‘cause of a four letter word
เขียนโดย นามูจัง
วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 12.44 น.
แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 01.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ตอนที่ 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ตอนที่ 2
ภาม PART
แกร๊ก
“ ..นี่เธอ ” ร่างบางใบหน้าหวานฟุบหน้าลงกับเตียง เธอหลับไปทั้งแบบนี้ได้ยังไงกัน ผมพยายามเรียกเธอ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ จนต้องเอื้อมมือไปแตะเบาๆ ที่ไหล่ของเธอ
“ อือ.. พะ พี่ภาม ขอโทษนะคะ นะ นิ้งเผลอหลับน่ะค่ะ ” เธอตาโตด้วยความตกใจ แต่พอรู้ว่าเป็นผมก็รีบก้มหน้าลงอีกครั้ง ทุกครั้งเธอมักจะไม่สบตาผม หึ คงจะกลัวสินะ
“ เอาล่ะ.. ห้องพักของเธอแม่บ้านจะนำทางไป ส่วนอาหารเย็นจะอยู่ทานด้วยกันหรือไม่ก็ตามใจเธอ ” ผมมองออกเพราะอาการตื่นๆ ของเธอ มันทำให้รู้ว่าเธออาจจะไม่ได้สนใจอยากจะร่วมโต๊ะอาหารกับเรานัก
“ จะ จริงสิคะ นิ้งยังไม่ทันทักทายคุณย่ากับคุณแม่ของพี่ภามเลยสินะคะ ” เธอยิ้มแห้งๆ ให้ผม มันเป็นท่าทางที่กำลังลำบากใจ
“ ...เป็นว่าเธอจะมาทานข้าวเย็นสินะ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่ห้องอาหาร ” ผมจัดการออกคำสั่งเสร็จก็กะจะเดินจากไป แต่เสียงเล็กเรียกไว้ก่อน
“ เดียวค่ะ ” ผมหยุดฝีเท้าและหันไปมองเพื่อรอฟัง
“ คือ... พี่ภามพอจะบอกได้ไหมคะว่าอยากจะ.. ให้นิ้งช่วยอะไร ” เธอก้มหน้าบีบมือตัวเอง โดยแอบเหลือบมองผม แต่พอรู้ว่าผมจ้องอยู่ก่อนแล้วจึงรีบหลุบตาลง
“ ...อยากรู้ขนาดนั้นเลยสินะ ” ผมแกล้งเดินเข้าไปใกล้เธอ ท่าทางตื่นๆ นั่นของเธอเป็นสิ่งที่ผมชอบ และรู้สึกว่ามันสนุก
“ เอ่อ.. ใช่ค่ะ ” เธอมองผมด้วยความกลัว ถ้ามองไม่ผิดผมเห็นเธอกำลังพยายามเคลื่อนตัวหนีเช่นกัน
“ นั่นสินะ... ฉันจะให้เธอช่วยอะไรดีล่ะ ” ผมยังคงแกล้งแหย่เธอด้วยการเอื้อมมือไปช้อนคางเธอขึ้นเบาๆ
“ พะ พี่ภามคะ ” เธอตกใจและกำลังสั่นเทาแต่ก็ไม่ได้หนีอย่างใด ผมรู้ว่าเธอกำลังอดทนอยู่ ดวงตากลมโตกำลังเสมองด้านข้างโดยไม่สบตาผมตรงๆ ขณะพูด หึ แค่นี้ก็สั่นแล้วรึไง
“ เธอนี่... เหมือนแม่ของเธอไม่มีผิด ทั้งริมฝีปากนี้ จมูกนี้ ดวงตานี้ และเส้นผมแบบนี้ ” ผมต้อนเธออีกครั้งด้วยการไล่นิ้วไปทั่วใบหน้าของเธอที่ละจุดๆ คะนิ้งหลับตาลง ผมสังเกตุเห็นบ่อน้ำตาที่กำลังเริ่มก่อตัว เธอคงพยายามกลั่นมันไว้ คิดว่าผมจะทำอะไรคนอย่างเธองั้นหรอ ยิ่งมองยิ่งทำให้นึกถึงผู้หญิงคนนั้น คนที่แย่งทุกอย่างของแม่ผมไป ผู้หญิงที่เป็นคนทำลายครอบครัวของผมจนพังพินาศ
“ ปะ ปล่อยนิ้งเถอะค่ะ อึก ” เรียวมือเล็กแตะเบาๆ ที่ข้อมือของผมที่กำลังประครองใบหน้าของเธออยู่ แต่เพราะความรู้สึกโกรธจนเผลอบีบปลายคางมลนั้นเข้า เธอจึงสะอื้นเล็กๆ คงคิดว่าผมตั้งใจสินะ หยดน้ำเล็กๆ ที่หางตาก่อตัวขึ้นในขณะที่เธอหลับตาสะกดกลั่นมันเอาไว้ ใบหน้าเล็กตอนนี้อยู่ภายในฝ่ามือของผม ยอมรับได้เลยว่าเธอมีหน้าตาที่น่ารักมากทีเดียว และด้วยกริยามารยาทแล้วล่ะก็ น่าจะเป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่ง แต่ถ้าไม่ใช่เพราะปมปัญญาระหว่างเรา มันคงไม่ทำให้ผมคิดว่า ใบหน้ายามร้องไห้ของเธอคงจะดูดีไม่ต่างจากตอนปกติเลยเช่นกัน คิดได้ดังนั้นผมจึงปล่อยมือออก เอาไว้มาเล่นกันต่อ เรายังต้องเจอกันอีกนาน
“ หึ เรื่องนั้นฉันจะบอกทีหลัง เธอมีหน้าที่แค่ทำตามไม่จำเป็นต้องรู้ ” ผมกอดอกมองกดดันเธออีกครั้ง
“ ...ค่ะ ” เธอตอบเสียงเบา และหันหลังซ่อนใบหน้า เพื่อปาดน้ำตาตัวเอง
“ เจอกันที่ห้องอาหาร ”
“ ...ค่ะ ” เธอขานรับเสียงเบาอีกครั้ง เป็นการจบบทสนทนา
คะนิ้ง PART
ห้องอาหาร
“ เอ่อ... มีอะไรให้นิ้งช่วยไหมคะ ” ฉันขึ้นบนห้องนอนที่สาวใช้จัดเตรียมไว้ให้ และไม่นานก็ลงมาข้างล่างอีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือสาวใช้ในครัว แต่ดูเหมือนทุกคนจะตกใจที่ฉันเข้ามา และพยายามเชิญให้ฉันออกไปจากบริเวณครัว ทำไมกันนะ ฉันก็แค่อยากจะช่วยเอง
“ นั่งรอเฉยๆ เถอะค่ะคุณนิ้ง อย่าทำให้พวกป้าโดนดุเลยนะคะ ” ป้าใจออกมาพูดกับฉันหลังจากที่เดินออกมาพ้นบริเวณครัวแล้ว
“ ...ก็ได้ค่ะ ว่าแต่อาหารของคุณพ่อล่ะคะ ” ฉันถามถึงคุณพ่อที่ยังนอนหลับ
“ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ อาหารถูกจัดเตรียมโดยพยาบาลของเครือธนาสวัสดิ์เองค่ะ ” ใช่แล้วล่ะ กิจการที่บ้านของคุณพ่อคือโรงพยาบาล เดิมทีคุณพ่อก็เป็นแพทย์ที่มีความสามารถ พี่ภามเองก็เช่นกัน ตอนนี้ก็กำลังฝึกงานที่โรงพยาบาลของคุณพ่อ เพื่อรับช่วงต่อกิจการ
“ งั้นนิ้งจะขอไปแวะหาตอนที่คุณพ่อทานข้าวได้ไหมคะ ” ฉันพูดอย่างมีความสุข
“ ฉันไม่อนุญาต ” ยังไม่ทันจบดีก็มีเสียงดังมาจากบันไดชั้นสอง พอหันไปก็พบคุณย่าและคุณมณีเดินลงมา ท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตรนัก ฉันรู้สึกตัวจึงยกมือขึ้นพนมไหว้ด้วยความนอบน้อม
“ สวัสดีค่ะคุณย่า สวัสดีค่ะคุณมณี ” ฉันยิ้มน้อยๆ ทักทายท่านทั้งสอง แม้จะรู้ดีว่าพวกท่านไม่ชอบฉันขนาดไหนก็ตาม
“ ฉันไม่รับ ” คุณย่าพูดต่อ พวกท่านทั้งสองเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารข้างหน้าฉัน
“ ...คะนิ้งขอรบกวนค้างที่บ้านใหญ่คืนนี้นะคะ คือนิ้งอยากจะคุยกับคุณพ่อน่ะค่ะ ” ฉันสูดหายใจเข้าปอด พูดด้วยความนอบน้อม โดยไม่ได้ขยับเข้าไปใกล้โต๊ะอาหาร กลัวว่าจะเสียบรรยากาศเปล่าๆ ฉันตัดสินใจไม่ร่วมโต๊ะอาหารด้วยน่าจะเป็นการดีกว่า
“ นั่งก่อนสิ ” คุณมณีพูดขึ้น ปลายตามองฉันนิดๆ คุณแม่ของพี่ภามเป็นผู้หญิงที่สวยและมีเสน่ห์ ท่าทางมีเกียรติสมกับเป็นคนที่คุณย่าเลือกให้แต่งงานกับคุณพ่อ
“ เอ่อ... จะดีหรอคะ คะนิ้งว่าไม่รบกวน.. ” ยังไม่จบประโยคก็โดนขัดด้วยเสียงของผู้มาใหม่
“ คุณแม่บอกก็ทำตามซะสิ ” พี่ภามเอ่ยดุฉัน และเลื่อนเก้าอี้เพื่อเข้าร่วมโต๊ะอาหารมื้อนี้
“ ...เข้าใจแล้วค่ะ ” ฉันเดินเข้าไปด้วยความกลัว หัวใจกำลังเต้นแรง ทั้งตื่นเต้นและรู้สึกอึดอัด ฉันกลัวจะไปทำอะไรให้พวกเขาไม่พอใจ ยิ่งมาร่วมโต๊ะกินข้าวกันแล้วยิ่งรู้สึกใจคอไม่ดี ฉันต้องอดทนให้ได้สิ
ครืด
“ ... ” ทุกอย่างดูเงียบไปหมด สายตาหลายคู่จับจ้องทุกการกระทำของฉัน ฉันค่อยๆ ยกเก้าอี้และลดตัวลงนั่ง ด้านขวาคือพี่ภาม ฉันรู้สึกเกร็งอย่างมากเมื่อต้องมาอยู่ใกล้กันอีกครั้ง
อาหารถูกลำเลียงลงมาบนโต๊ะอาหาร ระหว่างนั้นพวกเขาก็พูดคุยกันตามปกติโดยทำเหมือนว่าฉันไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ด้วย และด้วยความที่ฉันเกร็งไปหมด ไม่รู้จะหยิบจับอะไร จึงทำได้เพียงแค่จิบน้ำเปล่าเท่านั้น จนพี่ภามสังเกตุเห็นและถามขึ้น
“ เป็นคนกินยากรึไง ” พี่ภามหันมาพูดเสียงนิ่ง
“ ปะ เปล่าค่ะ นิ้งแค่.. ยังไม่ค่อยหิวน่ะค่ะ ” ฉันตอบไปตามตรง รู้สึกน้ำย่อยไม่ทำงานอย่างที่พูดจริงๆ
“ กุยช่าย.. เธอคงกินได้นะ ” พี่ภามคีบผัดผักมาวางบนจานของฉัน
“ คือคะนิ้ง.. ” จะบอกยังไงดี ฉันดันแพ้กุยช่ายน่ะสิ
“ แหม เป็นเด็กทานยากจริงๆ สินะ แม่ของเธอคงต้องเหนื่อยเลี้ยงดูเธอแน่ๆ เลยสิ เดิมทีก็เป็นชาวบ้านไม่ใช่หรอ ทำไมผักแค่นี้ถึงได้เลือกทานนะ ” คุณมณีแอบฟังอยู่นาน จนพูดประโยคที่ทำให้ฉันรู้สึกจุกๆ ขึ้น
“ ไม่ใช่ยังงั้นหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะพี่ภาม ” ฉันหันไปปฏิเสธคำพูดเหล่านั้น และหันไปขอบคุณพี่ภาม สองมือรวบตะเกียบในมือเพื่อเตรียมใช้มันคีบผักตรงหน้า คงจะปฏิเสธไม่ได้สินะ อาจจะดูเสียมารยาทไปหน่อย นี่ฉันต้องเสี่ยงชีวิตกลืนมันลงไปจริงๆ ใช่ไหม เอาล่ะ ยาแก้แพ้ก็อยู่ในกระเป๋า สู้สิยัยคะนิ้งเธอทำได้อยู่แล้ว
“ ทานกันต่อเถอะ เสียบรรยากาศ ” คุณย่าพูดขึ้นบ้าง ในตอนนั้นฉันรู้สึกร้อนๆ ที่ขอบตาทั้งสองข้าง ทั้งยังรู้สึกเจ็บนิดๆ ที่โดนพวกเขาพูดจาดูถูกเหมือนกับฉันเป็นที่รังเกียจของพวกเขาที่ต้องมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย
ฉันเคี้ยวและกลืนผักกุ่ยช่ายลง ต่อจากนั้นพี่ภามก็เหมือนรู้ว่าฉันรู้สึกไม่ดีกับมัน เขาจึงถือโอกาสคีบมันมาให้ฉันอีกครั้งหนึ่งอย่างไม่รีรอ โอเค ฉันเข้าใจแล้วว่าพี่คงจะไม่ชอบหน้าฉันจริงๆ ก็ช่วยไม่ได้นะ ในเมื่อบ้านของเขาต้องทะเลาะกันเพราะแม่ของฉันเป็นสาเหตุ แต่ฉันไม่เคยโทษท่านเลยว่าทำให้ฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ ฉันเชื่อว่าคนใจดีอย่างคุณแม่ต้องมีเหตุผลอะไรแน่นอน
“ แค๊กๆ อึก ” ฉันกินผักตรงหน้าจนเกลี้ยง แทบจะเรียกได้ว่าพี่ภามคีบทั้งจานมาให้ฉันคนเดียว รู้สึกแน่นหน้าอกและจุกไปหมด ตอนนี้ฉันหายใจลำบาก เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงรีบขอตัวออกมาเพราะรู้ดีว่าอาการทำท่าจะแย่ลงกว่าเดิม
“ นะ นิ้งขอตัว.. อึก ก่อนนะคะ ” ฉันฝืนยิ้มและพยายามประครองตัวเองเดินออกมา มือซ้ายกุมอกราวกับมีก้อนหนักๆ ทับเอาไว้ มันแน่นไปหมด ฉันยังไม่เคยเป็นถึงขนาดนี้เลย ครั้งนี้น่าจะเกินที่ร่างกายรับไหวจริงๆ ต้องรีบกินยาโดยด่วนก่อนที่จะแย่ไปกว่านี้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ