เทพตกสวรรค์ ทัณฑ์นิรันดร์กาล

9.3

เขียนโดย 秋冬夢春

วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.05 น.

  14 ตอน
  2 วิจารณ์
  20.11K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2565 18.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) กลับหมู่บ้าน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
          โบราณว่าไว้ ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปไวเสมอ เป็นเวลา 1 เดือนนับตั้งแต่วันที่ทางหมู่บ้านจิ้งจอกแจ้งสารให้นางกลับไปยังหมู่บ้านจิ้งจอก และในวันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนที่นางจะกลับไปยังหมู่บ้านจิ้งจอก นางรู้สึกขี้เกียจนักที่ต้องกลับไปที่หมู่บ้าน เพราะมันเป็นการเดินทางที่น่าเบื่อ อีกอย่างนางเองเริ่มที่จะชินกับการใช้ชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์เสียแล้ว
          ในขณะที่นางนั่งทำงานอยู่ด้านในห้องของตนเองอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น นางจึงเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะเอ่ยถาม
          “นั่นใคร?”
          “ผมเองครับ!” เสียงนากาโนะดังขึ้นหลังประตู
          “งั้น! เข้ามาได้” นางพูดอนุญาต ก่อนจะละสายตาออกจากเอกสารตรงหน้า
          “เจ้ามีธุระอันใดหรือ?” นางเอ่ยถาม
          “ท่านรุ่นที่สองให้ผมนำชุดของนายหญิงมาให้ครับ” นากาโนะกล่าวพร้อมยื่นชุดให้คิสึเนะ
          “โอ๊ะ! ฝากขอบคุณเขาด้วย” นางกล่าวฝากขอบคุณไปถึงชายหนุ่ม เพราะนับตั้งแต่ที่นางจะต้องกลับหมู่บ้าน นาการะก็เอาแต่หลบหน้าหญิงสาวอยู่ตลอด ไม่ค่อยมาคุยเล่นกับนางเหมือนแต่ก่อน นางจึงรู้สึกเหงา ในเมื่อพยายามจะหลบหน้านาง นางคงจะต้องตามหาชายหนุ่มเองเสียแล้ว คิดได้เสียนางจึงเอ่ยปากถามออกไป
          “ไม่ต้องแล่ว! นากาโนะ ตอนนี้นาการะอยู่ที่ใด?” คิสึเนะเอ่ยถาม
          ”ท่านรุ่นที่สองหรือครับ? ท่านอาจจะอยู่ที่ห้องสมุดของคฤหาสน์หรือเปล่าครับ กระผมเองก็ไม่แน่ใจ” นากาโนะกล่าว “ว่าแต่นายหญิงมีธุระอันใดหรือครับ?”
          ”ข้าเพียงแค่จะไปตามหาเขาเพียงเท่านั้น~ ขอบใจเจ้ามาก” คิสึเนะกล่าวอมยิ้ม พลางเดินออกไปข้างนอกห้องมุ่งหน้าสู่ห้องสมุดของคฤหาสน์
          การเดินไปห้องสมุดนั้นจะต้องตัดผ่านสวนกลางคฤหาสน์ ที่บัดนี้คนสวนกำลังตัดแต่งพรรณไม้นานาชนิดเพื่อความสวยงามเพื่อต้อนรับฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึง คิสึเนะชมความงดงามของมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะฮัมเพลงเบาๆ ซึ่งเป็นเพลงของหมู่บ้านของนาง ทำนองนั้นช่างไพเราะและเสนาะหู ก่อนที่จะเดินไปยังจุดหมายของนาง
          เมื่อมาถึงห้องสมุด นางจึงผลักประตูเข้าไปด้านใน หลังบานประตูนั้นมีชั้นหนังสือวางเรียงรายเต็มไปหมด รวมไปถึงหล่ากองหนังสือที่ถูกวางไว้อย่างระเกะระกะที่โต๊ะกลางห้อง หากแต่ไร้ซึ่งวี่แววของชายหนุ่มที่นางกำลังตามหาตัว คิสึเนะจึงปิดประตูและเดินไล่ตามชั้นหนังสือทีละช่อง หากแต่ก็ยังไม่พบเช่นเดิม
          “ฮืมม~ เจ้าไปอยู่ไหนกันนะ?” นางพึมพำเมื่อหานาการะไม่พบ
          “ฟึ่บ! ว้าย!” นางถูกอะไรบางอย่างกระชากไปอยู่ในช่องทางเดินระหว่างชั้นหนังสือจนร้องอุทานออกมา
          เป็นนาการะนั่นเองที่ดึงนางมา เขาใช้เวทย์พรางกายซ่อนจากสายตาคู่นั้น ก่อนจะปรากฏตัวในตอนนี้ และเมื่อพบคนที่ตามหาแล้ว คิสึนะจึงกล่าวออกมา
          “จะ…เจ้าทำอะไรเนี่ย?” นางเอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่านาการะทำท่ากำลังคาเบะด้งใส่นาง
          สายตาสีฟ้าครามที่จ้องนั้นมันทำให้นางประหม่า แล้วไหนจะสถานการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนนี่อีก มันทำให้หญิงสาวนึกถึงวันนั้นที่ตนเองถูกชิงจุมพิตแรกไป ไหนจะห้องนี้ที่อยู่กันสองต่อสองอีก โดยไม่ทันคาดคิดใบหน้าของนางก็แดงก่ำอย่างควบคุมไม่ได้
          “เจ้ากำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่ใช่หรือไม่?” นาการะถามเมื่อเห็นคิสึเนะใบหน้าแดงก่ำ
          “มะ……ไม่ใช่นะ ขะ…ข้า…………อะ…อือ…” นางกำลังจะปฏิเสธ หากแต่โดนชายตรงหน้าทำให้เงียบด้วยการจุมพิต “อือ……อื้ออออออ…!!!!!!” เมื่อริมฝีปากทั้งสองประกบกัน ความคิดของนางก็พลันเตลิดสุดชีวิต ในหัวของนางขาวโพลน ขนหูลุกชูชันด้วยความตื่นตกใจ
          คิสึเนะรู้สึกเหมือนเวลานั้นนานนับชั่วโมง เมื่อใดก็ไม่รู้ที่มือคู่งามจากพยายามผลักไสแปรเปลี่ยนเป็นโอบกอดชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความเต็มใจ ผ่านไปสักพัก นาการะจึงค่อยๆ ถอนจุมพิตของตัวเองออก คิสึเนะจึงหอบหายใจเพื่อเอาอากาศเข้าปอดเป็นการใหญ่ ริมฝีปากที่บวมเจ่อ ดวงตาที่ปรากฏหยาดน้ำสีใส ใบหน้าที่มีสีแดงก่ำราวกับมะเขือเทศสุกนั้นดูน่ารักน่าชังในสายตาของนาการะ มันมากเสียจนชายหนุ่มอยากจะกอดนางเอาไว้ให้แน่นที่สุดไม่ให้หลุดมือ
          “จะ……เจ้าขโมยจุมพิตของข้าไปสองครั้ง” คิสึเนะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น
          “เป็นเจ้ามิใช่หรือที่ออกตามหาข้า?” นาการะเบี่ยงประเด็น
          “ขะ…ข้าก็แค่……เห็นเจ้าชอบหลบหน้าข้า” หญิงสาวเอ่ยด้วยใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาคลอเต็มไปด้วยน้ำตา “ทำไมเจ้าชอบหลบหน้าข้า ฮึก! ข้าแค่อยากจะอยู่กับเจ้า ฮือออ” จู่ๆ นางร้องไห้ออกมาด้วยเหตุผลน้อยใจที่ชายหนุ่มพยายามหลบหน้านาง ทั้งๆ ที่นางอยากจะอยู่กับชายหนุ่มให้มากที่สุดก่อนจะกลับหมู่บ้านแท้ๆ
          “ข้า……ขอโทษ” นาการะเอ่ยพร้อมยื่นมือเพื่อปาดน้ำตาให้นาง
          “ฮือออออ” นางสวมกอดเขาราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง
          นาการะทำได้เพียงแค่ลูบหัวพร้อมกล่าวคำว่า “ข้าขอโทษ” อยู่ร่ำไป
          “ข้าหลบหน้าเจ้า…เพราะข้าไม่อาจสู้หน้าเจ้าได้” นาการะเอ่ย ด้วยความรู้สึกผิด เพราะเพียงแค่เขาคิดว่านางจะไม่ได้อยู่ด้วยอีกต่อไม่ มันก็ทำให้ดวงใจเขาแทบแตกสลาย ในตอนนี้เขาสวมกอดนางเอาไว้ให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
          “ขะ……ข้า ฮึก…ข้าอยากจะอยู่กับเจ้าให้นานกว่านี้…” คิสึเนะกล่าวเสียงอู้อี้ในอ้อมกอดของนาการะ
          “ข้าขอโทษ ขอโทษจริงๆ” นาการะพูด ก่อนจะลูบหัวนางเพื่อปลอบโยน
          ในมุมหนึ่งของห้องสมุดของคฤหาสน์ มีหญิงสาวกำลังยืนร้องไห้กับชายหนุ่ม นางร้องไห้อยู่นานพอสมควรในอ้อมกอดนั้น หากแต่ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของอ้อมกอด หาได้ปริปากบ่นเหนื่อยแต่ประการใดไม่ คงยืนเป็นที่พึ่งพิงให้แก่นาง คิสึเนะพรรณาถึงความน้อยใจในช่วงเดือนที่ผ่านมาในช่วงที่นาการะหลบหน้านาง
          “เจ้าจะหยุดร้องได้หรือยัง ขี้แงเป็นเด็กเลยนะ” นาการะเย้านางเพื่อให้นางอารมณ์ดีขึ้น
          “ฮึก! อย่ามาล้อเลียนข้านะ” คิสึเนะทุบหน้าอกเขาเบาๆ “คนบ้า! บ้า บ้า บ้า บ้าที่สุด”
          “ยิ้มเข้าไว้สิ ถึงจะสมเป็นเจ้า” นาการะพูด “ร้องไห้ขี้มูกโป่งแบบนี้ ไม่สมกับเป็นเจ้าเลย”
          “อย่าหลบหน้าข้าได้ไหม เวลาก่อนข้ากลับหมู่บ้านเหลืออีกไม่มากแล้ว” คิสึเนะเอ่ย
          “งั้นจะให้ข้าทำอะไรเพื่อชดเชยเวลานั้นดีล่ะ” นาการะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่านางอารมณ์ดีขึ้นบ้างแล้ว
          “อยู่กับข้า คืนนี้ ได้ไหม?” คิสึเนะกล่าวเสียงออดอ้อน นางเลิกสะอื้นไห้และกล่าวสิ่งที่นางอยากได้ตลอด 1 เดือนที่ชายหนุ่มหลบหน้า
          “…………” นาการะทำท่าครุ่นคิดสักพักก่อนจะเอ่ยคำว่า “ย่อมได้สิ” มันเป็นคำพูดที่ชวนคิดสองแง่สองง่าม หากแต่ชายหนุ่มจะไม่ปฏิเสธโอกาสสุดท้ายที่อาจจะได้อยู่กับนางในค่ำคืนนี้
          “อื้ม!” คิสึเนะพูด “ทีนี้ ปล่อยข้าได้หรือยัง?” นางเงยหน้ามองนาการะ
          “ขอโทษที……” นาการะผละออกจากตัวนาง ก่อนจะถอยไปยืนตรงหน้านาง
          “ข้าจะรอคืนนี้นะ……” คิสึเนะกล่าวยิ้มๆ แต่รอยใบหน้าที่มีคราบน้ำตายังคงไม่สลัดร่องรอยความเจ็บปวดที่แฝงไว้ภายในนั้น ซึ่งมันยิ่งทำให้นาการะรู้สึกเจ็บปวดที่ทำให้นางรู้สึกเป็นเช่นนั้น
          ก่อนที่คิสึเนะจะเดินออกจากตรงจุดนั้น เพื่อเดินทางกลับห้องของตัวเอง
          “ปึ่ก!!!!” เมื่อคิสึเนะลับสายตาไปแล้ว นาการะชกชั้นวางหนังสือด้วยความเจ็บใจ ที่การตัดสินใจหลบหน้าของตนเองทำให้คิสึเนะต้องมีน้ำตา นางเป็นคนที่เขารักจนหมดหัวใจ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ชายหนุ่มจะรู้สึกเจ็บใจมากถึงขนาดนี้ “บ้าจริง!”
 
คืนนั้น
          “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น ดึงความสนใจจากคิสึเนะที่กำลังนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่บนเตียง
          “นั่นใคร?” หญิงสาวถามขึ้น
          “ข้าเอง” เสียงนาการะตอบกลับมา นางจึงลุกเปิดประตูให้ชายหนุ่มเข้ามาในห้องของตน
เมื่อประตูเปิดนางจึงได้เห็นนาการะในชุดที่ดูสบายตา ยืนประจันหน้านางอยู่หลังบานประตู นางสัมผัสได้ว่าภายใต้ใบหน้าเรียบนั้นมีความประหม่าซุกซ่อนอยู่เล็กน้อย
          “เข้ามาสิ” นางเอ่ยชวนให้ชายหนุ่มเข้ามาข้างใน
          “อืม……” นาการะเอ่ยรับคำเบาๆ “คืนนี้ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้ายันเช้า”
          “ย่อมเป็นการดี เพราะนั่นคือบทลงโทษของเจ้าที่หลบหน้าข้าหนึ่งเดือน” คิสึเนะพยักหน้า
          “นั่งก่อนสิ ข้าจะไปเตรียมชามาให้”
          คิสึเนะเริ่มการชงชาอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง นาการะเห็นดังนั้นจึงเดินอ้อมไปด้านหลังของนางเพื่อสวมกอดนางอย่างแผ่วเบา
          “นะ…นี่ เจ้าจะทำอะไรน่ะ? …” คิสึเนะอุทานออกมา เมื่อมือทั้งสองของนาการะสัมผัสร่างกายของตน
          “ข้าแค่อยากจะขอโทษเจ้าอีกครั้ง ที่ข้า……” นาการะเอ่ยพลางเอาศรีษะเกยไหล่ของนาง
          “โถ่ นี่เจ้ายังคิดกังวลเรื่องนั้นอยู่หรอกหรือ ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่าไม่เป็นไร ข้ายกโทษให้เจ้า แต่แลกกับการที่เจ้าต้องอยู่กับข้าคืนนี้ทั้งคืน” คิสึเนะกล่าวพลางลูบศรีษะของชายหนุ่ม ที่บัดนี้ทำตัวดุจเด็กที่กำลังออดอ้อนนาง
          “อืม……” นาการะเอ่ยคำอย่างแผ่วเบา
          “เอาล่ะ! ทีนี้ทำตัวเป็นเด็กดี ไปนั่งรอข้าที่โต๊ะนะ” นางกล่าวอมยิ้ม ก่อนที่นาการะจะเดินกลับไปที่โต๊ะอย่างว่าง่าย
          “มาแล้ว นี่น้ำชากับของว่างยามดึก” ผ่านไปสักพัก คิสึเนะจึงยกน้ำชากับขนมคุกกี้มาเสิร์ฟให้นาการะ
          “ขอบคุณ” นาการะรับไว้ด้วยความยินดี ก่อนจะยกชาขึ้นมาจิบ หากแต่ทว่าในครั้งนี้รสชาติของชาในครั้งนี้กลับถูกปากเขามากกว่าเมื่อเดือนก่อนมากนัก จนเขาแอบประหลาดใจ
          “ชานี้ รสชาติยอดเยี่ยมนัก เจ้าชงเองหรือ?” นาการะเอ่ยถามหญิงสาวที่กำลังนั่งเคี้ยวคุกกี้ช็อกโกแลตตรงหน้า
          “อื้ม! ข้าชงมันเองกับมือเชียวล่ะ” คิสึเนะยกยิ้มอย่างดีใจ
          “นี่…ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อยได้หรือไม่?” นาการะเอ่ยปากถาม
          “อื้อ ว่ามาสิ” คึสึเนะพูด “มีเรื่องอันใดจะถามข้ากัน” นางนั่งเท้าคางจ้องหน้านาการะด้วยความอยากรู้อยากเห็น
          “เจ้า…ไม่กลับไปที่หมู่บ้านได้หรือไม่?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม
          “คงไม่ได้หรอก เพราะนี่เป็นคำสั่งโดยตรงจากเทพีอินาริโดยตรงเลยล่ะนะ” นางปฏิเสธ “หากข้าไม่กลับไป ฐานะข้าคงไม่พ้นเช่นเดียวกับอินุกิเป็นแน่” เพราะถ้าหากนางไม่กลับไป โทษทัณฑ์คือถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านและให้ไปอยู่ในแดนสนธยานานตลอดช่วงชีวิต
          “แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าไป…” นาการะเอ่ยความในใจ “ข้ายังไม่อยากให้เจ้าจากไปตอนนี้”
          “ข้าเข้าใจถึงจุดประสงค์ของเจ้า หากแต่ข้าก็จำเป็นต้องกลับไปจริงๆ” นางยิ้มก่อนจะยื่นมือมาลูบหัวนาการะด้วยความเอ็นดู “ข้าไม่เป็นไรหรอกนะ” แม้ชายหนุ่มจะไม่อยากให้จากไป แต่นางก็จำเป็นต้องไปด้วยเป็นกฏของหมู่บ้าน
          “อือ……” นาการะรับคำอย่างเลี่ยงไม่ได้
          “ช่างเถอะเรื่องนั้น แต่ตอนนี้ข้ายังอยู่กับเจ้า ไม่ได้จากไปไหน” นางลูบไล้ใบหน้าของชายหนุ่ม นาการะทำได้เพียงกุมมือของนางเอาไว้เพียงเท่านั้น
          “ข้าขอเพียงคืนนี้ได้หรือไม่? คืนนี้เพียงคืนเดียว ที่ข้าจะออดอ้อนเจ้า” นาการะกล่าวขอในสิ่งที่ตนอยากได้มากที่สุดจากนาง
          “ย่อมได้สิ ในคืนนี้ ข้า ซาซานาเอะ เรียวกะ คิสึเนะ จะเป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว” คิสึเนะลุกขึ้นพร้อมกับอ้าแขนกว้าง ประหนึ่งบอกนาการะว่าเข้ามาเลยสิ ข้าจะกอดเจ้าให้แน่นที่สุด
          “ฟึ่บ!!” ไวเท่าความคิดนาการะโผเข้าไปกอดนางจนนางเซถลาลงไปนอนลงบนเตียง จนนางต้องเอ่ยดุขึ้น “เดี๋ยวเถอะ จู่ๆ พุ่งเข้ามาข้าเองก็ตกใจนะ”
          แต่เมื่อเห็นนาการะที่ซุกหน้าลงบนหน้าอกของตนแล้ว หัวใจนางก็พลันอ่อนยวบลงในทันที “เจ้านี่น้า บทจะเคร่งขรึมก็ทำซะน่ากลัว แต่พอบทจะออดอ้อนข้ากลับเหมือนเด็กน้อยเสียอย่างนั้น” นางกล่าวพลางลูบหัวชายหนุ่ม
          นาการะสูดเอากลิ่นไอและความอบอุ่นจากตัวนางเข้าไปเต็มปอด ความรู้สึกของชายหนุ่มในตอนนี้ไร้ซึ่งสิ่งใดรบกวน มีเพียงความเงียบสงบ สัมผัสอันนุ่มนิ่มจากมือคู่งามของนางที่คอยลูบหัวตน ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เขาอยากจะหยุดเวลาอยู่ตรงนี้ไปตลอดกาล
          “เจ้าเด็กขี้อ้อนเอ๊ย~” คิสึเนะขยี้ผมชายหนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว
          “นี่~ นาการะลุกขึ้นหน่อยได้ไหม เจ้าจะได้หนุนตักข้าสะดวก” นางกล่าว เพราะการนอนในท่านี้มันทำให้นางปวดคอสุดๆ
          “อือ~” ชายหนุ่มจำต้องลุกขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
          คิสึเนะปรับเปลี่ยนท่าทางเพียงเพียงชั่วครู่ ก่อนจะตบมือลงบนตักของตนเองเป็นเชิงว่า มานี่สิ ตักของข้ายังว่างอยู่นะ นาการะจึงใช้ตักของนางหนุนนอนแทนหมอน
          “คืนนี้ข้าอนุญาตให้เจ้าใช้ตักของข้าสำหรับหนุนนอนเลยนะ~” คิสึเนะกล่าว “เช่นนั้นปล่อยตัวตามสบาย~ เจ้าไม่จำเป็นต้องระวังตัวจากข้าหรอกนะ”
          ในระหว่างที่นอนหนุนตักอยู่นั้น ชายหนุ่มพลันรู้สึกว่าร่างกายกำลังร่วงลงสู่ปุยเมฆที่นุ่มนิ่ม เมื่อลืมตาก็พบว่าหางทั้งเก้าของนางนั้นกำลังห่อหุ้มตัวเองอยู่ มันให้ความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จนอยากจะเคลิบเคลิ้มลงสู่ห้วงนิทรา
          “หลับเสียเถิด~ ข้าจะอยู่กับเจ้าตรงนี้ ในคืนนี้ข้าจะไม่คิดหนีไปไหน~” น้ำเสียงนุ่มลึกของคิสึเนะ กล่าวอย่างสบายๆ สิ้นเสียงคำพูดนั้น ประสาทการรับรู้ภายนอกของนาการะก็พลันดับลง และดิ่งลงสู่ห้วงนิทราที่มืดสนิท ชายหนุ่มจะลดการระวังตัวลงเมื่ออยู่กับนาง เพราะเป็นเช่นนั้นจึงสามารถหลับได้อย่างง่ายดาย
          เมื่อเห็นว่านาการะหลับแล้วนั้น นางจึงค่อยๆ ใช้เวทย์ยกตัวชายหนุ่มนอนลงบนหมอน ก่อนจะจัดแจงห่มผ้าให้ และเตรียมตัวเข้านอนเช่นกัน ไม่นานนักนางจึงปิดไฟเข้านอนตามนาการะไป……
 
รุ่งเช้า
          วันนี้เป็นวันที่คิสึเนะจะต้องกลับหมู่บ้าน นางจึงตื่นแต่เช้าเพื่อจัดแจงแต่งตัวเตรียมกลับไปยังหมู่บ้าน ในขณะที่นาการะนั้นตื่นก่อนนางแล้วนับชั่วโมงด้วยความเคยชิน
          “วันนี้แล้วสินะ…ที่เจ้าจะต้องกลับหมู่บ้าน” นาการะเอ่ยกับนาง ในขณะที่นางกำลังแต่งตัวอยู่หลังบานประตู
          “นั่นสิน้า เวลามันผ่านไปไวจัง……นับตั้งแต่ข้าพบเจ้าเมื่อ 3-4 เดือนก่อน” คิสึเนะกล่าวตอบกลับ ใครจะคิดว่าบุรุษที่ชี้ดาบคาตานะใส่นางในวันนั้น จะกลายมาเป็นคนที่นางพึงใจอย่างสุดหัวใจในวันนี้
          “ไปกันเถอะ ประเดี๋ยวเจ้าจะไปถึงหมู่บ้านช้า” นาการะเอ่ย ไม่นานนักคิสึเนะที่แต่งตัวเฉกเช่นวันแรกที่พบหน้ากันก็เดินออกมาจากประตู
          “ไปสิ” นางกล่าวสั้นๆ
          ทุกย่างก้าวบนโถงทางเดินคือเวลาที่นาการะอยากจะเก็บเอาไว้ให้ได้นานที่สุด เพราะมันอาจจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่เขาและหญิงสาวได้อยู่ร่วมกันบนโลกมนุษย์ เมื่อมาถึงโถงหลักของคฤหาสน์ทั้งสองก็พบว่าเหล่าองเมียวทั้งหลายก็มาคอยส่งนายหญิงของตนด้วยเช่นกัน
          “พวกเจ้า………ขอบใจนะ” คิสึเนะที่เห็นเหล่าองเมียวมารอคอยส่งนางก็ทำให้นางน้ำตาตื้นขึ้นมาทันที
          “ขอให้นายหญิงเดินทางโดยปลอดภัยครับ” นากาโนะพูดแทนเหล่าองเมียวทั้งหลาย
          “ขอบใจนะนากาโนะ ที่อุตส่าห์สละเวลามาให้ข้า” นางสวมกอดเด็กหนุ่มราวกับมารดาสวมกอดบุตร จนทำให้นากาโนะหน้าขึ้นสีชมพูฝาด
          “ไม่เป็นการรบกวนหรอกครับ นายหญิง” นากาโนะกล่าวยิ้มแย้ม
          “ไปเถิด ประเดี๋ยวเจ้าจะสาย” นาการะกล่าวขัดจังหวะ
          “อื้ม!” นางรับคำก่อนจะเดินเข้าใกล้ชายหนุ่มแล้วจึงกระซิบเบาๆ
          “ถ้าหากข้าไม่อยู่แล้ว ดูแลตัวเองด้วยนะ” นางกล่าวอย่างเป็นห่วงชายหนุ่ม
          “ไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอก เจ้าเองก็ดูแลตัวเองด้วยนะ” นาการะกล่าว
          ไม่นานนักประตูมิติที่ใช้เดินทางไปยังหมู่บ้านจิ้งจอกในที่ราบแดนสวรรค์ ก็ถูกเปิดขึ้นด้วยฝีมือของนาการะเพราะผู้ใดที่จะเดินทางข้ามผ่านเส้นแดนจากโลกมนุษย์ไปยังที่ราบแดนสวรรค์จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากชายหนุ่มก่อนเสมอ
          “เช่นนั้นข้าไปแล้วนะ~” คิสึเนะกล่าวพร้อมโบกมือลานาการะและเหล่าองเมียวทุกคนในคฤหาสน์ ถึงจะเป็นแค่ชั่วคราวที่นางได้รับบทเป็นนายหญิงของคฤหาสน์แห่งนี้ แต่นางก็ได้ประสบการณ์อะไรหลายอย่างจากที่นี่เลยทีเดียว
          “ลาก่อนครับนายหญิง” นากาโนะกล่าวอำลา
          คิสึเนะเดินหายลับเข้าไปในประตูสีทองสว่างที่มีจุดมุ่งหมายปลายทางคือที่ราบแดนสวรรค์ เมื่อคิสึเนะหายเข้าไปสักพักแล้วนาการะกลับยังไม่ปิดประตูลง นากาโนะจึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “ท่านรุ่นที่สองครับ เหตุใดท่านจึงไม่ปิดประตูลงครับ?”
          “นี่…เจ้าหนู…ข้าฝากเจ้าดูโลกฝั่งนี้แทนข้าชั่วคราวได้ไหม?” นาการะเอ่ยขึ้น
          “แล้วท่านจะไปยังที่แห่งใดหรือครับ?” นากาโนะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นาการะขอให้เด็กหนุ่มช่วยดูแลโลกฝั่งนี้เป็นครั้งแรก
          “ข้าน่ะหรือ………” นาการะเว้นยาว ก่อนจะทอดสายตามองไปยังประตูสีทองอร่ามที่เปิดอยู่ “ก็คงจะไปตามนายหญิงของข้ากลับมาล่ะมั้ง” ชายหนุ่มยิ้มเป็นครั้งแรกในรอบหลายพันปี
          แม้จะแปลกใจในทีแรก หากแต่เมื่อเห็นรอยยิ้มกับแววตาของนาการะแล้ว มันทำให้นากาโนะเข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการจะสื่อ ก่อนจะยิ้มรับคำ “รับทราบครับ เรื่องทางฝั่งนี้ กระผมจะดูแลให้”
          “ฝากด้วยนะ นากาโนะ” นาการะกล่าว ก่อนที่จะเดินหายลับเข้าไปในประตูมิติสีทองอร่ามนั้น
          เมื่อชายหนุ่มหายเข้าไปแล้ว ประตูสีทองก็ปิดลง และเป็นนากาโนะที่ตบมือเรียกสติองเมียวจิทุกคนในที่นั้น
          “เอาล่ะครับทุกคน จากนี้ พวกเรา มีงานต้องทำกันอีกเยอะครับ” นากาโนะกล่าวพร้อมอมยิ้ม

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้?

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา