เร้นรักมธุรสลวง
เขียนโดย Phaky
วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 14.20 น.
แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2562 13.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) เกรี้ยวกราด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“ได้เรื่องว่าไงบ้าง”
กวินพลเอ่ยถามอาชาวินทันทีที่ชายหนุ่มกลับมานั่งที่โต๊ะเดิมเพราะคู่เต้นรำนั้นโดนคมพัชญ์ฉกกลับบ้านไปเป็นที่เรียบร้อย และที่โต๊ะก็มีเพียงกวินพลนั่งอยู่ลำพังเหมือนโดนสังคมรังเกียจ ส่วนม่านแพรนั้นก็ขอตัวกลับหลังจากเห็นคมพัชญ์เข้าถึงตัวลันลาดา ทีแรกกวินพลอาสาไปส่งหญิงสาวเพราะอยากขอโทษแทนน้องชายที่เสียมารยาททิ้งหญิงสาวไปดื้อๆ ทว่าม่านแพรปฏิเสธ กวินพลจึงต้องปล่อยไปเพราะคิดว่าเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวที่ต้องผิดหวังในตัวน้องชาย
“โคตรหวง”
เป็นโชคดีของคมพัชญ์ที่ไม่ต้องกลายเป็นฆาตกร เมื่อชายหนุ่มเข้าไปยืนข้างลันลาดาได้ทันก่อนที่เพลงเต้นรำจะจบลงแบบเฉียดฉิว พอเพลงจบปุ๊บมือหนาก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กแล้วดึงเข้าหาตัว คมพัชญ์ก้มหน้ากระซิบเสียงเหี้ยมข้างใบหูเล็ก คงตั้งใจให้ได้ยินกันแค่สองคน ทว่าอาชาวินอยากได้ข้อมูลไปอภิปรายหัวข้อสำคัญกับกวินพลจึงจำต้องเสียมารยาทผู้ดีด้วยการเงี่ยหูแอบฟังด้วย ได้ยินไอ้เพื่อนยากมันสั่งลันลาดาให้กลับบ้าน ไม่รอให้คู่หมั้นตอบรับหรือปฏิเสธ คมพัชญ์ก็ถอดเสื้อสูทตัวนอกคลุมไหล่บางก่อนก้มหน้าจูบแก้มนวลต่อหน้าแขกในงานที่พากันมองตามด้วยสายตากระหายใคร่รู้ จากนั้นก็โอบแขนรั้งเอวเล็กเข้าหาตัวแล้วพาลันลาดาไปบอกลาเจ้าบ่าวเจ้าสาว
‘จังหวะเดินโคตรสโลว์ไลฟ์’
ปกติคนอยากกลับบ้านมากคงรีบร้อนเดิน แต่จังหวะการก้าวเท้าของคมพัชญ์กลับเชื่องช้าผิดวิสัย เป็นห่วงกลัวลันลาดาเดินตามไม่ทันก็อาจจะมีส่วน แต่อาชาวินลงความเห็นว่าที่คมพัชญ์มันเดินช้าๆนั้นเป็นเพราะชายหนุ่มต้องการประกาศความเป็นเจ้าของผู้หญิงแสนสวยในอ้อมแขนให้แขกในงานรับรู้ทั่วถึงว่าผู้หญิงคนนี้มีเจ้าของแล้ว และเจ้าของก็หวงมากด้วย โดยเฉพาะผู้ชายที่มายืนจ่อรอคิวเต้นรำกับลันลาดาที่รอดจากการโดนนวดหน้าด้วยรองเท้าหนังอย่างดีไปแบบหวุดหวิด อาชาวินไม่อยากจะคิดต่อว่าหากคมพัชญ์มาช้ากว่านี้ไปหนึ่งก้าว หรือผู้ชายคนนั้นเข้าถึงตัวลันลาดาเร็วไปสักวินาที แล้วเหตุการณ์จะลงเอยแบบไหน
“ฉันก็ว่างั้น”
“แล้วมันทำแบบนี้ทำไม”
อาชาวินยกแก้วบรั่นดีขึ้นจิบพลางครุ่นคิด ในฐานะคนเคยผ่านประสบการณ์ความรักมาก่อนจึงมั่นใจว่าพฤติกรรมงี่เง่าของคมพัชญ์นั้นเกิดจากความโกรธเกรี้ยวทว่าไม่ถึงขั้นเกลียดชัง คิดไม่ออกว่านุ่มนิ่มอย่างลันลาดาจะสามารถทำอะไรให้ชายหนุ่มเคืองขุ่นได้ เท่าที่เห็นแค่อ้าปากเถียงหรือมองค้อนใส่ตาคมพัชญ์สักครั้ง ลันลาดายังไม่คิดทำเลย ว่าง่าย หัวอ่อน เชื่อฟังคมพัชญ์ซะจนเขายังขัดใจ แต่ก็ไม่อยากเข้าไปแทรกแซงให้เรื่องมันแย่ลง กลัวว่าถ้าคมพัชญ์โมโหหนักกว่าเดิมแล้วลันลาดาจะกลายเป็นคนรับเคราะห์ และในฐานะคนเคยมีบทเรียนราคาแพงมาก่อนก็ได้แต่หวังว่าเพื่อนจะไม่ทำร้ายจิตใจผู้หญิงที่ตัวเองรักจนสุดท้ายต้องสูญเสียลันลาดาไป เหมือนที่เขาเคยเกือบสูญเสียช่ออัญชัน
“จนปัญญาว่ะ มันไม่ยอมสบตา ฉันสืบอะไรไม่ได้เลย”
ยังคงเป็นคำถามคาใจที่แม้แต่คนที่ใกล้ชิดคมพัชญ์ที่สุดอย่างกวินพลยังหาคำตอบไม่ได้ ส่วนหนึ่งเพราะไม่มีเหตุการณ์อะไรสักอย่างที่พอจะใช้สันนิษฐาน และที่ทำให้การค้นหาคำตอบของกวินพลมืดมนก็คือคมพัชญ์นั้นจงใจหลบสายตา ในยามปกติพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ไม่เคยแอบซ่อนความลับของกันและกันได้เลยเพราะแค่นั่งจ้องตากันแวบเดียวก็เหมือนในดวงตาของทั้งคู่มีเครื่องส่งสัญญาณจากสมองของอีกฝ่ายส่งถึงกัน ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่คมพัชญ์เลือกจะซ่อนเร้น ทำให้กวินพลไม่สบายใจ รู้สึกเป็นห่วงทั้งลันลาดาและตัวก่อเรื่อง
“วันหมั้นมันก็ยังดีๆอยู่นี่หว่า หรือว่าไม่?”
ร่างสูงที่ยืนอิงราวบันไดหนีไฟตรงระเบียงของห้องจัดเลี้ยงถอนหายใจทิ้งเฮือกๆเพราะคิดไม่ตกกับพฤติกรรมแปลกไปของน้องชาย หลังจากคมพัชญ์ลากลันลาดากลับบ้าน นั่งปรึกษากับอาชาวินอีกพักใหญ่ไอ้คนรักลูกรักเมียก็ขอตัวกลับบ้าง ตอนแรกอาชาวินตั้งใจว่าจะนั่งดวลเหล้ากับเขาไปเรื่อยๆเพราะไม่ได้เจอกันนาน แต่พอได้ยินเสียงเล็กๆของน้องเนเน่วิดีโอคอลมาหาแล้วบอกว่าคิดถึงแด๊ดดี้ที่สุดเป็นคำแรก จากมนุษย์พ่อก็แปรสถานะเป็นทาสลูกแล้วสละทิ้งทุกอย่าง จากนั้นก็รีบกลับที่พักเพื่อนั่งคุยนอนคุยกับลูกสาวสุดที่รักให้ฉ่ำใจ คนถูกทิ้งเป็นหมาหัวเน่าจึงออกมายืนเงียบๆด้านนอกคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ทว่ายืนคิดจนเมื่อยน่องก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ กวินพลจึงคิดจะกลับเข้าไปลาบ่าวสาวในงานแล้วขอตัวกลับบ้าน จะได้กลับไปดูด้วยว่าน้องชายเขาทำอะไรลันลาดาหรือเปล่า แต่จังหวะที่หมุนตัวกลับนั้นชายหนุ่มไม่ได้ระวังเพราะไม่คิดว่าจะมีแขกคนอื่นเลี่ยงทางเดินหลักมาใช้บริการบันไดหนีไฟพร้อมตัวเอง ร่างสูงของกวินพลจึงปะทะกับใครอีกคนที่กำลังจะเดินสวนกันเข้าอย่างจัง
“โอ๊ะ!”
เสียงร้องอุทานบ่งบอกว่าสิ่งที่ตัวเองปะทะคือสิ่งมีชีวิต และมันก็เป็นสัญชาตญาณที่สั่งให้สองแขนของกวินพลเหยียดออกไปข้างหน้าเพื่อคว้าร่างคู่กรณีไม่ให้ล้มลง ทว่ามันเป็นช่วงเวลาเร่งด่วน ดวงตาที่พร่าด้วยแอลกอฮอล์จึงเกิดการคำนวณผิดพลาดเล็กน้อย จากที่คิดว่าจะคว้าไหล่บอบบาง ฝ่ามือของกวินพลกลับคว้าหมับเข้าที่ทรวงอกอวบแล้วดึงเข้าหาตัว ก่อนที่แขนอีกข้างจะตวัดเอวคอดบางดึงร่างเพรียวระหงเข้ามาชิดอก ชิดจนได้กลิ่นหอมรวยรินจากร่างนุ่มในอ้อมแขน แม้จะเมาเล็กน้อยแต่กวินพลก็ไม่ลืมมารยาท ชายหนุ่มจึงเอ่ยขอโทษคู่กรณีหลังจากทรงตัวยืนได้มั่นคง
“ขอโทษด้วยที่ผมไม่ทันมอง เจ็บตรงไหนไหมครับ”
‘เกือบไปแล้วยายขวัญ!’
เสียงของกวินพลทำให้คนช็อกจนลืมหายใจได้สติ ของขวัญ หนึ่งในคณะเพื่อนเจ้าสาวที่เกือบชะตาขาดเพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดินหนีคนรู้จักในงานบางคนจนลืมมองทางเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของท่อนแขนที่ช่วยรั้งไม่ให้เธอกลิ้งตกบันไดด้วยสายตาซาบซึ้งใจ กำลังจะอ้าปากขอบคุณผู้มีพระคุณอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่รู้สึกว่าเกิดความผิดปกติกับหน้าอกของตัวเองเสียก่อน ของขวัญก้มหน้าลงต่ำ ดวงตาเบิกกว้าง พลันเลือดร้อนๆก็พร้อมใจกันขึ้นมากองอยู่บนใบหน้า โกรธจนผิวแก้มแดงเถือกเมื่อเห็นว่ามือเท่าใบลานของผู้ชายที่ช่วยเหลือวางแปะอยู่บนหน้าอก และไม่มีทีท่าว่าจะเอาออกด้วย
“อะ...ไอ้! ไอ้... ไอ้หื่น ไอ้คนฉวยโอกาส เอามือออกไปเดี๋ยวนี้นะ!”
“ขอโทษครับ” ‘ถึงว่าสิ นุ่มเชียว สวยซะด้วย!’
“แล้วก็เลิกกอดฉันด้วย”
‘วางมือผิด ชีวิตเปลี่ยน'
เพราะวางมือผิดที่ผิดทางแท้ๆ จากที่ควรจะได้รับคำขอบคุณหลังจากทำความดี งานนี้จึงกลายเป็นตรงข้าม เสียงใสตวาดแว๊ดจนกวินพลสะดุ้ง ต้องรีบดึงมือกลับแต่กระนั้นก็แอบชำเลืองดวงตาแกล้งสำนึกผิดมองอกอวบแล้วแสร้งทำเป็นถูมือกับจมูกแก้อาการเก้อเขิน ทั้งที่ความจริงตั้งใจสูดดมกลิ่นหอมของอกสาวที่ติดปลายนิ้วให้ชื่นใจ ใบหน้าคมหวานแต่หงิกงอของของขวัญสะบัดใส่กวินพลก่อนใช้สองมือผลักอกแข็งกระด้างออกห่างอย่างรังเกียจ คนถูกลวนลามจับขอบชุดตรงอกเสื้อให้เข้าที่ก่อนรวบชายกระโปรงยาวระพื้นไว้ในมือทั้งท่าเตรียมพร้อมจะชิ่ง แต่มีหรือที่กวินพลจะปล่อยนางซินแสนสวยให้หลุดลอยไปโดยที่ยังไม่รู้จักชื่อ
“ผมวิน กวินพล บารมีเสียดฟ้าครับ คุณ...?”
“ไม่-ได้-ถาม ค่ะ”
สะบัดหน้างอๆมาตอกกลับคนลามกเสียงแข็ง จากนั้นของขวัญก็โกยแน่บลงไปจากจุดเกิดเหตุด้วยบันไดหนีไฟแบบไม่เสียเวลาเหลียวหลังกลับมามอง เป็นการหักหน้ากวินพลแบบไม่มีเยื่อใย แต่นอกจากไม่โกรธ กวินพลยังมีกระใจยืนกอดอกพิงไหล่กับผนังแล้วอมยิ้มมองตามเรือนร่างกลมกลึงของผู้หญิงคนแรกที่กล้าสะบัดหน้าเริดเชิดหยิ่งใส่ตัวเองตาไม่กะพริบ
‘ดุแบบนี้...เนื้อคู่พี่ชัดๆ’
..................................................................................................................................................................
“กลับบ้าน!”
ทางเดียวที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ชายคนอื่นเกาะแกะลันลาดาก็คือพาหญิงสาวกลับบ้าน และต้องเร็วที่สุดด้วยหากไม่อยากให้เกิดโศกนาฏกรรม นั่งกัดฟันข่มใจรอให้เพลงจบอยู่นานแสนนานก็ถึงเวลาที่รอคอย คมพัชญ์รีบปรี่เข้าไปยืนชิดร่างเล็กก่อนดึงแขนเรียวของลันลาดาเข้าหาตัว พาไปลาบ่าวสาวเรียบร้อยก็ลากหญิงสาวยัดใส่แลนด์โรเวอร์คู่ใจ ก่อนขับทะยานด้วยความเร็วปานเหาะพาคู่หมั้นเนื้อหอมกลับบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่สมรรถนะของพาหนะคันเก่งจะทำได้
“มีผู้ชายห้อมล้อม นี่ยิ้มหน้าระรื่นเชียวนะ”
การปลีกตัวออกมาจากงานเลี้ยงของคมพัชญ์ช่วยให้ทุกคนในงานปลอดภัยจากพลังทำลายล้างของคนเจ้าอารมณ์ก็จริง ทว่ากลับกลายเป็นลันลาดาที่ต้องรองรับอารมณ์ร้ายๆที่อัดแน่นเต็มอกของชายหนุ่มไว้เพียงลำพัง เพราะเพียงแค่วินาทีแรกที่ลากคนตัวเล็กเข้ามาในบ้าน คมพัชญ์ก็ตวัดร่างบางให้ยืนประจันหน้าจนเสื้อสูทตัวใหญ่ที่คลุมไหล่หล่นร่วง ก่อนระเบิดอารมณ์ที่อัดแน่นมานานใส่คู่หมั้น คำแรกที่ผ่านริมฝีปากได้รูปก็ทำเอาลันลาดาอ้าปากค้าง หญิงสาวเผลอเอนกายออกห่างเพราะตกใจกับแววตาแข็งกระด้าง และน้ำเสียงดุดันที่เปลี่ยนไป ราวกับบุรุษตรงหน้าไม่ใช่พี่คมที่อ่อนโยนใจดีคนเดิมของเธอ แค่น้ำเสียงกับแววตาที่เปลี่ยนก็ทำให้คนขวัญอ่อนตกใจจะแย่ แต่พอรับรู้ความหมายในคำถากถางนั้น ดวงตากลมที่เพิ่งผลิตน้ำตาไปเมื่อชั่วโมงก่อนหน้าก็กลับมามีหยดน้ำตาคลอขังจนขอบตาแดงเรื่ออีกจนได้ และคนที่เป็นสาเหตุก็ผู้ชายที่ยืนหายใจแรง หน้าแดงหน้าดำตรงหน้านี่เช่นกัน
“เสื้อผ้าดีๆกว่านี้ไม่มีให้ใส่แล้วรึไง! แต่งตัวเหมือนผู้หญิงใจแตก”
ไหล่บางสะดุ้งโหยง น้ำตาที่ปริ่มๆว่าจะไหลหยดแหมะทันทีที่คมพัชญ์ตะคอกคำพูดร้ายๆใส่หน้า ตามมาด้วยเสียงสะอื้นน้อยๆอย่างที่เจ้าตัวพยายามเม้มปากกลั้นอาการแล้วแต่ทำไม่สำเร็จ มือหนาดันปลายคางเล็กให้เงยขึ้นด้วยกิริยาจาบจ้วง ดวงตาไหวระริกเพราะน้อยใจที่ชายหนุ่มใช้คำพูดรุนแรงต่อว่าจึงเลี่ยงหนีไม่พ้น ลันลาดามองสบตาคู่หมั้นได้แว่บเดียว หญิงสาวก็ต้องหันหน้าหนีไปอีกทาง เพราะการมองคมพัชญ์ในตอนนี้ทำให้ลันลาดานึกถึงม่านแพร คู่ควงแสนสวยที่คู่หมั้นเลือกควงไปออกงาน มันเจ็บปวดที่ใจทุกครั้งยามนึกภาพตอนทั้งคู่นั่งคลอเคลียกันชื่นหวาน มันเจ็บ!
“บ้าฉิบ!”
ท่าทางที่ทำเหมือนเห็นหน้าเขาเป็นตัวเชื้อโรคจนทนมองอีกวินาทีก็จะเป็นจะตาย ทำให้คมพัชญ์ตาลุกวาวจนเผลอสบถคำหยาบคาย โกรธจนอยากคว้าลำคอเล็กมาหักเป็นสองท่อนด้วยมือเปล่า แต่ทว่าความเปราะบางของผู้หญิงอ่อนแอตรงหน้าช่วยเตือนสติว่านี่คือคู่หมั้นของเขา คมพัชญ์กัดริมฝีปากแน่นข่มอารมณ์ เมื่อบีบคอไม่ได้ชายหนุ่มจึงเผลอระบายโทสะร้ายด้วยการเพิ่มน้ำหนักมือที่จับแขนเรียว บีบไม่ออมแรงจนลันลาดาเจ็บร้าวไปถึงกระดูก
“พี่คม ลาดาเจ็บค่ะ”
“ฮึ่ย!”
เสียงร้องขอสั่นพร่าช่วยดึงสติคมพัชญ์ ชายหนุ่มก้มมองต้นแขนเรียวที่ถูกบีบก่อนสะบัดมือออกห่างอย่างเร่งรีบเหมือนรังเกียจ ทว่าแรงสะบัดคงมากเกินไปร่างเล็กของลันลาดาจึงเซถอยไปด้านหลัง ดีที่ดวงตาของคมพัชญ์ยังจับจ้องคู่หมั้นไม่วางตา ท่อนแขนแข็งแรงจึงพุ่งไปเกี่ยวเอวเล็กไว้ทัน มิเช่นนั้นลันลาดาคงล้มลงไปกระแทกกับพื้นจนเจ็บตัว
“ในหัวสวยๆนี่น่ะ มีสมองบ้างไหม หรือมีแต่เศษหญ้าเศษฟางถึงคิดไม่ได้ว่าชุดไหนควรหรือไม่ควรใส่ ฮะ!”
ความเนียนละเอียดบริเวณช่วงเอวเล็กที่มือหนาสัมผัสตอนดึงร่างซวนเซของลันลาดาเข้าหาตัวให้ความรู้สึกดีก็จริง แต่ก็ยังแค้นมากกว่าที่มันกลายเป็นความงามสาธารณะ คนขี้หวงจึงเผลอเขย่าร่างเล็กในอ้อมแขนพลางตะคอกดุเสียงกร้าว จนคนถูกต่อว่าน้ำตาร่วงกราว
“ลาดาขอโทษค่ะ”
“ขอโทษตอนนี้แล้วมันเรียกอะไรกลับคืนได้บ้าง”
ไม่ได้เลยสักนิด! คำขอโทษเสียงแผ่วของลันลาดาไม่อาจลดระดับความฉุนเฉียวของคมพัชญ์ได้เลย เพราะต่อให้เจ้าของแผ่นหลังสวยเอ่ยคำขอโทษอีกร้อยครั้งพันครั้งก็มิอาจเรียกคืนความงดงามที่หนุ่มๆในงานพร้อมใจกันใช้ดวงตาหยาดเยิ้มเก็บบันทึกแล้วส่งต่อไปยังกล่องความทรงจำของพวกมันได้อยู่ดี ปากอยากจะบอกอย่างตัดใจว่าช่างแม่ง! เพราะสุดท้ายไอ้พวกนั้นก็ได้แค่มองแต่เอาแผ่นหลังสวยๆนี้ไปไม่ได้ เขาต่างหากคือผู้ครอบครองตัวจริง ทว่ามันกลับเป็นเรื่องยากสำหรับคนหวงของอย่างคมพัชญ์เหลือเกิน ยิ่งนึกถึงตอนหนุ่มๆพร้อมใจกันเหลียวหลังมองยามลันลาดาเดินผ่าน อุณหภูมิที่ต่อมความรู้สึกก็พุ่งปรี๊ดจนหัวร้อนไปหมด
“ทำอะไรคิดถึงหน้าฉันบ้าง คนอื่นไม่รู้จะคิดว่าฉันหมั้นกับแรด ถึงได้แต่งตัวยั่วผู้ชายไปทั่ว”
คมพัชญ์ยังคงต่อว่าไม่เลิก และถ้อยคำที่ใช้ก็หยาบคายและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนน้ำตาของลันลาดาพร่างพรู ห้ามไม่อยู่แล้วกับความน้อยเนื้อต่ำใจเพียงเพราะใส่ชุดเปิดหลัง จริงอยู่ว่าชุดด้านหลังมันโป๊ แต่มันมากมายอย่างที่ถูกกล่าวหาจริงหรือ คมพัชญ์ถึงได้ว่าเธอว่าใจแตกบ้าง หรือแม้กระทั่งนำเธอไปเปรียบเทียบกับแรดแบบนั้น แล้วกับม่านแพรที่สวมชุดเกาะอกเปิดเปลือยผิวเนื้อลาดไหล่และบริเวณแผ่นหลังเนียนไปครึ่งตัวนั่นล่ะ ทำไมคมพัชญ์ไม่เห็นมีทีท่าจะเกรี้ยวกราดอะไรเลย แต่กับเธอ... คมพัชญ์ตะคอกใส่อย่างกับเธอไปฆ่าคนตาย
“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา! เพราะมันไม่ได้ทำให้เธอดูน่าสงสาร แต่มันน่ารำคาญ!”
คมพัชญ์สั่งเสียงเหี้ยมพร้อมปล่อยร่างบางเป็นอิสระแล้วหันหลังหนีภาพตรงตรงหน้า เพราะหยดน้ำใสๆที่ค่อยๆร่วงจากขอบตาแดงช้ำทีละหยดสองหยดแปรเปลี่ยนสายธารน้ำตาหลั่งไหลดั่งทำนบเขื่อนแตกที่ตามมาด้วยเสียงสะอึกสะอื้นจากร่างบางมันทำให้รู้สึกร้อนในอกและเกลียดตัวเองขึ้นมาชั่ววูบ ดวงตาสีนิลที่มีประกายไฟลุกลามอยู่ในนั้นหลับลง คมพัชญ์กำลังพยายามระงับโทสะร้าย เพราะภาพที่ดวงตากลมเบิกกว้างตกใจตอนได้ยินเขาตะคอกใส่ว่า ‘รำคาญ’ มันรบกวนจิตใจ ถ้าไม่รีบหุบปากระงับอารมณ์ไว้ คงมีถ้อยคำรุนแรงกว่านี้หลุดมาทำร้ายความรู้สึกลันลาดาอีกเป็นแน่
“รีบขึ้นไปอาบน้ำแล้วถอดไอ้ชุดเฮงซวยนี่ทิ้งถังขยะไปซะ อย่าให้เห็นนะว่ายังเก็บเอาไว้!”
และทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยเพลาอารมณ์ร้อนๆให้คลายลงก็คือกำจัดชุดที่เป็นต้นเหตุให้คมพัชญ์หัวเสียพ้นไปจากสายตา หลังจากกัดฟันข่มใจด้วยการนับเลขหนึ่งถึงสิบวนไปเวียนมาเป็นเด็กอนุบาล คมพัชญ์ก็ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่ลดทอนความกระด้างลงแต่ก็ยังดุดันเหลือเกินสำหรับคนขวัญอ่อนอย่างลันลาดา
“ค่ะ”
เรื่องบางเรื่องทำได้ดีที่สุดก็แค่เงียบ ทั้งที่ใจอยากอธิบายออกไปแค่ไหนก็ตาม ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะแก้ตัวเรื่องชุดออกงานที่เธอไม่ได้เป็นคนเลือกมัน ลันลาดาเม้มริมฝีปากที่อยากอธิบายความจริงพลางกลั้นก้อนสะอื้น เมื่อคิดว่าหากพูดไปแล้วจะทำให้กวินพลต้องเดือดร้อน หรือเหตุการณ์อาจแย่ลง หากคมพัชญ์คิดว่าเธอใส่ร้ายคนอื่นเพื่อเอาตัวรอด บวกกับความเป็นคนไม่ถนัดเรื่องมีปากเสียง ลันลาดาจึงน้อมรับคำสั่งอย่างว่าง่ายแล้วหมุนตัวพาร่างอ่อนแรงเดินขึ้นบันไดไปยังห้องพักของตัวเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตามคำสั่ง หรืออีกนัยหนึ่งคือหญิงสาวต้องการกลับขึ้นไปเพื่อฟุบหน้ากับหมอนแล้วนอนร้องไห้ให้สาสมกับความน้อยใจที่อัดแน่นข้างใน โดยมีดวงตามืดมิดของคมพัชญ์มองตามหลังไปทุกย่างก้าวอย่างมาดหมาย
‘แผ่นหลังนี้ของกู ผู้หญิงคนนี้ของกู!’
****************************************
ตาขวางเก่ง เกรี้ยวกราดเก่ง โวยวายก็เก่ง ใช่ค่ะ ที่พูดมาคือสรรพคุณของพระเอกเรื่องนี้จริงๆค่ะ อิพี่คมมันดุซะจนอยากริบตำแหน่งพระเอกคืน
และใช่ค่ะ...ท่านคมพัชญ์ยังดุได้มากกว่านี้อีกเยอะเลยค่ะ อยากรู้ว่าอิพี่มันจะร้ายได้ถึงขั้นไหน อย่าลืมกดหัวใจ กดติดตามเอาไว้นะคะ จะได้ไม่พลาดความเกรี้ยวกราดของพี่
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ