ่งอธิบายขึ้นและพี่สามก็พูดเสริมอีกว่า

 

“รอบเช้าเป็นเพลงไทย บ่ายสากล แล้วเราก็สามารถเอาทำนองหรือเครื่องดนตรีชนิดต่าง ๆ มามิกซ์ด้วยกันได้ตามความเหมาะสม”

 

เพลงไทยควรร้องอะไรถึงจะดีนะ ไม่เคยเลือกเพลงประกวดอะไรแบบนี้ซะด้วย ถ้าเลือกไปแล้วจะถูกใจกรรมการและผู้ชมไหม? แค่เลือกเพลงทำไมมันยากจัง

 

“เพลง...หนึ่งเดียวคนนี้ของพี่ปุ๊ อัญชลีไหมครับ? เป็นเพลงผู้หญิงถ้าผู้ชายร้องน่าจะได้รับความสนใจขึ้น” ผมพูดออกไปทันทีที่นึกชื่อเพลงออก

 

“ก็น่าสนใจนะ แต่พี่ไม่แน่ใจว่าจะร้องได้หรือเปล่า” พูดจบพี่เติ้งก็เสิร์ชเนื้อเพลงในโทรศัพท์มือถือทันที

 

“ไม่น่าไหวนะ ฟังจากเมื่อกี้” พี่บอยเสริมขึ้นอีกหลังจากพี่เติ้งลองร้องเบา ๆ ส่วนตัวผมนั้นก็ว่าไม่น่าจะโอเคเหมือนกัน

 

“งั้นเอาเพลงนี้ไหม พี่ว่าเพลงของพี่บี พีระพัฒน์ ดินแดนแห่งความรัก”

 

“งั้นก็เอาเพลงนี้ไว้เป็นตัวเลือกก่อนแล้วกัน แล้วสากลจะเอาแบบไหน?” พี่สามถามต่อเมื่อพี่เติ้งเสนอเพลงดินแดนแห่งความรัก

 

หลังจากเลือกเพลงไทยได้แล้วพี่หนึ่งที่มีตัวเลือกของเพลงสากลไว้ในใจอยู่แล้วก็เริ่มอธิบายให้ทุกคนในวงฟังว่าเห็นด้วยหรือเปล่า โดยเปิดเพลงมาจะให้ผมบรรเลงเพลงลา ฟุลที่ผมเล่นไปก่อนหน้านั้นในวันเลือกชมรมแล้วหลังจากนั้นก็จะเริ่มเล่นเพลง I say a little prayer

 

เพลงไทยจะให้พี่เมฆเป็นคนร้อง ส่วนเพลงสากลพี่เติ้งร้องนำ แล้วคนในวงต้องพากันร้องคอรัสด้วยอีกแรง สาเหตุที่ให้พี่เมฆร้องเพลงไทยเพราะผมได้ยินพี่ ๆ เขาพูดกันว่า ‘ภาษาไทยของไอ้เมฆเอาให้รอดก่อนให้มันไปร้องสากล’ แล้วก็พากันหัวเราะอย่างสนุกสนาน ส่วนผมก็อดขำกับเขาด้วยไม่ได้ แต่ผมไม่ค่อยอยากว่าพี่เขาเท่าไหร่หรอก ภาษาอังกฤษผมก็ไม่ค่อยจะดีเหมือนกัน

 

พี่หนึ่งนั่งหาเนื้อและโน้ตเพลงก่อนส่งไปให้พี่เมฆก่อนจะโทรหาคนที่มาสาย “ไอ้เมฆมึงปริ๊นโน้ตเพลงมาด้วย กูส่งให้มึงแล้ว รีบมานะมึงจะได้ลองซ้อมกัน”

 

ไม่นานพี่เมฆก็เดินมาพร้อมด้วยกระดาษเพลงสำหรับไว้ซ้อมทั้งหมดหกชุด

 

“ไหนมึงบอกว่าจะมาเป็นคนแรกไง”

 

“กูก็มาแล้วไงไอ้สาม ตกลงเล่นเพลงไรบ้าง”

 

“ชื่อเพลงก็อยู่ในมือมึงไง ตอนปริ๊นดูไหมวะ? เอามา ๆ” พี่สามทำหน้าหน่ายก่อนหยิบชีทเพลงที่พี่เมฆแจกจ่ายให้กับคนในวง

 

ในชั่วโมงแรกที่ซ้อมด้วยกันก็จะค่อนข้างเละเทะนิดหน่อย คนนึงร้องอีกเสียงส่วนเครื่องดนตรีก็ไม่ไปทางเดียวกัน แต่พอเริ่มเข้าชั่วโมงที่สามก็เริ่มผสมผสานกันอย่างลงตัว หากซ้อมไปเรื่อย ๆ จนถึงวันประกวดจริงน่าจะเพอร์เฟคมากเลยทีเดียว จากการประเมินของผมเอง

 

“พัก ๆ ไปหาข้าวกินกัน” พี่หนึ่งวางกีต้าลงหลังซ้อมเพลงรอบสุดท้ายเสร็จพร้อมทุบต้นคอคลายความปวดเมื่อย

 

“วันนี้แถวโรงเรียนไม่มีร้านอาหารที่ไหนเปิดนะ จะไปกินไหน?”

 

“เซเว่นก็มี เคยได้ยินป่ะ หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา” พี่หนึ่งหันไปบอกพี่เติ้ง

 

“จะเอาไร ฝากได้นะ”

 

“กูไม่ฝาก กูจะไปซื้อน้ำปั่นแถวนั้นด้วย” พี่บอยหันไปบอกพี่หนึ่งก่อนจะหยิบกระเป๋าตังติดมาด้วย

 

“เออกูก็อยากกิน”

 

“แต่กูกับน้องวินฝากแล้วกัน กูเอากระเพราหมูสับ จะได้นั่งเฝ้าของให้พวกมึงไง” พี่เมฆรีบพูดประโยคหลังเพราะน่าจะคาดการได้ว่าคงจะถูกบ่น

 

“ผมขอเป็นข้าวปลาลุยสวนแล้วกันครับ”

 

ในระหว่างที่ผมรอพวกพี่ ๆ ไปซื้อข้าว ผมเลยเดินไปหยิบกีต้าขึ้นมาลองจับดูสักครั้ง ผมอยากเล่นกีต้าเป็นมาก ๆ แต่ไม่มีคนสอน พอเปิดคลิปเพื่อดูตามก็ไม่ค่อยเข้าหัว โดยเฉพาะการดีดที่เขาบอกว่าทำตามแล้วจะได้ ลง ลง ขึ้น ขึ้น ลง ขึ้น ประมาณนี้ ผมยังประมวณผลในสมองไม่ได้เลย

 

“อยากลองเล่นเหรอ? พี่สอนให้เอาไหม?” พี่เมฆที่เห็นผมพยายามจับคอร์ดกีต้าแบบงง ๆ ก็เสนอตัวเข้ามาช่วยสอน ผมว่าก็ดีเหมือนกัน ผมอยากเล่นเป็นมานานแล้ว ผมว่ามันเท่ดี ไม่ว่าจะไปที่ไหนถือกีต้าตัวเดียวก็สร้างความสนุกความบันเทิงได้แล้ว เวลาไปเที่ยวก็ดีดเล่นร้องตอนกลางคืนพลางปิ้งย่างของกินไปด้วย แค่คิดก็มีความสุขแล้ว

 

“ก็ดีเหมือนกันครับ”

 

ผมถือกีต้าก่อนนั่งลงบนเก้าอี้เบาะของอิเล็กโทน

 

“พอจับคอร์ดเป็นไหม?”

 

“พอเป็นครับ” ว่าจบผมก็จับคอกีต้าพร้อมลองกดคอร์ดดู ผมกดสายด้วยความเงอะงะจนพี่เมฆน่ารำคาญตาจึงเดินอ้อมมานั่งข้างหลังผมบนเบาะตัวเดียวกับผม พี่เมฆเอื้อมมือเข้ามาจับมือผมให้ผมจับกีต้าอย่างถูกหลัก แต่ผมว่านี่มันไม่ใกล้ไปเหรอ?

 

ตึกตึก

 

ผมนิ่งเพื่อฟังเสียงที่ดังมาจากข้างในตัวของตัวเอง เสียงหัวใจผมเต้นไม่ค่อยเป็นจังหวะ สงสัยผมจะตื่นเต้นที่จะได้เล่นกีต้าเป็นกับเขาสักที

 

“คอร์ดซีวางไว้แบบนี้ นิ้วชี้ไว้ตรงสายที่สอง นิ้วกลางไว้ที่สายนี้สายสี่ แล้วนิ้วนางสายที่ห้า”

 

ผมทำตามที่พี่เมฆบอก ไม่นานก็เริ่มพอจับได้บ้างจากนั้นพี่เมฆก็เริ่มสอนคอร์ดอื่น ๆ ด้วย ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงผมก็เริ่มจำคอร์ดอื่น ๆ ได้บ้าง

 

“พี่เมฆ ผมถามอะไรหน่อย พี่อยู่ชมรมบาสไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงมาร่วมวงดนตรีด้วย?” ผมคาใจตั้งแต่รู้ว่าพี่เมฆอยู่ชมรมดนตรีด้วย ได้จังหวะเลยถามออกไปให้หายข้องใจ

 

“ก็พี่อยู่ชมรมดนตรีด้วยไง เขาไม่ได้บอกหนิว่าอยู่ได้แค่ชมรมเดียว”

 

ก็จริงอย่างที่พี่เขาว่าแหละ ไม่มีกฏข้อไหนห้ามให้มีหลายชมรม

 

“แล้วคล่องขึ้นยัง?”

 

“เริ่ม ๆ แล้วครับ แต่ไม่รู้ว่าพอเล่นจริงจะรอดไหม” ผมพูดพลางหัวเราะคิกคัก

 

“เดี๋ยววันหลังพี่จะสอนเล่นเป็นเพลงเลยเอาป่ะ” พี่เมฆบอกผมก่อนลุกขึ้นไปหยิบของที่สั่งไว้เมื่อพวกเพื่อน ๆ กลับมาจากร้านสะดวกซื้อแล้ว

 

“มา ๆ กินข้าวกัน เออพี่ซื้อชานมไข่มุกมาเผื่อน้องวินด้วย”

 

“แล้วของกูล่ะ?” พี่เมฆรีบถามขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่หนึ่งซื้อน้ำมาฝากผม แต่ก็ต้องทำหน้าเซ็งเมื่อรู้คำตอบจากปากเพื่อน

 

“ของมึงไม่มี”

 

“ขอบคุณครับพี่หนึ่ง” จากนั้นผมจึงรับแก้วชานมมาดูดก่อนแกะพลาสติกใสที่ห่อกล่องข้าวออก หอมน่ากินที่สุด ข้าวปลาลุยสวนของเซเว่นเนี่ย

 

หลังจากกินอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ซ้อมกันต่อนิดหน่อยก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยพี่ ๆ จะนัดซ้อมทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ส่วนวันธรรมดาถ้าวันไหนว่างตรงกันก็จะนัดซ้อมพอหอมปากหอมคอเพื่อไม่ให้ทิ้งช่วงนานเกินไปเพราะกลัวจะเล่นไม่ไปทางเดียวกัน

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา