สาบสมิง

-

เขียนโดย ลูกคนเดียว

วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 10.39 น.

  30 ตอน
  3 วิจารณ์
  26.50K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2562 11.58 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) บทที่สิบห้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
             โชคชัยยังคงเป็นของชัชวาลอยู่ จอมภพจึงหันมามองลูกน้องคนสนิทด้วยความบังเอิญ เขาเห็นเหตุการณ์ร้ายนั้นและอย่างไม่รอช้า จอมภพตวัดปืนลูกซองขึ้นมาประทับไหล่แล้วลั่นไกทันที เสียงปืนกลบเสียงคำราม เสือร้ายม้วนตัวลงเกลือกกลิ้งบนพื้นดิน เลือดสีออกคล้ำไหลมาจากหัวไหล่ขวา มันร้องดังลั่นหมายจะตะปบแต่ชัชวาลทิ้งตัวกลิ้งหลบไปแล้ว เขากระชากมีดเดินป่าออกมากำแน่นแล้วตัดสินใจฟาดฟันยังอุ้งตีนของเสือร้ายที่หมายจะกระชากคอหอยของเขา จอมภพเองก็เล็งปืนอย่างประณีต กระสุนลงอาคมนัดสุดท้ายจะเสียเปล่าไม่ได้ เมื่อได้จังหวะเขาจึงลั่นไกแต่ครั้งนี้กลับเป็นดังครั้งแรกที่ทั้งสองเผชิญหน้ากัน เสือร้ายกระโจนหลบไปได้ มันหันมาคำรามอย่างดีใจแล้วผลุบหายเข้าสู่ดงรกทึบ มีเสียงหัวเราะเหมือนกับคนที่สมหวังในบางสิ่งแว่วมาจากตอนลึกของดงนั้น
                จอมภพรีบวิ่งมาที่คู่หูของเขา ชัชวาลลุกขึ้นปัดป่ายเศษไม้ใบไม้จากเสื้อผ้า รอยเล็บเป็นทางยาวปรากฎบนท่อนแขน เลือดไหลซึมออกมา
                “เป็นอะไรหรือเปล่าชัช” เขาอย่างเป็นห่วง แต่ชัชวาลส่ายหัว
                “ไม่เป็นไรครับนาย แผลเล็กน้อยเท่านั้น”
                “ในที่สุดมันก็เล่นงานเราอีกจนได้ โชคดีที่ฉันบังเอิญเห็น ไม่อย่างนั้นละก็แกเสร็จมันไปแล้วชัช”
                “ใช่ครับนาย ผมเป็นหนี้บุญคุณนาย”
                เขาตบไหล่ลูกน้องคนสนิท
                “อยู่ในป่าต้องช่วยเหลือกันสิชัช แต่ฉันเสียดายที่คว่ำมันไม่ได้ กระสุนอาคมก็หมดแล้ว”
                “ไม่เป็นไรครับนาย ตอนนี้มันอ่อนแอจนกระสุนธรรมดาทำอันตรายมันได้แล้ว”
                “ถ้าแกคิดว่างั้น ฉันก็ภาวนาให้มันมาอีกในคืนนี้ จะได้จัดการให้มันจบๆไป”
                “ผมว่าคืนนี้มันยังไม่กล้ามาหรอกครับนาย แต่ก็ไม่แน่ต้องคอยดูต่อไปครับ”
                แล้วชัชวาลก็หันไปง่วนอยู่กับการก่อกองไฟเนื่องจากบรรยากาศมืดสนิทลงแล้ว ครู่เดียวไฟก็ลุกสว่างเจิดจ้า ชัชวาลทำกับข้าวเย็นเหมือนเดิน ส่วนจอมภพจัดการกับที่พักในคืนนี้
 
                เวรยามแรกของจอมภพผ่านไปอย่างปกติที่สุด ไม่มีวี่แววของเสือคู่อาฆาตหรือแม้กระทั่งปิศาจเงาดำ คืนนี้เป็นคืนที่ปลอดโปร่งที่สุดจนชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดเจ้าสิ่งลึกลับทั้งคู่จึงหายไป หลังเที่ยงคืนเล็กน้อยชัชวาลก็ลุกขึ้นมารับช่วงของการเฝ้ายามต่อ พอปลุกเขาแล้ว จอมภพก็ฟุบหลับแทบจะทันทีที่นอนลง เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งสดับรับฟังเสียงต่างๆจากบริเวณโดยรอบแคมป์พักแรม แมลงกลางคืนรวมถึงนกกลางคืนยังคงส่งเสียงเป็นปกติธรรมดา ชัชวลาเติมฟืนเข้ากองไฟจนลุกโพลงขับไล่ความมืดมิดและหนาวเหน็บออกไป หางตาของเขาเหลือบเห็นร่างเงาดำยืนพิงโคนไม้ใหญ่นอกเขตอาคม เขากำลูกซองแน่นเดินเข้าหาทันที ยังไม่ทันถึงเสียงหัวเราะเยาะเบาๆดังมาจากทางนั้น เขาสาดไฟฉายใส่แต่ไม่มีเงาร่างนั้นแล้ว
                แล้วเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะนั้นอีก เสียงนั้นแฝงความเยือกเย็นพิกล ชัชวาลอดห่อไหล่ด้วยความกลัวไม่ได้ เขาพยายามท่องคาถาแล้วก้าวตามเสียง มันอยู่ห่างจากจุดเดิมเยื้องทางขวา ครั้งนี้เหมือนว่าจะอยู่ลึกเข้าในพงทึบ ชายหนุ่มหยุดบริเวณเส้นอาคมของเขาแล้วส่องไฟฉาย พยายามมองหาแต่ก็ไม่พบ จมูกเขาได้กลิ่นคล้ายกลิ่นดินโคลนลอยจางมากับสายลม ลูกศิษย์พรานดำขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดหนัก เขาจำได้ว่าในช่วงวัยรุ่นตัวเขาเองเคยเผชิญกับกลิ่นแบบนี้ กลิ่นอันตราย ช้างป่า ชัชวาลลืมตาโพลง เขาตัดสินใจหันหลังกลับแล้วตรงดิ่งไปปลุกเจ้านายทันที
                จอมภพตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย ส่วนชัชวาลกลับร้อนใจดังไฟเผา
                “ตื่นเถอะนาย ขืนชักช้าเราจะกลายเป็นผีเฝ้าหุบสมิง”
                “มีอะไรชัช เสือเวรนั่นมาเหรอ” เขาถามพลางหาว ชัชวาลส่ายหน้า ดวงตาฉายแววแห่งความกลัว
                “แย่กว่านั้นอีกนาย ช้างครับ ช้างฝูงหนึ่งกำลังล้อมเราอยู่”
                “ช้าง” จอมภพลืมความง่วงเป็นปลิดทิ้ง เขาคว้าไรเฟิลคู่ชีพขึ้นมา
                “ครับนาย ช้างป่า”
                สิ้นเสียงพูด เสียงช้างร้องก้องสะท้านทั่วทั้งผืนป่าระคนไปกับเสียงกิ่งไม้หัก แผ่นดินสะเทือนจากการวิ่งของช้างทั้งฝูง เสียงนั้นดังมาจากรอบทิศทาง นกจากนั้นชัชวาลยังมั่นใจว่าได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆด้วย แน่นอนแล้วว่าทั้งคู่ตกอยู่ในวงล้อมของช้างป่าของหุบสมิง
                อย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ ชัชวาลขนไม้ฟืนทั้งหมดโยนลงไปในกองไฟเผื่อหวังว่าพระเพลิงจะขับไล่พวกมันไปได้แต่ก็เปล่าประโยชน์ หัวช้างตัวแรกเข้าสู่แนวเขตของแคมป์พักแรมแล้ว จอมภพตวัดไรเฟิลแล้วปล่อยกระสุน สิ้นเสียงปืน ช้างใหญ่ล้มคว่ำอยู่กับที่ ไม่ขยับเขยื้อน แต่ช้างตัวอื่นกลับเบียดเสียดพุ่งทะยานเข้ามา มองเห็นไม่ต่ำกว่าสิบตัว จอมภพใส่กระสุนแต่โดนชัชวาลกระชากแขนให้วิ่งไปทางด้านที่ยังปราศจากฝูงช้าง
                “วิ่งนาย เอาตัวรอด”
                เขาพูดได้แค่นั้นเสียงของความอลหม่านก็ดังกลบ ช้างตัวหนึ่งกระทืบสัมภาระสิ่งของ ในขณะที่อีกตัวเตะกองไฟกระจายอย่างไม่กลัวอำนาจพระเพลิง สองนายบ่าววิ่งอย่างเร็วที่สุดในชีวิตตรงฝ่าป่ารกทึบโดยไม่คำนึงถึงหนามใดๆ เสียงช้างยังคงตามมากระชั้นชิด ครั้งหนึ่งชัชวาลหันกลับไปมอง เขาสาบานกับตัวเองว่ามองเห็นเจ้าเงาดำนั่งอยู่บนคอช้างพลายตัวใหญ่ยักษ์ งายามจรดพื้นดิน มายกมือชี้มาที่ทั้งคู่ เจ้าพลายนั้นร้องลั่นวิ่งเหย่าเข้ามา
                ชายหนุ่มกัดฟันผลักหลังนายของเขาให้วิ่งเร็วยิ่งขึ้น ระยะห่างระหว่างฝูงช้างกับคนทั้งคู่ร่นเข้ามาเรื่อยจนกระทั่งชัชวาลสัมผัสได้ถึงปลายงวงซึ่งเฉียดหลัง จอมภพเองก็หันกลับมามองแต่ทว่าเขากลับไม่เห็นภาพแบบเดียวกับลูกน้อง เขามองเห็นเพียงหัวช้างมากมายกำลังใกล้เข้ามาทุกที
                ทั้งคู่วิ่งหนีขึ้นสันเขาเตี้ยๆทำให้เรี่ยวแรงลดน้อยถอยลง แต่ก็ไม่มีทางเลือกไหนจะดีไปกว่าทางนี้ เหมือนฝูงช้างนั้นต้อนเขาทั้งคู่ให้เขามาที่นี่ ช่วงหนึ่งเป็นผาหินเล็กยื่นออกมา จอมภพถือโอกาสหยุดพักหายใจเมื่อเห็นว่าห่างค่อนข้างพอสมควร แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อหันกลับไปเห็นร่างของชัชวาลซึ่งกำลังวิ่งตามขึ้นมานั้นถูกเจ้าพลายงายาวคว้าตัวไว้ได้ ลูกศิษย์พรานดำร้องลั่นอย่างตกใจ ปืนลูกซองหล่นก่อนโดนเหยียบย่ำทำลาย เขาพยามดิ้นเพื่อให้หลุดรอดจากมฤตยูแต่ไม่เป็นผล จอมภพประทับไรเฟิลแล้วกดตูม แต่ร่างของชัชวาลถูกเหวี่ยงลอยไปทางด้านหลังแล้วหล่นร่วงหายไปท่ามกลางฝูงช้างนับสิบตัว เขาได้ยินเสียงร้องโหยหวนเพียงครั้งเดียวแล้วเงียบหาย
                ชายหนุ่มหน้าซีดหันหลังกลับแล้ววิ่งเร็วที่สุดในชีวิต ภาพของชัชวาลน่าสยดสยองเกินกว่าที่เขาจะคาดคิด อีกห้านาทีต่อมาเขาก็บรรลุถึงสันเขา จอมภพไม่หยุดพักเขาวิ่งฝ่าความมืดตามความยาวของสันเขา วิ่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เขารอดตายได้ แต่พอชายหนุ่มเหลือบมองทางด้านขวาของตัวเองก็แทบจะควบคุมสติไม่อยู่ เจ้าเสือร้ายคู่ปรับเก่าวิ่งเคียงคู่กับเขา ตัวมันเรืองแสงอ่อนเห็นได้อย่างชัดเจน มันวิ่งด้วยความเร็วเท่าเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเร่งฝีเท้าหายไปเบื้องหน้า เขามั่นใจว่ามันต้องไปดักรอสังหารเขาตามวิสัยของเสือที่ฉลาดอย่างมัน แม้จะรู้อย่างนั้นจอมภพก็หมดทางเลือก เสียงของฝูงช้างดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาสัมผัสได้ว่างวงของเจ้าพลายที่จัดการชัชวาลอยู่ห่างจากหลังเขาไม่ถึงห้าสิบเซนติเมตร
                ครั้งหนึ่งเขาสะดุดหินล้มกลิ้ง ไรเฟิลคู่มือ อาวุธอย่างสุดท้ายกระเด็นหายไป จอมภพดีดตัวยืนขึ้นแล้วออกวิ่งอย่างไว งวงของเจ้าพลายมฤตยูพลาดจากหลังเขาเพียงเล็กน้อย ชายหนุ่มยังจำสีหน้าก่อนถูกเหวี่ยงของชัชวาลได้เป็นอย่างดี เขาเผ่นไปเบื้องหน้าแม้จะมองแทบไม่เห็นหนทางรอด โชคยังดีที่แสงจากดาวพอส่องให้เห็นเส้นทางรางๆ
                อีกสามนาทีต่อมาเจ้าศัตรูคู่อาฆาตของเขาก็แผลงฤทธิ์ มันกระโจนพรวดออกมาจากโขดหินข้างทางปะทะเข้ากับร่างของเขาจนลิ้มกลิ้งไปด้วยกัน จอมภพรู้สึกได้ถึงบาดแผลบริเวณท่อนแขนซึ่งเขายกขึ้นกันคมเขี้ยวของมัน ชายหนุ่มพลิกตัวโดยความเร็วสุดชีวิต ร่างใหญ่ยักษ์จึงพลาดเป้าหมายอีกครั้ง เขารอจังหวะที่เสือร้ายหันกลับมา ชายหนุ่มชกกำปั้นสุดแรง เป้าหมายคือดวงตาสีเหลืองเข้ม แล้วก็ไม่พลาด เจ้าเสือร้ายผงะ ร้องโหยหวน เขาเองก็หันหลังกลับวิ่งหนีต่อไป
                ช่วงเวลาที่จอมภพจัดการคู่ปรับ ระยะทางระหว่างเขากับช้างฝูงนั้นก็หดใกล้ยิ่งกว่าเดิม เขาแทบจะสัมผัสลมหายใจของมัจจุราชได้เลย ครั้งหนึ่งเขาเอี้ยวหน้ากลับไปมองแล้วก็ต้องชาดิกไปทั้งตัว เสือตัวนั้นลุกขึ้นยืนแล้ว มันยืนอย่างสง่าท่ามกลางฝูงช้าง ดวงตาประกายเหลืองจัดมองเขม็งที่เขา สิ่งที่ทำให้เขาขนลุกไม่ใช่มันแต่กลับเป็นฝูงช้างซึ่งวิ่งแหวกออกจากตัวของมันคล้ายกับภาพที่เขาเคยเห็นในสารคดี แต่ภาพนั้นเป็นภาพของฝูงปลาที่แหวกว่ายหนีแมวน้ำ ทว่าคราวนี้กลับเป็นฝูงช้าง แล้วเขาก็เห็นเงาดำนั้นจนได้ มันยืนสงบนิ่งอยู่ข้างเสือร้าย ชี้นิ้วมาทางเขา
                จอมภพแทบจะหมดแรงวิ่ง การก้าวขาของเขาเชื่องช้าลงและในที่สุดงวงของเจ้าพลายมรณะก็คว้าจับเอวของเขาได้ ช้างตัวอื่นร้องคำรามอย่างดีใจ เสียงของพวกมันกึกก้องกังวานจนเขาต้องยกมืออุดหูร้องตะโกน แล้วภาพที่เคยเกิดขึ้นกับชัชวาลก็บังเกิดขึ้นกับเขา ร่างของจอมภพถูกเหวี่ยงลอยขึ้นไปในอากาศ ชั่วขณะที่ล่องลอยอยู่ ชายหนุ่มมั่นใจว่าเขาได้ยินเสียงร้องสุดท้ายของลูกน้องคนสนิทก้องอยู่ในหู เขาเหนื่อยเหลือเกิน จอมภพหลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรม ยิ้มมุมปากปรากฎขึ้น สีหน้าของเขาอยู่ในความสงบเหมือนเขารู้ชะตาของตัวเอง ร่างของเขาฟาดลงกับบางอย่างก่อนกองนิ่งบนพื้นดิน เงาดำยืนก้มหัวมองดูเขา นั่นคือภาพสุดท้ายก่อนโลกของเขาจะกลายเป็นสีดำ
 
                จอมขวัญสะดุ้งตื่น เหงื่อไหลท่วมตัว ภาพความฝันของหล่อนช่างน่ากลัว จอมภพถูกช้างเหวี่ยงกระเด็น แล้วภาพต่อมาพี่ชายของหล่อนเต็มไปด้วยเลือดแดงฉาน เขานอนอยู่ท่ามกลางฝูงช้างนับสิบตัว นอกจากนั้นเสือตัวหนึงกับเงาดำก็ยืนอยู่ที่นั่น มันกำลังก้มมองร่างพี่ชายของหล่อน หญิงสาวสูดลมหายใจลึก พยายามสะบัดหัวไล่ภาพนั้นออกไปแต่ก็ไร้ผล หล่อนเหลือบมองนาฬิกาข้างเตียง ตีหนึ่งครึ่ง ลมหนาววูบหนึ่งพัดหน้าต่างดังลั่นจนหล่อนสะดุ้ง จอมขวัญขมวดคิ้วแน่ใจว่าก่อนนอนหล่อนลงกลอนหน้าต่างกับมือตัวเอง ตั้งแต่มีเหตุการณ์สยอง หล่อนก็ไม่เคยเปิดหน้าต่างนอนอีกเลย
                หล่อนเป่าปากลุกขึ้นไปงับบานหน้าต่างลงแล้วเดินเลยออกจากห้อง เวลานี้บิดาของหล่อนคงจะยังนั่งทำงานอยู่ที่ห้องทำงานชั้นล่าง จอมขวัญเห็นแสงไฟลอดจากซอกประตู หล่อนเคาะเบาๆ จอมพลตอบรับ ครูสาวจึงเปิดเข้าไป อย่างที่หล่อนคิดไว้ไม่ผิด จอมพลยังคงจมตัวเองอยู่กับเอกสารกองโต เขาเหลือบมองหล่อนแล้วยิ้มให้
                “ยังไม่นอนเหรอขวัญ คิดยังไงถึงมาหาพ่อดึกๆดื่นๆ”
                “ขวัญหลับไปแล้วค่ะ แต่ตื่นเพราะฝันร้าย” หล่อนตอบพลางทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับบิดา
                “ฝันว่าอะไรล่ะ”
                “ฝันถึงพี่ภพค่ะ”
                “ทำไม ตาภพแกล้งอะไรขวัญอีก”
                “ขวัญฝันว่าพี่ภพอยู่ในป่า ก่อนจะถูกฝูงช้างไล่ตามแล้วในที่สุดพี่ภพก็ถูกเหวี่ยงกระเด็นหายไปท่ามกลางฝูงช้าง”
                ปากกาที่กำลังเซ็นเอกสารชะงักเล็กน้อยก่อนเป็นปกติ
                “จะเป็นไปได้ยังขวัญ พี่ชายลูกน่ะตอนนี้อยู่กรุงเทพ จอมภพเข้ากรุงเทพไปติดต่อเรื่องการค้าของเรากับชัชวาลสองวันแล้ว ตาภพมาขออนุญาตพ่อเอง”
                หล่อนยิ้มออกมาได้เมื่อได้ยินคำพูดผู้บังเกิดเกล้า
                “งั้นขวัญก็คงฝันไร้สาระเรื่อยเปื่อยไปเอง”
                “อย่าคิดมากเลยลูก ขวัญนาจะพักผ่อนให้มาก ยังป่วยอยู่ไม่ใช่หรือไง”
                “ขวัญดีขึ้นมากแล้วค่ะพ่อ แต่ขวัญว่าขวัญไปนอนก่อนดีกว่า พ่อเองก็อย่านอนดึกมากนะคะ”
                “ได้ลูก เสร็จหน้านี้พ่อก็จะไปนอนแล้ว”
                จอมขวัญลุกขึ้นยืนยิ้มให้กับบิดาอีกครั้งแล้วหล่อนก็กลับออกไป ลับร่างลูกสาวไม่นานนัก จอมพลก็วางปากกาแล้วถอนหายใจ
                “แกก่อเรื่องอีกแล้วใช่มั้ยไอ้ภพ”
                เขายังจำวันที่ลูกชายตัวแสบมาขอนุญาตไปติดต่องานที่กรุงเทพได้ดี ท่าทางกระล่อนของชายหนุ่มก็พอจะทำให้เขาเดาออกว่าจอมภพคงยกข้ออ้างเรื่องงานมาอ้างเพื่อไปทำอะไรห่ามๆสักอย่าง แล้วก็จริงดังว่าเมื่อเขารู้จากคนงานในไร่ว่าจอมภพกับชัชวาลแอบเข้าป่าพร้อมกับปืน ถึงเขาจะหงุดหงิดก็ยังอดเป็นห่วงลูกชายคนเดียวไม่ได้ ตั้งแต่จอมภพหายเข้าป่า ตัวเขาเองก็ฝันร้ายทันที ชายวัยชราจึงพาตัวเองไปพบกับหลวงพ่อดำเพียงเพื่อจะพบกับคำทำนายที่ทำให้เขากังวลมากกว่าเดิม
                “จอมภพกำลังมีเคราะห์หนัก”
                “หนักแค่ไหนครับหลวงพ่อ”
                หลวงพ่อดำนิ่งไปครู่
                “หนักถึงชีวิต”
                เมื่อเขาได้ยินความฝันของจอมขวัญ จอมพลก็รู้สึกเป็นห่วงลูกชายเป็นอย่างมาก เขาเลิกทำงานแล้วเข้าห้องพระสวดมนต์ภาวนาให้ลูกชายคนโตปลอดภัย
                “พ่อช่วยแกได้เท่านี้นะภพ ที่เหลือก็แล้วแต่บุญกรรม”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา