ด้วยความคิดถึง...I'm missing you.
เขียนโดย Raksha
วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 13.30 น.
แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2562 13.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) 4 คิดถึง…ไซส์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เขาบอกว่าถ้าคนเรานอนหลับวันละแปดชั่วโมง จะทำให้มีสุขภาพที่ดีแข็งแรงและฉันก็เชื่ออย่างนั้น
ตั้งแต่เล็กจนโตถ้าแม่ไม่ได้ขึ้นมาปลุกฉันอาจจะไม่ตื่น ขนาดว่านาฬิกาปลุกจำนวนสามเรือนบนหัวนอน ยังทำให้ฉันตื่นขึ้นมาในทันทีไม่ได้เลย
และก็เป็นที่มาของคำว่า…
“ขี้เซา ขี้เซา ขี้เซา”
“…….”
ได้ยินเสียงหวานอยู่ข้างหู แต่เปลือกตากลับหนักเสียเหลือเกิน
“ถ้าไม่ตื่นเค้กจะกลับแล้วนะ”
เค้ก…เค้กอะไร? เหมือนจะยังคงติดอยู่ในความฝัน เราชอบทานเค้กนะ และเค้กที่เป็นคนนี่ฉันก็ยิ่ง…ชอบ
“เค้ก!” ดีดตัวพึงตะโกนออกมาสุดเสียง ให้คนที่นั่งอยู่ข้างโซฟาถึงกับหงายหลังเพราะตกใจ
“โอ๊ย! อะไรเนี่ยขิม ตกใจหมดเลย” หันไปเห็นเธอเอาพยายามลุกขึ้นนั่งก็ตกใจกุลีกุจอเอื้อมมือไปช่วยพยุงในทันที
“ขอโทษ ขอโทษนะคะ พอดีฝันร้ายน่ะ”
“ฝันร้ายเหรอ งั้นเรียกชื่อเค้ก ก็แสดงว่าเค้กเป็นฝันร้ายของขิมงั้นซิ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงติดแง่งอนหน่อยๆ เอาล่ะซิจะให้ตอบว่ายังไง
ฝันร้ายงั้นหรือเธอคือฝันดีที่สุดของฉันต่างหากล่ะ
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ เออ คือ” ขมวดคิ้วทันใดเมื่อใช้ความคิด แล้วเธอก็ต้องเอานิ้วมือมาจิ้มคลายตรงหว่างคิ้วของฉัน
“ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องหาคำตอบแล้วค่ะ ที่ปลุกเนี่ยเพราะเห็นว่ามันเย็นแล้วเดี๋ยวตะวันทับตา คืนนี้พานจะนอนไม่หลับเอา” เธอยิ้มอ่อนให้ฉันแล้วพูดต่อ
“หิวไหมทานอะไรไหมคะ เดี๋ยวทานกันเสร็จเรียบร้อยเค้กจะได้กลับบ้าน มาขลุกอยู่กับขิมทั้งวันแล้วเนี่ย เหนียวตัวจะแย่แล้วอยากอาบน้ำนอนแล้วค่ะ”
“เอ้อ งั้นเค้กค้างกับขิมไหมพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดนี่ เสื้อผ้าก็มีเค้กพอจะใส่กับขิมได้อยู่แล้ว ไม่ได้เจอกันตั้งนานอยู่ด้วยกันก่อนนะคะ”
มองสีหน้าของเธอแล้วก็ประหม่า แววตาที่มองกันมันทำให้เดาใจกันไม่ถูกเลยทีเดียว จะมากไปไหมนะถ้าจะชวนให้อยู่ต่อ แต่ก็ไม่อยากจะขัดใจตัวเอง บอกแล้วว่าตอนนี้ฉันจะไม่หันหลังให้กับความรู้สึกของตัวเองอีกแล้ว
“งั้นขอไปโทรศัพท์เดี๋ยวนะ”
“อ๋อค่ะ ได้ค่ะ”
เธอเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายใบน้อย แล้วก็ออกไปยืนตรงระเบียง คุยกันไม่นานเธอก็เดินกลับเข้ามา พร้อมรอยยิ้มพรายที่แสนจะน่ามอง
“ค้างกับขิมก็ได้ งั้นเราทานข้าวเย็นกันดีกว่าเนอะ ดึกกว่านี้เดี๋ยวจะอ้วน”
มองคนจับท้องตัวเองแล้วทำปากห่อ อ้วนอะไรกันสัมผัสมาหมดแล้วเมื่อคืนไม่มีส่วนเกินเลยสักนิด จะมีก็แต่อกอวบเท่านั้นที่ดูจะมากเกินตัว
“อุ๊ยมองอะไรน่ะขิม ทะลึ่ง!” เธอยกมือขึ้นปิดช่วงอกของตัวเอง ส่งค้อนให้เราวงใหญ่แล้วเดินหายเข้าไปยังห้องครัว
ไม่ได้อยากจะจ้องกันขนาดนั้นหรอกนะ แต่มันก็อดไม่ไหวจริงๆ ของที่มันเคยได้จับต้องแล้ว มันก็ติดใจเป็นธรรมดา
“เค้กนี่ทำอาหารเก่งนะ ทีเมื่อก่อนไม่เห็นทำเลย อย่างเก่งก็ทอดไข่”
“ก็เมื่อก่อนยังมีที่บ้านทำให้นี่ แต่ตอนนี้เค้กออกมาอยู่เองแล้วก็ต้องหัดให้เป็นเพราะบางทีไปซื้อเค้ามันไม่อร่อยน่ะ ผักเอยหมูเอยอาจจะไม่สดก็ได้ ทำเองแบบนี้เราก็เลือกวัตถุดิบเองได้ด้วยไง”
ฟังคนสวยพูดแล้วก็เพลิน ยิ่งตอนที่เธอเปิดตู้เย็นพยายามหาอะไรที่นำมาประกอบอาหาร ฉันยิ่งชอบเพราะตอนนี้ครัวที่แสนจะเงียบเหงากลับรู้สึกอุ่นขึ้นมาทันใด ที่มีร่างเล็กบางทำนั่นนู่นนี่อยู่ตรงนี้
“แล้วนี่จะทำอะไรคะ ในตู้เย็นเรามีอะไรไม่มากหรอก ไม่ค่อยได้ทำน่ะ” เธอค้อนส่งมาให้อีกที ก่อนจะพูดด้วยเสียงหวานเหมือนเดิม
“มีเบคอนไข่แล้วก็ผักคะน้า แล้วก็ข้าวเย็นที่แช่เอาไว้ นานแล้วมั้งฮึ”
“ไม่รู้ซิ ไม่แน่ใจ” ยิ้มแห้งๆ กลับไปอย่างรู้สึกผิด อะไรกันก็ฉันไม่มีคนมาคอยดูแลนี่นะ อยู่คนเดียวก็เอาที่มันง่ายๆ อย่างนี้แหละ
“งั้นขิมหั่นคะน้าให้หน่อยค่ะ ถ้าก้านมันออกแข็งๆ ก็ปลอกมันซะหน่อยนะจะได้ทานได้ง่ายขึ้น เดี๋ยวเค้กจะทำข้าวผัดเบคอนใส่ไข่ให้ก็แล้วกัน”
“โอ้โหชอบจังเลย เค้กนี่รู้ใจขิมจริงๆ เล้ย”
ยิ้มเอาใจคนสวยดุแล้วก็รีบเอาผักคะน้าไปล้าง ล้างไปยิ้มไปเพราะรู้สึกดีที่เธอจำได้ว่าฉันน่ะชอบทานข้าวผัดเป็นที่สุด
เมื่อเตรียมผักเป็นที่เรียบร้อย ก็ส่งให้เธอที่คอยท่าอยู่แล้ว ไม่นานนักข้าวผัดเบคอนใส่ไข่และผักคะน้าที่เราต่างก็ช่วยกันทำก็เสร็จ
เธอใส่จานสองจานส่งให้เรายกออกไปวางที่โต๊ะหน้าทีวี ห้องฉันมีโต๊ะทานข้าวเล็กๆ สำหรับสองคนอยู่ก็จริง แต่ฉันชอบที่จะมานั่งทานไปดูทีวีไปมากกว่า
ไม่นานนักเธอก็เดินถือถ้วยน้ำปลาพริกที่หันซอยมาอย่างสวยงาม พร้อมด้วยน้ำเปล่าสองแก้ว
“อ้าว ไม่นั่งที่โต๊ะทานข้าวล่ะขิม”
“ขิมชอบนั่งไปดูหนังไปน่ะ มาซิเดี๋ยวอยากดูอะไรขิมจะเปิดให้ดูนะ”
ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้เธอได้นั่งถนัดขึ้น แล้วกดรีโมทเปิดทีวีหาหนังที่เจ้าตัวชอบทันที
“ตกลงดูอะไรดีคะ”
“อืม มีรายการอาหารไหม เค้าบอกว่าถ้าเราทานข้าวพร้อมกับดูรายการอาหารไปด้วย จะทำให้รสชาติของอาหารดีขึ้นด้วยนะ”
“โม้ปะเนี่ย ไม่เห็นเคยได้ยินเลยอะเค้ก”
“จริงๆ ไม่เชื่อก็ลองเปิดดูซิ แล้วเราก็ทานพิสูจน์กันว่าขิมจะขอเพิ่มอีกจานไหม”
นั่งมองตาคนเอาจริงเรื่องอาหารก็ต้องนึกขำ เพราะความจริงฉันไม่ได้อยากจะเถียงหรือแย้งอะไรจริงจังขนาดนั้น เพียงแค่ถามท้ากันแบบสนุกๆ เฉยๆ
“ด้ายยย เอ้าเริ่ม!”
จากนั้นการทานอาหารคนเดียวที่แสนจะน่าเบื่ออยู่ทุกเช้าค่ำ ก็กลับเป็นเรื่องสนุกเพราะมีเธอมานั่งอยู่เคียงข้าง
เราเปิดรายการอาหารของประเทศเกาหลี ที่มีพิธีกรสองคนมาช่วยกันทำอาหารตามแขกรับเชิญที่เป็นถึงเจ้าของร้านที่มีชื่อเสียง
ความสนุกของรายการนี้มันอยู่ที่การปรุง แบบถูกบ้างผิดบ้างของทั้งสองพิธีกร และการหยอกล้อกันยามที่อีกฝ่ายปรุงผิดวิธี แต่สุดท้ายแล้วเขาทั้งคู่ก็ทำอาหารจานนั้นสำเร็จจนได้
และแล้วข้าวผัดที่เธอผัดเอาไว้เสียเต็มกระทะ ก็หมดเกลี้ยงภายในพริบตา อิ่มจนต้องลูบท้องตัวเองปรอยๆ จนเธอต้องหัวเราะเสียงใสเพราะตลกคนตะกละ
“เห็นไหมบอกแล้วว่ามันจะเจริญอาหารก็ไม่เชื่อ เป็นไงคะสามจานคนเดียวไม่แบ่งใครเลย”
“หูยยย เค้กคะอย่าหัวเราะซิคะ ขิมปวดท้องร้าวไปหมดแล้วเนี่ย พุงจะแตกอยู่แล้วนะ แต่ข้าวผัดเค้กเนี่ยอร่อยจริงๆ นะคะ เยี่ยมเล้ย!”
“ไม่ต้องทำมาเป็นยอเลย เอายาลดกรดซะหน่อยไหมคะ”
“เอาๆ รบกวนด้วยนะ ไม่ไหวจริงๆ มันอืดจนแน่นไปหมดเลยค่ะ” ฉันอ้อนออกไปแต่ไม่ได้สำออยเลยสักนิด อืดท้องน่ะเป็นเรื่องจริงนะ
“โอเคได้ แล้วยาอยู่ตรงไหนล่ะเดี๋ยวเค้กไปเอามาให้” พูดแล้วเธอก็ลุกขึ้น
“อยู่ตรงตู้ยาในห้องน้ำน่ะค่ะ” ชี้นิ้วไปทางห้องน้ำ
เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วเดินหายเข้าไปในทางนั้น ไม่นานนักก็ออกมาพร้อมกับซองยาลดกรดเดินเลยไปยังห้องครัว แล้วเดินถือแก้วน้ำที่มีความฟูของฟองสีขาวลอยตัวอยู่
“อะดื่มนี่ซะ ท้องมันจะได้สบายขึ้น”
รับแก้วน้ำที่มีผงสีขาวอยู่เต็มไปหมด ยกดื่มรวดเดียวหมดแก้ว รสชาติของมะนาวกับความซ่า ทำให้ฉันเย็นวาบตั้งแต่ลำคอยันท้องเลยทีเดียว
“อ๊าชื่นจายยย” ทำอ้าปากกว้างเสียเว่อร์วัง จนคนที่มองอยู่ถึงทำถามกันด้วยความข้องใจ
“งั้นเชียว”
“อื้อ”
“ดีค่ะ งั้นเดี๋ยวขิมไปเตรียมเสื้อผ้าให้หน่อยได้ไหมคะ เค้กเหนียวตัวมากอยากอาบน้ำแล้วค่ะ”
“โอเคค่า” ตอบแล้วก็ช่วยเก็บจานเอาไปไว้ในอ่างล้างจานในครัว
เธอบอกว่าไม่ต้องเดี๋ยวเธอจะจัดการเอง แค่ให้เราไปเตรียมเสื้อผ้าให้จะดีกว่า ฉันเลยเดินออกจากตรงนั้น รีบเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อหาชุดนอนใส่สบายให้เธอ
เอาเข้าจริงเราก็มีแต่เสื้อกล้ามใส่นอนกับกางเกงขาสั้นเท่านั้น ไม่ได้มีชุดนอนเป็นทางการเหมือนที่เธอชอบใส่ แต่ก็ต้องหน้าร้อนพอคิดถึงชุดชั้นใน ที่จะให้เธอ
เอายังไงดีหรือจะให้เธอโนบรานอน เพราะดูจากขนาดแล้วคนตัวเล็กนำเธอไปไกลอยู่มากโข ไม่ใช่ว่าฉันจะอกไข่ดาวหรอกนะ เพียงแต่อีกคนนั้นต่างหากที่ล้นมือล้นไม้จนเกินรูปร่างที่เล็กบางอย่างนั้น
“ได้รึยังคะ นี่ยังเตรียมไม่เสร็จอีก มัวทำอะไรอยู่คะขิม”
เสียงหวานแอบดุของเธอดังแว่ว เพราะเราตอนเข้ามาไม่ได้ปิดประตู เธอเลยเดินเข้ามาได้โดยที่เราไม่ทันจะได้ยินเสียง
“ดะ…ได้แล้วค่ะ แต่เราว่าคือ…”
“อะไรคะขิม ทำไมพูดจาติดอ่างล่ะฮึ เอาใหม่ซิคะ คิดก่อนแล้วค่อยพูดค่ะ”
มือนุ่มมาแนบแก้มอย่างอ่อนโยน เมื่อก่อนนี้เราชอบติดอ่างแม้จะไม่มากมายอะไร แต่เธอก็เห็นว่ามันไม่ควรเพราะเสียบุคลิก เธอเลยค่อยๆ สอนให้เราพูดจนเป็นปกติ
แต่ตอนนี้จะไม่ให้ติดอ่างได้ไง เพราะเรื่องที่ต้องพูด มันส่งผลให้ใจต้องเต้นแรงจนควบคุมตัวเองไม่อยู่น่ะซิ
“ก็พอดูขนาดของหน้าอกแล้ว ขิมเล็กกว่าเค้กอีก”
“ก็ไม่ต้องใส่ซิคะไม่เห็นยากเลย งั้นเค้กไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
คนสวยแสนมั่นเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างคนไม่คิดอะไรมาก แต่กับเรานี่ซิมันอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ จะอะไรกันหนักหนาหัวใจ เห็นกันมาหมดตั้งแต่ไหนแต่ไร เมื่อคืนก็ทวนความหลังกันไปเป็นที่เรียบร้อย
ขิมคนจริง 2019 ถึงใจจะสั่นแต่ก็สั่นสู้เว้ย!
..................................................
โปรดติดตามตอนต่อไป
อ่าน E-Book เต็มเรื่องได้ที่
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ