สืบสู้ผี ภาค เมฆาคนล่าผี
6.7
เขียนโดย Jintanakorn
วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 04.55 น.
26 ตอน
2 วิจารณ์
22.33K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ว่านผีสิง Part 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความขณะนี้เมฆากับชายหนุ่มหุ่นอุ้ยอ้ายผู้มีนามว่า 'ณเดช' ก็ได้มายืนอยู่หน้าห้องพักในคอนโดชั้น 7 อันเป็นที่พักของณเดชมาหลายปีจวบจนกระทั่งถึงเมื่อราว 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาที่ณเดชไม่อาจกล้ากลับเข้ามาที่ห้องในคอนโดนี้อีกเลย
แล้วเมฆาก็หวนนึกถึงคำพูดของณเดชที่เล่าบรรยายเหตุการณ์ในห้องที่เขาได้พบเจอกับสิ่งที่ผิดปกติ ก่อนที่เขาจะสรุปได้ว่าในห้องของเขานั้นน่าจะมี 'ผีผู้หญิง'ที่ได้ออกมาจากต้นว่านที่เขาได้เลี้ยงไว้ในกระถางที่อยู่หลังห้องของเขาอย่างแน่นอน !
รายละเอียดในเรื่องเล่าของณเดชก็มีดังนี้
คืนแรกน่ะ ผมก็คิดว่าผมฝันไป เพราะว่าคืนนั้นผมจำได้ว่า ไปกินเหล้ากับเพื่อนๆที่ทำงานแล้วกลับมาถึงห้องแบบเมาๆพอควร แต่พอผมเปิดประตูเข้าไปก็เห็นผู้หญิงแปลกหน้าที่ทั้งสาวทั้งสวยคนหนึ่งกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงของผม ไอ้ผมก็คิดว่าตัวเองคงจะเมาจนตาลายไปหน่อย ก็เลยเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ แต่พอผมออกมาก็ยังเห็นว่าเธอยังนอนอยู่ที่เตียงของผมเหมือนเดิม แถมยังลืมตาหันมามองผมด้วยดวงตาอันหยาดเยิ้มยั่วยวน
"กลับมาแล้วเหรอคะ ?" เธอถามผมยิ้มๆ
"นี่เธอ... นี่เธอเป็นใครกันล่ะนี่ แล้วเธอ... เธอเข้ามาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไงกันล่ะนี่...?" ผมถามกลับ และพยายามมองหน้าเธอให้ชัดๆ แต่ยิ่งมองก็ยิ่งไม่รู้จัก แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่ความสวยเซ็กซี่เป็นอย่างมากคนหนึ่งก็ตาม
"อ้าว... ?" เธอกระพริบตาปริบๆ "พี่จำไม่ได้หรอกเหรอคะ... ก็พี่เป็นคนพาหนูเข้ามาอยู่ในห้องนี้เองไงล่ะคะ...?"
"ห๋า...! ฉันเนี่ยนะ พาเธอมา ?!" ผมกระพริบตาปริบๆถามเธออย่างงงๆ "ต้องไม่ใช่น่า... มันเป็นไปไม่ได้หรอก ฉันจำไม่ได้เลยว่า ได้เคยพาเธอเข้ามาที่ห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไรตอนไหนกัน ?"
"ก็สมควรอยู่หรอกที่จะจำไม่ได้ " เธอเชิดหน้าแต่ก็ยังยิ้มยั่วยวน "ดูซิ พี่ดูออกจะเมาขนาดนี้" แล้วเธอก็ดึงมือผมไปจนตัวผมแทบจะคะมำลงไปทับร่างของเธอ
จากนั้นผมก็รู้สึกว่า ได้มีกลิ่นประหลาดๆ จะว่าหอมก็หอม จะว่าเหม็นเขียวก็เหม็นเขียว โชยกระจายขึ้นมาอย่างอ่อนๆ แล้วผมก็สงสัยว่ามันคงจะเป็นน้ำหอมบางยี่ห้อที่โชยมาจากร่างของเธอ แต่กลิ่นแปลกๆของมันนั้น ก็ทำให้ผมรู้สึกทะแม่งๆจนหัวของผมถึงกับมึนงงไปหมด
แล้วเธอก็ใช้สายตาประสานจ้องตาผมอยู่ครู่ใหญ่ๆในขณะที่หน้าของผมอยู่ห่างจากหน้าของเธอแค่คืบเดียวเท่านั้น
จากนั้นเธอก็กระพริบตาถี่ๆ พร้อมกับขมวดคิ้ว เหมือนจะงงๆอะไรขึ้นมาหน่อยนึง แต่จากนั้นก็เหมือนว่าเธอจะบรรจงจูบปากของผมในขณะที่ผมก็รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของผมจะแข็งค้างไปชั่วขณะ บรื๊อ... ผมไม่อยากจะนึกถึงเรื่องนี้เลย และต่อมาผมก็จำอะไรอีกไม่ได้เลย จนกระทั่งตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ผมก็ไม่พบว่าจะมีใครมานอนอยู่บนเตียงของผมเหมือนอย่างที่คิด ผมจึงบอกตัวเองว่าผมคงจะฝันไปเอง อย่างแน่นอนที่สุด...
แต่คืนต่อมาหลังจากที่ผมได้เลิกงานแล้ว ผมก็กลับไปที่ห้องทันที โดยที่ไม่ได้ไปแวะสังสรรค์กับใครเหมือนปกติ ผมจึงอยู่ในสภาพที่ไม่ได้มีความมึนเมาใดๆเลยทั้งสิ้น และอาจจะเป็นเพราะว่าผมน่ะ ยังรู้สึกเคลือบแคลงในเหตุการณ์ของคืนก่อนว่า 'มันเป็นความจริงหรือเป็นความฝันกันแน่ ?' ผมจึงตัดสินใจไม่ไปดื่มสังสรรค์และกลับมาที่ห้องคอนโดเลย ทั้งๆที่เพือนบางคนก็ได้เอ่ยปากชวนผมอยู่เหมือนกัน
พอผมเปิดห้องเข้าไปแล้ว ก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที เพราะไม่พบว่าจะมีผู้หญิงแปลกหน้าที่ไหนมานอนอมยิ้มรอผมเหมือนเมื่อคืนก่อนอีก แต่ทว่า... ผมกลับโล่งอกได้เพียงครึ่งคืน เพราะในตอนดึกของคืนนั้น ในขณะที่ผมได้หลับไปได้สักพักใหญ่แล้ว ผมก็รู้สึกเหมือนจะฉุนๆจมูกเหมือนมีกลิ่นหอมๆหรือเหม็นเขียวประหลาดโชยเข้ามาในจมูกของผมอีกครั้ง จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนมีมือนุ่มๆนิ่มๆของใครสักคนมาลูบๆไล้ๆอยู่ที่หน้าอก และ... เอ่อ... และตรงนั้นของผมน่ะครับ แฮะๆ
ผมจึงตกใจ แล้วก็ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นมานั่งทันที และพอผมหันขวาไปผมก็ได้เห็น... ได้เห็นเธอมานอนอยู่บนเตียงข้างๆตัวผม มือขาวๆของเธอยังยกค้างอยู่ที่กลางลำตัวของผมอยู่ด้วยซ้ำไป
"อะไรกันว๊ะเนี่ย...?!" ผมสลัดหัวมองเธออย่างงงๆ "นี่ฉันฝันอีกแล้วเหรอเนี่ย ?"
แต่เธอก็ยังคงอยู่ที่เดิม และแย้มยื้มขึ้นมาอย่างยั่วยวน "พี่น่ะ ไม่ได้ฝันไปหรอกจ้ะ" เธอเปลี่ยนท่าเอามือที่ยกค้างมาท้าวคางตัวเองพลางจ้องหน้าผมด้วยดวงตาอันหยาดเยิ้ม "เอ... หรือว่าฝันดีนะ ฮิฮิ เอาเป็นว่า... ไหนๆหนูก็มาอยู่ตรงนี้แล้ว ทำไมเราสองคนไม่มา... ไม่มาทำอะไรที่มันทำให้มีความสุข กันสักหน่อยล่ะจ๊ะ ?" เธอชักชวนผมด้วยสีหน้าอันยั่วยวนยวนยิ่งขึ้น
ผมสะดุ้งโหยง "หา...! ทำ... ทำอะไรล่ะ ?!"
เธอทำหน้าเหมือนจะตำหนิผม แต่ก็กลับยิ้มยั่วยวนขึ้นมาอีก "ไม่เป็นไรจ้ะพี่... ถ้างั้น เดี๋ยวหนูจะเริ่ม ให้เองนะ..."
แล้วเธอก็เอามือลูบไล้หน้าอกผม แถมยังจูบซอกคอผม จนผมถึงกับรู้สึกขนลุกขนชันไปหมด !
เมฆานั่งฟังถึงตอนนี้ ก็อดแทรกขึ้นมาไม่ได้ "ถ้าถึงช่วงนี้ล่ะก็ รับรองว่าเสร็จทุกราย แต่เสร็จแล้วก็ไม่ได้ขึ้นไปสวรรค์หรอกนะ แต่กลับจะได้ไปอยู่ในนรกของพวกมันต่างหาก แถมจะได้ไปอยู่แบบถาวรโดยที่จะไม่มีโอกาสได้กลับเข้าร่างเดิมของตัวเองอีกเลยน่ะนะ เอ่อ.. แต่ผมเองก็ยังสงสัย สงสัยว่าคุณนี่รอดมาได้อย่างไรกันล่ะนี่... ?" เมฆาพูดแล้วก็จ้องหน้าของณเดชอย่างกังขา
"ผม... นั่นสิ ผมรอดมาได้ยัง แต่ถึงยังไงผมก็ไม่คิดว่า ผมจะถึงกับต้องตายไปในตอนนั้นหรอกนะ ?" ณเดชว่า
"เอาล่ะ... หลังจากเมื่อกี้แล้ว คุณยังจำอะไรได้อีกหรือเปล่า ?" เมฆาถามต่อ
แล้วณเดชก็เล่ารายละเอียดต่อจากนั้น
พอผมตกใจเพราะถูกเธอจูบซอกคอแล้ว ผมก็รีบเผ่นพรวดลงไปจากเตียงของผมทันที
"เธอ...! นี่เธอจะทำอะไรกันแน่ ?!" ผมถามเสียงดัง ขณะที่ลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นข้างล่าง เพราะรู้สึกเหมือนกับว่า ร่างกายของผมมันดูจะอ่อนแรงลงไปอย่างแปลกประหลาด
แล้วเธอก็เปลี่ยนท่ามานั่งอยู่ที่ขอบเตียง พร้อมกับจ้องมองผมด้วยดวงตาที่แสนดุ
"ไอ้ไร้น้ำยาเอ๊ย... ! "น้ำเสียงที่อ่อนหวานของเธอในก่อนหน้านี้ ดันเปลี่ยนมาเป็นเสียงดุๆที่แข็งกระด้าง "ที่แท้แกก็ไม่ใช่ ผู้ชายแท้ๆงั้นสินะ ?!"
"ฉัน... ฉันเป็น ผู้ชายแท้ๆทั้งแท่งมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วนะ ยัยหน้าสวย... !" ผมตอบสวนไป " แต่ฉันแค่...ไม่เอาผู้หญิง เข้าใจฉันหรือเปล่า ว่าฉันไม่เอาผู้หญิง ?!!"
แล้วเธอก็กรีดเสียงร้องดังๆออกมาคำหนึ่ง จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืน แถมยังย่างก้าวตรงเข้ามาหาผม
"เสียเวลาของฉันจริงๆ รีบพาฉันกลับออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลยนะ !" เสียงวีนของเธอดังขึ้นมาอีกระดับ
"ยังไง... ยังไงล่ะ ? ก็เธอเข้ามาหาฉันเอง เธอก็ออกไปเองสิ ยัยหื่นขึ้นสมอง !" เสียงผมเองก็ดังไม่แพ้เสียงเธอ พลางก็ขยับถอยร่างให้ห่างจากเธอไปด้วย
"จงมองตาฉัน จงมองตาฉัน !" เธอย้ำคำพูดนั้นแล้ว ก็จ้องตาผมเขม็ง
แล้วผมก็ดันรู้สึกมึนๆงงๆไปอยู่วูบหนึ่ง แต่พอได้สบัดหัวไปมาสองสามทีแล้ว ความมึนงงของผมก็ดูเหมือนจะสลายหายไปหมดสิ้น
แล้วยัยร่านยั่วสวาทที่แปลกหน้าคนนี้ ก็ทำหน้าแปลกใจ "นี่ฉันเพิ่งรู้เองนะว่า... ฉันสะกดผู้ชายที่ไม่ใช่ผู้ชายแท้ไม่ได้ ?"
"บ้าสิ... ก็ฉันบอกไปแล้วไงว่า ฉันน่ะเป็น ผู้ชายแท้ๆทั้งแท่งเลยน่ะโว๊ย !" ผมเถียงสวนกลับไปทันที
"แก...!" แล้วเธอก็ทะยานเข้ามาหาผมอย่างเร็วพร้อมกางกงเล็บออกมาทั้งสองมือ "ถ้าสะกดแกไม่ได้ งั้นฉันก็จะขอฉีกเนื้อของแกซะเลยก็แล้วกัน ฉีกเนื้อแล้วก็ค่อยมาสูบวิญญาณเอาทีหลังก็ได้ คิคิคิ !"
ในจังหวะนี่น่ะเองที่ผมก็ได้เข้าใจแล้วว่า เธอน่าจะไม่ใช่เป็นคนเหมือนอย่างเราๆอย่างแน่นอน แต่เธอน่าจะเป็นผีหรืออะไรสักอย่างประมาณนั้นซะมากกว่า
"เหวออออ !!" ผมร้องตกใจสุดขีด แล้วรีบกระเถิบร่างถอยหลังไปจนถึงขอบประตูหลังห้อง !
"ไม่พ้นหรอก ยังไงฉันก็จะเข้าไปฉีกร่างของแกจนได้ล่ะน่า..! " เธอก้าวย่างเข้ามาจนเข้ามาใกล้ตัวผมขึ้นเรื่อยๆ
และในขณะที่ผมจับขอบประตูหลังห้องเพื่อพยุงร่างของตัวเองจนลุกขึ้นมาได้แล้ว ผมก็คิดอยู่ในใจอย่างตื่นตระหนกว่า ถ้าผมถอยไปและตะโกนเรียกตรงริมระเบียงด้านหลังให้คนในห้องอื่นมาช่วยแล้ว จะมีคนได้ยินและจะตัดสินใจมาช่วยผมหรือไม่กันล่ะนี่ ? แล้วผมก็คิดว่ามันคงจะสายเกินไปอยู่ดี เพราะถ้ามีใครได้ตัดสินใจมาช่วยผมจริงๆแล้ว ในตอนนั้นผมเองก็คงจะถูกฉีกร่างไปเรียบร้อยแล้วล่ะ
แล้วสายตาของผมก็ไปสะดุดกับกระถางต้นว่านที่วางแอบอยู่ตรงริมระเบียง จากนั้นความสิ้นคิดหรืออาจจะเรียกว่าความหวังบ้าๆบอๆของผม ก็ทำให้ผมรีบเข้าไปยกกระถางต้นว่านอันค่อนข้างหนักนั้นขึ้นมา และตั้งท่าจะทุ่มมันไปที่ยัยผีบ้าที่กำลังทะยานเข้ามาจนเกือบจะถึงตัวผมอยู่แล้ว
แต่แล้ว ยัยผีบ้านั่นก็ถึงกับเบรค กะทันหัน และหยุดชงักค้างไปแทบจะทันที ส่วนท่าทางที่อยากจะฉีกร่างของผมเป็นชิ้นๆของเธอนั้น ก็สลายหายไป แล้วเปลี่ยนท่าทางไปเป็นอันอ่อนหวานนุ่มนวลขึ้นมาอย่างปุปปับ แถมยังตีหน้ายิ้มละมัยเหมือนในตอนแรกอีก
"วาง... วางกระถางต้นไม้นั่นลงก่อนก็ได้มั้งจ๊ะพี่จ๋า แล้วเรา... แล้วเราก็กลับมาคุยกันดีๆกันด้วยสันติก็ได้มั้งจ๊ะ คือ... เมื่อกี้นี้น่ะ น้องเพียงแค่ล้อพี่เล่นเท่านั้นล่ะ ไม่ได้คิดตั้งใจจะทำร้ายพี่จริงๆหรอกนะ เพราะฉนั้นได้โปรด วางกระถางลงก่อนเถอะนะจ๊ะพี่จ๋า นะจ๊ะๆคนดีของน้อง..."
อ้าว... ทำไม... ทำไมเธอถึงได้เปลี่ยนท่าทางไปแบบ จากหน้ามือไปเป็นหลังมือได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้กันล่ะ แถมยังขอร้องให้เราวางกระถางต้นว่านนี่ลงซะอีก ท่าทางของเธอในตอนนี้ มันดูเหมือนกับว่า จะกลัวๆอะไรขึ้นมาอย่างปุบปับทันใด เอ... ? มันช่างน่าประหลาดเสียจริง ก็แล้ว... ก็แล้วยัยผีบ้านี่ดันเกิดกลัวอะไรขึ้นมากันล่ะหว่า ?
ในขณะที่ผมกำลังคิดและกำลังจะตัดสินใจว่าจะทุ่มกระถางนั้นไปที่เธอหรือไม่ทุ่มไปดี ก็พอดีมี กลิ่นหอมหรือกลิ่นเหม็นเขียวเหมือนกับที่ผมได้กลิ่นในตอนแรกโชยเข้ามาในจมูกของผมอีกครั้ง และในครั้งนี้ผมก็รูสึกว่ามันโชยมาจากต้นว่านในกระถางนี้นี่เอง แล้วผมก็มาคิดว่า ทำไมผมถึงไม่ได้สังเกตุมาก่อนหน้านี้นะว่า ต้นว่านต้นนี้ก็มีกลิ่นเหมือนกับตัวเธอนั่นเอง
"วางกระถางนั่นลงเร็วๆสิจ๊ะ แล้วมาคุยกันดีๆเถอะนะ หรือไม่น้องก็จะจากไปดีๆนะจ๊ะพี่จ๋า แต่ได้โปรดวางกระถางนั่นลงก่อนเถอะ..." เสียงของเธอย้ำมาอีกครั้งอย่างวิงวอน
"งั้นก็... หายตัวไปซะก่อนสิ " ผมตัดสินใจท้าทายเธอ "แล้วก็ไม่ต้องมาปรากฏตัวให้ฉันเห็นอีก ไม่งั้นฉันก็จะทุ่มกระถางและต้นไม้นี่ลงไปตรงนี้ให้มันแหลกลาญเละเทะลงไปทันทีเลยล่ะนะ !"
"อย่า...!!" เสียงห้ามของเธอดังลั่น ก่อนที่เธอที่จะค่อยๆสลายหายตัวไปอย่างรวดเร็ว จนผมก็มองไม่เห็นร่างของเธอที่เคยอยู่ณ.ที่ตรงนั้นอีก
เมฆาฟังเรื่องถึงตรงนี้แล้ว ก็ปรบมือขึ้นสองครั้งเบาๆ "สุดยอดเลย ที่คุณรอดมาได้อย่างปาฎิหารย์ นี่ก็คงเป็นเพราะว่าคุณไม่ใช่เป็นผู้ชายแท้ๆนี่เอง แล้วกระถางต้นว่านนั้น คุณก็คงตั้งมันทิ้งไว้ที่เดิมงั้นสินะ ?"
"โธ่เอ๊ย... จริงๆผมเป็นผู้ชายแท้ๆนั่นแหล่ะครับพี่ แต่แค่ผมไม่ชอบผู้หญิงเท่าผู้ชายเท่านั้นล่ะ แฮะๆ แต่ก็จะว่าผมรอดมาเพราะอย่างนั้นก็น่าจะใช่มั้งครับๆ ฮ่าๆๆ อ่า... แล้วก็ใช่ครับ ผมได้ตั้งกระถางไว้ตรงที่เดิม แล้วรีบเผ่นออกมาจากห้องของตัวเองตั้งแต่ตอนนั้นเลยล่ะครับ"
"ถ้านังผีว่านนั้นมันสะกดคุณได้ คุณก็คงได้เรียบร้อยโรงเรียนผีไปแล้ว นี่มันหมายความว่า อำนาจสะกดของมันนั้น ใช้ได้กับผู้ชายแท้ๆเท่านั้นเองสินะ..?!" แล้วเมฆาก็เคาะนิ้วลงบนโต๊ะข้างหน้าอย่างกระหยิ่มใจ พลางเริ่มขบคิดถึงวิธีที่จะจัดการกับผีสาวในต้นว่านนี้ให้ได้อย่างเด็ดขาด
"พี่หงา เอ๊ย... พี่เมฆาครับ พี่คิดว่าจะจัดการกับมันได้ไม๊ครับ ผมกลัวก็แต่ว่า ถึงเราจะทำลายต้นว่านนั้นไปได้ แต่ตัวที่เป็นผีของมันจริงๆ ก็ยังอาจไม่หายไปไหนน่ะสิครับ ?"
"เห๊อะ นังผีพันธุ์นี้น่ะ มันต้องเจอกับคนที่ชื่อเมฆาคนนี้เท่านั้นล่ะ !" เขาพูดด้วยดวงตาที่วาวโรจน์... "ตกลง ผมยินดีรับงานนี้ งั้น... ขอให้ผมได้กลับไปเตรียมของอะไรสักนิดหน่อยก่อนก็แล้วกัน แล้วจากนั้น คุณก็พาผมไปที่ห้องคอนโดของคุณได้เลยนะคุณณเดช...!"
นั่นเป็นการพูดคุยของคนทั้งสอง ก่อนที่ได้จะเดินทางมาถึงหน้าห้องพักในคอนโดของณเดชในขณะนี้
แต่ก่อนที่ณเดชจะไขประตูห้องเข้าไป เมฆาก็เอื้อมมือมาจับมือของเขาไว้ก่อน "ให้ผมไขเข้าไปเองเถอะนะ แล้วคุณก็ลงไปรอฟังข่าวของผมอยู่ที่ข้างล่างเลยจะดีกว่า เพราะผมมีแผนดีๆที่จะจัดการกับนังผีนั่นได้อย่างเด็ดขาดแล้วล่ะ..!"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ