สาบสมิง
เขียนโดย ลูกคนเดียว
วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 10.39 น.
แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2562 11.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
25) บทที่ยี่สิบห้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความนักวิจัยคนหนึ่งวิ่งหน้าตื่นมาหาชาญชัยกับชานนท์และศรุต ทั้งสามกำลังนั่งคุยสังสรรค์อย่างออกรส หัวหน้าคณะวิจัยแสดงสีหน้ายินดีออกมาทันทีที่ได้ยินคำพูดของลูกน้อง
“เสือติดกับดักแล้วครับหัวหน้า”
ชาญชัยตาเป็นประกายอย่างยินดี ไม่ต่างจากศรุตเท่าไหร่นัก มีเพียงชานนท์เจ้าของพื้นที่เท่านั้นที่ลอบหวาดวิตกในใจ
“เมื่อไหร่”
“เมื่อครู่นี้เองครับ” ทีมวิจัยทำการติดตั้งกล้องดักถ่ายภาพซึ่งสามารถถ่ายทอดเหตุการณ์สดจากพื้นที่วิจัยได้ไว้ตามจุดกับดักทุกจุด
“ไปเรียกหมอเฉลิมมา แล้วเดี๋ยวไปด้วยกัน”
หมอเฉลิมคือนายสัตวแพทย์ซึ่งเพิ่งมาถึงประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า เขาถือเป็นนายสัตวแพทย์คนสำคัญที่คอยช่วยเหลืองานด้านการจัดการและให้ความช่วยเหลือสัตว์ป่าของประเทศ นักวิจัยหนุ่มวิ่งเหยาะตรงไปยังบ้านพักของหมอเฉลิมทันที ชาญชัยหันมาจับต้นแขนของผู้ช่วยแล้วพูดอย่างดีใจ
“เห็นไหมล่ะคุณนนท์ สุดท้ายมันก็แค่เสือธรรมดา ไม่ใช่เสือผีเสือสมิงอะไรเลย ในที่สุดก็จับมันได้ ได้อย่างง่ายดายที่สุดเท่าที่ผมเคยทำงานมาเลย” เขาหันมาทางศรุต “ไปรุต บอกน้องให้เตรียมตัวให้พร้อม เราจะไปจัดการจับมันเก็บเข้ากรงตอนนี้เลย”
ศรุตรับคำแล้วหันมาลิ่วตาให้กับเพื่อนของเขาซึ่งทำหน้าวิตกกังวลเล็กน้อย ชานนท์ฝืนยิ้มให้ทั้งที่ภายในสมองของเขากำลังประมวลผลอย่างรวดเร็ว ง่ายเกินไป เหมือนกับว่าเจ้าเสือผีรู้ถึงจุดประสงค์ของการวางกับดักครั้งนี้ เขาวางกล้องดักถ่ายภาพไว้เกือบสิบตัวแต่ได้รูปมันแค่เพียงรูปเดียว ทีมวิจัยมายังไม่ทันจะถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงกลับจับตัวมันได้ เหตุการณ์ทุกอย่างมันดูง่ายเกินไป แต่ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรต่อชายหนุ่มก็ต้องออกเดินตามร่างของชาญชัยซึ่งกำลังเดินไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว หมอเฉลิมวิ่งตามมาพร้อมอุปกรณ์สำหรับวางยาสลบเสือตัวนั้น ต่อจากนั้นไม่ถึงสิบนาทีคณะนักวิจัยทั้งหมดก็มุ่งตรงไปยังกับดักที่จับตัวเสือผีได้
เงาดำทะมึนสูงใหญ่ร่างหนึ่งยืนอย่างสงบนิ่งอยู่เบื้องหน้าของหญิงสาว มันดูน่าหวาดกลัวปนสยดสยอง มีเสียงหัวเราะดังมาจากร่างนั้น จอมขวัญหยุดยืนนิ่งอย่างไม่รู้สึกตัว หล่อนกำลังถูกโรคประจำตัวเล่นงาน ป้านวลทำจิตใจให้เข้มแข็งพยายามปลอบใจตัวเองว่าเงาดำนั้นเป็นเพียงภาพลวงตา หญิงสูงวัยหลับตาแล้วลืมใหม่ คราวนี้ไม่มีเงาดำนั้นอีกแล้วกลับกลายเป็นชัชวาลยืนนิ่งเฉยทอดสายตามองที่ร่างของหญิงสาว ป้านวลถอนใจแล้วยิ้มออกมาได้ รีบเร่งเดินเข้าไปคว้าจับแขนจอมขวัญ พยายามเขย่าปลุกให้รู้สึกตัว
“ไม่มีประโยชน์หรอก ปลุกยังไงคุณขวัญก็ไม่ตื่น”
คนสนิทของพี่ชายหญิงสาวพูดขึ้นเบาๆ น้ำเสียงเป็นของชัชวาลแต่สำเนียงและกิริยากลับดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ชายหนุ่มเบื้องหน้าของป้านวลดูแข็งกระด้าง หญิงสูงวัยมองอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมล่ะชัช ถ้าอย่างนั้นชัชพาคุณขวัญไปส่งที่ห้องเป็นเพื่อนป้าหน่อยได้ไหม”
ชัชวาลสั่นหัว ดวงตาของเขาดูว่างเปล่า
“ไม่ได้หรอก ถึงเวลาที่คุณขวัญต้องไปแล้ว”
“ไปไหนกัน”
“ไปหาเขา นายท่านเรียกคุณขวัญแล้ว ไม่มีใครขัดคำสั่งของนายท่านได้”
“แกพูดอะไรของแกชัชวาล”
ลึกๆแล้วป้านวลกำลังกลัว หล่อนเหลียวมองโดยรอบซึ่งปกติจะมีเวรยามคอยดูแลแต่ทว่าวันนี้กลับเงียบสงบ ไม่มีแม้แต่เงาของมนุษย์เพ่นพ่าน ลมดึกพัดผ่านจนหนาวสั่น พัดจนกระทั่งต้นไม้รอบด้านส่งเสียงดัง ชัชวาลขยับเข้ามาใกล้ ป้านวลดึงหญิงสาวให้ถอยห่างออกมา
“แกจะทำอะไรชัช”
“เอาตัวคุณขวัญไปหาท่าน ท่านเรียกแล้ว”
“หยุดนะชัชวาล ฉันจะบอกนาย” ป้านวลเอ็ดตะโรเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มพยายามจะจับแขนของหญิงสาว เขาชะงักเล็กน้อย
“ไม่มีประโยชน์ที่จะขัดขืน”
เขากระชากแขนของจอมขวัญก่อนจะผลักร่างของป้านวลจนกระเด็นไปกองบนพื้นดิน ชัชวาลแสยะยิ้มแล้วลากร่างของหญิงสาวมุ่งหน้าตรงไปยังบริเวณไร่อันกว้างใหญ่ขอองตระกูลจอม ป้านวลข่มความเจ็บปวดแล้วลุกขึ้นดึงแขนของจอมขวัญเอาไว้ หญิงวัยชราส่งเสียงกรีดร้องหวังว่าจะมีใครสักคนมาช่วยเหลือ แต่รอบด้านกลับเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมพัดใบไม้ไหว
ชัชวาลจุ๊ปากอย่างขัดใจ เขาเหวี่ยงร่างของจอมขวัญกระเด็นไปทางด้านหน้า แล้วใช้มือขวาเพียงข้างเดียวคว้าลำคอของป้านวลแล้วยกลอยเหนือพื้น พละกำลังของเขาราวกับไม่ใช่มนุษย์ ดวงหน้าของเขาคล้ายกับมีเงาหน้าเหี้ยมโหดซ้อนทับอยู่ ใบหน้าที่ป้านวลไม่รู้จัก หญิงชราดิ้นอึกอัก เริ่มมีสีหน้าเหยเกเพราะความทรมาน
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของข้า ถึงอย่างไรระกาก็ต้องไปกับข้าอยู่ดี”
เขาบีบแรงขึ้นจนเสมือนว่าดวงตาของป้านวลจะทะลุออกจากเบ้า ป้านวลเริ่มนิ่งคล้ายคนที่กำลังจะหมดสติ ชัชวาลจึงปล่อยให้ร่างนั้นทรุดกองนิ่งบนพื้น เขาหัวเราะหึแล้วหันกลับ หญิงชราเอื้อมมือเหี่ยวย่นมาคว้าข้อเท้าเอาไว้ ชายซึ่งมีปิศาจร้ายสิงร่างอยู่ก้มมองด้วยความไม่เข้าใจ
“บางครั้งมนุษย์อย่างพวกเจ้าก็ทำตัวประหลาดนัก ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการชีวิต ข้าก็จะมอบความตายให้แก่เจ้าเอง”
เขาสะบัดเท้าหลุดจากมือของป้านวล แล้วก้มตัวลงจับหัวของป้านวลไว้แน่นก่อนจะกระชากรวดเดียว ร่างของหญิงชราอันเปรียบเสมือนมารดาคนที่สองของหญิงสาวสั่นกระตุก ขาเหยียดเกร็ง ชัชวาลยกหัวของป้านวลขึ้นมาพิจารณา ดวงหน้าของหล่อนเหลือกลานด้วยความเจ็บปวดและความกลัว เขาวางหัวนั้นลงแล้วตรงไปดึงหญิงสาวให้เดินเข้าสู่เงาทึบของไร่ด้วยกัน ตลอดเวลาจอมขวัญยังคงนอนหลับไม่รับรู้เรื่องราวใดทั้งสิ้น ไม่รู้แม้กระทั่งว่าคนที่ตัวเองรักมากที่สุดได้จากโลกนี้ไปแล้วอย่างสยดสยอง
คณะวิจัยรวมทั้งชานนท์และหมอเฉลิมมาถึงจุดวางกับดักภายในสิบห้านทีต่อมา กับดักอันนี้อยู่ในแนวป่าที่ค่อนข้างจะโปร่งโล่งแต่ถึงอย่างนั้นเวลากลางคืนก็ไม่อนุญาตให้มองเห็นไปได้ไกลมากนักถึงแม้จะมีไฟฉายกำลังแรงก็ตามที ชานนท์สังหรณ์ใจในด้านร้ายหลังจากที่เขามองฝ่าความมืดเหมือนน้ำหมึกเข้าไป ส่วนชาญชัยกับทีมงานเองก็ดูจะตื่นเต้นเล็กน้อยเหมือนกัน พวกเขายอมรับว่าชื่อเสียงความอำมหิตของเสือโคร่งตัวนี้มีผลต่อจิตใจอยู่ไม่น้อย หัวหน้าคณะคือคนแรกที่ก้าวลงจากรถไป ส่วนชานนท์หลังจากพูดคุยกับหัวหน้าของเขาซึ่งกำลังตามมาพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งแล้วชายหนุ่มก็ถอนหายใจยาวกระโดดลงจากท้ายรถกระบะ
เขาเดินตามขบวนของชาญชัยซึ่งกำลังเร่งฝีเท้าโดยไม่ได้ระมัดระวังตัวมากเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะความเคยชินหรือเพราะว่ามั่นใจในกับดักของตัวเองก็ตาม หัวขบวนถึงเขตแนวป่าโปร่งแล้ว ส่วนศรุตเดินช้าลงเพื่อรอชานนท์ ทันทีที่เดินเคียงคู่กัน ศรุตก็พูดขึ้น
“ฉันว่าครั้งนี้มันแปลกๆพิกล”
“ทำไมว่ะ” ผู้ช่วยหนุ่มถามขึ้นแล้วกราดไฟฉายไปด้านหน้า
“ไม่รู้ว่ะ แต่ฉันรู้สึกไม่ค่อยจะดี ชักกลัวว่ามันอาจจะเป็นสมิงแบบที่คนเขาลือกัน”
“ไม่มีอะไรหรอก” ชานนท์พูดตัดบทแล้วเร่งฝีเท้าจนเพื่อนของเขาต้องเร่งตาม
แล้วทั้งคณะก็มาหยุดยืนด้วยอาการอันบอกไม่ถูกบริวณหน้ากับดักที่ว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยของเจ้าพยัคฆ์ร้ายหรือที่จริงควรจะบอกว่าไม่มีร่องรอยว่ามีสัตว์ป่าหรือสิ่งมีชีวิตใดติดกับดักด้วยซ้ำ ชาญชัยยืนเกาหัวแล้วหันไปถามอย่างเคร่งเครียดกับลูกน้องคนที่พบว่าเสือถูกกับดักซึ่งหมอนั่นเองก็ยืนยันอย่างแข็งขันว่าเสือติดกับดักอย่างแน่นอน
“ถ้าติดก็ต้องเจอสิ แล้วนี่แกเห็นอะไรบ้างไหมล่ะ”
ชาญชัยพูดอย่างหัวเสีย นักวิจัยเองก็งุนงงไม่แพ้กัน
“แต่ในกล้องดักถ่ายมันยืนยันว่าติดนะครับ”
“แกดูกล้องผิดตัวหรือเปล่า”
“ไม่ครับ ผมแน่ใจว่ากล้องตัวนี้”
“แล้วมันอยู่ไหนล่ะ” ชาญชัยถามพร้อมทั้งกวาดไฟฉายไปรอบด้าน แสงสว่างแวบหนึ่งส่องให้ชานนท์เห็นดวงลุกโพลงมาจากมุมมืดของป่า เขาขนลุกซู่อดนึกถึงคืนที่เผชิญหน้ากับมันไม่ได้ ชายหนุ่มรีบพูดขึ้น
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมว่าเรากลับไปคุยกันที่บ้านพักดีกว่าครับ อยู่ตรงนี้ไม่ปลอดภัย”
ทั้งคณะยังอยู่ในอาการงุนงงโดยเฉพาะชาญชัยเขาหัวเสียเป็นอย่างมาก หัวหน้านักวิจัยก้มมองดูกับดักแล้วฉายไฟไปรอบด้านอีกครั้ง เมื่อไม่พบเห็นสิ่งผิดปกติใดจึงโบกมือให้ทั้งหมดเดินทางกลับ พอเขาหันหลังเท่านั้น เจ้าเสือสมิงที่รอคอยโอกาสอยู่ก่อนแล้วก็ลงมือ
หมอเฉลิมคือเหยื่อคนแรก เนื่องจากว่าเขายืนอยู่ห่างออกมาค่อนข้างจะมากพอสมควร บริเวณนั้นมืดสนิทแถมยังอยู่ใต้เงาไม้ ทุกคนจึงได้ยินเพียงเสียงร้องโหยหวนของหมอหนุ่มพร้อมทั้งได้กลิ่นสาบสางอย่างรุนแรง เสียงกระชากลากเหยื่อ ศรุตเป็นคนแรกที่ได้สติ เขาตะโกนเสียงดัง
“วิ่ง”
เท่านั้นเองคณะวิจัยเสือก็เปรียบเสมือนฝูงมดแตกรัง พวกเขาวิ่งกระเจิงพยายามที่จะกลับไปสู่รถยนต์ซึ่งจอดห่างออกไปประมาณสี่ร้อยเมตรโดยมีพุ่มไม้และต้นไม้ขวางทางอยู่ แล้วนักวิจัยหนุ่มผู้ยืนยันว่าเห็นเสือโคร่งติดกับดักก็เสร็จเป็นรายที่สอง สมิงร้ายกระโจนออกมาจากเงามืดข้างทาง มันตบทีเดียวร่างของชายหนุ่มก็กระดอนขึ้นทั้งตัวแล้วนิ่งหมดลมหายใจ ภาพนั้นชัดเจนมากในสายตาของชานนท์ เขากระโจนพรวดเดียวข้ามร่างนั้นแล้ววิ่งหนีหัวซุนอย่างเอาชีวิตรอด
ชาญชัยเกือบจะถึงรถยนต์อยู่แล้ว อีกประมาณหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้นแต่ทว่าหัวหน้านักวิจัยเสือก็ไปไม่ถึง เจ้าเสือร้ายกระโดดพรวดสวนมาจากทางด้านหน้า มันสลายเล็บเต็มที่แล้วปักสวบเข้าบริเวณลำคอและหน้าอกก่อนจะกระชากจนตับไตไส้พุงของชาญชัยหลุดร่วงมาเป็นพวง ศรุตกรีดร้องเสียงดังลั่น เขาอยู่ใกล้มากที่สุดจึงบมองเห็นภาพสยดสยองนั้นอย่างชัดเจน ชายหนุ่มหันกลับหมายจะวิ่งไปอีกด้านหนึ่งแต่เจ้าสัตว์ร้ายก็ไม่ปล่อยโอกาส มันผละจากร่างของชาญชัยแล้วกวดตามเขามาติดๆ
มันตะปบเขาสองครั้ง ครั้งแรกเสื้อของเขาฉีกขาด เลือดไหลซึม และอีกครั้งแขนขวาของศรุตก็ห้อยขาดรุ่งริ่ง ชายหนุ่มถึงกาลกิริยาล้มคว่ำนอนรอความตาย ชานนท์กับนักวิจัยที่เหลืออยู่ห่างออกไปประมาณสิบห้าเมตร หมดสิทธิ์ที่ช่วยเหลือเขาได้แล้ว เสือร้ายเดินสามขุมเข้ามาหาเหยื่อของมัน แต่โชคชะตายังคงเป็นของศรุต มีเสียงปืนดังขึ้นพร้อมทั้งดินด้านข้างลำตัวเจ้าเสือร้ายกระจุย มันกระโดดหายเข้าไปในพุ่มไม้รกทึบข้างทางทันที
กัมปนาทกับเจ้าหน้าที่อีกสามคนรีบวิ่งมาโดยไว ชานนท์เข้าประคองเพื่อนสนิทของเขาไว้ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งทั่วทั้งบริเวณ
“มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า”
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติถามขึ้นก่อนจะกวาดไฟฉายไปรอบๆ เขาพบร่างอันไร้วิญญาณของชาญชัย หัวหน้านักวิจัยซึ่งเสียชีวิตอย่างสยอง นักวิจัยที่เหลืออยู่ต่างก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว พวกเขาทำอะไรไม่ถูกในสถานการณ์แบบนี้ กัมปนาทเดินเข้ามาหาชานนท์
“เร็วเข้านนท์ เราต้องรีบออกจากที่นี่ก่อน แล้วค่อยคุยกันทีหลัง”
แล้วเขาก็ช่วยพยุงร่างของศรุตซึ่งเสียเลือดมากพร้อมทั้งสั่งการให้ลูกน้องต้อนทุกคนออกจากบริเวณนั้นโดยเร็วที่สุด
หลังจากจัดการกับเหตุการณ์ต่างๆเรียบร้อยทั้งการติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัย หมอพยาบาล ซึ่งร่วมกันตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุแล้ว ทั้งชานนท์และกัมปนาทก็มานั่งอย่างหมดแรงอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ทั้งคู่กำลังรอดูอาการของศรุต ส่วนนักวิจัยที่เหลือต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนหลังจากการให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ช่วงหนึ่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหนองเสือร้องเบือนสายตามามองผู้ช่วยของเขา
“คุณมีอะไรจะบอกผมมั้ยนนท์ รู้สึกว่าเรื่องนี้มันจะร้ายแรงขึ้นไปเรื่อยๆแล้วนะ”
ชานนท์กัดริมฝีปากแล้วจึงตัดสินใจเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เขาได้เผชิญมาด้วยตนเอง ไม่ว่าเรื่องเหล่านั้นจะเหลือเชื่อมากเพียงใดก็ตาม ตลอดเวลากัมปนาทนั่งฟังโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ จนกระทั่งสุดท้ายชายหนุ่มจึงสรุปประเด็นทั้งหมด
“ไม่ว่าหัวหน้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ผมมั่นใจว่าสิ่งที่เรากำลังเจอ ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาทั่วไป มันเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ เหนือสามัญสำนึกพื้นฐานของเรา” เขาเว้นระยะแล้วมองตาคนฟัง “สำหรับผมเชื่อร้อยเปอร์เซ็นเต็มว่าเสือตัวนี้เป็นเสือสมิงอย่างแน่นอนครับ”
กัมปนาทนิ่งไปครู่ เขากุมหัวอย่างใช้ความคิดแล้วเอ่ยเรียบๆ
“ผมเชื่อคุณ”
“ขอบคุณครับหัวหน้า”
“แล้วต่อจากนี้เราจะทำยังไงกันล่ะ วิธีกำจัดเสือสมิงตัวนั้น”
“ตามคำบอกเล่าของหลวงพ่อดำ เหลือแค่คนเดียวที่รู้ว่ามีดลงอาคมเล่มนั้นอยู่ที่ไหน ผมมั่นใจว่ามีดเล่มนั้นจะจัดการกับมันได้”
“หลวงพ่อเจ้าอาวาส”
ชานนท์พยักหน้ารับ
“ถ้าอย่างนั้นพรุงนี้คุณไปหาหลวงพ่อกับผม ผมเองก็ต้องการจบเรื่องนี้แล้วเหมือนกัน”
ก่อนที่จะมีใครพูดอะไรต่อ นายแพทย์ผู้ทำการรักษาศรุตก็ก้าวออกมาจากห้องฉุกเฉิน ทั้งคู่ลุกขึ้นยืน หมอหนุ่มมีสีหน้าปกติตอนที่พูด
“เพื่อนของคุณปลอดภัยแล้วครับ แต่ผมจะต้องตัดแขนข้างขวาที่เหลืออยู่ออกไป”
“หมายความว่าศรุตจะกลายเป็นคนพิการใช่ไหมหมอ”
“ครับ แต่อย่างน้อยเพื่อนของคุณก็ไม่ตายครับ”
“ขอบคุณมากครับหมอ”
ชานนท์ไหว้ขอบคุณ ส่วนกัมปนาทเลี่ยงออกไปยืนคุยโทรศัพท์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติมีสีหน้าเคร่งเครียด เขาคุยอยู่นานประมาณห้านาทีก็เดินกลับเข้ามาหาชานนท์ กัมปนาทมองหน้าของผู้ช่วยของเขา
“นนท์”
“ครับหัวหน้า”
“คุณจอมขวัญหายตัวไป ป้านวลถูกฆ่าตายแล้ว ตอนนี้ทางตำรวจประสานขอความช่วยเหลือมาที่เรา เข้าใจว่าคุณจอมขวัญถูกคนที่ชื่อชัชวาลลักพาตัวหนีเข้าป่าไป”
เสมือนฟ้าผ่าลงมาท่ามกลางแดดจัดไร้เมฆฝน ชานนท์ยืนตะลึง ตัวชาดิก เขาแทบไม่อยากจะเชื่อคำพูดที่ได้ยิน พอรู้ตัวอีกทีชายหนุ่มก็ทรุดลงไปนั่งแล้ว จอมขวัญหายตัวไป มหาภัยอุบาทว์เอาตัวหล่อนไปจนได้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ