สาบสมิง
-
เขียนโดย ลูกคนเดียว
วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 10.39 น.
30 ตอน
3 วิจารณ์
26.48K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2562 11.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) บทที่สิบสอง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ระกายังไม่ทันที่จะขึ้นนั่งบนหลังเจ้าดำ ม้าคู่ใจ มือหยาบกร้านมือหนึ่งก็จับบังเหียนเจ้าดำไว้ หล่อนหันมองตามก่อนจะพบดวงตาทะเล้น แล้วก็เห็นรอยยิ้มกว้างของชายหนุ่มซึ่งรับตำแหน่งหัวหน้าราชองครักษ์ อรชุนอยู่ในชุดทะมัดทะแมง
“มีอะไรรึท่านอรชุน”
“ไม่มีนี่” เขาตอบแต่ยังไม่คลายบังเหียนม้า เจ้าดำก็ยืนสงบนิ่ง ระกาเท้าเอวมอง
“ถ้าไม่มีสิ่งใดก็ปล่อยบังเหียนสิ ข้าจะได้รีบไป”
“เจ้าจะรีบไปไหนล่ะระกา”
“ไปไหนมันก็เรื่องของข้า ไม่เกี่ยวกับท่านราชองครักษ์หรอก”
เขาหัวเราะยอมปล่อยสายบังเหียนม้า
“ข้ามาตามนัด สงสัยเจ้าคงลืม”
“ข้าไม่ได้ลืม แต่ยังไม่ถึงเวลานัด ข้ายังมีงานบางอย่างต้องรีบทำ”
“เจ้าจะทำสิ่งใดล่ะระกา ข้าเองก็ว่างนักเลยอยากจะขอติดตามไปกับเจ้าด้วย”
หญิงสาวถอนใจ
“ท่านชอบยุ่งเกี่ยวมากความกับเรื่องคนอื่นนัก”
“หากเป็นผู้อื่นข้าคงไม่สน แต่นี่เป็นเรื่องของนางในดวงใจ ข้าจำเป็นต้องยุ่งเกี่ยว”
ระกาหน้าแดงแล้วรีบปรับสีหน้าเป็นปกติ
“ได้ ถ้าท่านว่างมากนัก ข้าเองก็อยากจะรู้ฝีมือดาบของท่านราชองครักษ์ยิ่งนัก”
“เกี่ยวอะไรกับฝีมือเชิงอาวุธของข้าเล่า”
หล่อนหัวเราะหึๆ เหวี่ยงตัวขี้นหลังม้า
“เพราะข้าจะไปจับโจรน่ะสิ”
แล้วระกาก็ตบคอม้าเบาๆ เจ้าดำทะยานพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว อรชุนยืนมองยิ้มๆ เสียงเจื้อยแจ้วของหล่อนดังตามหลังมา
“เก่งจริงก็ตามมา”
หัวหน้าราชองครักษ์หนุ่มซึ่งอยู่ในช่วงวันหยุดพอดี นอกจากนั้นวันนี้เขายังนัดหมายกับหล่อนเที่ยวชมตลาดด้วยกัน แม้จะยังไม่ถึงเวลานั้นแต่อรชุนก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เขาจึงออกมาเดินเปะปะจนพบหล่อนซึ่งออกจากมหาวิหารพยัคฆาโดยบังเอิญเมื่อเห็นว่าม้าของหล่อนใกล้จะลับตาแล้ว อรชุนจึงเป่าปากยาว ม้าสีขาวพุ่งทะยานมาด้วยความเร็ว เขารอจังหวะที่ม้าตัวนั้นช้าลงเล็กน้อย ทหารหนุ่มดีดตัวขึ้นหลังม้าแล้วควบขับตามหญิงสาวทันที
ระกาขี่ม้าอย่างชำนาญจนเขาชื่นชมอยู่ในใจ อรชุนเร่งทะยานม้าจนกระทั่งวิ่งคู่อยู่กับหล่อน ระกาหันมองหน้าเขาเล็กน้อย แล้วเร่งเจ้าดำอีก ม้าดำปรอดก็พุ่งล้ำหน้าม้าของอรชุนอีกเท่าตัว แต่เพียงพริบตาเดียวม้าสีขาวของอรชุนก็เคียงข้างอีกครั้ง หล่อนพยายามเร่งเจ้าดำอีกแต่คราวนี้เหมือนว่ามันเองก็จะเริ่มเหนื่อยอ่อนลงแล้ว
“ม้าที่ดี”
อรชุนกล่าวชม
“ยังไม่ดีเท่าม้าของหัวหน้าราชองครักษ์หรอก”
เขาหัวเราะการประชดนั้น
“วันนี้ข้าเป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาที่ขอติดตามเจ้าไป หาใช่หัวหน้าราชองครักษ์ไม่”
หล่อนยิ้มผ่อนฝีเท้าม้าลง เจ้าม้าขาวก็ผ่อนตามโดยที่อรชุนไม่ต้องสั่ง
“งั้นท่าน อ้อ ไม่สิ งั้นเจ้าก็จงฟังข้าให้ดี โค้งหน้าจะเป็นที่อยู่ของโจรร้ายกลุ่มหนึ่ง เมื่อคืนพวกมันปล้นชิงชาวบ้านแต่ข้าช่วยไว้ได้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังจับตัวหญิงสาวนางหนึ่งปได้ วันนี้มันจึงนัดข้าให้เอาค่าไถมามอบให้มันที่นี่”
“น่าสนใจดีนี่ เจ้าเองก็สร้างเรื่องได้ไม่น้อย แล้วเจ้ามีเงินสำหรับไถ่ตัวนางหรือไง”
“ไม่มี” แล้วหล่อนก็ยิ้มอย่างกระหายเลือดชี้ไปที่ฝักดาบของตนซึ่งสะพายหลังอยู่ “แต่ข้ามีดาบ”
อรชุนผงกหัวยิ้มไม่กล่าวคำใด ทั้งคู่รั้งม้าเมื่อเห็นชายฉกรรจ์สี่ห้าคนยืนจับกลุ่มอยู่ที่นั่น บริเวณนั้นเป็นโค้งใหญ่ ร่มรื่นด้วยมีไม้ใหญ่ขึ้นมาก หญิงสาวคนหนึ่งถูกมัดอยู่ที่โคนประดู่ใหญ่ ชายหน้าเหี้ยมถือดาบเฝ้าไว้
“หกคน” เขากระซิบ ระกาพยักหน้ากระซิบตอบ “คนละสาม”
“ข้าให้เจ้าคนเดียวเลย” อรชุนหัวเราะลงจากหลังม้า เขาจูงม้าไปนั่งหลบพักใต้เงาไม้ริมทาง ไม่สนใจหล่อนอีก ระกาขบฟันแน่น กระโจนลงจากหลังเจ้าดำ
“ค่าไถ่เล่า”
หัวหน้าโจรร่างยักษ์ตะโกนถาม หล่อนยกชูถุงผ้าสีดำเข้มพลางเดินเข้าใกล้จนกระทั่งถึงระยะที่มั่นใจก็หยุด
“ปล่อยคน”
ขุนโจรยิ้มลูบคาง มันพยักหน้าทางอรชุน
“เจ้านั่นเล่า”
“คนบ้าผู้นี้ตามข้ามาเอง รับรองมันไม่มีกำลังขวัญสู้กับพวกท่านแน่ ปล่อยคน”
เจ้าโจรส่ายหน้ายังคงยิ้ม
“ค่าไถ่ก่อน”
ระกากัดริมฝีปาก หล่อนขว้างถุงเงินไปให้ พอทุกคนสนใจที่ถุงเงินนั้น มีดขนาดเล็กเล่มหนึ่งก็พุ่งวาบเข้าหาเจ้าโจรที่อยู่ใกล้หญิงสาวมากที่สุด คมมีดปักสวบบริเวณอก เจ้านั่นล้มลงตายโดยไม่ได้ร้อง พริบตาต่อมาหล่อนก็กระชากดาบจากกลางหลังพุ่งวาบเข้าใส่ดจรอีกคนซึ่งกำลังยืนมองอย่างงงๆ แค่ดาบเดียวระกาก็ส่งวิญญาณมันลงนรก โจรที่เหลือขยับตัว มีคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหมายจะฟันหล่อน ระกาปัดดาบนั้นแล้วแทงสวนเข้าที่ท้องน้อยล้มตายลง ส่วนหัวหน้าโจรเองก็ชักดาบกระโจนเข้ามาไล่ฟันหล่อน ฝีมือดาบของนายโจรมีชั้นเชิงพอตัว หญิงสาวปัดป่ายสามสี่ครั้งก่อนฟันถูกต้นแขน โจรร้ายคำราม
“ฆ่าผู้หญิงทิ้ง”
ชายหน้าเหี้ยมคนหนึ่งวิ่งเข้าหาตัวประกัน เงื้อมีดสุดตัวแต่ก็ค้างอยู่เพียงแค่นั้น มีดสั้นเล่มหนึ่งเสียบทะลุหน้าอก จนตายมันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือคนสังหารมัน ส่วนอีกคนเห็นท่าไม่ดีหันหลังกวัดแกว่งดาบป้องกันตัว ระกาเห็นเหตุการณ์นั้นชัดเจน หล่อนกำลังรุกไล่หัวหน้าโจร มีดนั้นเป็นฝีมือของอรชุน เขาขว้างมีดใส่โจรทั้งที่อยู่ห่างมากกว่าหล่อน ซ้ำยังอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ หญิงสาวขมวดคิ้ว อรชุนช่างเป็นศัตรูที่น่ากลัว แล้วเขาก็ยืนขึ้นเต็มสัดส่วน หยิบดาบจากหลังม้าเดินตรงทื่อเข้าหาลูกน้องโจรคนสุดท้าย เจ้านั่นยกดาบขึ้นเสมออกแล้วฟาดใส่หัวหน้าราชองครักษ์ทันที อรชุนเพียงสะบัดดาบปัดป่าย เขาฟาดลูกน้องโจรด้วยสันดาบจนตัวมันเป็นรอยแดงทั้งตัว
ระกาเห็นดังนั้นจึงรุกไล่นายโจรจนถึงที่สุด ชายร่างยักษ์ไม่คิดไม่ฝันว่าหญิงสาวจะปราดเปรียวและชำนาญอาวุธมากถึงขนาดนี้ มันรับมือเป็นพัลวันจนแทบจะไม่ไหว ช่วงหนึ่งมีจังหวะนายโจรเอี้ยวตัวหลบหมายวิ่งหนี และนั่นคือจุดจบของมัน ระกาสะบัดดาบเดียว หัวนายโจรก็หลุดกองบนพื้น หล่อนกระโจนเข้ามาหมายฟันโจรคนสุดท้ายซึ่งกำลังนั่งคุกเข่าพนมมือขอชีวิตจากอรชุน แต่แล้วดาบของหล่อนก็ต้องเฉไป ชายหนุ่มไม่ยอมให้สังหารมัน แม้ว่าหล่อนจะพยายามอีกหลายครั้ง ฟันจากทุกทิศทาง อรชุนก็สะบัดดาบกันได้โดยไม่หนักแรง ระกาหอบเล็กน้อย หล่อนหยุดถือดาบนิ่ง
“ทำไม”
“ที่นี่มีคนตายมากเกินไปแล้ว” เสียงของเขาราบเรียบ
“แต่มันเป็นโจร”
“ข้ารู้ แต่มันสำนึกผิดแล้ว ใช่หรือไม่”
สมุนโจรรีบตอบ
“ข้าสำนึกผิดแล้ว ต่อไปข้าจะกลับตัวเป็นคนดี ไม่เป็นโจรอีก”
“คำพูดโจรเชื่อถือไม่ได้”
“ให้โอกาสมัน” อรชุนพูดเพียงสี่คำก่อนเดินไปตัดเชือกปลดปล่อยหญิงสาว หล่อนขอบคุณเขา ส่วนระกายังยืนมองจ้องร่างนั่งคุกเข่าของสมุนโจร
“เจ้าไปได้ แต่หากข้าเห็นเจ้าทำผิดอีก ข้าจะสังหารเจ้าพร้อมทั้งตามล่าสังหารครอบครัวเจ้าทุกคน”
มันรีบขอบคุณหล่อนแล้ววิ่งหนีไป แม้แต่ดาบประจำตัวก็ไม่เอา พอระกาหันกลับมา อรชุนก็ยืนยิ้มรอคอยอยู่แล้ว
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้ามิใช่คนอำมหิต”
“เจ้าอาจจะคิดผิด”
“ไม่หรอก ข้าดูคนไม่เคยผิด” แล้วเขาก็บุ้ยปากไปทางหญิงสาวที่ทั้งคู่เพิ่งช่วยเหลือไว้ได้
“เจ้ายังต้องไปส่งนางอีก หลังจากนั้นเจ้ายังมีนัดกับข้า”
“ข้ารู้แล้ว” ระกาจูงมือหญิงสาวพาขึ้นหลังเจ้าดำ ส่วนเขาก็ขึ้นหลังม้าขาว ทั้งสองย่างเหยาะม้าเคียงคู่กัน
แล้วเสียงครวญครางด้วยความทรมานก็ดังขึ้นในอนุสติของจอมขวัญ ภาพทั้งหมดขาดหายไปเหมือนกับจอภาพยนต์ที่ดับวูบ เป็นเวลาเดียวกับที่ชัชวาลขว้างตระกรุดใส่เสือร้าย ลูกสาวตระกูลจอมกรีดร้องดังลั่นจนการแสดงทุกอย่างชะงัก ทุกคนหันมามองหล่อน ชานนท์เผ่นพรวดเข้ามาประคองร่างที่กำลังจะล้มกองบนพื้น เขาจับตัวหล่อนไว้ จอมขวัญหลับตาขมุบขมิบ
“คุณขวัญเป็นอะไรไปครับ”
พอได้ยินเสียงร้อง หล่อนก็ลืมตาขึ้นแล้วเบิกตากว้างอย่างฉงนปนตกใจ แล้วชานนท์ก้ได้ยินคำพูดสุดท้ายของหญิงสาว
“อรชุน”
ทุกสิ่งทุกอย่างขาดหายไปจากการรับรู้ของหล่อน
หลังเที่ยงเล็กน้อย จอมภพกับชัชวาลก็อยู่ในสภาพพร้อมสำหรับการออกเดินทางตามล่าเจ้าเสือปิศาจ ทั้งคู่เดินตัดป่าจนกระทั่งบรรจบกับจุดวางห้างบนกระบกใหญ่ ซากวัวยังเหลืออยู่อีกครึ่งตัว ร่องรอยการต่อสู้เมื่อคืนปรากฎทั่วไปหมด จอมภพปาดเหงื่อเงยมองลูกน้องคนสนิทซึ่งในเวลานี้แปรสภาพมาเป็นพรานจำเป็น ชัชวาลกำลังตรวจทางที่เขาเห็นเสือตัวนั้นเดินโซเซหนีไป
“ว่าไงชัช เจอรอยมันไหม”
“เจอครับนาย ถึงไม่ชัดก็พอตามได้ครับ”
ทั้งที่สะพายกระเป๋าเดินป่าใบใหญ่หนักอึ้ง จอมภพก็วิ่งเข้ามาอย่างสนใจ
“นี่รอยตีนมันครับนาย มันเองก็ดูท่าจะเจ็บไม่น้อย”
รอยตีนนั้นจางจนเกือบมองไม่เห็นเพราะว่าดินแข็ง เขากวาดสายตาสู่ทางด่านสัตว์เล็กๆนั้น ต้นไม้หนาทึบขึ้นบังเต็มไปหมด ทั้งคู่สบตากัน พอจอมภพพยักหน้า ชัชวาลก็กระชับปืนลูกซองแล้วก้าวตามทางนั้นอย่างระมัดระวังถึงขีดสุด รอยกระเสือกกระสนของเจ้าสัตว์ร้ายนำพาทั้งคู่เข้าสู่ตอนลึกของดงไม้ มันพยายามจับทางด่าน หลบเลี่ยงพุ่มรก แม้จะบาดเจ็บ แต่เสือที่มีวิญญาณร้ายสิงสู่กลับเคลื่อนไหวจนเกือบจะเหมือนปกติ มีเพียงช่วงแรกเท่านั้นที่ดูเหมือนมันอ่อนเพลียจากบาดแผล หลังจากผ่านประมาณสี่ห้ากิโลเมตร เสือตัวนั้นคล้ายจะแข็งแรงดังเดิม มันพาคนทั้งคู่ขึ้นสู่สันเขาสูงชันตอนหนึ่งของทิวเขายาวเหยียด
ครั้งหนึ่งชัชวาลหยุดพัก นายเขาเลยถือโอกาสนั่งหายใจ
“มันกำลังพาเราขึ้นสันเขา” ลูกน้องเขาพูดเบาๆ ดวงตาแข็งกร้าวมองทอดตามหินขรุขระ
“มันอาจจะดักรอเล่นงานเราอยู่บนนั้น”
“เป็นไปได้ แต่นายก็รู้ว่าลูกปืนธรรมดาทำอะไรมันไม่ได้”
“แล้วแกจะให้ทำยังไงล่ะชัช”
ชายหนุ่มล้วงเข้าในกระเป๋าเดินป่าของตัวเอง เขาหยิบกระสุนปืนขึ้นมาสามนัด ยื่นส่งให้ จอมภพรับมาแล้วมองด้วยสายตาสงสัย
“กระสุนอาคม หลวงพ่อให้ผมไว้ก่อนออกบวช มีแค่กระสุนอาคมเท่านั้นที่พอจะทำอันตรายมันได้”
เขาก้มลงมองลูกกระสุนในมือ กระสุนลูกซองทั้งสามนัดไม่ได้มีสิ่งใดผิดปกติจากกระสุนทั่วไป
“นายเอาไรเฟิลมาให้ผมแล้วเอาลูกซองไป เวลาเจอมัน นายจะได้ฆ่ามันได้”
เจ้านายของเขาใคร่ครวญเล็กน้อยก่อนแลกเปลี่ยนอาวุธกัน
“แกแน่ใจว่าจะได้ผลนะชัช ฉันยังไม่อยากกลายเป็นอาหารเสือ”
“ผมรับรองครับนาย แต่นายต้องใช้อย่างระวังนะครับ สามนัดนั้นหมายถึงชีวิตของเรา”
“ไม่ต้องห่วงชัช อย่างน้อยนัดนึงต้องเด็ดหัวใจมัน”
เขาเพียงก้มหัวรับ พอหายเหนื่อย ทั้งคู่ก็ออกเดินต่อ อีกเกือบครึ่งชั่วโมงต่อมา จอมภพก็พบว่าตัวเองกำลังเดินบนสันเขาตอนหนึ่งที่ค่อนข้างสูง ฝั่งซ้ายของเขาเป็นยอดไม้ระดับต่ำ ส่วนฝั่งขวาบางช่วงเป็นก้อนหินใหญ่ สภาพป่าเบญจพรรณค่อนข้างโปร่งพอสมควร ชัชวาลยังคงเดินนำหน้าอย่างระวัง ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของเขาตลอด ช่วงหนึ่งกลิ่นสาบสางลอยตามลมมาจากทางด้านขวาหลังแนวหิน ทั้งคู่ชะงัก หันสบตากันอย่างพอจะเข้าใจในสถานการณ์ ชัชวาลพาเดินย่องเงียบจนกระทั่งเกือบจะถึงจุดที่หมายตา ร่างของเจ้าเสือร้ายก็กระโจนสวนพรวดออกมา ด้วยความตกใจ จอมภพจึงยิงทั้งที่ยังเห็นเป้าหมายไม่ชัดเจน หินถูกกระสุนปืนกระแทกขาวเว่อ ส่วนเจ้าเสือนรกเผ่นไปทางเหวชัน มันวิ่งอย่างเร็วพริบตาเดียวก็ลับหาย ชัชวาลมองเจ้านายเขาอย่างหนักใจ ปกติจอมภพแม้จะเป็นคนอารมณ์ร้อนแต่เมื่อถึงคราวจำเป็น พี่ชายของจอมขวัญผู้นี้มักจะควบคุมตัวเองได้เสมอ ยกเว้นครั้งนี้ แต่เขารู้ดีว่าพูดไปก็คงไม่เกิดประโยชน์
“มันกำลังหลอกล่อเรา”
“ครับนาย”
“มันรู้ว่าเรามีกระสุนอาคม มันต้องการให้เราใช้กระสุนอาคมจนหมด แต่มันรู้ได้ยังไงมันเดาใจเราถูกได้ยังไงกันชัช”
ชัชวาลคิดตาม
“วิญญาณดวงนั้นคงบอกมันครับนาย”
จอมภพหัวเราะเหี้ยมๆ
“สนุกแล้วล่ะชัช แล้วจะได้รู้กันว่าแกหรือฉันจะชนะ ไอ้เสือผี”
เขามองทางที่เสือร้ายหนีไปด้วยสายตาเคียดแค้น
“มีอะไรรึท่านอรชุน”
“ไม่มีนี่” เขาตอบแต่ยังไม่คลายบังเหียนม้า เจ้าดำก็ยืนสงบนิ่ง ระกาเท้าเอวมอง
“ถ้าไม่มีสิ่งใดก็ปล่อยบังเหียนสิ ข้าจะได้รีบไป”
“เจ้าจะรีบไปไหนล่ะระกา”
“ไปไหนมันก็เรื่องของข้า ไม่เกี่ยวกับท่านราชองครักษ์หรอก”
เขาหัวเราะยอมปล่อยสายบังเหียนม้า
“ข้ามาตามนัด สงสัยเจ้าคงลืม”
“ข้าไม่ได้ลืม แต่ยังไม่ถึงเวลานัด ข้ายังมีงานบางอย่างต้องรีบทำ”
“เจ้าจะทำสิ่งใดล่ะระกา ข้าเองก็ว่างนักเลยอยากจะขอติดตามไปกับเจ้าด้วย”
หญิงสาวถอนใจ
“ท่านชอบยุ่งเกี่ยวมากความกับเรื่องคนอื่นนัก”
“หากเป็นผู้อื่นข้าคงไม่สน แต่นี่เป็นเรื่องของนางในดวงใจ ข้าจำเป็นต้องยุ่งเกี่ยว”
ระกาหน้าแดงแล้วรีบปรับสีหน้าเป็นปกติ
“ได้ ถ้าท่านว่างมากนัก ข้าเองก็อยากจะรู้ฝีมือดาบของท่านราชองครักษ์ยิ่งนัก”
“เกี่ยวอะไรกับฝีมือเชิงอาวุธของข้าเล่า”
หล่อนหัวเราะหึๆ เหวี่ยงตัวขี้นหลังม้า
“เพราะข้าจะไปจับโจรน่ะสิ”
แล้วระกาก็ตบคอม้าเบาๆ เจ้าดำทะยานพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว อรชุนยืนมองยิ้มๆ เสียงเจื้อยแจ้วของหล่อนดังตามหลังมา
“เก่งจริงก็ตามมา”
หัวหน้าราชองครักษ์หนุ่มซึ่งอยู่ในช่วงวันหยุดพอดี นอกจากนั้นวันนี้เขายังนัดหมายกับหล่อนเที่ยวชมตลาดด้วยกัน แม้จะยังไม่ถึงเวลานั้นแต่อรชุนก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เขาจึงออกมาเดินเปะปะจนพบหล่อนซึ่งออกจากมหาวิหารพยัคฆาโดยบังเอิญเมื่อเห็นว่าม้าของหล่อนใกล้จะลับตาแล้ว อรชุนจึงเป่าปากยาว ม้าสีขาวพุ่งทะยานมาด้วยความเร็ว เขารอจังหวะที่ม้าตัวนั้นช้าลงเล็กน้อย ทหารหนุ่มดีดตัวขึ้นหลังม้าแล้วควบขับตามหญิงสาวทันที
ระกาขี่ม้าอย่างชำนาญจนเขาชื่นชมอยู่ในใจ อรชุนเร่งทะยานม้าจนกระทั่งวิ่งคู่อยู่กับหล่อน ระกาหันมองหน้าเขาเล็กน้อย แล้วเร่งเจ้าดำอีก ม้าดำปรอดก็พุ่งล้ำหน้าม้าของอรชุนอีกเท่าตัว แต่เพียงพริบตาเดียวม้าสีขาวของอรชุนก็เคียงข้างอีกครั้ง หล่อนพยายามเร่งเจ้าดำอีกแต่คราวนี้เหมือนว่ามันเองก็จะเริ่มเหนื่อยอ่อนลงแล้ว
“ม้าที่ดี”
อรชุนกล่าวชม
“ยังไม่ดีเท่าม้าของหัวหน้าราชองครักษ์หรอก”
เขาหัวเราะการประชดนั้น
“วันนี้ข้าเป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาที่ขอติดตามเจ้าไป หาใช่หัวหน้าราชองครักษ์ไม่”
หล่อนยิ้มผ่อนฝีเท้าม้าลง เจ้าม้าขาวก็ผ่อนตามโดยที่อรชุนไม่ต้องสั่ง
“งั้นท่าน อ้อ ไม่สิ งั้นเจ้าก็จงฟังข้าให้ดี โค้งหน้าจะเป็นที่อยู่ของโจรร้ายกลุ่มหนึ่ง เมื่อคืนพวกมันปล้นชิงชาวบ้านแต่ข้าช่วยไว้ได้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังจับตัวหญิงสาวนางหนึ่งปได้ วันนี้มันจึงนัดข้าให้เอาค่าไถมามอบให้มันที่นี่”
“น่าสนใจดีนี่ เจ้าเองก็สร้างเรื่องได้ไม่น้อย แล้วเจ้ามีเงินสำหรับไถ่ตัวนางหรือไง”
“ไม่มี” แล้วหล่อนก็ยิ้มอย่างกระหายเลือดชี้ไปที่ฝักดาบของตนซึ่งสะพายหลังอยู่ “แต่ข้ามีดาบ”
อรชุนผงกหัวยิ้มไม่กล่าวคำใด ทั้งคู่รั้งม้าเมื่อเห็นชายฉกรรจ์สี่ห้าคนยืนจับกลุ่มอยู่ที่นั่น บริเวณนั้นเป็นโค้งใหญ่ ร่มรื่นด้วยมีไม้ใหญ่ขึ้นมาก หญิงสาวคนหนึ่งถูกมัดอยู่ที่โคนประดู่ใหญ่ ชายหน้าเหี้ยมถือดาบเฝ้าไว้
“หกคน” เขากระซิบ ระกาพยักหน้ากระซิบตอบ “คนละสาม”
“ข้าให้เจ้าคนเดียวเลย” อรชุนหัวเราะลงจากหลังม้า เขาจูงม้าไปนั่งหลบพักใต้เงาไม้ริมทาง ไม่สนใจหล่อนอีก ระกาขบฟันแน่น กระโจนลงจากหลังเจ้าดำ
“ค่าไถ่เล่า”
หัวหน้าโจรร่างยักษ์ตะโกนถาม หล่อนยกชูถุงผ้าสีดำเข้มพลางเดินเข้าใกล้จนกระทั่งถึงระยะที่มั่นใจก็หยุด
“ปล่อยคน”
ขุนโจรยิ้มลูบคาง มันพยักหน้าทางอรชุน
“เจ้านั่นเล่า”
“คนบ้าผู้นี้ตามข้ามาเอง รับรองมันไม่มีกำลังขวัญสู้กับพวกท่านแน่ ปล่อยคน”
เจ้าโจรส่ายหน้ายังคงยิ้ม
“ค่าไถ่ก่อน”
ระกากัดริมฝีปาก หล่อนขว้างถุงเงินไปให้ พอทุกคนสนใจที่ถุงเงินนั้น มีดขนาดเล็กเล่มหนึ่งก็พุ่งวาบเข้าหาเจ้าโจรที่อยู่ใกล้หญิงสาวมากที่สุด คมมีดปักสวบบริเวณอก เจ้านั่นล้มลงตายโดยไม่ได้ร้อง พริบตาต่อมาหล่อนก็กระชากดาบจากกลางหลังพุ่งวาบเข้าใส่ดจรอีกคนซึ่งกำลังยืนมองอย่างงงๆ แค่ดาบเดียวระกาก็ส่งวิญญาณมันลงนรก โจรที่เหลือขยับตัว มีคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหมายจะฟันหล่อน ระกาปัดดาบนั้นแล้วแทงสวนเข้าที่ท้องน้อยล้มตายลง ส่วนหัวหน้าโจรเองก็ชักดาบกระโจนเข้ามาไล่ฟันหล่อน ฝีมือดาบของนายโจรมีชั้นเชิงพอตัว หญิงสาวปัดป่ายสามสี่ครั้งก่อนฟันถูกต้นแขน โจรร้ายคำราม
“ฆ่าผู้หญิงทิ้ง”
ชายหน้าเหี้ยมคนหนึ่งวิ่งเข้าหาตัวประกัน เงื้อมีดสุดตัวแต่ก็ค้างอยู่เพียงแค่นั้น มีดสั้นเล่มหนึ่งเสียบทะลุหน้าอก จนตายมันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือคนสังหารมัน ส่วนอีกคนเห็นท่าไม่ดีหันหลังกวัดแกว่งดาบป้องกันตัว ระกาเห็นเหตุการณ์นั้นชัดเจน หล่อนกำลังรุกไล่หัวหน้าโจร มีดนั้นเป็นฝีมือของอรชุน เขาขว้างมีดใส่โจรทั้งที่อยู่ห่างมากกว่าหล่อน ซ้ำยังอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ หญิงสาวขมวดคิ้ว อรชุนช่างเป็นศัตรูที่น่ากลัว แล้วเขาก็ยืนขึ้นเต็มสัดส่วน หยิบดาบจากหลังม้าเดินตรงทื่อเข้าหาลูกน้องโจรคนสุดท้าย เจ้านั่นยกดาบขึ้นเสมออกแล้วฟาดใส่หัวหน้าราชองครักษ์ทันที อรชุนเพียงสะบัดดาบปัดป่าย เขาฟาดลูกน้องโจรด้วยสันดาบจนตัวมันเป็นรอยแดงทั้งตัว
ระกาเห็นดังนั้นจึงรุกไล่นายโจรจนถึงที่สุด ชายร่างยักษ์ไม่คิดไม่ฝันว่าหญิงสาวจะปราดเปรียวและชำนาญอาวุธมากถึงขนาดนี้ มันรับมือเป็นพัลวันจนแทบจะไม่ไหว ช่วงหนึ่งมีจังหวะนายโจรเอี้ยวตัวหลบหมายวิ่งหนี และนั่นคือจุดจบของมัน ระกาสะบัดดาบเดียว หัวนายโจรก็หลุดกองบนพื้น หล่อนกระโจนเข้ามาหมายฟันโจรคนสุดท้ายซึ่งกำลังนั่งคุกเข่าพนมมือขอชีวิตจากอรชุน แต่แล้วดาบของหล่อนก็ต้องเฉไป ชายหนุ่มไม่ยอมให้สังหารมัน แม้ว่าหล่อนจะพยายามอีกหลายครั้ง ฟันจากทุกทิศทาง อรชุนก็สะบัดดาบกันได้โดยไม่หนักแรง ระกาหอบเล็กน้อย หล่อนหยุดถือดาบนิ่ง
“ทำไม”
“ที่นี่มีคนตายมากเกินไปแล้ว” เสียงของเขาราบเรียบ
“แต่มันเป็นโจร”
“ข้ารู้ แต่มันสำนึกผิดแล้ว ใช่หรือไม่”
สมุนโจรรีบตอบ
“ข้าสำนึกผิดแล้ว ต่อไปข้าจะกลับตัวเป็นคนดี ไม่เป็นโจรอีก”
“คำพูดโจรเชื่อถือไม่ได้”
“ให้โอกาสมัน” อรชุนพูดเพียงสี่คำก่อนเดินไปตัดเชือกปลดปล่อยหญิงสาว หล่อนขอบคุณเขา ส่วนระกายังยืนมองจ้องร่างนั่งคุกเข่าของสมุนโจร
“เจ้าไปได้ แต่หากข้าเห็นเจ้าทำผิดอีก ข้าจะสังหารเจ้าพร้อมทั้งตามล่าสังหารครอบครัวเจ้าทุกคน”
มันรีบขอบคุณหล่อนแล้ววิ่งหนีไป แม้แต่ดาบประจำตัวก็ไม่เอา พอระกาหันกลับมา อรชุนก็ยืนยิ้มรอคอยอยู่แล้ว
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้ามิใช่คนอำมหิต”
“เจ้าอาจจะคิดผิด”
“ไม่หรอก ข้าดูคนไม่เคยผิด” แล้วเขาก็บุ้ยปากไปทางหญิงสาวที่ทั้งคู่เพิ่งช่วยเหลือไว้ได้
“เจ้ายังต้องไปส่งนางอีก หลังจากนั้นเจ้ายังมีนัดกับข้า”
“ข้ารู้แล้ว” ระกาจูงมือหญิงสาวพาขึ้นหลังเจ้าดำ ส่วนเขาก็ขึ้นหลังม้าขาว ทั้งสองย่างเหยาะม้าเคียงคู่กัน
แล้วเสียงครวญครางด้วยความทรมานก็ดังขึ้นในอนุสติของจอมขวัญ ภาพทั้งหมดขาดหายไปเหมือนกับจอภาพยนต์ที่ดับวูบ เป็นเวลาเดียวกับที่ชัชวาลขว้างตระกรุดใส่เสือร้าย ลูกสาวตระกูลจอมกรีดร้องดังลั่นจนการแสดงทุกอย่างชะงัก ทุกคนหันมามองหล่อน ชานนท์เผ่นพรวดเข้ามาประคองร่างที่กำลังจะล้มกองบนพื้น เขาจับตัวหล่อนไว้ จอมขวัญหลับตาขมุบขมิบ
“คุณขวัญเป็นอะไรไปครับ”
พอได้ยินเสียงร้อง หล่อนก็ลืมตาขึ้นแล้วเบิกตากว้างอย่างฉงนปนตกใจ แล้วชานนท์ก้ได้ยินคำพูดสุดท้ายของหญิงสาว
“อรชุน”
ทุกสิ่งทุกอย่างขาดหายไปจากการรับรู้ของหล่อน
หลังเที่ยงเล็กน้อย จอมภพกับชัชวาลก็อยู่ในสภาพพร้อมสำหรับการออกเดินทางตามล่าเจ้าเสือปิศาจ ทั้งคู่เดินตัดป่าจนกระทั่งบรรจบกับจุดวางห้างบนกระบกใหญ่ ซากวัวยังเหลืออยู่อีกครึ่งตัว ร่องรอยการต่อสู้เมื่อคืนปรากฎทั่วไปหมด จอมภพปาดเหงื่อเงยมองลูกน้องคนสนิทซึ่งในเวลานี้แปรสภาพมาเป็นพรานจำเป็น ชัชวาลกำลังตรวจทางที่เขาเห็นเสือตัวนั้นเดินโซเซหนีไป
“ว่าไงชัช เจอรอยมันไหม”
“เจอครับนาย ถึงไม่ชัดก็พอตามได้ครับ”
ทั้งที่สะพายกระเป๋าเดินป่าใบใหญ่หนักอึ้ง จอมภพก็วิ่งเข้ามาอย่างสนใจ
“นี่รอยตีนมันครับนาย มันเองก็ดูท่าจะเจ็บไม่น้อย”
รอยตีนนั้นจางจนเกือบมองไม่เห็นเพราะว่าดินแข็ง เขากวาดสายตาสู่ทางด่านสัตว์เล็กๆนั้น ต้นไม้หนาทึบขึ้นบังเต็มไปหมด ทั้งคู่สบตากัน พอจอมภพพยักหน้า ชัชวาลก็กระชับปืนลูกซองแล้วก้าวตามทางนั้นอย่างระมัดระวังถึงขีดสุด รอยกระเสือกกระสนของเจ้าสัตว์ร้ายนำพาทั้งคู่เข้าสู่ตอนลึกของดงไม้ มันพยายามจับทางด่าน หลบเลี่ยงพุ่มรก แม้จะบาดเจ็บ แต่เสือที่มีวิญญาณร้ายสิงสู่กลับเคลื่อนไหวจนเกือบจะเหมือนปกติ มีเพียงช่วงแรกเท่านั้นที่ดูเหมือนมันอ่อนเพลียจากบาดแผล หลังจากผ่านประมาณสี่ห้ากิโลเมตร เสือตัวนั้นคล้ายจะแข็งแรงดังเดิม มันพาคนทั้งคู่ขึ้นสู่สันเขาสูงชันตอนหนึ่งของทิวเขายาวเหยียด
ครั้งหนึ่งชัชวาลหยุดพัก นายเขาเลยถือโอกาสนั่งหายใจ
“มันกำลังพาเราขึ้นสันเขา” ลูกน้องเขาพูดเบาๆ ดวงตาแข็งกร้าวมองทอดตามหินขรุขระ
“มันอาจจะดักรอเล่นงานเราอยู่บนนั้น”
“เป็นไปได้ แต่นายก็รู้ว่าลูกปืนธรรมดาทำอะไรมันไม่ได้”
“แล้วแกจะให้ทำยังไงล่ะชัช”
ชายหนุ่มล้วงเข้าในกระเป๋าเดินป่าของตัวเอง เขาหยิบกระสุนปืนขึ้นมาสามนัด ยื่นส่งให้ จอมภพรับมาแล้วมองด้วยสายตาสงสัย
“กระสุนอาคม หลวงพ่อให้ผมไว้ก่อนออกบวช มีแค่กระสุนอาคมเท่านั้นที่พอจะทำอันตรายมันได้”
เขาก้มลงมองลูกกระสุนในมือ กระสุนลูกซองทั้งสามนัดไม่ได้มีสิ่งใดผิดปกติจากกระสุนทั่วไป
“นายเอาไรเฟิลมาให้ผมแล้วเอาลูกซองไป เวลาเจอมัน นายจะได้ฆ่ามันได้”
เจ้านายของเขาใคร่ครวญเล็กน้อยก่อนแลกเปลี่ยนอาวุธกัน
“แกแน่ใจว่าจะได้ผลนะชัช ฉันยังไม่อยากกลายเป็นอาหารเสือ”
“ผมรับรองครับนาย แต่นายต้องใช้อย่างระวังนะครับ สามนัดนั้นหมายถึงชีวิตของเรา”
“ไม่ต้องห่วงชัช อย่างน้อยนัดนึงต้องเด็ดหัวใจมัน”
เขาเพียงก้มหัวรับ พอหายเหนื่อย ทั้งคู่ก็ออกเดินต่อ อีกเกือบครึ่งชั่วโมงต่อมา จอมภพก็พบว่าตัวเองกำลังเดินบนสันเขาตอนหนึ่งที่ค่อนข้างสูง ฝั่งซ้ายของเขาเป็นยอดไม้ระดับต่ำ ส่วนฝั่งขวาบางช่วงเป็นก้อนหินใหญ่ สภาพป่าเบญจพรรณค่อนข้างโปร่งพอสมควร ชัชวาลยังคงเดินนำหน้าอย่างระวัง ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของเขาตลอด ช่วงหนึ่งกลิ่นสาบสางลอยตามลมมาจากทางด้านขวาหลังแนวหิน ทั้งคู่ชะงัก หันสบตากันอย่างพอจะเข้าใจในสถานการณ์ ชัชวาลพาเดินย่องเงียบจนกระทั่งเกือบจะถึงจุดที่หมายตา ร่างของเจ้าเสือร้ายก็กระโจนสวนพรวดออกมา ด้วยความตกใจ จอมภพจึงยิงทั้งที่ยังเห็นเป้าหมายไม่ชัดเจน หินถูกกระสุนปืนกระแทกขาวเว่อ ส่วนเจ้าเสือนรกเผ่นไปทางเหวชัน มันวิ่งอย่างเร็วพริบตาเดียวก็ลับหาย ชัชวาลมองเจ้านายเขาอย่างหนักใจ ปกติจอมภพแม้จะเป็นคนอารมณ์ร้อนแต่เมื่อถึงคราวจำเป็น พี่ชายของจอมขวัญผู้นี้มักจะควบคุมตัวเองได้เสมอ ยกเว้นครั้งนี้ แต่เขารู้ดีว่าพูดไปก็คงไม่เกิดประโยชน์
“มันกำลังหลอกล่อเรา”
“ครับนาย”
“มันรู้ว่าเรามีกระสุนอาคม มันต้องการให้เราใช้กระสุนอาคมจนหมด แต่มันรู้ได้ยังไงมันเดาใจเราถูกได้ยังไงกันชัช”
ชัชวาลคิดตาม
“วิญญาณดวงนั้นคงบอกมันครับนาย”
จอมภพหัวเราะเหี้ยมๆ
“สนุกแล้วล่ะชัช แล้วจะได้รู้กันว่าแกหรือฉันจะชนะ ไอ้เสือผี”
เขามองทางที่เสือร้ายหนีไปด้วยสายตาเคียดแค้น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ