สาบสมิง
เขียนโดย ลูกคนเดียว
วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 10.39 น.
แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2562 11.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
30) บทที่สามสิบ อวสาน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความทั้งสามคนหยุดหลังต้นไม้ใหญ่ หลบซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ความรู้สึกบางอย่างอาจจะเรียกว่าสังหรณ์บังคับให้ชานนท์หยุดนิ่งแล้วมองจ้องเข้าไปในความมืดมิดของสิ่งก่อสร้างโบราณ แล้วเขาก็เริ่มมองเห็นแสงสว่างจางๆลอดออกมา ชายหนุ่มสะบัดหน้า กะพริบตาแล้วมองดูอีกครั้ง คราวนี้ชัดเจนกว่าเดิม เขามองเห็นแสงไฟจริงๆ วันชัยเองก็เห็นเช่นกัน
“แสงไฟครับผู้ช่วย”
“ผมเห็นแล้ว ใครอยู่ในนั้น จะใช่ชัชวาลมั้ย”
“ผมไม่แน่ใจ เดี๋ยวก่อนผู้ช่วย ใครกำลังออกมาครับ”
แสงจากดวงจันทร์กลมโตผ่องแผ้วสาดส่องทั่วบริเวณจนทำให้บริเวณนั้นไม่มืดจนเกินไปนัก แต่ก็ไม่ถึงกับสว่างชัดเจนจนจะสามารถบอกได้ว่ามนุษย์ร่างสูงพอสมควรคนหนึ่งซึ่งกำลังก้าวเดินออกมาเชื่องช้านั้นคือใคร
“ชัชวาล”
จอมภพคำรามต่ำในลำคอจนทั้งสองคนหันไปมอง วันชัยถึงกับขมวดคิ้วเพราะขนาดเขาเองเป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ามีความคุ้นเคยกับการมองตอนกลางคืนยังมองไม่ออกเลย แต่นี่พี่ชายของจอมขวัญเป็นแค่นักเลงโตธรรมดาทั่วไปเท่านั้นกลับมองเห็นถึงขนาดระบุตัวได้ว่าคือใคร
“ผมจำท่าทางของมันได้”
เมื่อนั้นทั้งคู่จึงเข้าใจ จอมภพพูดต่อว่า
“เราแยกกัน พยายามล้อมจับตัวมันไว้ให้ได้ หลังจากนั้นค่อยบังคับมันให้พาไปหาขวัญ”
แล้วโดยไม่ขอความเห็นจากใคร จอมภพเดินดุ่มหายไปในความมืดของต้นไม้ เขาลัดเลาะกำบังตามไม้ใหญ่จนลับตา ทิ้งให้ชานนท์กับวันชัยสบตากันอย่างงงๆ
“เอาไงพี่ชัย”
“ทำตามที่คุณภพบอกเถอะครับ เดี๋ยวผมไปทางด้านนั้นเอง”
เขาชี้ฝั่งตรงข้ามกับเส้นทางของจอมภพ ชานนท์พยักหน้า ชายหนุ่มกำลังจะออกเดินแต่วันชัยเหนี่ยวไหล่ไว้
“ผมขอยืมมีดอาคมของผู้ช่วยหน่อยสิครับ”
“จะเอาไปทำอะไรล่ะพี่”
เขาถามแล้วยื่นส่งมีดศักดิ์สิทธิ์ให้ ตั้งแต่หลุดรอดจากเสือสมิงมา ชายหนุ่มไม่ได้ปล่อยให้มีดเล่มนี้ห่างจากมือ
“ทำอาวุธ”
วันชัยตอบยิ้มๆแล้วหยิบลูกปืนขึ้นมาสามนัด เขากรีดมือของตัวเองด้วยมีด เลือดไหลซึมออกมาช้าๆ จนกระทั่งหยดลงบนตัวใบมีด มีแสงสว่างเรืองรองที่เลือดของเขา วันชัยยิ้มออกมาได้ เขานำเลือดมาป้ายกระสุนทั้งสามนัด ลูกปืนส่องสว่างครู่หนึ่งแล้วจึงเป็นปกติตามเดิม พิทักษ์ป่าหนุ่มใหญ่ยกมือไหว้ท่วมหัว
“แค่นี้ผมก็ซัดไอ้เสือผีได้แล้วครับผู้ช่วย ผมไปล่ะครับ แล้วเจอกัน โชคดีครับผู้ช่วย”
วันชันส่งมีดอาคมคืนแล้วเดินลับตาไปอีกคน คล้อยหลังห่างจากชานนท์เพียงเล็กน้อย เมื่อแน่ใจว่าตัวเองอยู่ในเงามืดลี้ลับ วันชัยก็หยิบกระสุนปืนขึ้นมาอีกหนึ่งนัด เขาใช้เลือดที่เหลือป้ายหัวกระสุน เหตุการณ์เหมือนเดิมเกิดขึ้น พิทักษ์ป่าหนุ่มใหญ่ไม่ใช่คนประมาท เขาไม่มั่นใจว่าตอนนั้นจอมภพจะแอบดูอยู่หรือเปล่า ทว่าตอนนี้เขาปักใจเชื่อเต็มร้อยแล้วว่าพี่ชายของจอมขวัญคือร่างแปลงของสมิงตัวนั้น
ชานนท์ยืนมองซ้ายทีขวาทีอย่างตัดสินใจไม่ถูกครู่หนึ่ง และก่อนที่เขาจะทำอะไรต่อไป ร่างสองร่างก็เดินมาปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหลังของชัชวาล เลือดในกายของเขาแทบจะจับเป็นก้อนแข็งเมื่อเห็นชัดเจนว่าหนึ่งในสองร่างนั้นคือจอมขวัญ ส่วนอีกร่างนั้นคือศารทูล เจ้าปิศาจอาฆาตที่คอยตามรังควานพวกเขามาตลอดหลายร้อยปี
จอมขวัญและชัชวาลยืนอยู่บนลานชั้นบนสุดของบันไดภายใต้เงื้อมเงาของมหาเทวรูปพยัคฆ์ หญิงสาวตัวสั่นด้วยความหนาวระคนความกลัว ส่วนชัชวาลเองก็หมดปัญญาที่จะทำสิ่งใดได้ เจ้าปิศาจร้ายยืนแสยะยิ้มอยู่ด้านหลังพวกเขา
“ใกล้จะถึงเวลาที่จันทราจะอยู่กลางฟ้าแล้วระกา แต่ข้าจะต้องทำให้เจ้าฟื้นคืนความทรงจำทั้งหมดเสียก่อน เพื่อที่เจ้าจะได้จำได้ถึงมนตราที่เจ้าใช้กักขังข้ามาเนิ่นนาน”
“ฉันไม่มีวันปลดปล่อยแก ฉันรู้แล้วว่าทำไมถึงได้ขังแกไว้ แกมันชั่วร้ายจนสมควรที่จะถูกขังไว้ตลอดกาล”
ศารทูลหัวเราะดังสนั่นจนวิหารสะเทือน
“ข้าชั่วร้ายนักหรือ เจ้าลองมองไปรอบตัวเจ้าสิระกา ความพินาศทั้งหมดนี้ล้วนมาจากเจ้า ถ้าหากว่าเจ้าไม่ทรยศข้า เรื่องนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น สุวรรณนครจะคงอยู่ถึงบัดนี้และกลายเป็นมหาอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่”
มันหยุดพูดแล้วเดินเนิบช้ามาหยุดยืนเบื้องหน้าหล่อน
“แต่ถึงยังไงตอนนี้ก็เป็นโอกาสให้เจ้าได้แก้ไขสิ่งผิดพลาดในอดีต เจ้าจะต้องจำทุกอย่างให้ได้แล้วปล่อยพันธนาการจากตัวข้า เจ้าจงจำคาถาอาคมทั้งหมดของระกาเมื่อครั้งอดีตให้ได้บัดนี้เถิด”
ศารทูลพึมพำขยับปาก เสียงร่ายมนต์เริ่มจากแผ่วเบาก่อนจะดังขึ้นเรื่อยๆ ดังจนกระทั่งชัชวาลตะโกนก้อง ยกมือทั้งสองปิดหูแล้วดิ้นอยางทุรนทุรายอยู่บนพื้นมหาวิหาร เขาทรมานกับเสียงสวดซึ่งบาดลึกเสียดแทงเข้าไปถึงในจิตใจ ผิดกับจอมขวัญ หญิงสาวมองเห็นดวงตาประหนึ่งอสรพิษทั้งคู่ของศารทูลขยายใหญ่ขึ้นจนบดบังภาพเบื้องหน้าทั้งหมด สิ่งที่หล่อนเห็นมีเพียงนัยน์ตาของเจ้าปิศาจกับได้ยินเสียงสวดมนต์อันคุ้นเคย ไม่ถึงสิบนาทีความทรงจำบางอย่างก็ผุดขึ้นมา ทุกฉากทุกตอนแจ่มชัดยิ่งกว่าเดิม ชัดเจนยิ่งกว่าครั้งที่หล่อนเคยฝันทั้งหมดเสียอีก คาถาอาคมทั้งหมดของระกาในอดีตถูกถ่ายทอดมาที่หล่อนอย่างรวดเร็ว เร็วจนหล่อนรับไม่ได้ถึงกับล้มลงสลบไป
ศารทูลมองภาพนั้นอย่างสะใจ เขายังคงท่องมนต์ไม่หยุดและเสียงนั้นก็ดังก้องกังวานขึ้นทุกที ดังขึ้นจนแม้แต่ขุนเขารอบด้านยังสะท้านสะเทือน ต้นไม้สั่นไหวทั้งที่ปราศจากลม แล้วมันก็หยุดลงอย่างกะทันหันเหมือนเช่นตอนเริ่มต้น ชัชวาลกระอักเลือดออกมากองโต ศารทูลเหลือบมองร่างที่มันเคยใช้
“เจ้ามันคนชั้นต่ำไร้ค่า ถ้าหากว่าข้าจะไม่ใช้เจ้าบูชายัญหลังจากที่ทำลายพันธนาการอาคมแล้วละก็ ข้าคงจะสังหารเจ้าไปนานแล้ว”
แล้วศารทูลก็ชี้นิ้วมาที่เขา ชัชวาลรู้สึกแน่นที่บริเวณหน้าอกอย่างเฉียบพลัน แน่นจนหายใจไม่ออกก่อนที่กลายเป็นความทรมานบาดลึกจนร่างกายสั่นสะท้าน เขาพยายามร้องแต่เหมือนมีบางสิ่งอุดปากเอาไว้ เขารู้สึกทรมานคล้ายกับร่างจะระเบิดขึ้นเรื่อยๆ เจ้าปิศาจยิ้มเยาะที่มุมปาก มันลดนิ้วต่ำลง ชายหนุ่มจึงสำรอกน้ำขมออกมากองโต น้ำในกระเพาะพร้อมกับลิ่มเลือด
“อีกไม่นานข้าจะสังเวยเจ้าให้แก่ท่านพยัคฆา”
มันพูดแล้วหันหลังเดินจากไป ทิ้งทั้งคู่ไว้อย่างเดิม
ชานนท์กำมีดอาคมแน่นจนเส้นเลือดที่มือขวาปูดขึ้น เขาเองก็ได้รับผลกระทบจากเสียงสวดมนต์เช่นกัน เพียงแต่ว่าน้อยกว่าชัชวาล สิ้นเสียงสวดเขาเองก็ทรุดนั่งคุกเข่า ตาพร่าชั่วครู่ พลังอำนาจชั่วร้ายช่างมากมายมหาศาลนัก มันแผ่กว้างและกระจายอยู่โดยรอบบริเวณสถานที่ประหลาดแห่งนี้ ชานนท์แข็งใจลุกขึ้นยืน เขาจำเป็นจะต้องหาทางเข้าถึงตัวของจอมขวัญเพื่อนำตัวหล่อนออกมาให้ได้ ผู้ช่วยหนุ่มลัดเลาะหลบตามเงาไม้ใหญ่ ถือว่าโชคของเขายังคงมีอยู่ ต้นไม้ พุ่มไม้และเถาวัลย์กินอาณาบริเวณกว้างไปจรดแนวขอบของมหาวิหารโบราณ เขาเคลื่อนที่โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาประสงค์ร้ายจับจ้องเขาตลอดเวลา
วันชัยเจ็บปวดแทบขาดใจตอนที่เสียงมหาอุบาทว์ดังขึ้น มันสั่นสะท้านเหมือนจะคว้านเอาตับไตไส้พุงของเขาออกมาทำลาย หนุ่มใหญ่ถึงกับลงเกลือกกลิ้งบนพื้นดินโดยไม่สนคมหินหรือสัตว์อันตรายแม้แต่น้อย จนเมื่อเขาเผลอกำถูกกระสุนอาคม ความทรมานนั้นก็คล้ายบรรเทาเบาบางลง หลังสิ้นเสียงสวด เขายังนอนนิ่งอีกเกือบห้านาทีถึงจะลุกเดินโซเซขึ้นมาได้ วันชัยถอนหายใจตั้งสติแล้วจึงเดินตามทางเดินของเขาต่อไป เป้าหมายของเขาไม่ใช่จอมขวัญ หากแต่เป็นบริเวณอาคารหินร้างเสมือนหอคอยขนาดย่อมสูงประมาณสามเมตร อาคารแห่งนั้นคือจุดยุทธศาสตร์ที่สามารถมองเห็นได้รอบบริเวณโดยไม่มีสิ่งใดกำบัง เขาจะคอยคุ้มกันผู้ช่วยชานนท์ที่สถานที่นั้น เขารู้ดีว่ากระสุนของเขามีอำนาจมากพอจะหยุดเสือสมิงหรือแม้แต่อมนุษย์ตนนั้นได้
ดวงจันทร์ลอยจนกระทั่งถึงกึ่งกลางฟ้าแล้ว จอมขวัญรู้สึกตัวอีกครั้ง หล่อนลืมตาขึ้นแล้วจึงมองเห็นดวงตาอสรพิษของศารทูล ใบหน้านั้นกำลังแสยะยิ้ม หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างดุดัน
“เจ้ายังไม่พินาศอีกหรือศารทูล นักบวชชั่ว”
มันหัวเราะอย่างพึงพอใจ
“ในที่สุดเจ้าก็กลับเสียที ระกา ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องปลดปล่อยข้าแล้ว”
“ข้าไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น เจ้าจะถูกกักขังตลอดไปศารทูล”
หล่อนพูดแล้วถ่มน้ำลายใส่จอมปิศาจ ศารทูลเอี้ยวหัวหลบทัน ใบหน้าของเขาทมึงถึงทันที
“เจ้าไม่อยากทำก็ต้องทำ หาไม่แล้ว เจ้าอรชุนจะได้ตายอีกรอบแน่”
ศารทูลลุกขึ้นพร้อมทั้งกระชากร่างชายหนุ่มคนหนึ่งยืนขึ้นมากับเขา ชายคนนั้นดูอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด ระกาตกใจจนใบหน้าเปลี่ยนสีแต่เพียงชั่วครู่เดียวหล่อนก็ยิ้มออกมาได้
“เจ้าต้องใช้มากกว่าเวทมนตร์จำแลงกายถึงจะหลอกข้าได้”
อดีตนักบวชทรยศหัวเราะแล้วเหวี่ยงร่างนั้นทิ้งไป ชายหนุ่มเคราะห์ร้ายกลิ้งหลุนๆตามขั้นบันไดแล้วไปนอนจมกองเลือดของตัวเองที่สุดบันได ชัชวาลนั่นเอง เขานอนเจ็บปวดจนแทบลุกไม่ได้
“เจ้าฉลาดเสมอ แต่หมดเวลาเล่นสนุกของเจ้าแล้ว จงท่องบทสวดออกมาเพื่อปลดปล่อยข้า”
“ข้าไม่ทำ ข้าไม่ทำ”
หล่อนสะบัดหน้ากรีดร้องแต่เหมือนว่าคำพูดของศารทูลจะแทรกซึมเข้าไปในทุกอณูร่างกายของหล่อน ระกาพยายามใช้อาคมของตัวเองขัดขืนแต่ก็ไร้ผล อาคมของจอมปิศาจมีฤทธิ์อำนาจมากกว่าในอดีตยิ่งนัก
“อย่าขัดขืนเลย เจ้าไม่มีทางเลือก”
นัยน์ตาของระกาเริ่มเหม่อลอย ริมฝีปากขมุบขมิบ อาคมตัวแรกออกจากปากของหล่อนแล้ว มีเสียงคล้ายกับอะไรบางอย่างปริแตกดังชัดเจนจากรอบด้าน
แต่ก่อนที่เหตุการณ์ต่างๆจะดำเนินไปจนถึงจุดสิ้นสุดของมัน ชัชวาลก็ฝืนใจลุกยืนขึ้น เขารวบรวมทั้งลมหายใจและกำลังแรงเฮือกสุกท้ายกระชากปืนพกออกมาจากหน้าแข็ง ชายหนุ่มยิ้มนิดๆแล้วเหนี่ยวไกปล่อยกระสุนทั้งหกนัดใส่ร่างของศารทูลทันที เสียงปืนดังสนั่นทำให้ระกาหยุดชะงัก สติของหล่อนกลับคืนมา หญิงสาวรวบรวมพลังผลักร่างของนักบวชทรยศจนมันล้มกลิ้ง หล่อนลุกขึ้นยืนแล้วเผ่นพรวด กระโดดสี่ห้าก้าวลงบันไดอย่างรวดเร็ว
ศารทูลคำรามอย่างขัดใจ มันชี้นิ้วใส่ร่างของชัชวาล คนสนิทของจอมภพกุมหน้าอกแน่น สีหน้าเจ็บปวดทรมาน ครู่เดียวเท่านั้นเขาก็ล้มนอนคว่ำแน่นิ่งอยู่บนพื้น ชายหนุ่มได้เสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องหญิงสาวแล้ว ศารทูลกำลังจะชี้นิ้วใส่จอมขวัญแต่กลับมีเสียงปืนดังกึกก้อง คราวนี้เสียงนั้นช่างดังกังวานและหนักแน่น ร่างของอมนุษย์ถูกกระสุนเข้าอย่างจัง มันกระเด็นราวกับถูกมือมหายักษ์ตบ ศารทูลนอนแน่นิ่งไป
หญิงสาวถึงบันไดขั้นสุดท้ายแล้ว ทันทีที่เหยียบพื้นดิน แขนของหล่อนก็ถูกกระชาก ระกาหันขวับแล้วจึงเห็นใบหน้าที่หล่อนคำนึงถึง
“อรชุน”
หล่อนร้องเรียกด้วยน้ำเสียงยินดี ใบหน้านั้นฉงนเล็กน้อยแต่ก็ยังยิ้มกว้างให้ เขากระชากหล่อนวิ่งไปด้วยกัน จุดหมายคือทางออกจากหุบสมิง แต่เพิ่งวิ่งไปได้เพียงสิบเมตรเท่านั้น เสือสมิงคู่ปรับเก่าก็กระโจนพรวดเข้าใส่ร่างของชานนท์จนล้มกลิ้งไปด้วยกัน มีดอาคมหลุดจากมือเขากระเด็นห่างจากตัวไปสองสามเมตร
เจ้าเสือผีพยายามงับแขนแล้วจะกระชากให้ขาด ชายหนุ่มร้องลั่นอย่างเจ็บปวด เขาต่อยเข้าไปที่ขมับของมันแต่เหมือนไร้ผล เลือดชุ่มโชกไหลอาบทั้งท่อนแขน ระกาพุ่งเข้ามาหมายจะช่วยเหลือแต่ร่างของหล่อนกลับถูกตรึงด้วยอาคมบางอย่างจนขยับไม่ได้ ศารทูลเดินโซเซกลับมายืนบนลานพักหน้าเทวรูปอีกครั้ง ร่างกายของมันบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน ท่ามกลางแสงจันทร์ หล่อนเห็นเลือดดำคล้ำไหลออกมาจากรูขนาดฝ่ามือที่ท้องน้อย
“จงท่อง จงปลดปล่อยข้า”
หล่อนชะงักงันแล้วเสียการควบคุมตัวเองอีกครั้ง ระกาเริ่มท่องอาคม เสียงปริแตกร้าวคล้ายกระจกแตกดังขึ้นอีกครั้ง
วันชัยอ่อนแรงลงอย่างประหลาด คาถาอาคมทุกอย่างดูจะมีผลกับร่างกายของเขา เขารวบรวมกำลังใจจึงสามารถยิงปืนนัดนั้นออกไปได้ แต่ตอนนี้เขาเองก็แทบจะลุกไม่ไหวแล้ว โสตประสาทของพิทักษ์ป่าหนุ่มใหญ่ได้ยินเสียงร้องของชานนท์ชัดเจน เขาภาวนาอีกครั้ง ขอให้เขาจับปืนได้อีกครั้งเถอะ
ชานนท์ดิ้นขลุกขลัก วินาทีสุดท้ายใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ชายหนุ่มแทบสัมผัสได้ถึงความตาย เขาไม่เคยใกล้ชิดความตายมากขนาดนี้มาก่อน แล้วเขาก็ยิ้มอย่างปลงๆเมื่อคิดได้ว่าก็ตอนนี้ความตายกำลังงับแขนเขาอยู่ ผู้ช่วยหนุ่มดิ้นรนช่วยตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย เขารวบรวมกำลังทิ่มไปที่ลูกตาของเสือสมิง ครั้งนี้ได้ผล เจ้าเสือร้ายผงะออกไปพร้อมทั้งร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดทรมาน นั่นมันเป็นเสียงร้องของคนที่ได้รับความเจ็บปวดชัดๆ ตอนนั้นอีกเช่นกันที่มีเสียงปืนดังขึ้นสองนัด นัดหนึ่งทะลุท้อง ส่วนอีกนัดเข้าบริเวณก้านคอ เจ้าเสือผีกระเด็นไปนอนแน่นิ่ง มันยกหัวขึ้นมามองชานนท์เล็กน้อย ชายหนุ่มเห็นแววตาของมันชัดเจน เขาจำแววตาแบบนั้นได้
“คุณจอมภพ”
ร่างของเสือสมิงกระตุกสี่ห้าครั้งแล้วนิ่งไป ช่วงที่ชานนท์กำลังตกตะลึงเสียงปืนก็ดังขึ้นอีกหนึ่งนัด ร่างของศารทูลผงะหลังแต่ไม่ล้ม จอมปิศาจยืนอยู่ได้ด้วยแรงพยาบาท มันเหลือบมองทางหอคอยหิน เพียงครู่เดียวตัวหอคอยก็สะเทือนเหมือนถูกเขย่าก่อนจะล้มครืนพังทลาย วันชัยยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อนตอนที่ก้อนหินก้อนหนึ่งทับร่างกายของเขา
ชานนท์ได้ยินเสียงปริแตกดังขึ้นเรื่อยพร้อมทั้งที่ศารทูลหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว ข้ากำลังจะถูกปลดปล่อย เร็วขึ้นอีกระกา เร็วขึ้นอีก”
หญิงสาวเร่งบทสวดอาคมของตัวเองขึ้นอีก ชานนท์ข่มความเจ็บปวดลากสังขารไปจนกระทั่งถึงมีดเล่มนั้น เขาหยิบมันขึ้นมากำแน่นแล้วระลึกถึงคุณงามความดีในสากลโลก เหมือนพลังจากมีดจะถ่ายทอดเข้ามาสู่ร่างกายของเขา ผู้ช่วยหนุ่มรู้สึกเหมือนมีความร้อนสายหนึ่งพลุ่งพล่านไปทั้งร่าง เขาลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งทะยานขึ้นบันไดด้วยความรวดเร็ว ศารทูลทำได้เพียงแค่มองอย่างตาค้างไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อมีดศักดิ์สิทธิ์ของเขาปักสวบเข้าบริเวณหัวใจ ความเจ็บปวดระคนสิ้นหวังแผ่ซ่านไปทั่ว จอมปิศาจผลักร่างของชานนท์ด้วยกำลังเฮือกสุดท้าย ชายหนุ่มกลิ้งตกลงมาตามขั้นบันได ส่วนตัวของศารทูลเองกลับเหี่ยวแฟบลงเหมือนลูกโป่งถูกปล่อยลม ไม่มีเสียงร้องคร่ำครวญ ไม่มีคำพูดใดทั้งสิ้น ร่างของนักบวชทรยศค่อยๆเหี่ยวย่นจนกระทั่งสลายกลายเป็นฝุ่นผง ความตายช่างง่ายดายกว่าที่ใครจะคาดคิด
ชานนท์นอนฟุบหน้าอยู่หน้าขั้นบันได เขารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อมีมือหนึ่งมาประคองใบหน้า
“คุณนนท์ คุณนนท์เป็นยังไงบ้างคะ”
จอมขวัญซึ่งฟื้นคืนสติตั้งแต่ที่มีดเสียบหัวใจของศารทูลถามขึ้นอย่างร้อนรน ชายหนุ่มยิ้มให้
“ไม่เป็นไรครับ”
แต่ก่อนที่ใครจะพูดอะไรต่อ แผ่นดินบริเวณนั้นก็สั่นสะเทือนเล็กน้อย ทั้งคู่หน้าถอดสี
“รีบไปขวัญ ที่นี่กำลังจะเกิดแผ่นดินไหว”
ชายหนุ่มยันตัวลุกขึ้น จอมขวัญพยุงร่างนั้น ทั้งคู่พยายามวิ่งแม้จะเชื่องช้าแค่ไหนก็ตาม ช่วงหนึ่งทั้งสองคนผ่านร่างกายของเสือสมิงที่เริ่มคืนสภาพ จอมขวัญถึงกับร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นว่าร่างของเสือนั้นคือจอมภพ ลำตัวด้านบนตั้งแต่หัวจนกระทั่งเอวเป็นของพี่ชายของหล่อน แต่ตั้งแต่เอวลงไปเป็นเสือ ดวงตาของจอมภพเหลือกค้างไม่ต่างกับสัตว์ป่าที่เขาเคยล่า พี่ชายของหล่อนรับกรรมอย่างสาสมแล้ว ศารทูลนำวิญญาณเสือสมิงมาสถิตอยู่ในร่างกายนี้เพื่อช่วยเหลือมันตั้งแต่ที่เขาออกมาจากป่าครั้งนั้น
แผ่นดินเขย่าสั่นรุนแรงขึ้นทุกที ทั้งสองคนกัดฟันเดินขึ้นเขาชันอย่างเหนื่อยอ่อน เมื่อแหวกพงทึบขึ้นมายืนอยู่บนเนินตอนหนึ่งซึ่งแผ่นดินไม่สั่นไหวแล้ว ชานนท์และจอมขวัญก็หันกลับลงไปมองเบื้องล่าง ท่ามกลางแสงจันทร์กระจ่าง แผ่นดินบริเวณสุวรรณนครค่อยยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว มหาวิหารและเทวรูปของพยัคฆาพังทลายลง มีเสียงดังสนั่นตลอดเวลาที่ปฐพีกลืนกินสรรพสิ่ง ชั่วไม่ถึงห้านาทีหลังจากนั้นซากอารยธรรมสุดท้ายของสุวรรณนครก็จมหายไปตลอดกาล เหลือเพียงแค่ความทรงจำของชายหนุ่มกับหญิงสาวเท่านั้น
“สิ้นสุดกันเสียทีกับความแค้นหลายร้อยปี ฉันอโหสิกรรมให้ท่าน ศารทูล”
จอมขวัญพูดเบาๆ ส่วนชานนท์ได้แต่ยืนนิ่งมองภาพเบื้องหน้า
“หลังจากนี้จะทำยังไงต่อไปคะ”
เขาหันมายิ้มให้กับหล่อน ถึงใบหน้านั้นจะซีดเซียวเพราะเจ็บปวดจากบาดแผลก็ตาม
“พาคุณกลับบ้าน ส่วนเรื่องหลังจากนั้นค่อยคิดกันต่อไป”
ชานนท์สบตาหล่อน จอมขวัญไม่หลบ จนกระทั่งเมื่อริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกัน หล่อนก็ไม่หลบ กลับจูบกับเขาอย่างดูดดื่มโหยหาเสมือนว่าทั้งคู่รอคอยกันมาตลอดหลายร้อยปี
จบ.
หมายเหตุ นวนิยายเรื่องนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์จะมีการแก้ไขคำผิดกับปรับปรุงเนื้อเรื่องต่อไปในอนาคต ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันมาตลอดครับ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ