เร้นรักมธุรสลวง
เขียนโดย Phaky
วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 14.20 น.
แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2562 13.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) แค่น้องสาว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะลาดา น่าจะเป็นคนรู้จักกันน่ะ ไม่ต้องคิดมากนะคะ”
‘ไอ้คม ไอ้น้องเวร ถ้าพ่อรู้เรื่องนี้แต้มบุญมึงหมดแน่!’
“ใช่ครับ พี่ขอโทษนะครับลาดา พี่ผิดเองที่เล่าไม่หมดว่าไอ้คมมันก็แวะคุยแวะทักทายกับคนในงานเหมือนๆกัน ลาดาไม่ต้องคิดมากนะครับ แขกในงานนี่ก็เพื่อนที่เรียนรุ่นเดียวกันทั้งนั้น”
บรรยากาศที่เคยครื้นเครงตกอยู่ในความเงียบงันพร้อมกับใบหน้าของลันลาดาที่ค่อยๆซีดลงไม่ว่าสองหนุ่มจะช่วยปลอบสักเท่าไร ก่อนที่กวินพลจะดึงไหล่บางของคนตาแดงฉ่ำเข้ามากอดปลอบเพราะสงสารลันลาดาจับใจ มือหนาลูบศีรษะเล็กๆนั่นก่อนหันไปพยักหน้าให้อาชาวินอย่าคิดมาก เขาไม่โทษเพื่อนเลยเพราะเจ้าตัวไม่รู้ แต่กลับเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด่าคมพัชญ์ในใจ เพราะตัวน้องชายรู้ดีว่ามันไม่ได้อยู่ในสเตตัสโสดที่จะยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นได้อีกแล้วนับตั้งแต่สวมแหวนหมั้นจับจองเป็นเจ้าของลันลาดา แต่มันกลับทำ นอกจากนี้กวินพลยังเคืองที่น้องชายผลักไสคู่หมั้นของมันให้มางานกับเขา ทำเหมือนตัวเองมีงานยุ่งติดพัน แต่ในความเป็นจริงกลับตรงข้ามทุกอย่าง กวินพลไตร่ตรองพฤติกรรมของน้องชายพลางขบคิดว่าคมพัชญ์กำลังทำอะไรอยู่?
‘มานั่นแล้วไอ้ตัวดี ยังมีหน้ามาจ้องพี่ชายมันตาขวางอีก!’
เหมือนมีรังสีอำมหิตพุ่งเข้ามาตบกะโหลกของกวินพลอย่างแรงจนชายหนุ่มต้องเงยหน้าขึ้นจากใบหน้าหมองเศร้าขึ้นมอง พลันดวงตาก็ปะทะกับแววตาเดือดดาลของคมพัชญ์ที่จ้องพี่ชายแบบพร้อมจะเขมือบหัว กวินพลรู้ว่าทำไมมันถึงได้มองพี่ชายมันตาขวางเหมือนหมาบ้าลงแดงแบบนั้น แต่แล้วยังไง มันนึกว่ามันโกรธเป็นคนเดียวหรือ ถ้ามันไม่ทำระยำไว้แล้วเขาต้องมากอดปลอบลันลาดาแบบนี้ไหม กวินพลไม่กลัวซ้ำยังจ้องตาน้องชายกลับ
ปึ่ก!
“มาถึงตั้งแต่เมื่อไร”
ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อมีร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ด้านซ้ายมือแล้วตั้งใจกระเถิบเข้ามาติดกับเก้าอี้ของตัวเองอย่างแรง ลันลาดาผินเสี้ยวหน้าขึ้นมอง ตอนแรกนึกว่าเป็นแขกคนอื่นที่มานั่งด้วยเพราะเห็นว่าโต๊ะยังมีที่ว่าง พอทราบว่าเป็นคมพัชญ์ที่มองจ้องมาแบบโกรธๆ ก็เกือบยิ้มกว้างดีใจที่ได้เห็นหน้าชายหนุ่มเสียที แต่ทว่าคำพูดของอาชาวินที่บอกว่าเจ้าตัวเดินหายไปกับสตรีแสนสวยก็ย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำ น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ด้วยความน้อยใจตั้งแต่เมื่อวานผสานผสมกับที่เรื่องที่ได้ยินวันนี้มันมากจนปวดกระบอกตาก็เอ่อล้นออกมาจนได้ สันมือบางรีบกรีดน้ำตาออกจากใบหน้าเพราะกลัวจะทำให้เป็นจุดสนใจของแขกคนอื่นๆในงาน ลันลาดาพยายามปั้นหน้าทำตัวปกติ ตั้งใจจะตอบคำถามของคมพัชญ์ ทว่า...
“คม รอแพรนานไหมคะ สวัสดีค่ะ ขออนุญาตนั่งด้วยคนนะคะ ม่านแพร จากร้านผ้าไหมแพรพรรณค่ะ”
ยังไม่ทันจะได้อ้าปากตอบคำถามก็มีเหตุให้ลันลาดารู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างอุดอยู่ในลำคอจนพูดไม่ออก ริมฝีปากแต้มลิปสติกสีชมพูเรื่ออ้าค้างกับสตรีที่หย่อนเรือนกายสูงโปร่งในชุดราตรีสีทองระยิบระยับลงนั่งข้างคมพัชญ์ คำว่าสวยคงน้อยไปที่จะใช้อธิบาย เพราะสมาชิกร่วมโต๊ะคนใหม่นั้นสวยคมจับตา นอกจากใบหน้าที่สวยสะกด เรือนกายของหญิงสาวยังผุดผ่องเหมือนมีหลอดไฟซ่อนอยู่ใต้ผิวหนัง ลันลาดามองความสวยของหญิงสาวอย่างตกตะลึง แต่ที่ตะลึงจนถึงขั้นลืมหายใจคือความสนิทสนมของหญิงสาวที่คงมากมายนักถึงได้สอดแขนเกี่ยวคล้องไว้กับลำแขนของคมพัชญ์อย่างไม่มีเคอะเขิน
“อาชาวิน แมคคานน์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“กวินพล เป็นพี่ชายฝาแฝดของคมพัชญ์ครับ ส่วนสาวน้อยน่ารักคนนี้...”
มันเป็นช่วงเวลาที่แสนอึดใจสำหรับอาชาวิน กวินพล และลันลาดา เหมือนอากาศรอบกายมันมีน้อยนิด สองหนุ่มนั้นอึดอัดที่ต้องทักทายกับแขกของคมพัชญ์ หนึ่งคือการแนะนำตัวเองของม่านแพร เป็นการตีแสกหน้าคำปลอบโยนของพวกเขาก่อนหน้านี้ว่าคนที่คมพัชญ์ตามออกไปนั้นเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันเป็นเรื่องลวงโลก เพราะถ้าเป็นเพื่อนคงไม่ต้องมาแนะนำตัวกันแบบนี้ และสอง..การนั่งร่วมโต๊ะพร้อมทำตัวสนิทชิดเชื้อของม่านแพรยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าคมพัชญ์กำลังปันใจให้ผู้หญิงคนอื่น แค่คำบอกเล่ายังมีน้ำตา แล้วถ้ามีหลักฐานแบบตัวเป็นๆมานั่งคลอเคลียให้เห็นตำตาแบบนี้ ความเจ็บปวดมิยิ่งตำใจของลันลาดาจนเลือดโซมหรือ กวินพลจึงคิดจะตัดปัญหารักสามเส้าด้วยการแนะนำตัวลันลาดาพร้อมฐานะ แต่ว่าที่น้องสะใภ้ของเขากลับชิงแนะนำตัวเองเสียก่อน
“ลาดาค่ะ เป็นน้องสาวของพี่วิน”
ใบหน้าหวานพยายามปั้นยิ้มสดใสกลบเกลื่อนความเศร้าหมองสุดความสามารถ แต่เสียงสั่นๆของลันลาดายามแนะนำตัวเองว่าเป็นน้องสาวของกวินพลปิดซ่อนความรู้สึกในใจไม่มิดเลย ม่านแพรไม่รู้เรื่องราวจึงไม่ได้สังเกต แต่สามหนุ่มเนื้อทองที่นั่งร่วมโต๊ะสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของลันลาดาที่ผ่านมากับกระแสเสียงชัดเจน อาชาวินกับกวินพลมองลันลาดาด้วยความสงสารจับใจ โดนกระทำให้ร้องไห้จนตาแดงแต่ก็ยังมีกระใจช่วยปกป้องคู่หมั้น ส่วนคมพัชญ์นั้นยากจะคาดเดา ชายหนุ่มลดสายตามองลันลาดาที่รีบก้มหน้าซ่อนหยดน้ำตาทันทีที่แนะนำตัวจบก็จริง แต่กลับไม่มีซึ่งคำแก้ตัวหรือขอโทษสักคำ ซ้ำท่อนแขนก็ยังคงปล่อยให้ม่านแพรเกาะเกี่ยวเหมือนเป็นเจ้าของไม่คลาย
“ลาดาขา ยิ้มหวานให้กล้องหน่อยค่ะ ไอ้อาชาต้องส่งรูปไปรายงานตัวกับเมีย เซย์ชีสสสสส”
อากาศหายใจสำหรับลันลาดาคงลดน้อยลงไปตามเวลาที่เดินผ่านไปแต่ละนาทีสินะ สีหน้าของหญิงสาวจึงซีดเซียวเหมือนคนป่วยยิ่งนัก การกอบกู้บรรยากาศที่ทำได้เร่งด่วนที่สุดที่อาชาวินคิดออกจึงหนีไม่พ้นการถ่ายรูปเล่น เพราะไม่อยากเห็นลันลาดาต้องเศร้าและเป็นการแก้ตัวที่เป็นคนเปิดประเด็นชวนเสียน้ำตาทำให้อาชาวินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมเก็บภาพรอยยิ้ม แม้ข้ออ้างที่ใช้จะทำให้กลายเป็นผู้ชายกลัวเมียแต่นายหัวสุดหล่อก็ยินดี กวินพลเองก็เห็นด้วยจึงกระตือรือร้นเรียกลันลาดาให้หันมามองกล้อง พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างเป็นตัวอย่างเหมือนคนบ้ากล้อง ลันลาดายิ้มขอบคุณผู้ชายใจดีทั้งสองที่พยายามเรียกรอยยิ้มของเธอ ก่อนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเรียกน้ำหูน้ำตาย้อนกลับคืนแล้วส่งยิ้มหวานสู้กล้องจนใครบางคนที่มองอยู่นั่งกัดริมฝีปากด้วยความรู้สึกเคืองๆ
“ใครเลือกชุดนี้!”
เพราะทั้งสามชีวิตต้องรวมตัวให้อยู่ในเฟรมเดียวกันให้ได้ ทำให้ลันลาดาต้องขยับแล้วเอียงหน้าเข้าหากวินพล ซึ่งเป็นการหันหลังให้คมพัชญ์ แผ่นหลังเปล่าเปลือยไร้เนื้อผ้าปกปิดจึงปรากฏแก่สายตาสีเข้มของคนใจร้ายที่คอยลอบมองคู่หมั้นไม่ให้รู้ตัว เพราะตัวชุดเดรสที่สวมใส่นั้นคว้านลึกเปิดเปลือยผิวเนื้อกระจ่างใสตั้งแต่ช่วงไหล่ลึกไปจนเกือบถึงช่วงเอวเป็นรูปตัววีที่มีริบบิ้นผูกคาดเป็นโบว์ชิ้นโต แค่เพียงวินาทีแรกที่เห็นว่าชุดของคู่หมั้นคว้านลึกเกินจำเป็น ลูกตาของคมพัชญ์ก็ลุกวาวจนแทบถลนออกมานอกเบ้า ชายหนุ่มก้มหน้ากระซิบถามเสียงรอดไรฟันอยู่ข้างหูทำให้ม่านแพรไม่ได้ยิน ข้อมือบางของลันลาดาที่วางบนต้นขาเรียวถูกบีบรุนแรงด้วยน้ำมือของคมพัชญ์ที่ตอนนี้ตาลุกเป็นไฟไปแล้วเมื่อนึกว่ามีผู้ชายกี่คนแล้วบ้างที่ได้เห็นแผ่นหลังเนียนสวยของคู่หมั้นตัวเอง
“อาหารมาพอดี คม ตักให้คุณแพรด้วยสิ ลาดาขา ขนมจีบปูค่ะ หม่ำๆนะคะ ลาดาของพี่วินจะได้โตไวๆ”
อารมณ์ร้อนเป็นลาวาเดือดจัดของคมพัชญ์ถูกขัดจังหวะด้วยบริกรที่นำอาหารเมนูแรกมาเสิร์ฟ กวินพลนั้นคอยสังเกตการณ์อยู่แล้วจึงได้ยินที่คมพัชญ์กระชากเสียงถามว่าที่น้องสะใภ้ รับรู้ด้วยว่ามันกำลังโกรธจัด หากปล่อยไว้คมพัชญ์อาจอาละวาดใหญ่โตจึงรีบเบรกน้องชายด้วยการสั่งให้คมพัชญ์บริการแขกที่มันตั้งใจชวนมาร่วมโต๊ะ ส่วนลันลาดาก็เป็นหน้าที่ของเขาที่คอยบริการ กำปั้นที่กำแน่นจนเส้นเลือดตรงข้อมือปูดโปนตอนที่แฝดน้องตวัดดวงตามองแผ่นหลังคู่หมั้นก่อนกระแทกลมหายใจแล้วใช้ตะเกียบคีบขนมจีบใส่จานของม่านแพรเป็นคำตอบยืนยันว่าคมพัชญ์กำลังระงับอารมณ์เกรี้ยวกราดของตัวเองสุดกำลัง ซึ่งก็สมดังใจเขาทุกประการ เพราะเขาเป็นคนเลือกชุดนี้ให้ลันลาดาเพื่อแก้เผ็ดเล็กๆน้อยๆที่คมพัชญ์ละเลยไม่ยอมทำหน้าที่คู่หมั้นที่ดี มันจะได้สำนึกว่าต่อไปจะไม่ปล่อยให้ผู้ชายคนอื่นเลือกซื้อเสื้อผ้าให้คนรักของตัวเองอีก หรือแม้แต่ปล่อยให้ผู้ชายคนอื่นอยู่ใกล้ว่าที่ภรรยาของตัวเอง...ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควร!
..................................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ