เร้นรักมธุรสลวง
-
เขียนโดย Phaky
วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 14.20 น.
39 ตอน
3 วิจารณ์
39.00K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2562 13.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) ห่วงใย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ป้านวลขา ขอลำไยให้ลาดาหน่อยค่ะ”
หลังจากเทน้ำตาลทรายลงในหม้อและน้ำตาลละลายจนหมด มือบางก็เร่งคนทัพพีกวนข้าวเหนียวที่แตกเม็ดบ่งบอกว่าใกล้จะสุกได้ที่ไม่ให้จับตัวติดกันเป็นก้อน ก่อนยื่นมือมาขอถ้วยใส่ลำไยที่แกะเม็ดออกแล้วจากป้านวล แม่บ้านคนเก่าคนแก่ของบ้านบารมีเสียดฟ้าที่มายืนอยู่ใกล้ๆคอยเป็นลูกมือ
“ขอบคุณค่ะ”
เจ้าของเสียงหวานพอๆกับใบหน้าเอ่ยขอบคุณทันทีที่ถ้วยลำไยถูกยื่นมาให้ ลันลาดาหรี่แก๊สลงเล็กน้อย จากนั้นจึงทยอยเทลำไยลูกโตเนื้อหวานฉ่ำลงในหม้อ มือบางคนลำไยกับข้าวเหนียวที่กำลังเดือดปุดๆให้เข้ากัน ในตอนนี้สมาธิของลันลาดาควรจดจ่ออยู่กับขนมในหม้อ แต่ไม่รู้ทำไมสมองถึงเอาแต่ย้อนนึกถึงใบหน้าของคนใจดีที่อาสาเก็บลำไยสดๆจากต้นให้หญิงสาวเสียนี่
“รอพี่นานไหม” หลังกลับจากจัดการหัวขโมย คมพัชญ์ก็ย้อนกลับมาหาลันลาดาตามสัญญา
“ไม่นานหรอกค่ะ คุณคมคะ ลาดามีเรื่องจะขออนุญาตค่ะ”
“เรียกพี่คมก่อนสิ แล้วพี่จะยอมตามใจทุกอย่าง”
“ค่ะ เอ่อ...พี่คม”
“ว่าง่ายจริง ว่ามาสิครับ จะขออนุญาตจากพี่เรื่องอะไร”
แค่คมพัชญ์อนุญาตคำเดียวก็เพียงพอแล้วหรือเปล่า ไม่เห็นมีความจำเป็นที่ชายหนุ่มจะต้องสาวเท้าเข้ามาใกล้จนอกกว้างของเขากับเธออยู่ห่างกันแค่คืบ พาให้หัวใจดวงน้อยของเธอสั่นระรัวกับความใกล้ชิดนี้ ลันลาดาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แค่อกเขากับอกเธอใกล้กันก็ว่าหายใจลำบากมากแล้ว แต่ใบหน้าคมแฝงรอยหยักยิ้มมุมปากที่ก้มลงต่ำนี่สิ คมพัชญ์จำเป็นต้องก้มหน้าลงมาถามเธอชิดถึงเพียงนี้เชียวหรือ อีกนิดเดียวจมูกโด่งคมของเขาก็เกือบจะแตะกับปลายจมูกเล็กๆของเธอแล้วนะ ชายหนุ่มไม่รู้หรือไรว่ามันทำให้เธอหายใจติดขัด พอๆกับริมฝีปากที่จะพูดจะจาก็พลอยติดอ่างไปด้วย
“คะ..คือ คือลาดา จะ..จะขอเก็บลำไยในสวนของพี่คมได้ไหมคะ”
“เอาสิ ลาดาเก็บได้ตามชอบเลย จะให้พี่ป้อนด้วยก็ได้”
มือไม่ใช่หรือที่คมพัชญ์อาสาใช้ป้อนลำไยให้เธอชิม แต่ทำไมเขาถึงก้มหน้าลงมาชิดกว่าเดิมเหมือนต้องการนำเสนอริมฝีปากของเขาให้เธอลิ้มรสล่ะ แล้วจำเป็นไหมที่เขาจะต้องเกลี่ยปลายนิ้วโป้งกับผิวแก้มร้อนฉ่าของเธอเล่นขณะที่กำลังคุยกัน
“เปล่านะคะ ลาดาไม่ได้จะชิมเหมือนเมื่อกี้ แต่ลาดาอยากได้ไปทำข้าวเหนียวเปียกลำไยค่ะ”
“ข้าวเหนียวเปียกลำไย? ลาดาจะทำเอง?”
“ค่ะ”
ลันลาดายิ้มหวานเมื่อมองเห็นความหมายในดวงตาของคมพัชญ์ที่มองเธอ หากไม่กลัวจะเสียมารยาท ชายหนุ่มคงอยากถามว่า หน้าอย่างเธอนี่ทำขนมเป็นด้วยหรือ มากกว่าด้วยซ้ำ และเมื่อเธอตอบรับด้วยความมั่นใจ คมพัชญ์ก็ไม่ว่าอะไรอีกนอกจากอาสาเป็นคนเลือกเก็บลำไยให้เธอด้วยตัวเอง ลันลาดาจึงมีเวลาแอบมองแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มแล้วลอบยิ้มขวยเขินอยู่คนเดียวกับความใกล้ชิดเมื่อครู่ เขินตั้งแต่มือใหญ่เริ่มเก็บลำไยช่อแรกจนคมพัชญ์จูงมือพาเธอกลับมาส่งถึงบ้าน แม้กระทั่งตอนนี้ที่ข้าวเหนียวเปียกลำไยของเธอกำลังจะสุกพร้อมเสิร์ฟ ความขัดเขินจนหัวใจกระหน่ำเต้นรุนแรงก็ยังไม่จางหาย
“พี่ว่าลำไยเปื่อยหมดแล้วมั้ง”
“อุ้ย! พะ..พี่คม!”
คิดอะไรเพลินๆ ไหล่บางก็สะดุ้งโหยงกับเสียงทุ้มที่ดังใกล้ราวกับเจ้าของเสียงนั้นก้มหน้ามาพูดอยู่ข้างใบหู ที่สำคัญคือไม่ใช่เสียงของป้านวลแน่ ด้วยสัญชาตญาณลันลาดาจึงหันขวับไปมองทิศทางเดียวกับต้นเสียง นั่นเป็นเหตุให้ไหล่บางกระตุกคำรบสองเมื่อพบว่าใบหน้าหน้าของคมพัชญ์อยู่ห่างกับใบหน้าของเธอไม่ถึงห้าเซนติเมตร ทำให้เธอมองเห็นความสาสมใจในแววตาสีดำชัดเจน ความใกล้ชิดแบบไม่ทันได้ตั้งตัวว่าคนที่อยู่ในห้วงคำนึงจะมาปรากฏกายอยู่ใกล้ๆทำให้ลันลาดายืนอ้าปากค้างเหมือนคนสติหลุดไปชั่วขณะ จึงเดือดร้อนคมพัชญ์ที่ต้องยื่นมือพาดผ่านเอวบางเข้าไปปิดเตาแก๊ส ก่อนดันแผ่นหลังเล็กให้เข้าหาตัวเอง
“ลาดา เป็นอะไรจ๊ะ ร้อนเหรอ จมูกแดงเชียว”
ดวงตากลมใสกะพริบปริบๆพลางคิดทบทวน อะไรนะ? ได้ยินแว่วๆว่าเมื่อกี้คมพัชญ์ถามเธอว่าร้อนใช่ไหม คงใช่ เธอรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองมันเห่อร้อนเหมือนมีไอจากน้ำเดือดเกาะอยู่บริเวณผิวหน้า และยิ่งร้อนมากขึ้นเมื่อถูกสองนิ้วของคมพัชญ์บีบปลายจมูกเรียวของเธอเหมือนมันคือของเล่นส่วนตัวของเขา สติพร่าๆยังไม่ทันประมวลคำถามแรก คมพัชญ์ก็ยิงคำพูดประโยคตัดพ้อต่อมาให้เธอยิ่งคิดอะไรไม่ออกไปกันใหญ่
“พี่พูดพี่คุยด้วยก็ทำเฉย งอนอะไรพี่หรือเปล่า หือ?”
คนตัวบางเร่งสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เมื่อรู้สึกว่าร่างกายมันหวิวโหวงคล้ายจะเป็นลม ยิ่งยามคมพัชญ์วางมือทั้งสองข้างกับขอบซิงค์ทำอาหารในลักษณะคร่อมร่างบาง กักร่างลันลาดาไว้ด้วยสองแขนแข็งแรงพร้อมทั้งลดใบหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกทั้งสองกำลังจะแตะแต้มกันอยู่เนืองๆ ลันลาดาก็พลันรู้สึกเหมือนจะจับไข้ มันมากกว่าความใกล้ชิด มันเหมือนมีแรงดึงดูดระหว่างเธอกับเขาบอกไม่ถูก แต่ที่ชัดเจนคือเธอไม่ได้นึกรังเกียจมันเลย ขนอ่อนบนเรือนกายบอบบางลุกซู่เมื่อเคราแข็งๆของคนที่จงใจยืนคร่อมร่างสัมผัสกับผิวแก้มอ่อนนุ่มยามคมพัชญ์ก้มใบหน้าเข้ามาถามใกล้ยิ่งกว่าเดิม
“ปละ..เปล่าค่ะ”
“เปล่าอะไร”
“ลาดาเปล่างอนพี่คมค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อย”
“ตกใจที่เห็นหน้าพี่?”
“ก็...ค่ะ พี่คมคะ ความหมายของลาดาคือตอนนี้พี่คมน่าจะอยู่ในสวน เพราะตอนมาส่ง พี่คมบอกว่าต้องกลับไปดูคนงานเก็บลำไย ไม่งั้นคงอยู่เป็นลูกมือให้ลาดา”
มันเป็นปฏิกิริยาที่ทำไปโดยอัตโนมัติ แม้แต่ตอนนี้ลันลาดาก็ยังไม่รู้ตัวว่าฝ่ามือนุ่มนิ่มที่ใช้ยันกับขอบซิงค์ทำอาหารในตอนแรกที่ถูกร่างสูงคุกคามนั้นขึ้นไปเกาะอยู่บริเวณไหล่หนาของคมพัชญ์เพื่อรั้งไม่ให้ชายหนุ่มถอยห่างด้วยความเข้าใจผิด เพราะเพียงแค่เห็นใบหน้าไม่สบอารมณ์ของชายหนุ่มตอนที่เธอตอบรับว่าตกใจที่เห็นใบหน้าของเขามาอยู่ใกล้ ลันลาดาก็รู้สึกเหมือนจะทนไม่ได้ที่เป็นต้นเหตุให้คมพัชญ์อารมณ์ขุ่นเคืองจึงต้องรีบแก้ไขความเข้าใจของชายหนุ่มโดยเร็ว
“พูดจริงหรือเปล่า”
ปากหรือก็ถามเหมือนยังแคลงใจ แต่สีหน้าของคมพัชญ์กลับผ่อนคลายเห็นได้ชัดเมื่อได้รับคำอธิบายเร็วจี๋ของแม่ครัวหน้าสวย ปลายนิ้วแข็งเกลี่ยผิวแก้มอุ่นของลันลาดาเล่นเอื่อยๆ แต่ภายในใจกลับกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อแผนแกล้งน้อยใจเพื่อหยั่งเชิงความรู้สึกได้ผลเกินคาด ปฏิกิริยาของลันลาดาแสดงให้รู้ว่าหญิงสาวแคร์ความรู้สึกของเขา น่าจะมากพอดูเชียวล่ะ และคมพัชญ์ก็ชอบชะมัดที่รู้ว่าตัวเองเป็นคนสำคัญของลันลาดา สตรีคนเดียวที่ติดตรึงอยู่ในความคิดของเขาตั้งแต่วันแรกที่ได้พบหน้าจนถึงกระทั่งตอนนี้
“ลาดาไม่กล้าโกหกพี่คมหรอกค่ะ”
“เด็กดี”
คนถูกถามตอบกลับตามประสาซื่อ หารู้ไม่เลยว่านั่นยิ่งเพิ่มความเอ็นดูในสายตาของคมพัชญ์ไปอีกหลายเท่าตัวจนแกล้งเก๊กหน้าขรึมไว้ไม่อยู่จำต้องยิ้มออกมาตามความรู้สึกแท้จริง เดิมทีไม่ได้ตั้งใจเข้ามาถอดรหัสความรู้สึกอะไรเลย เขาแค่อยากมาแอบดูว่าลันลาดานั้นลงมือทำขนมหวานอย่างที่บอกเขาตอนอยู่ในสวนลำไยจริงหรือเปล่า จึงทำทีเป็นหันหลังกลับเข้าไร่ แต่พอลันลาดาหันหลังให้ เขาก็ตามมาซุ่มดู หลักฐานจึงปรากฏคาตาว่าลันลาดาลงมือทำข้าวเหนียวเปียกลำไยด้วยตัวเองจริง โดยมีป้านวลคอยช่วยหยิบจับแค่เพียงเล็กน้อย ที่สำคัญคือเขายังเห็นว่าลันลาดาไม่ใช่คนถือตัว กับป้านวลหรือสาวใช้คนอื่นๆในบ้าน หญิงสาวก็พูดคุยด้วยวาจานุ่มนวลไพเราะเหมือนที่พูดกับเขากับพ่อ ลันลาดาน่ารักอ่อนหวานถึงเพียงนี้จึงเป็นเรื่องยากที่เขาจะอดใจไหว ทันทีที่เอ่ยชมจบแล้วได้เห็นสีแก้มแดงก่ำของคนขี้อายที่ค่อยๆเข้มขึ้น ปลายจมูกโด่งของคมพัชญ์ก็จรดลงบนแก้มนุ่มเสียงดังฟอด ทำเอาผิวแก้มสีแดงปลั่งของลันลาดายุบยวบตามแรงกด
“อุ้ย!”
นอกจากบิดาที่เคยกอดเคยหอมตามประสาพ่อลูกรักใคร่ นี่เป็นครั้งแรกที่ผิวแก้มของลันลาดาถูกบุรุษอื่นสัมผัส มือบางกุมแก้มตัวเองทันทีที่ถูกลวนลาม ดวงตากลมเบิกกว้างเงยขึ้นมองคมพัชญ์ด้วยความคาดไม่ถึง ปากอยากพูดอยากถามสารพัดแต่กลับไร้ซึ่งเสียงเพราะยังตกใจไม่หาย เสียงฟอดยังดังก้องในหู และช่วยไม่ได้เลยที่มันทำให้หญิงสาวนึกถึงแต่ตอนที่ใบหน้าของคมพัชญ์ก้มลงมาหา จนหัวใจดวงน้อยมันเต้นกระหน่ำ
“โกรธพี่ไหม”
ถามไปแต่ไม่ได้รับคำตอบ ปลายนิ้วสีแทนจึงเชยคางเรียวให้แหงนขึ้นสบตา ไม่เจอแววตารังเกียจในดวงตากลมสวย มองไม่เห็นความโกรธเกรี้ยวบนใบหน้าจิ้มลิ้ม ที่เห็นแจ่มชัดมีเพียงความขวยเขินสะเทิ้นอายตามประสาสาวน้อยไร้เดียงสา คมพัชญ์จึงสรุปเข้าข้างตัวเองว่าลันลาดาไม่โกรธกับพฤติกรรมจาบจ้วงของเขาเมื่อครู่ และด้วยความที่กลิ่นแก้มน้องช่างหอมติดจมูกเหลือเกิน ดวงตาคู่คมจึงมองแก้มอีกข้างที่ยังปลอดภัยจากจมูกร้ายกาจของเขาตาปรอยพลางคิดเข้าข้างตัวเองว่าไหนๆหญิงสาวก็ถูกส่งมาเพื่อเขาอยู่แล้ว ซึ่งอีกไม่นานเขาคงได้เชยชมมากกว่าแก้มหอมๆนี่แน่ ในวันนี้คมพัชญ์จึงย่ามใจก้มหน้าลง จรดปลายจมูกโด่งหอมแก้มแดงแปร๊ดอีกข้างเป็นมัดจำจากว่าที่นายหญิงของแฝดคนน้องแห่งไร่บารมีเสียดฟ้า
“อุ้ย! พะ..พี่คม!”
ของเก่ายังไม่ทันจะหายเขิน ปลายจมูกโด่งของคมพัชญ์ยังใจร้ายซ้ำเติมลงมาให้หัวใจดวงน้อยยิ่งเคลื่อนไหวรัวกระหน่ำไม่เป็นจังหวะ สองมือน้อยน่ารักยกขึ้นกุมแก้มทั้งสองข้าง นั่นยิ่งทำให้คนเอาแต่ใจเห็นความแดงปลั่งที่ตัดกับสีผิวขาวนวลของมือนุ่มนิ่มชัดเจน และก็อีกตามเคยที่ลันลาดาทำได้เพียงอุทาน ก่อนก้มหน้ามองพื้นเมื่อหันมองไปรอบกายด้วยกลัวมีบุคคลที่สามเข้ามาเห็นแล้วเจอเพียงดวงตาพราวระยับของคมพัชญ์ที่ตั้งใจก้มใบหน้าลงมาเสมอกับใบหน้าหวาน
“โทษพี่ไม่ได้หรอกนะ ก็ลาดาอยากแก้มหอมทำไมล่ะ”
คนอะไรทำผิดแล้วยังจะมีหน้ามากล่าวโทษคนอื่นหน้าระรื่น นั่นคือคำที่ลันลาดาอยากต่อว่าออกไปนักเมื่อถูกกล่าวหาในความผิดที่ไม่ได้ก่อ แต่ก็เก่งแค่เถียงในใจ แต่ไหนแต่ไรมาการตีฝีปากโต้ตอบไม่ใช่วิสัยของเธออยู่แล้ว ยิ่งเรื่องที่กำลังเป็นหัวข้อสนทนาสุ่มเสี่ยงว่ายิ่งพูดจะยิ่งเข้าเนื้อ และคู่ต่อสู้ก็แพรวพราวเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ สมองตื่นๆของเธอยิ่งคิดไม่ออกว่าต้องโต้กลับอย่างไรถึงจะไม่รู้สึกว่าถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียว อย่าว่าแต่หาคำมาเถียงเลย แค่ตอนนี้ประคองตัวให้ยืนอย่างไรไม่ให้เขินจนเป็นลมได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้วสำหรับตัวเธอเพราะสองขาและแขนมันสั่นไปหมด ลันลาดาลอบเหลือบสายตามองคนยิ้มกริ่มตรงหน้าแวบหนึ่งพลางคิดว่าคมพัชญ์ช่างเป็นบุคคลที่เป็นอันตรายกับสุขภาพยิ่งนัก ยามชายหนุ่มเข้าใกล้ทีไร หัวใจเธอทำงานหนักทุกที
“โอ๊ะ!”
เพราะเจ้าของแก้มป่องรู้สึกได้ถึงความร้อนของผิวแก้มตัวเองและเดาได้เลยว่ามันต้องแดงมาก และอาจยิ่งแดงเทียบเท่าลูกมะเขือเทศสุกงอมขึ้นไปอีกหากยังมีดวงตาแวววาวของคมพัชญ์ยืนจ้องอยู่แบบนี้ ลันลาดาจึงรวบรวมสมาธิทำใจกล้าพลิกร่างหันหลังให้คนเจ้าเล่ห์จมูกไว แล้วอาศัยของหวานบนเตาเป็นข้ออ้างในการหลบหลีก ทว่าหัวใจที่มันไม่อยู่กับร่องกับรอยผสมผสานกับความรีบเร่งจึงทำให้มือบางพลาดไปแตะกับขอบหม้อที่ยังมีความร้อนเคลือบแฝงอยู่เต็มเปี่ยม ส่งผลให้คนซุ่มซ่ามสะดุ้งโหยง
“ลาดา เจ็บตรงไหน!”
ร่างเล็กถูกมือใหญ่จับพลิกหันหน้าเข้าตัวทันทีที่ได้ยินเสียงใสร้องอุทาน มือบางที่สะบัดขับไล่ความแสบร้อนถูกคมพัชญ์คว้ามาอยู่ในระดับสายตา สีหน้าของชายหนุ่มไม่ดีเลย ดวงตาแพรวพราวก่อนหน้าก็พลอยเคร่งเครียดเมื่อเห็นรอยแดงบริเวณปลายนิ้วเล็กๆ
“ลาดาไม่เป็นไรค่ะพี่คม แค่นิดหน่อยเอง” ลันลาดาเอ่ยบอกให้คมพัชญ์คลายกังวลเมื่อหายตกใจ
“นิ้วแดงขนาดนี้ยังจะบอกว่านิดหน่อย เด็กโง่”
เมื่อครู่โทษเธอว่าแก้มหอมเกินไปก็ว่าน่าหยิกแล้ว มาตอนนี้คมพัชญ์ยังยัดเยียดให้เธอเป็นคนโง่ไปอีกข้อหา แต่คนถูกดุว่าโง่กลับโกรธไม่ลง เพราะกระแสเสียงของคนดุนั้นพาให้ลันลาดารู้สึกว่าคมพัชญ์เอ็นดูมากกว่าจะกล่าวหาตามคำพูด และที่ทำให้ลันลาดายอมเป็นคนโง่อย่างไร้ข้อขัดแย้งคงเป็นเพราะคนโง่คนนี้กำลังได้รับการดูแลจากคมพัชญ์อย่างน่ารัก ชายหนุ่มเป่ามือที่ถูกลวกให้เธอ จูงมือเธอไปล้างน้ำสะอาดจากก๊อก ลันลาดามองมือตัวเองแล้วอมยิ้มเขิน เพราะตั้งแต่เริ่มต้นดูแลจนถึงตอนนี้ที่บุรุษพยาบาลหน้าโหดกำลังใช้ทิชชูค่อยๆซับน้ำจากมือจนแห้ง คมพัชญ์ไม่แม้จะปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระสักวินาที ถ้ามองจากรูปลักษณ์ภายนอก ชายหนุ่มดูเป็นผู้ชายกร้าวกระด้างองอาจ แต่ทว่ามือของชายหนุ่มที่ช่วยปฐมพยาบาลกลับเบาแสนเบาและเต็มเปี่ยมไปด้วยความทะนุถนอมขัดกับบุคลิกภายนอกลิบลับ
“เดี๋ยวพี่พาไปทำแผล”
เพราะกำลังเคลิ้มกับวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น ลันลาดาจึงไม่ทันระวัง รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ร่างบางถูกท่อนแขนสีแทนอัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อตวัดขึ้นอุ้ม ไม่ทันได้ห้ามปรามหรือขัดขืน คมพัชญ์ก็ก้มหน้าลงจูบขมับบาง จากนั้นก็ก้าวยาวๆอุ้มพาร่างนุ่มออกไปจากห้องครัว เมื่อคนหนึ่งถนัดออกคำสั่งและอีกคนก็ไม่เคยมีปากมีเสียง ลันลาดาจึงทำได้เพียงสอดแขนโอบกอดรอบลำคอแข็งแกร่งตามเสียงทุ้มที่สั่งชิดใบหูแล้วปล่อยให้คมพัชญ์เป็นผู้จัดการทุกอย่าง
***************************************************************************************
หลังจากเทน้ำตาลทรายลงในหม้อและน้ำตาลละลายจนหมด มือบางก็เร่งคนทัพพีกวนข้าวเหนียวที่แตกเม็ดบ่งบอกว่าใกล้จะสุกได้ที่ไม่ให้จับตัวติดกันเป็นก้อน ก่อนยื่นมือมาขอถ้วยใส่ลำไยที่แกะเม็ดออกแล้วจากป้านวล แม่บ้านคนเก่าคนแก่ของบ้านบารมีเสียดฟ้าที่มายืนอยู่ใกล้ๆคอยเป็นลูกมือ
“ขอบคุณค่ะ”
เจ้าของเสียงหวานพอๆกับใบหน้าเอ่ยขอบคุณทันทีที่ถ้วยลำไยถูกยื่นมาให้ ลันลาดาหรี่แก๊สลงเล็กน้อย จากนั้นจึงทยอยเทลำไยลูกโตเนื้อหวานฉ่ำลงในหม้อ มือบางคนลำไยกับข้าวเหนียวที่กำลังเดือดปุดๆให้เข้ากัน ในตอนนี้สมาธิของลันลาดาควรจดจ่ออยู่กับขนมในหม้อ แต่ไม่รู้ทำไมสมองถึงเอาแต่ย้อนนึกถึงใบหน้าของคนใจดีที่อาสาเก็บลำไยสดๆจากต้นให้หญิงสาวเสียนี่
“รอพี่นานไหม” หลังกลับจากจัดการหัวขโมย คมพัชญ์ก็ย้อนกลับมาหาลันลาดาตามสัญญา
“ไม่นานหรอกค่ะ คุณคมคะ ลาดามีเรื่องจะขออนุญาตค่ะ”
“เรียกพี่คมก่อนสิ แล้วพี่จะยอมตามใจทุกอย่าง”
“ค่ะ เอ่อ...พี่คม”
“ว่าง่ายจริง ว่ามาสิครับ จะขออนุญาตจากพี่เรื่องอะไร”
แค่คมพัชญ์อนุญาตคำเดียวก็เพียงพอแล้วหรือเปล่า ไม่เห็นมีความจำเป็นที่ชายหนุ่มจะต้องสาวเท้าเข้ามาใกล้จนอกกว้างของเขากับเธออยู่ห่างกันแค่คืบ พาให้หัวใจดวงน้อยของเธอสั่นระรัวกับความใกล้ชิดนี้ ลันลาดาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แค่อกเขากับอกเธอใกล้กันก็ว่าหายใจลำบากมากแล้ว แต่ใบหน้าคมแฝงรอยหยักยิ้มมุมปากที่ก้มลงต่ำนี่สิ คมพัชญ์จำเป็นต้องก้มหน้าลงมาถามเธอชิดถึงเพียงนี้เชียวหรือ อีกนิดเดียวจมูกโด่งคมของเขาก็เกือบจะแตะกับปลายจมูกเล็กๆของเธอแล้วนะ ชายหนุ่มไม่รู้หรือไรว่ามันทำให้เธอหายใจติดขัด พอๆกับริมฝีปากที่จะพูดจะจาก็พลอยติดอ่างไปด้วย
“คะ..คือ คือลาดา จะ..จะขอเก็บลำไยในสวนของพี่คมได้ไหมคะ”
“เอาสิ ลาดาเก็บได้ตามชอบเลย จะให้พี่ป้อนด้วยก็ได้”
มือไม่ใช่หรือที่คมพัชญ์อาสาใช้ป้อนลำไยให้เธอชิม แต่ทำไมเขาถึงก้มหน้าลงมาชิดกว่าเดิมเหมือนต้องการนำเสนอริมฝีปากของเขาให้เธอลิ้มรสล่ะ แล้วจำเป็นไหมที่เขาจะต้องเกลี่ยปลายนิ้วโป้งกับผิวแก้มร้อนฉ่าของเธอเล่นขณะที่กำลังคุยกัน
“เปล่านะคะ ลาดาไม่ได้จะชิมเหมือนเมื่อกี้ แต่ลาดาอยากได้ไปทำข้าวเหนียวเปียกลำไยค่ะ”
“ข้าวเหนียวเปียกลำไย? ลาดาจะทำเอง?”
“ค่ะ”
ลันลาดายิ้มหวานเมื่อมองเห็นความหมายในดวงตาของคมพัชญ์ที่มองเธอ หากไม่กลัวจะเสียมารยาท ชายหนุ่มคงอยากถามว่า หน้าอย่างเธอนี่ทำขนมเป็นด้วยหรือ มากกว่าด้วยซ้ำ และเมื่อเธอตอบรับด้วยความมั่นใจ คมพัชญ์ก็ไม่ว่าอะไรอีกนอกจากอาสาเป็นคนเลือกเก็บลำไยให้เธอด้วยตัวเอง ลันลาดาจึงมีเวลาแอบมองแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มแล้วลอบยิ้มขวยเขินอยู่คนเดียวกับความใกล้ชิดเมื่อครู่ เขินตั้งแต่มือใหญ่เริ่มเก็บลำไยช่อแรกจนคมพัชญ์จูงมือพาเธอกลับมาส่งถึงบ้าน แม้กระทั่งตอนนี้ที่ข้าวเหนียวเปียกลำไยของเธอกำลังจะสุกพร้อมเสิร์ฟ ความขัดเขินจนหัวใจกระหน่ำเต้นรุนแรงก็ยังไม่จางหาย
“พี่ว่าลำไยเปื่อยหมดแล้วมั้ง”
“อุ้ย! พะ..พี่คม!”
คิดอะไรเพลินๆ ไหล่บางก็สะดุ้งโหยงกับเสียงทุ้มที่ดังใกล้ราวกับเจ้าของเสียงนั้นก้มหน้ามาพูดอยู่ข้างใบหู ที่สำคัญคือไม่ใช่เสียงของป้านวลแน่ ด้วยสัญชาตญาณลันลาดาจึงหันขวับไปมองทิศทางเดียวกับต้นเสียง นั่นเป็นเหตุให้ไหล่บางกระตุกคำรบสองเมื่อพบว่าใบหน้าหน้าของคมพัชญ์อยู่ห่างกับใบหน้าของเธอไม่ถึงห้าเซนติเมตร ทำให้เธอมองเห็นความสาสมใจในแววตาสีดำชัดเจน ความใกล้ชิดแบบไม่ทันได้ตั้งตัวว่าคนที่อยู่ในห้วงคำนึงจะมาปรากฏกายอยู่ใกล้ๆทำให้ลันลาดายืนอ้าปากค้างเหมือนคนสติหลุดไปชั่วขณะ จึงเดือดร้อนคมพัชญ์ที่ต้องยื่นมือพาดผ่านเอวบางเข้าไปปิดเตาแก๊ส ก่อนดันแผ่นหลังเล็กให้เข้าหาตัวเอง
“ลาดา เป็นอะไรจ๊ะ ร้อนเหรอ จมูกแดงเชียว”
ดวงตากลมใสกะพริบปริบๆพลางคิดทบทวน อะไรนะ? ได้ยินแว่วๆว่าเมื่อกี้คมพัชญ์ถามเธอว่าร้อนใช่ไหม คงใช่ เธอรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองมันเห่อร้อนเหมือนมีไอจากน้ำเดือดเกาะอยู่บริเวณผิวหน้า และยิ่งร้อนมากขึ้นเมื่อถูกสองนิ้วของคมพัชญ์บีบปลายจมูกเรียวของเธอเหมือนมันคือของเล่นส่วนตัวของเขา สติพร่าๆยังไม่ทันประมวลคำถามแรก คมพัชญ์ก็ยิงคำพูดประโยคตัดพ้อต่อมาให้เธอยิ่งคิดอะไรไม่ออกไปกันใหญ่
“พี่พูดพี่คุยด้วยก็ทำเฉย งอนอะไรพี่หรือเปล่า หือ?”
คนตัวบางเร่งสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เมื่อรู้สึกว่าร่างกายมันหวิวโหวงคล้ายจะเป็นลม ยิ่งยามคมพัชญ์วางมือทั้งสองข้างกับขอบซิงค์ทำอาหารในลักษณะคร่อมร่างบาง กักร่างลันลาดาไว้ด้วยสองแขนแข็งแรงพร้อมทั้งลดใบหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกทั้งสองกำลังจะแตะแต้มกันอยู่เนืองๆ ลันลาดาก็พลันรู้สึกเหมือนจะจับไข้ มันมากกว่าความใกล้ชิด มันเหมือนมีแรงดึงดูดระหว่างเธอกับเขาบอกไม่ถูก แต่ที่ชัดเจนคือเธอไม่ได้นึกรังเกียจมันเลย ขนอ่อนบนเรือนกายบอบบางลุกซู่เมื่อเคราแข็งๆของคนที่จงใจยืนคร่อมร่างสัมผัสกับผิวแก้มอ่อนนุ่มยามคมพัชญ์ก้มใบหน้าเข้ามาถามใกล้ยิ่งกว่าเดิม
“ปละ..เปล่าค่ะ”
“เปล่าอะไร”
“ลาดาเปล่างอนพี่คมค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อย”
“ตกใจที่เห็นหน้าพี่?”
“ก็...ค่ะ พี่คมคะ ความหมายของลาดาคือตอนนี้พี่คมน่าจะอยู่ในสวน เพราะตอนมาส่ง พี่คมบอกว่าต้องกลับไปดูคนงานเก็บลำไย ไม่งั้นคงอยู่เป็นลูกมือให้ลาดา”
มันเป็นปฏิกิริยาที่ทำไปโดยอัตโนมัติ แม้แต่ตอนนี้ลันลาดาก็ยังไม่รู้ตัวว่าฝ่ามือนุ่มนิ่มที่ใช้ยันกับขอบซิงค์ทำอาหารในตอนแรกที่ถูกร่างสูงคุกคามนั้นขึ้นไปเกาะอยู่บริเวณไหล่หนาของคมพัชญ์เพื่อรั้งไม่ให้ชายหนุ่มถอยห่างด้วยความเข้าใจผิด เพราะเพียงแค่เห็นใบหน้าไม่สบอารมณ์ของชายหนุ่มตอนที่เธอตอบรับว่าตกใจที่เห็นใบหน้าของเขามาอยู่ใกล้ ลันลาดาก็รู้สึกเหมือนจะทนไม่ได้ที่เป็นต้นเหตุให้คมพัชญ์อารมณ์ขุ่นเคืองจึงต้องรีบแก้ไขความเข้าใจของชายหนุ่มโดยเร็ว
“พูดจริงหรือเปล่า”
ปากหรือก็ถามเหมือนยังแคลงใจ แต่สีหน้าของคมพัชญ์กลับผ่อนคลายเห็นได้ชัดเมื่อได้รับคำอธิบายเร็วจี๋ของแม่ครัวหน้าสวย ปลายนิ้วแข็งเกลี่ยผิวแก้มอุ่นของลันลาดาเล่นเอื่อยๆ แต่ภายในใจกลับกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อแผนแกล้งน้อยใจเพื่อหยั่งเชิงความรู้สึกได้ผลเกินคาด ปฏิกิริยาของลันลาดาแสดงให้รู้ว่าหญิงสาวแคร์ความรู้สึกของเขา น่าจะมากพอดูเชียวล่ะ และคมพัชญ์ก็ชอบชะมัดที่รู้ว่าตัวเองเป็นคนสำคัญของลันลาดา สตรีคนเดียวที่ติดตรึงอยู่ในความคิดของเขาตั้งแต่วันแรกที่ได้พบหน้าจนถึงกระทั่งตอนนี้
“ลาดาไม่กล้าโกหกพี่คมหรอกค่ะ”
“เด็กดี”
คนถูกถามตอบกลับตามประสาซื่อ หารู้ไม่เลยว่านั่นยิ่งเพิ่มความเอ็นดูในสายตาของคมพัชญ์ไปอีกหลายเท่าตัวจนแกล้งเก๊กหน้าขรึมไว้ไม่อยู่จำต้องยิ้มออกมาตามความรู้สึกแท้จริง เดิมทีไม่ได้ตั้งใจเข้ามาถอดรหัสความรู้สึกอะไรเลย เขาแค่อยากมาแอบดูว่าลันลาดานั้นลงมือทำขนมหวานอย่างที่บอกเขาตอนอยู่ในสวนลำไยจริงหรือเปล่า จึงทำทีเป็นหันหลังกลับเข้าไร่ แต่พอลันลาดาหันหลังให้ เขาก็ตามมาซุ่มดู หลักฐานจึงปรากฏคาตาว่าลันลาดาลงมือทำข้าวเหนียวเปียกลำไยด้วยตัวเองจริง โดยมีป้านวลคอยช่วยหยิบจับแค่เพียงเล็กน้อย ที่สำคัญคือเขายังเห็นว่าลันลาดาไม่ใช่คนถือตัว กับป้านวลหรือสาวใช้คนอื่นๆในบ้าน หญิงสาวก็พูดคุยด้วยวาจานุ่มนวลไพเราะเหมือนที่พูดกับเขากับพ่อ ลันลาดาน่ารักอ่อนหวานถึงเพียงนี้จึงเป็นเรื่องยากที่เขาจะอดใจไหว ทันทีที่เอ่ยชมจบแล้วได้เห็นสีแก้มแดงก่ำของคนขี้อายที่ค่อยๆเข้มขึ้น ปลายจมูกโด่งของคมพัชญ์ก็จรดลงบนแก้มนุ่มเสียงดังฟอด ทำเอาผิวแก้มสีแดงปลั่งของลันลาดายุบยวบตามแรงกด
“อุ้ย!”
นอกจากบิดาที่เคยกอดเคยหอมตามประสาพ่อลูกรักใคร่ นี่เป็นครั้งแรกที่ผิวแก้มของลันลาดาถูกบุรุษอื่นสัมผัส มือบางกุมแก้มตัวเองทันทีที่ถูกลวนลาม ดวงตากลมเบิกกว้างเงยขึ้นมองคมพัชญ์ด้วยความคาดไม่ถึง ปากอยากพูดอยากถามสารพัดแต่กลับไร้ซึ่งเสียงเพราะยังตกใจไม่หาย เสียงฟอดยังดังก้องในหู และช่วยไม่ได้เลยที่มันทำให้หญิงสาวนึกถึงแต่ตอนที่ใบหน้าของคมพัชญ์ก้มลงมาหา จนหัวใจดวงน้อยมันเต้นกระหน่ำ
“โกรธพี่ไหม”
ถามไปแต่ไม่ได้รับคำตอบ ปลายนิ้วสีแทนจึงเชยคางเรียวให้แหงนขึ้นสบตา ไม่เจอแววตารังเกียจในดวงตากลมสวย มองไม่เห็นความโกรธเกรี้ยวบนใบหน้าจิ้มลิ้ม ที่เห็นแจ่มชัดมีเพียงความขวยเขินสะเทิ้นอายตามประสาสาวน้อยไร้เดียงสา คมพัชญ์จึงสรุปเข้าข้างตัวเองว่าลันลาดาไม่โกรธกับพฤติกรรมจาบจ้วงของเขาเมื่อครู่ และด้วยความที่กลิ่นแก้มน้องช่างหอมติดจมูกเหลือเกิน ดวงตาคู่คมจึงมองแก้มอีกข้างที่ยังปลอดภัยจากจมูกร้ายกาจของเขาตาปรอยพลางคิดเข้าข้างตัวเองว่าไหนๆหญิงสาวก็ถูกส่งมาเพื่อเขาอยู่แล้ว ซึ่งอีกไม่นานเขาคงได้เชยชมมากกว่าแก้มหอมๆนี่แน่ ในวันนี้คมพัชญ์จึงย่ามใจก้มหน้าลง จรดปลายจมูกโด่งหอมแก้มแดงแปร๊ดอีกข้างเป็นมัดจำจากว่าที่นายหญิงของแฝดคนน้องแห่งไร่บารมีเสียดฟ้า
“อุ้ย! พะ..พี่คม!”
ของเก่ายังไม่ทันจะหายเขิน ปลายจมูกโด่งของคมพัชญ์ยังใจร้ายซ้ำเติมลงมาให้หัวใจดวงน้อยยิ่งเคลื่อนไหวรัวกระหน่ำไม่เป็นจังหวะ สองมือน้อยน่ารักยกขึ้นกุมแก้มทั้งสองข้าง นั่นยิ่งทำให้คนเอาแต่ใจเห็นความแดงปลั่งที่ตัดกับสีผิวขาวนวลของมือนุ่มนิ่มชัดเจน และก็อีกตามเคยที่ลันลาดาทำได้เพียงอุทาน ก่อนก้มหน้ามองพื้นเมื่อหันมองไปรอบกายด้วยกลัวมีบุคคลที่สามเข้ามาเห็นแล้วเจอเพียงดวงตาพราวระยับของคมพัชญ์ที่ตั้งใจก้มใบหน้าลงมาเสมอกับใบหน้าหวาน
“โทษพี่ไม่ได้หรอกนะ ก็ลาดาอยากแก้มหอมทำไมล่ะ”
คนอะไรทำผิดแล้วยังจะมีหน้ามากล่าวโทษคนอื่นหน้าระรื่น นั่นคือคำที่ลันลาดาอยากต่อว่าออกไปนักเมื่อถูกกล่าวหาในความผิดที่ไม่ได้ก่อ แต่ก็เก่งแค่เถียงในใจ แต่ไหนแต่ไรมาการตีฝีปากโต้ตอบไม่ใช่วิสัยของเธออยู่แล้ว ยิ่งเรื่องที่กำลังเป็นหัวข้อสนทนาสุ่มเสี่ยงว่ายิ่งพูดจะยิ่งเข้าเนื้อ และคู่ต่อสู้ก็แพรวพราวเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ สมองตื่นๆของเธอยิ่งคิดไม่ออกว่าต้องโต้กลับอย่างไรถึงจะไม่รู้สึกว่าถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียว อย่าว่าแต่หาคำมาเถียงเลย แค่ตอนนี้ประคองตัวให้ยืนอย่างไรไม่ให้เขินจนเป็นลมได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้วสำหรับตัวเธอเพราะสองขาและแขนมันสั่นไปหมด ลันลาดาลอบเหลือบสายตามองคนยิ้มกริ่มตรงหน้าแวบหนึ่งพลางคิดว่าคมพัชญ์ช่างเป็นบุคคลที่เป็นอันตรายกับสุขภาพยิ่งนัก ยามชายหนุ่มเข้าใกล้ทีไร หัวใจเธอทำงานหนักทุกที
“โอ๊ะ!”
เพราะเจ้าของแก้มป่องรู้สึกได้ถึงความร้อนของผิวแก้มตัวเองและเดาได้เลยว่ามันต้องแดงมาก และอาจยิ่งแดงเทียบเท่าลูกมะเขือเทศสุกงอมขึ้นไปอีกหากยังมีดวงตาแวววาวของคมพัชญ์ยืนจ้องอยู่แบบนี้ ลันลาดาจึงรวบรวมสมาธิทำใจกล้าพลิกร่างหันหลังให้คนเจ้าเล่ห์จมูกไว แล้วอาศัยของหวานบนเตาเป็นข้ออ้างในการหลบหลีก ทว่าหัวใจที่มันไม่อยู่กับร่องกับรอยผสมผสานกับความรีบเร่งจึงทำให้มือบางพลาดไปแตะกับขอบหม้อที่ยังมีความร้อนเคลือบแฝงอยู่เต็มเปี่ยม ส่งผลให้คนซุ่มซ่ามสะดุ้งโหยง
“ลาดา เจ็บตรงไหน!”
ร่างเล็กถูกมือใหญ่จับพลิกหันหน้าเข้าตัวทันทีที่ได้ยินเสียงใสร้องอุทาน มือบางที่สะบัดขับไล่ความแสบร้อนถูกคมพัชญ์คว้ามาอยู่ในระดับสายตา สีหน้าของชายหนุ่มไม่ดีเลย ดวงตาแพรวพราวก่อนหน้าก็พลอยเคร่งเครียดเมื่อเห็นรอยแดงบริเวณปลายนิ้วเล็กๆ
“ลาดาไม่เป็นไรค่ะพี่คม แค่นิดหน่อยเอง” ลันลาดาเอ่ยบอกให้คมพัชญ์คลายกังวลเมื่อหายตกใจ
“นิ้วแดงขนาดนี้ยังจะบอกว่านิดหน่อย เด็กโง่”
เมื่อครู่โทษเธอว่าแก้มหอมเกินไปก็ว่าน่าหยิกแล้ว มาตอนนี้คมพัชญ์ยังยัดเยียดให้เธอเป็นคนโง่ไปอีกข้อหา แต่คนถูกดุว่าโง่กลับโกรธไม่ลง เพราะกระแสเสียงของคนดุนั้นพาให้ลันลาดารู้สึกว่าคมพัชญ์เอ็นดูมากกว่าจะกล่าวหาตามคำพูด และที่ทำให้ลันลาดายอมเป็นคนโง่อย่างไร้ข้อขัดแย้งคงเป็นเพราะคนโง่คนนี้กำลังได้รับการดูแลจากคมพัชญ์อย่างน่ารัก ชายหนุ่มเป่ามือที่ถูกลวกให้เธอ จูงมือเธอไปล้างน้ำสะอาดจากก๊อก ลันลาดามองมือตัวเองแล้วอมยิ้มเขิน เพราะตั้งแต่เริ่มต้นดูแลจนถึงตอนนี้ที่บุรุษพยาบาลหน้าโหดกำลังใช้ทิชชูค่อยๆซับน้ำจากมือจนแห้ง คมพัชญ์ไม่แม้จะปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระสักวินาที ถ้ามองจากรูปลักษณ์ภายนอก ชายหนุ่มดูเป็นผู้ชายกร้าวกระด้างองอาจ แต่ทว่ามือของชายหนุ่มที่ช่วยปฐมพยาบาลกลับเบาแสนเบาและเต็มเปี่ยมไปด้วยความทะนุถนอมขัดกับบุคลิกภายนอกลิบลับ
“เดี๋ยวพี่พาไปทำแผล”
เพราะกำลังเคลิ้มกับวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น ลันลาดาจึงไม่ทันระวัง รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ร่างบางถูกท่อนแขนสีแทนอัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อตวัดขึ้นอุ้ม ไม่ทันได้ห้ามปรามหรือขัดขืน คมพัชญ์ก็ก้มหน้าลงจูบขมับบาง จากนั้นก็ก้าวยาวๆอุ้มพาร่างนุ่มออกไปจากห้องครัว เมื่อคนหนึ่งถนัดออกคำสั่งและอีกคนก็ไม่เคยมีปากมีเสียง ลันลาดาจึงทำได้เพียงสอดแขนโอบกอดรอบลำคอแข็งแกร่งตามเสียงทุ้มที่สั่งชิดใบหูแล้วปล่อยให้คมพัชญ์เป็นผู้จัดการทุกอย่าง
***************************************************************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ