สาบสมิง
เขียนโดย ลูกคนเดียว
วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 10.39 น.
แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2562 11.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) บทที่หก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกำหนดการค่ายเยาวชนร่วมระหว่างอุทยานแห่งชาติหนองเสือร้องและโรงเรียนหนองเสือร้องงวดใกล้เข้ามาทุกขณะ วันนี้ชานนท์นัดกับจอมขวัญที่ห้างสรรพสินค้าในตัวเมือง เขาตั้งใจว่าจะไปหาซื้ออุปกรณ์สิ่งของในการจัดทำค่ายเยาวชน ชายหนุ่มจอดรถพร้อมทั้งไลน์หาหญิงสาว จอมขวัญตอบรับบอกตำแหน่งที่อยู่ ไม่ถึงห้านาทีต่อจากนั้น เขาก็มองเห็นจอมขวัญยืนอยู่กับผู้หญิงร่างระหงใบหน้าโฉบเฉี่ยวอีกคนหนึ่ง ทั้งคู่อยู่ในเครื่องแต่งกายของคุณครู ตัวเขาเองก็อยู่ในชุดลายพรางเต็มยศเหมือนกัน ชายหนุ่มทักทายหญิงสาวทั้งสองคน จอมขวัญยิ้มให้พร้อมทั้งแนะนำหญิงสาวข้างๆ
“นี่สุพรค่ะ เพื่อนขวัญเอง”
หญิงสาวยิ้มทักทาย
“เรียกพรเฉยๆก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“เช่นกันครับครูพร ผมชานนท์ครับ”
เขายิ้มรับแล้วหันไปทางจอมขวัญซึ่งยังมีร่องรอยความอ่อนเพลียปรากฏจางๆที่ใบหน้า
“ไปกันดีกว่าครับ เดี๋ยวจะเสร็จช้า” แล้วเขาก็มองหญิงสาวอย่างสงสัย
“คุณขวัญเป็นอะไรหรือเปล่าครับ หน้าซีดๆ”
หล่อนยิ้มให้
“ไม่เป็นไรค่ะ ไปซื้อของกันดีกว่าค่ะ”
ทั้งหมดช่วยกันเลือกซื้อสินค้าอันประกอบด้วยอุปกรณ์เครื่องเขียน รวมทั้งสมุดบันทึก ซึ่งอย่างหลังหญิงสาวทั้งคู่ช่วยกันเลือกนานกว่าปกติ จนกระทั่งได้ของครบตามความต้องการและความพอใจเมื่อเวลาเกือบเที่ยงตรง ชานนท์จึงเอ่ยชวนคุณครูทั้งสองคนรับประทานอาหารกลางวันก่อนกลับซึ่งสุพรก็แนะนำร้านประจำของหล่อน
“ร้านนี้ขาหมูอร่อยมาก พรมากินบ่อย”
สุพรพูดพร้อมทั้งนั่งลง
“ไม่น่าเชื่อว่าคุณพรจะชอบกินข้าวขาหมู”
“ของโปรดยัยพรเลยค่ะ”
จอมขวัญแทรกขึ้น สุพรซึ่งกำลังสั่งอาหารค้อนเล็กน้อย
“ใช่แล้ว ของโปรดฉันเลย ไม่เหมือนแกนี่ยัยขวัญ ข้าวปลาไม่ค่อยกิน กินแต่ขนม โชคดีแค่ไหนแล้วที่ยังไม่กลายเป็นตุ่มไป”
จอมขวัญหัวเราะ
“ก็ขนมอร่อยกว่าข้าวไม่รู้เท่าไหร่ แกเองก็ระวังเถอะ สักวันเขาจะจับไปไหว้เจ้าช่วงตรุษจีน”
สุพรหยิกที่แขนเบาๆ
“ยาก ฉันน่ะออกกำลังกายทุกวันย่ะ”
แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมา ชายหนุ่มเพียงยิ้มไม่ได้พูดอะไร
“แล้วคุณชานนท์ล่ะคะ ชอบกินข้าวขาหมูมั้ย” สุพรถามขึ้น
“ผมเป็นพวกลิ้นจระเข้ กินได้หมดทุกอย่างครับ”
หล่อนพยักหน้างึกงัก
“พวกลิ้นจระเข้นี่เอง”
แล้วข้าวขาหมูก็ถูกนำมาจัดวางเบื้องหน้าทั้งหมด ทุกคนกินอย่างไม่รีบร้อน ชานนท์ถึงกับเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจในรสชาติกลมกล่อมนั้น ช่วงหนึ่งสุพรก็พูดขึ้นว่า
“นี่ขวัญ รู้เรื่องที่หมาในอำเภอหายไปหรือเปล่า เห็นบอกว่าหายไปสองวันร่วมหกสิบตัวนะ”
“อืม ได้ยินอยู่เหมือนกัน ทำไมเหรอ”
“ก็เขาบอกกันว่าเห็นว่าเป็นเสือตัวใหญ่ตะครุบไปนะสิ”
“เสือเหรอ” จอมขวัญหันไปทางชานนท์ซึ่งกำลังฟังอย่างสนใจ “ป่าห้วยเสือร้องยังมีเสือเหรอคะ”
“เท่าที่ผมลองค้นข้อมูลดู ไม่มีใครพบเสือ หรือแม้แต่ร่องรอยของเสือมานานมากแล้วครับ”
“แต่มันอาจจะมาจากที่อื่นก็ได้นะคะ” สุพรพูดต่อ “ป่าบ้านเราเชื่อมกับป่าของฝั่งเพื่อนบ้าน ถึงยังไงก็ยังถือเป็นป่าใหญ่”
ผู้ช่วยหนุ่มผงกหัว
“ครับ มีโอกาสเป็นไปได้ ถ้าเป็นเรื่องจริงต้องถือว่าเป็นเรื่องดีครับที่มีการพบเจอเสืออีกครั้ง”
“ดียังไงคะ ขนาดเป็นแค่ข่าวลือ หมายังหายเยอะขนาดนี้ ถ้าเป็นเรื่องจริง คนไม่โดนเขมือบด้วยเหรอ”
ชานนท์รวบช้อน แล้วเริ่มต้นอธิบาย
“ในปัจจุบันเราถือว่าเสือคือตัววัดความสมบูรณ์ของป่า เพราะว่าเสือเป็นสัตว์ผู้ล่า อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร ป่านั้นต้องมีเหยื่อจำนวนมากพอ เสือถึงจะอยู่รอดได้ นอกจากนั้นแล้วเสือยังต้องการพื้นที่อาศัยค่อนข้างกว้างพอสมควร ถ้าป่าไหนเล็กเกินไปเสือจะอยู่ไม่ได้ ถ้าเรื่องที่คุณพรเล่าเป็นเรื่องจริง ก็แสดงว่าป่าห้วยเสือร้องกลับมาสมบูรณ์อีกครั้งแล้วนะสิครับ”
“แต่พรว่าป่ายังไม่สมบูรณ์หรอก ไม่งั้นเสือมันจะออกมากินหมาทำไม อีกอย่างหมาพวกนั้นก็ไม่ได้อยู่ใกล้เขตอุทยานสักนิด บางตัวอยู่แทบจะกลางเมืองด้วยซ้ำ แต่เสือก็ยังมาเอาไปกินได้ นอกจากนั้นมันยังกินไปซะเยอะเลย”
“น่าแปลกนะ” จอมขวัญเอ่ยขึ้น ส่วนเขากลับหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด
“ถ้าอย่างนั้นอาจจะไม่ใช่เสือก็ได้ครับ เราคงต้องรอหลักฐานที่แน่ชัดกันต่อไปครับ”
“หรือมันจะเป็นเสือผี พวกเสือสมิงอะไรยังงี้ คุณชานนท์ทำงานในป่าเคยเจอบ้างไหมคะ”
ชานนท์หัวเราะเบาๆอย่างขบขัน
“เคยเจอสิครับ” เขาทำหน้าจริงจัง สองสาวตั้งใจฟัง โดยเฉพาะสุพรถึงกับเบิกตาโต “ในหนังสืออ่านเล่น”
“โธ่คุณชานนท์” ครูพรครางออกมา ส่วนจอมขวัญหัวเราะคิก
“ผมไม่เคยเจอหรอกครับเสือสมิง เรื่องแปลกที่สุดในป่าที่ผมเคยเจอก็เป็นตอนออกลาดตระเวณ ตอนนั้นผมเห็นพี่คนหนึ่งเดินออกจากแคมป์ไป ถามอะไรแกก็ไม่ตอบ แต่พอผมกลับมาถึงที่แคมป์ พี่คนนั้นยังนั่งซดเหล้าอยู่หน้าตาเฉย พอถามก็บอกว่าไม่ได้ออกไปไหนเลย นั่งอยู่กันตั้งแต่เย็นแล้ว คนอื่นๆก็ยืนยันแบบนั้น”
“แล้วคุณนนท์ทำยังไงคะ”
ลูกสาวเจ้าพ่อห้วยเสือร้องถามต่อ
“ไม่ทำอะไรครับ ผมก็ซดเหล้ากับพวกนั้นจนเมาหลับไป เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่จำเป็นต้องหาคำอธิบายอะไรหรอกครับ เพราะถึงหาไปก็หาไม่เจออยู่ดี”
สุพรลูบขนแขนที่กำลังลุกชัน
“ถ้าเป็นพรนะ คืนนั้นเผ่นออกมาแล้ว”
ชานนท์เพียงหัวเราะ ส่วนจอมขวัญเงียบลงเล็กน้อย มีแต่สุพรที่คุยจ้อเหมือนเดิม หลังจากจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย สุพรก็เอ่ยปากฝากจอมขวัญให้กลับโรงเรียนกับชายหนุ่ม เมื่อเห็นเพื่อนสาวทำหน้าฉงน หล่อนจึงบอกว่าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องทำธุระบางอย่างให้ที่บ้าน อาจจะกลับดึกเลยให้จอมขวัญกลับไปก่อน
“คุณขวัญกลับกับผมได้ครับ ไม่เป็นไร”
“ฝากส่งยัยขวัญด้วยนะคะคุณผู้ช่วย”
“ได้ครับ รับรองไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน”
เขาพูดเป็นประโยคสุดท้ายก่อนสุพรจะแยกไป
“คุณขวัญกับครูพรคงจะสนิทกันมากนะครับ”
ชานนท์ถามขึ้นระหว่างทางกลับ เขาขับรถยนต์ลดเลี้ยวอย่างคล่องแคล่ว จอมขวัญพยักหน้า
“ค่ะ ขวัญกับพรเป็นเพื่อนเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าโตแล้วยังต้องมาทำงานดูแลเด็กๆด้วยกันอีก” หล่อนเว้นระยะไปครู่ “ตอนเด็กขวัญอยากเป็นครู ส่วนพรอยากเป็นพยาบาล เห็นบอกว่าเคยสอบพยาบาลติดแล้ว แต่สุดท้ายยังไงก็ไม่รู้ พรกลับเลือกที่จะเรียนครู พอเรียนจบสอบติด พรก็ขอย้ายไปเป็นครูดอยอยู่สองสามปี เพิ่งจะกลับมาทำงานที่นี่ไม่ถึงสองปีดี”
“ครูพรดูเป็นผู้หญิงลุยๆดีนะครับ”
“ใช่ค่ะ พรเป็นคนรักการผจญภัย อาจจะเหมือนกับคุณนนท์ก็ได้มั้งค่ะ” หล่อนเหลือบตากลมโตมามองเขา ผู้ช่วยหนุ่มหัวเราะเบาๆ
“อาจจะ แต่คุณขวัญรู้หรือเปล่าว่าผมมาทำงานด้านนี้เพราะอะไร”
“นั่นสิค่ะ เพราะอะไร” น้ำเสียงมีแววอยากรู้
“เพราะหนังสือเล่มหนึ่ง เรียกว่าชุดหนึ่งดีกว่า”
“หนังสือ”
“ใช่ครับ หนังสือ หลังจากอ่านหนังสือเล่มนั้นจบแล้ว ผมก็หาข้อมูลทันทีเลยว่ามีคณะไหนบ้างหรือมหาวิทยาลัยไหนบ้างหรืออาชีพไหนที่ตรงกับความต้องการของผม”
“หนังสืออะไรคะ”
“ล่องไพรของน้อย อินทนนท์ครับ ถือเป็นวรรณกรรมผจญภัยอมตะของไทยชุดหนึ่งเลย”
“ล่องไพร” หล่อนทวนชื่อนั้นช้าๆ “เหมือนว่าจะเคยได้ยินมาเหมือนกัน แต่ขวัญไม่เคยอ่าน”
“คุณขวัญน่าจะลองอ่านดูนะครับ สนุกดี”
“น่าจะสนุกมากเลยนะคะ ถึงทำให้คุณนนท์มาอยู่ตรงนี้ได้”
“ครับ พออ่านจบ ผมก็หลงรักเสน่ห์ของป่าดิบทันที ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยถ้ามีเวลาว่างผมกับเพื่อนก็แบกเป้เที่ยวป่ากันเป็นว่าเล่น เรียกได้ว่าอยู่ป่ามากกว่าบ้านอีกครับ”
“น่าสนุกนะคะ”
“ครับ ตอนนั้นสนุกมาก แต่พอเรียบจบมาทำงานแล้วชักจะไม่สนุกแล้วสิ” เขาพูดพลางหัวเราะ นำรถเข้าถนนอันจะนำสู่ตัวอำเภอห้วยเสือร้อง สองข้างทางเป็นทุ่งนา ไร่สวน สลับไปกับละเมาะรกทึบ ไกลสุดสายตาเทือกเขาทะมึนทอดตัวยาวตามแนวถนน ไอแดดยามบ่ายเต้นระยับบนผิวลาดยาง
“ทำไมคะ ทำงานแบบคุณชานนท์ไม่สนุกเหรอ”
“ก็สนุกบ้าง น่าเบื่อบ้างปนกันไปแหละครับ แล้วคุณขวัญสนุกกับงานทุกวันหรือเปล่า”
“ขวัญพยายามที่จะสนุกกับงานให้ได้ทุกวันค่ะ”
หญิงสาวตอบหนักแน่น แต่ในดวงตากลับแฝงแววไม่มั่นใจ ชานนท์แอบมองแต่ยังไม่ทันที่จะพูดคุยอะไรกันต่อ ร่างผู้ชายคนหนึ่งก็โผล่พรวดจากข้างทางออกมากองนิ่งบนถนน เจ้าหน้าที่หนุ่มเบรกรถอย่างกะทันหันจนหัวแทบขมำไปชนกับคอนโซลหน้า โชคดีที่ทั้งคู่คาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้
“คุณขวัญเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เขาหันมาถามหล่อนอย่างกังวลห่วงใย หญิงสาวยิ้ม ส่ายหน้า
“ขวัญไม่เป็นไรแต่คนๆนั้นน่าจะเป็นอะไรสักอย่างนะคะ”
เขามองด้านหน้า ผู้ชายคนนั้นยังนอนนิ่ง ไม่ขยับเคลื่อนไหว ชานนท์ตัดสินใจทันที เขาคว้ากระเป๋าเป้ซึ่งวางหนึ่งอยู่บนพื้นรถด้านหลังแล้วค้นสักครู่ ปืนพกออโตเมติกสีดำสนิทถูกหยิบติดมาขึ้นมา เขาตรวจสอบระบบกลไกแล้วมองสายตาสงสัยของจอมขวัญ
“เพื่อความปลอดภัยนะครับ เดี๋ยวผมจะลงไปดู ส่วนคุณขวัญรออยู่บนรถ ล็อกประตูให้เรียบร้อย ถ้ามีอะไรแปลกหรืออันตรายเกิดขึ้น คุณขวัญรีบหนีไปจากที่นี่แล้วค่อยพาคนมาช่วยผมนะครับ”
“แต่”
เขายิ้มส่ายหน้า
“ห้ามปฏิเสธครับ เพื่อความปลอดภัยของเราทั้งคู่”
หล่อนกัดริมฝีปาก ดวงหน้านั้นเต็มไปด้วยความกังวลแต่ก็ยังพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ได้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ชานนท์บอกมาเป็นคำสุดท้ายแล้วก้าวลงจากรถอย่างระวัง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ