เทพตกสวรรค์ ทัณฑ์นิรันดร์กาล
9.3
เขียนโดย 秋冬夢春
วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.05 น.
14 ตอน
2 วิจารณ์
20.07K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2565 18.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) นายหญิง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ วันเวลาผันผ่านไปนับสัปดาห์ ร่างกายของนาการะก็ฟื้นฟูดีขึ้นตามลำดับ จนเข้าสู่ช่วงสัปดาห์ที่ 4 ร่างกายของชายหนุ่มก็กลับมาเป็นดั่งเดิม และในวันนี้ก็เป็นวันที่ทั้งสองจะต้องเดินทางกลับตระกูลอุเอย์คัตสึ หลังจากพักรักษาตัวที่ตระกูลทาวะระอยู่เสียนาน
“ข้าฝากเจ้าดูแลพื้นที่แถบนี้ด้วยนะ อาโอยามะ” นาการะกล่าว เพราะหลังจากที่ตระกูลจิไรเสะล่มสลายลง ตระกูลทาวะระก็รับหน้าที่คอยดูแลพื้นที่มิติโทงาระกว้างขึ้นเป็นเท่าตัว
“ขอรับ” อาโอยามะโค้งคำนับชายหนุ่มเป็นครั้งสุดท้าย
“ดูแลตัวเองดีๆนะเจ้าคะ ท่านคิสึเนะ” มิยาเอะกล่าวกับคิสึเนะ
“เจ้าเองก็ด้วยนะมิยาเอะ แล้วก็ดูแลเจ้าตัวน้อยให้ดีด้วยล่ะ” หญิงสาวกล่าวอมยิ้ม พลางชี้ไปที่หน้าท้องของนายหญิงตระกูลทาวะระ
“เอ๊ะ? เจ้าตัวน้อย?” มิยาเอะตกใจเมื่อนางทักแบบนั้น “ระ……หรือว่า?” นางตัวสั่น มือเผลอกุมหน้าท้องโดยไม่ทันตั้งใจ น้ำตาแห่งความปิติยินดีพลันหลั่งไหลออกมาจากเบ้าตา
“เป็นความจริงหรือขอรับ” อาโอยามะเองก็แทบจะคงตัวไม่อยู่ ด้วยความตื่นเต้น
“ข้าย่อมดูไม่ผิดหรอกนะ” คิสึเนะกล่าวด้วยความมั่นใจ “แล้วก็เจ้า อาโอยามะ ข้าฝากเจ้าดูแลมิยาเอะให้ดีด้วยนะ” คิสึเนะกล่าวกำชับกับชายหนุ่มผู้ที่จะกลายเป็นพ่อคนในอนาคต
“ขอรับ!!”
บรรยากาศช่างมีแต่ความน่ายินดีปรีดา เหล่าองเมียงจิโดยรอบก็พลอยยินดีไปกับผู้เป็นนายด้วยเช่นกัน
“……” ส่วนนาการะทำเพียงยืนดูทั้งสามพูดคุยกันโดยที่ไม่ได้แสดงอาการหรือท่าทางแต่ประการใด
“เช่นนั้น เดินทางโดยสวัสดิภาพนะขอรับ” อาโอยามะกล่าว ก่อนที่ทั้งสองจะก้าวขาขึ้นรถมุ่งหน้าสู่สนามบินนางาซากิ เพื่อกลับไปยังโตเกียวก่อนจะต่อรถไฟกลับไปยังเกียวโตอันเป็นที่ตั้งของตระกูลอุเอย์คัตสึ
บนรถ
“ข้าเห็นเจ้าสัมผัสหน้าท้องหลายทีแล้ว มีเหตุอันใดงั้นหรือ?” นาการะถามไถ่คิสึเนะขึ้น
“เปล่า ไม่มีอะไร!” นางรีบปฏิเสธ “ข้าก็แค่คิดว่าวันนึง…ข้าก็คงจะต้องเป็นแม่คนเช่นเดียวกับมิยาเอะ ใช่หรือไม่?”
“……” นาการะเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา “ก็อาจใช่” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับหันมามองหน้าคิสึเนะ
“งั้นหรือ?” คิสึเนะกล่าว พลางจ้องใบหน้าของนาการะ
“มีเหตุอันใดอีก?”นาการะถามเมื่อเห็นว่านางกำลังจ้องตนเองอยู่
“ข้ากำลังคิดว่า…ถ้าหากพวกเรามีเจ้าตัวน้อย เจ้าตัวน้อยจะหน้าเหมือนข้า หรือว่าเจ้ากันแน่?” หญิงสาวกล่าวพลางจินตนาการถึงหน้าของเจ้าตัวน้อย
“ก็หากเป็นบุรุษแน่นอนว่าย่อมต้องเหมือนข้า หากเป็นสตรีย่อมต้องเหมือนเจ้าผู้เป็นมารดา” ชายหนุ่มตอบพลางกุมมือสตรีตรงหน้า
“หากเป็นเช่นนั้นก็คงจะดี” คิสึเนะกล่าว
ทั้งสองคุยกันต่ออีกเล็กน้อย ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้นขบวนรถจะจอดที่สนามบิน เพื่อส่งทั้งคู่ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของตระกูลอุเอย์คัตสึ มุ่งหน้าสู่โตเกียว ก่อนจะต่อรถไฟกลับไปยังเกียวโต
.
หลังการเดินทางอันยาวนาน(ในความคิดของคิสึเนะ) ทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงตระกูลอุเอย์คัตสึ หรือ ตระกูลแห่งดวงดารา รถยนต์สีดำทมึนแล่นเข้าจอดเทียบท่าที่ชานบันไดของคฤหาสน์ของตระกูล ไม่นานนักนาการะจึงลงจากรถตามมาด้วยคิสึเนะ ก่อนที่ผู้นำตระกูลอุเอย์คัตสึคนปัจจุบัน หรือ อุเอย์คัตสึ นากาโนะ จะออกมาต้อนรับการกลับมาของนาการะด้วยตนเอง
“การเดินทางเป็นเช่นไรบ้างครับ ท่านรุ่นที่สอง?” นากาโนะกล่าวทักทาย
“ก็ดี…ถ้าไม่ติดว่านางอยู่ไม่นิ่งไปหน่อย” นาการะกล่าว ย้อนกลับไปเมื่อสองชั่วโมงก่อน คิสึเนะแทบจะวิ่งไปมาทั้งขบวนรถไฟด้วยความตื่นเต้น
“นาง?” นากาโนะเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ
“อ้อ! ข้าลืมไป” นาการะเหมือนนึกบางสิ่งขึ้นได้ “ข้าขอแนะนำให้เจ้ารู้จักนาง ซาซานาเอะ เรียวกะ คิสึเนะ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป นางจะกลายมาเป็นนายหญิงของตระกูลของเรา” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ชี้ไปยังจิ้งจอกสาวที่กำลังสนใจในคุ้กกี้ที่นำมาเสิร์ฟให้
“อุเอย์คัตสึ นากาโนะ ทำความเคารพนายหญิงครับ” นากาโนะค้อมตัวด้วยความเคารพให้กับคิสึเนะ
“ขอบใจจ๊ะ…แล้วนี่…นายหญิงของเจ้าไปไหนเสียล่ะนี่?” นางเอ่ยทักทาย พลางมองหานายหญิง
“กระผมยังคงศึกษาอยู่ในสถานศึกษา เกรงว่าตอนนี้จะยังไม่มีนายหญิงครับ” เด็กหนุ่มกล่าวพลางหัวเราะแห้งๆ เพราะตนพึ่งจะอยู่ระดับมัธยมปลาย และ ยังไม่มีคนที่คู่ควรจะขึ้นมาเป็นนายหญิง
“พวกท่านทั้งสองคงเดินทางมาเหนื่อย เชิญด้านในเถิดครับ กระผมสั่งคนให้เตรียมอาหารไว้คอยท่าแล้วขอรับ” นากาโนะเชิญทั้งสองขึ้นไปยังคฤหาสน์
“เชิญเจ้านำไปเถิด” นาการะกล่าว
“ข้าก็หิวแล้ว!” คิสึเนะพูดขึ้น
ก่อนที่ทั้งสามจะเดินขึ้นไปบนคฤหาสน์เพื่อทานอาหารร่วมกันในห้องรับประทานอาหารของคฤหาสน์ มื้ออาหารเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เพราะคิสึเนะและนากาโนะพูดคุยกันถูกคอ นางเล่าถึงการผจญภัยของนางในแดนต่างๆตลอด 5000 ปี ให้นากาโนะฟัง ซึ่งเด็กหนุ่มก็รับฟังด้วยความตื่นเต้น ส่วนนาการะนั้นนั่งเงียบตลอดการรับประทานอาหารปล่อยให้ทั้งสองคนคุยกันสนุกสนานตามประสา
“กระผมจะให้คนเตรียมห้องสำหรับนายหญิงนะครับ” นากาโนะกล่าวหลังรับประทานอาหารเสร็จ ก่อนจะหันไปสั่งพ่อบ้านประจำตระกูล “ช่วยเตรียมห้องพักสำหรับนายหญิงด้วยครับ”
“ขอรับ” พ่อบ้านรับคำ
ไม่นานเกินคอย พ่อบ้านก็แจ้งว่าห้องของคิสึเนะนั้นพร้อมแล้ว ทั้งสามจึงพากันขึ้นไปยังห้องๆนั้น
“ห้องนี้เคยเป็นห้องของแม่ของกระผม หวังว่านายหญิงคงจะชอบ” นากาโนะเปิดประตูเข้าไปในห้อง
มันเป็นห้องขนาดใหญ่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องอาบน้ำแบบออนเซ็น ห้องน้ำ ภายในทาสีขาวล้วนอีกทั้งเครื่องเฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับต่างยังเป็นสีขาวกลมกลืนไปกับตัวห้องแลดูสบายตา
“แล้วแม่ของเจ้าไปไหนเสียแล้วล่ะ?” คิสึเนะถามด้วยความสงสัย
“พวกท่านเสียไปตั้งแต่กระผมยังเด็กครับ” นากาโนะพูด นับตั้งแต่วันที่สูญเสียพ่อแม่ ทั้งชีวิตเขาก็มีเพียงเหล่าพ่อบ้านและองเมียวจิ จนกระทั่งวันที่นาการะตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล และคอยให้การดูแลเด็กหนุ่มนับแต่วันนั้น นากาโนะจึงยึดเอานาการะเป็นเหมือนพ่อคนที่สองของตน
“โอ๋ๆ เจ้าคงจะเหงามากเลยสินะ” คิสึเนะปลอบพลางลูบหัว มันทำให้นากาโนะรู้สึกว่านางสามารถพึ่งพาได้ “หากว่ามีอะไรให้ข้าช่วยก็บอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ” นางอมยิ้ม
“ครับ” เด็กหนุ่มกล่าวรับคำ
“เอาล่ะ แล้วเจ้าจะนอนไหนเล่า?” นางหันไปถามนาการะ
“ข้ามีห้องของข้า” นาการะตอบก่อนจะชี้ไปยังห้องที่ไม่ไกลกันนัก “ทำตัวตามสบาย ที่นี่ก็เหมือนบ้านของเจ้า” ชายหนุ่มกล่าว
“รับทราบ!” นางยวนนาการะด้วยท่าทางแปลกๆ จนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มของนาง
“โอ๊ยๆๆ!! อ่อยอ้าอะ(ปล่อยข้านะ)” นางพูดพร้อมกับชกหน้าอกของนาการะ
ส่วนนากาโนะมองดูภาพที่ทั้งสองหยอกล้อกันด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่บ่อยนักที่ท่านรุ่นที่สองจะแสดงท่าทีที่อ่อนโยนเช่นนี้
“ดูนายใหญ่ของเจ้าสิ รังแกข้า!” นางหันไปฟ้องนากาโนะ เด็กหนุ่มทำได้เพียงหัวเราะแหะๆอย่างช่วยไม่ได้ เพราะไม่รู้จะช่วยยังไงเหมือนกัน
หลังการพาชมห้องจบลง นากาโนะจึงกล่าวขอตัวจากทั้งสอง “เช่นนั้นกระผมขอตัวนะครับ” เพราะยังคงมีธุระที่ต้องไปทำต่อ อีกอย่างเด็กหนุ่มไม่อยากจะอยู่เป็นก้างขวางคอของทั้งสอง
“ข้าคงจะต้องขอตัวด้วยเช่นกัน” นาการะกล่าว เพื่อปล่อยให้นางทำความสะอาดห้อง
“ไว้เจอกัน” หลังประตูปิดลง คิสึเนะจึงเดินไปนั่งลงที่เตียงนอน อันจะเป็นที่นอนของนางในภายภาคหน้า พลางสำรวจสิ่งของไปเรื่อย ที่ส่วนมากเป็นของตกแต่งอันเก่าที่เคยมีอยู่ในห้อง
“……” นางขลุกอยู่กับการจัดห้องสักพัก ก่อนจะเรียกอายากะและเรนะสึออกมาช่วย เมื่อเห็นว่างานเริ่มเกินตัว
“อายากะ เจ้าจัดการมุมนี้นะ ส่วนเรนะสึเจ้าจัดการมุมนั้น” นางชี้นิ้วสั่งทั้งชิกินามิสองตน
“เจ้าค่ะ” ทั้งสองรับคำก่อนจะช่วยกันทำความสะอาดห้อง
ใช้เวลาพักใหญ่ๆ กว่าที่ทั้งสามจะทำความสะอาดและจัดห้องใหม่เสร็จ
“เหนื่อยจัง…ข้าอาบน้ำดีกว่า” คิสึเนะคิดในใจ ก่อนจะแหงนดูนาฬิกาพบว่าก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ไม่นานนักนางจึงเดินหายลับเข้าไปในห้องอาบน้ำ เมื่อนางปลดชุดที่สวมใส่ออก เผยให้เห็นถึงรูปทรงอันน่าหลงใหลภายใต้ชุดอันหนาเตอะนั้น หน้าอกที่ยกตัวเข้ารูป แผ่นหลังอันเรียวงามหาที่ใดเปรียบมิได้ คงเป็นการยากที่บุรุษจะปฏิเสธความเสน่หาหากได้นางไปครอบครอง
“สบายตัวจัง~” นางพึมพำเมื่อแช่ตัวลงในบ่อออนเซ็นที่เต็มไปด้วยน้ำแร่จากธรรมชาติ
แช่ได้ไม่นานนักนางจึงลุกจากบ่อแช่ตัว ด้วยรู้สึกเวียนหัว ก่อนจะแต่งตัวและทำการเป่าขนและผมตามลำดับ
“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นในขณะที่นางกำลังเป่าขนของนางอยู่
“นั่นใคร?” คิสึเนะถาม
“นายหญิงขอรับ นายท่านให้มาแจ้งว่าอาหารค่ำพร้อมแล้วขอรับ” เสียงจากหลังประตูดังขึ้น แจ้งถึงจุดประสงค์การมา
“ข้าทราบแล้ว แจ้งเขาว่าข้ากำลังจะลงไป” นางกล่าวตอบกลับไป
“ขอรับ” พ่อบ้านรับคำ
นางจึงรีบจัดแจงเป่าขนและเป่าเส้นผมของตนด้วยความเร่งรีบ เมื่อแล้วเสร็จจึงเดินลงไปยังห้องรับประทานอาหาร ที่นั่นนาการะและนากาโนะได้คอยท่าอยู่แล้ว
“เจ้าลงมาช้า…” นาการะกล่าว
“แต่ข้าก็มาแล้วนี่ไง…” นางกล่าวยิ้มๆ
สำรับอาหารถูกนำมาวางบนโต๊ะเมื่อทั้งสามคนพร้อมหน้ากันแล้ว บรรยากาศมื้ออาหารก็ยังคงเป็นเช่นเคย นาการะนั้นนั่งเงียบ ส่วนนากาโนะและคิสึเนะคุยกันอย่างสนุกสนาน หลังจากนั้นจึงพากันมานั่งต่อยังห้องนั่งเล่น เพื่อพูดคุยกันต่อ และเมื่อเห็นว่านาการะนั้นนั่งเงียบจนเกินไปนางจึงเริ่มชวนคุยบ้าง
“นี่ นาการะ เจ้าช่วยเล่าเรื่องของเจ้าให้ข้าฟังได้ไหม?” นางพูดพร้อมทำตาเปล่งประกาย
“เจ้าอยากรู้เรื่องใดกันเล่า?” นาการะหันมาถาม
“ทุกเรื่องเลย!” นางกล่าวอย่างตื่นเต้น “ทุกเรื่องตั้งแต่ครั้งมหาสงครามเลย”
“เอาเช่นนั้นหรือ?” นาการะเลิกคิ้วถาม พลางหันไปหานากาโนะ
ทั้งสองพยักหน้าพร้อมกันอย่างตื่นเต้น ราวกับเด็กน้อยที่กำลังรอฟังนิทานก่อนนอนจากพ่อแม่
“ย่อมได้…” นาการะกล่าว ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องของตัวเองบ้าง สู่ห้วงของความทรงจำอันไม่น่าพิศมัยเท่าใดนัก
ชายหนุ่มเล่านับตั้งแต่ครั้งโบราณกาลเมื่อครั้นเทพและมนุษย์ยังอยู่ร่วมกัน และวันที่เส้นแบ่งเขตแดนระหว่างโลกถูกทำลายลง ปลดปล่อยภูติพรายร้ายกาจจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาเข่นฆ่ามนุษย์และเหล่าทวยเทพราวกับผักปลา สภาพบนโลกมนุษย์ตอนนั้นราวกับนรกบนดิน ไปที่แห่งใดย่อมพบกับศพของมนุษย์และเทพกองพะเนินจนท่วมหัว
เมื่อสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติ สภาแห่งสรวงสวรรค์จึงได้เรียกประชุมเป็นการด่วน เพื่อรับมือกับภัยพิบัติในครั้งนี้ เหล่าองเมียวจิและเหล่าเทพทั้งหลายที่ยังพอจับอาวุธสู้ได้บ้างทำการโต้กลับการโจมตีของเหล่าภูติพราย คราวนั้นเองที่มหาสงครามแห่งการนองเลือดจึงได้เริ่มต้นขึ้น
การเข่นฆ่า ความสูญเสีย ความตาย การดับสูญของเทพ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแทบจะในทุกวันของสงคราม แม้กระทั่งเทพเจ้าแห่งดวงดารา “โฮชิ คายาเสะ อิเซคาว่า” ผู้ก่อตั้งตระกูลแห่งดวงดาราและนายหญิงรุ่นแรกก็ยังมิอาจหลีกหนีพ้นความสูญเสียนั้น เป็นผลให้เขาต้องขึ้นมารับตำแหน่งตั้งแต่วัย 19 ขวบปี
ชายหนุ่มออกนำทัพของมนุษย์เข้าห้ำหั่นกับเหล่าภูติพรายครั้งแล้วครั้งเล่า เฉียดพ้นความตายมาแล้วหลายหน บัญชาการในสนามรบที่ชี้เป็นชี้ตายของสงครามมาแล้วหลายครั้ง จวบจนสามารถขับไล่เหล่าภูติพรายกลับไปยังขุมนรกที่จากมา และผนึกภูติราชันย์ทั้ง 6 เอาไว้ สร้างมิติโทงาระขึ้นมาเพื่อกักขังเหล่าภูติพรายเร่ร่อนไว้ในนั้นชั่วนิจนิรันดร์
ตามบัญชาของเทพีอมาเตระสึ ให้ตระกูลทั้ง 6 รักษาผนึกภูติราชันย์ เพื่อคอยสอดส่งและป้องกันภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และมอบความเป็นอมตะให้แก่ชายหนุ่มนามว่า โฮชิ คายาเสะ นาการะ บุตรชายเพียงของเทพเจ้าแห่งดวงดารา เพื่อทำการคุ้มครองและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกมนุษย์และมิติโทงาระ
การเล่ากินเวลายาวนานนับชั่วโมง และเมื่อชายหนุ่มเล่าจบ ก็พบว่านากาโนะนั้นได้ผล็อยหลับไปบนตักของคิสึเนะเสียแล้ว
“นี่…ข้าเล่าน่าเบื่อไปเช่นนั้นหรือ?” นาการะเอ่ยถาม
“ไม่เลย…ที่เจ้าเล่านั้นสนุกมาก” คิสึเนะส่ายหัวเบาๆ “หากแต่เขาคงจะเหนื่อย” นางลูบหัวนากาโนะเบาๆด้วยความเอ็นดู นางรู้สึกถูกชะตากับเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างบอกไม่ถูก
มีชั่วครู่หนึ่งที่นาการะรู้สึกอิจฉานากาโนะเสียจนอยากจะเขกหัวเด็กหนุ่ม
“ท่านแม่…” นากาโนะละเมอเบาๆ
“นี่…นาการะ เจ้าพอรู้หรือไม่ พ่อแม่ของเขาเป็นอะไรจึงด่วนจากไปนัก” นางถาม
“เท่าที่ข้ารู้ น่าจะเป็นอุบัติเหตุ” นาการะเอ่ย เพราะเท่าที่เคยถามเด็กหนุ่มมา เห็นว่าไว้ว่าเป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่พรากชีวิตพ่อและแม่ของเขาไปตลอดกาล
“น่าสงสารจัง” คิสึเนะกล่าวก่อนจะลูบศรีษะนากาโนะเบาๆ
“……” นาการะมองภาพที่นางลูบหัวนากาโนะแล้ว รู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
“เป็นอะไร? หรือว่าเจ้ากำลังอิจฉาเด็กหนุ่มผู้นี้?” นางเย้าพลางอมยิ้ม
“ปะ……เปล่า” นาการะรีบปฏิเสธ
“สายตาของเจ้ามันฟ้อง” นางกล่าว มองปราดเดียวก็รู้สึกได้เลยว่าเขากำลังอิจฉานากาโนะเบาๆ
“……อืม” เมื่อถูกต้อนจนจนมุม นาการะจึงทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับ
“ไม่เอาน่า หากอยากได้เพียงเอ่ยปากขอข้า ข้าก็ไม่ได้รังเกียจแต่ประการใดหรอกนะ” นางกล่าวพลางเอื้อมมือมาลูบศรีษะของชายหนุ่ม “ไหนลองพูดสิ ข้าขอบ้าง~”
“เช่นนั้น……ข้าขอบ้างได้หรือไม่?” แม้จะเคอะเขินในทีแรก แต่นาการะเอ่ยปากขอจากนางจนได้
“ก่อนอื่น เจ้าต้องพาเด็กน้อยผู้นี้กลับไปยังห้องนอนของตนก่อน” นางชี้ไปที่นากาโนะ
“ย่อมได้” นาการะรับคำ
“แล้วมาพบข้าที่ห้อง” นางกล่าวยิ้มๆ ก่อนจะใช้เวทย์ลมขั้นต่ำทำให้ตัวของนากาโนะลอยขึ้นอย่างช้าๆ
“……” นาการะที่รับช่วงต่อ จึงพานากาโนะกลับไปยังห้องพักของตนเอง ก่อนที่คิสึเนะจะกลับไปยังห้องของนาง หลังส่งนากาโนะเข้านอนแล้ว ชายหนุ่มจึงไปยังห้องของคิสึเนะต่อทันที
ในห้อง
“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามาได้” คิสึเนะกล่าว สิ้นเสียงของนาง ร่างของนาการะก็ปรากฏขึ้นที่ประตูห้อง
“ข้ามาแล้ว……” นาการะกล่าว พลางมองไปยังคิสึเนะที่นั่งอยู่บนเตียง
“แปะ! แปะ!” นางตบมือลงบนตักเบาๆเป็นเชิงว่า มาสิ มานอนตรงตักของข้านี่
“………” ชายหนุ่มจึงเอาศรีษะเกยตักของนางแทนหมอน
“โถ่เอ๋ย ทำตัวนิ่งๆเย็นชา แท้จริงเนื้อในเจ้ายังคงเป็นเด็กน้อยสินะ” คิสึเนะเย้านาการะที่นอนอยู่บนตักนาง
ชายหนุ่มทำตัวราวกับเด็กน้อยคนหนึ่งที่ต้องการเรียกร้องความสนใจจากนาง เด็กน้อยที่ขี้อ้อนมากเสียด้วย
“เด็ก.ขี้.อ้อน” นางขยี้ผมนาการะด้วยความหมั่นเขี้ยว
“……” นาการะไม่ตอบ ทำเพียงสูดดมเอากลิ่นไอความหอมจากเรือนกายของหญิงสาว
“นี่…จะนอนที่นี่เลยก็ได้นะ ข้าไม่ถือ……” คิสึเนะกระซิบข้างหูชายหนุ่ม
เพียงเท่านั้น นาการะจึงปล่อยตัวไปตามเสียงฮัมเพลงเบาๆของนาง ชักชวนให้ชายหนุ่มคล้อยลงสู่นิทรา จนกระทั่งผล็อยหลับไปในที่สุด ผล็อยหลับไปทั้งๆที่ยังนอนอยู่บนตักของหญิงสาว หญิงสาวที่เขาไว้ใจให้อยู่บนจุดสูงสุดคู่กับเขา เคียงคู่กันในฐานะ นายหญิง
“ข้าฝากเจ้าดูแลพื้นที่แถบนี้ด้วยนะ อาโอยามะ” นาการะกล่าว เพราะหลังจากที่ตระกูลจิไรเสะล่มสลายลง ตระกูลทาวะระก็รับหน้าที่คอยดูแลพื้นที่มิติโทงาระกว้างขึ้นเป็นเท่าตัว
“ขอรับ” อาโอยามะโค้งคำนับชายหนุ่มเป็นครั้งสุดท้าย
“ดูแลตัวเองดีๆนะเจ้าคะ ท่านคิสึเนะ” มิยาเอะกล่าวกับคิสึเนะ
“เจ้าเองก็ด้วยนะมิยาเอะ แล้วก็ดูแลเจ้าตัวน้อยให้ดีด้วยล่ะ” หญิงสาวกล่าวอมยิ้ม พลางชี้ไปที่หน้าท้องของนายหญิงตระกูลทาวะระ
“เอ๊ะ? เจ้าตัวน้อย?” มิยาเอะตกใจเมื่อนางทักแบบนั้น “ระ……หรือว่า?” นางตัวสั่น มือเผลอกุมหน้าท้องโดยไม่ทันตั้งใจ น้ำตาแห่งความปิติยินดีพลันหลั่งไหลออกมาจากเบ้าตา
“เป็นความจริงหรือขอรับ” อาโอยามะเองก็แทบจะคงตัวไม่อยู่ ด้วยความตื่นเต้น
“ข้าย่อมดูไม่ผิดหรอกนะ” คิสึเนะกล่าวด้วยความมั่นใจ “แล้วก็เจ้า อาโอยามะ ข้าฝากเจ้าดูแลมิยาเอะให้ดีด้วยนะ” คิสึเนะกล่าวกำชับกับชายหนุ่มผู้ที่จะกลายเป็นพ่อคนในอนาคต
“ขอรับ!!”
บรรยากาศช่างมีแต่ความน่ายินดีปรีดา เหล่าองเมียงจิโดยรอบก็พลอยยินดีไปกับผู้เป็นนายด้วยเช่นกัน
“……” ส่วนนาการะทำเพียงยืนดูทั้งสามพูดคุยกันโดยที่ไม่ได้แสดงอาการหรือท่าทางแต่ประการใด
“เช่นนั้น เดินทางโดยสวัสดิภาพนะขอรับ” อาโอยามะกล่าว ก่อนที่ทั้งสองจะก้าวขาขึ้นรถมุ่งหน้าสู่สนามบินนางาซากิ เพื่อกลับไปยังโตเกียวก่อนจะต่อรถไฟกลับไปยังเกียวโตอันเป็นที่ตั้งของตระกูลอุเอย์คัตสึ
บนรถ
“ข้าเห็นเจ้าสัมผัสหน้าท้องหลายทีแล้ว มีเหตุอันใดงั้นหรือ?” นาการะถามไถ่คิสึเนะขึ้น
“เปล่า ไม่มีอะไร!” นางรีบปฏิเสธ “ข้าก็แค่คิดว่าวันนึง…ข้าก็คงจะต้องเป็นแม่คนเช่นเดียวกับมิยาเอะ ใช่หรือไม่?”
“……” นาการะเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา “ก็อาจใช่” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับหันมามองหน้าคิสึเนะ
“งั้นหรือ?” คิสึเนะกล่าว พลางจ้องใบหน้าของนาการะ
“มีเหตุอันใดอีก?”นาการะถามเมื่อเห็นว่านางกำลังจ้องตนเองอยู่
“ข้ากำลังคิดว่า…ถ้าหากพวกเรามีเจ้าตัวน้อย เจ้าตัวน้อยจะหน้าเหมือนข้า หรือว่าเจ้ากันแน่?” หญิงสาวกล่าวพลางจินตนาการถึงหน้าของเจ้าตัวน้อย
“ก็หากเป็นบุรุษแน่นอนว่าย่อมต้องเหมือนข้า หากเป็นสตรีย่อมต้องเหมือนเจ้าผู้เป็นมารดา” ชายหนุ่มตอบพลางกุมมือสตรีตรงหน้า
“หากเป็นเช่นนั้นก็คงจะดี” คิสึเนะกล่าว
ทั้งสองคุยกันต่ออีกเล็กน้อย ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้นขบวนรถจะจอดที่สนามบิน เพื่อส่งทั้งคู่ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของตระกูลอุเอย์คัตสึ มุ่งหน้าสู่โตเกียว ก่อนจะต่อรถไฟกลับไปยังเกียวโต
.
หลังการเดินทางอันยาวนาน(ในความคิดของคิสึเนะ) ทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงตระกูลอุเอย์คัตสึ หรือ ตระกูลแห่งดวงดารา รถยนต์สีดำทมึนแล่นเข้าจอดเทียบท่าที่ชานบันไดของคฤหาสน์ของตระกูล ไม่นานนักนาการะจึงลงจากรถตามมาด้วยคิสึเนะ ก่อนที่ผู้นำตระกูลอุเอย์คัตสึคนปัจจุบัน หรือ อุเอย์คัตสึ นากาโนะ จะออกมาต้อนรับการกลับมาของนาการะด้วยตนเอง
“การเดินทางเป็นเช่นไรบ้างครับ ท่านรุ่นที่สอง?” นากาโนะกล่าวทักทาย
“ก็ดี…ถ้าไม่ติดว่านางอยู่ไม่นิ่งไปหน่อย” นาการะกล่าว ย้อนกลับไปเมื่อสองชั่วโมงก่อน คิสึเนะแทบจะวิ่งไปมาทั้งขบวนรถไฟด้วยความตื่นเต้น
“นาง?” นากาโนะเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ
“อ้อ! ข้าลืมไป” นาการะเหมือนนึกบางสิ่งขึ้นได้ “ข้าขอแนะนำให้เจ้ารู้จักนาง ซาซานาเอะ เรียวกะ คิสึเนะ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป นางจะกลายมาเป็นนายหญิงของตระกูลของเรา” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ชี้ไปยังจิ้งจอกสาวที่กำลังสนใจในคุ้กกี้ที่นำมาเสิร์ฟให้
“อุเอย์คัตสึ นากาโนะ ทำความเคารพนายหญิงครับ” นากาโนะค้อมตัวด้วยความเคารพให้กับคิสึเนะ
“ขอบใจจ๊ะ…แล้วนี่…นายหญิงของเจ้าไปไหนเสียล่ะนี่?” นางเอ่ยทักทาย พลางมองหานายหญิง
“กระผมยังคงศึกษาอยู่ในสถานศึกษา เกรงว่าตอนนี้จะยังไม่มีนายหญิงครับ” เด็กหนุ่มกล่าวพลางหัวเราะแห้งๆ เพราะตนพึ่งจะอยู่ระดับมัธยมปลาย และ ยังไม่มีคนที่คู่ควรจะขึ้นมาเป็นนายหญิง
“พวกท่านทั้งสองคงเดินทางมาเหนื่อย เชิญด้านในเถิดครับ กระผมสั่งคนให้เตรียมอาหารไว้คอยท่าแล้วขอรับ” นากาโนะเชิญทั้งสองขึ้นไปยังคฤหาสน์
“เชิญเจ้านำไปเถิด” นาการะกล่าว
“ข้าก็หิวแล้ว!” คิสึเนะพูดขึ้น
ก่อนที่ทั้งสามจะเดินขึ้นไปบนคฤหาสน์เพื่อทานอาหารร่วมกันในห้องรับประทานอาหารของคฤหาสน์ มื้ออาหารเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เพราะคิสึเนะและนากาโนะพูดคุยกันถูกคอ นางเล่าถึงการผจญภัยของนางในแดนต่างๆตลอด 5000 ปี ให้นากาโนะฟัง ซึ่งเด็กหนุ่มก็รับฟังด้วยความตื่นเต้น ส่วนนาการะนั้นนั่งเงียบตลอดการรับประทานอาหารปล่อยให้ทั้งสองคนคุยกันสนุกสนานตามประสา
“กระผมจะให้คนเตรียมห้องสำหรับนายหญิงนะครับ” นากาโนะกล่าวหลังรับประทานอาหารเสร็จ ก่อนจะหันไปสั่งพ่อบ้านประจำตระกูล “ช่วยเตรียมห้องพักสำหรับนายหญิงด้วยครับ”
“ขอรับ” พ่อบ้านรับคำ
ไม่นานเกินคอย พ่อบ้านก็แจ้งว่าห้องของคิสึเนะนั้นพร้อมแล้ว ทั้งสามจึงพากันขึ้นไปยังห้องๆนั้น
“ห้องนี้เคยเป็นห้องของแม่ของกระผม หวังว่านายหญิงคงจะชอบ” นากาโนะเปิดประตูเข้าไปในห้อง
มันเป็นห้องขนาดใหญ่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องอาบน้ำแบบออนเซ็น ห้องน้ำ ภายในทาสีขาวล้วนอีกทั้งเครื่องเฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับต่างยังเป็นสีขาวกลมกลืนไปกับตัวห้องแลดูสบายตา
“แล้วแม่ของเจ้าไปไหนเสียแล้วล่ะ?” คิสึเนะถามด้วยความสงสัย
“พวกท่านเสียไปตั้งแต่กระผมยังเด็กครับ” นากาโนะพูด นับตั้งแต่วันที่สูญเสียพ่อแม่ ทั้งชีวิตเขาก็มีเพียงเหล่าพ่อบ้านและองเมียวจิ จนกระทั่งวันที่นาการะตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล และคอยให้การดูแลเด็กหนุ่มนับแต่วันนั้น นากาโนะจึงยึดเอานาการะเป็นเหมือนพ่อคนที่สองของตน
“โอ๋ๆ เจ้าคงจะเหงามากเลยสินะ” คิสึเนะปลอบพลางลูบหัว มันทำให้นากาโนะรู้สึกว่านางสามารถพึ่งพาได้ “หากว่ามีอะไรให้ข้าช่วยก็บอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ” นางอมยิ้ม
“ครับ” เด็กหนุ่มกล่าวรับคำ
“เอาล่ะ แล้วเจ้าจะนอนไหนเล่า?” นางหันไปถามนาการะ
“ข้ามีห้องของข้า” นาการะตอบก่อนจะชี้ไปยังห้องที่ไม่ไกลกันนัก “ทำตัวตามสบาย ที่นี่ก็เหมือนบ้านของเจ้า” ชายหนุ่มกล่าว
“รับทราบ!” นางยวนนาการะด้วยท่าทางแปลกๆ จนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มของนาง
“โอ๊ยๆๆ!! อ่อยอ้าอะ(ปล่อยข้านะ)” นางพูดพร้อมกับชกหน้าอกของนาการะ
ส่วนนากาโนะมองดูภาพที่ทั้งสองหยอกล้อกันด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่บ่อยนักที่ท่านรุ่นที่สองจะแสดงท่าทีที่อ่อนโยนเช่นนี้
“ดูนายใหญ่ของเจ้าสิ รังแกข้า!” นางหันไปฟ้องนากาโนะ เด็กหนุ่มทำได้เพียงหัวเราะแหะๆอย่างช่วยไม่ได้ เพราะไม่รู้จะช่วยยังไงเหมือนกัน
หลังการพาชมห้องจบลง นากาโนะจึงกล่าวขอตัวจากทั้งสอง “เช่นนั้นกระผมขอตัวนะครับ” เพราะยังคงมีธุระที่ต้องไปทำต่อ อีกอย่างเด็กหนุ่มไม่อยากจะอยู่เป็นก้างขวางคอของทั้งสอง
“ข้าคงจะต้องขอตัวด้วยเช่นกัน” นาการะกล่าว เพื่อปล่อยให้นางทำความสะอาดห้อง
“ไว้เจอกัน” หลังประตูปิดลง คิสึเนะจึงเดินไปนั่งลงที่เตียงนอน อันจะเป็นที่นอนของนางในภายภาคหน้า พลางสำรวจสิ่งของไปเรื่อย ที่ส่วนมากเป็นของตกแต่งอันเก่าที่เคยมีอยู่ในห้อง
“……” นางขลุกอยู่กับการจัดห้องสักพัก ก่อนจะเรียกอายากะและเรนะสึออกมาช่วย เมื่อเห็นว่างานเริ่มเกินตัว
“อายากะ เจ้าจัดการมุมนี้นะ ส่วนเรนะสึเจ้าจัดการมุมนั้น” นางชี้นิ้วสั่งทั้งชิกินามิสองตน
“เจ้าค่ะ” ทั้งสองรับคำก่อนจะช่วยกันทำความสะอาดห้อง
ใช้เวลาพักใหญ่ๆ กว่าที่ทั้งสามจะทำความสะอาดและจัดห้องใหม่เสร็จ
“เหนื่อยจัง…ข้าอาบน้ำดีกว่า” คิสึเนะคิดในใจ ก่อนจะแหงนดูนาฬิกาพบว่าก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ไม่นานนักนางจึงเดินหายลับเข้าไปในห้องอาบน้ำ เมื่อนางปลดชุดที่สวมใส่ออก เผยให้เห็นถึงรูปทรงอันน่าหลงใหลภายใต้ชุดอันหนาเตอะนั้น หน้าอกที่ยกตัวเข้ารูป แผ่นหลังอันเรียวงามหาที่ใดเปรียบมิได้ คงเป็นการยากที่บุรุษจะปฏิเสธความเสน่หาหากได้นางไปครอบครอง
“สบายตัวจัง~” นางพึมพำเมื่อแช่ตัวลงในบ่อออนเซ็นที่เต็มไปด้วยน้ำแร่จากธรรมชาติ
แช่ได้ไม่นานนักนางจึงลุกจากบ่อแช่ตัว ด้วยรู้สึกเวียนหัว ก่อนจะแต่งตัวและทำการเป่าขนและผมตามลำดับ
“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นในขณะที่นางกำลังเป่าขนของนางอยู่
“นั่นใคร?” คิสึเนะถาม
“นายหญิงขอรับ นายท่านให้มาแจ้งว่าอาหารค่ำพร้อมแล้วขอรับ” เสียงจากหลังประตูดังขึ้น แจ้งถึงจุดประสงค์การมา
“ข้าทราบแล้ว แจ้งเขาว่าข้ากำลังจะลงไป” นางกล่าวตอบกลับไป
“ขอรับ” พ่อบ้านรับคำ
นางจึงรีบจัดแจงเป่าขนและเป่าเส้นผมของตนด้วยความเร่งรีบ เมื่อแล้วเสร็จจึงเดินลงไปยังห้องรับประทานอาหาร ที่นั่นนาการะและนากาโนะได้คอยท่าอยู่แล้ว
“เจ้าลงมาช้า…” นาการะกล่าว
“แต่ข้าก็มาแล้วนี่ไง…” นางกล่าวยิ้มๆ
สำรับอาหารถูกนำมาวางบนโต๊ะเมื่อทั้งสามคนพร้อมหน้ากันแล้ว บรรยากาศมื้ออาหารก็ยังคงเป็นเช่นเคย นาการะนั้นนั่งเงียบ ส่วนนากาโนะและคิสึเนะคุยกันอย่างสนุกสนาน หลังจากนั้นจึงพากันมานั่งต่อยังห้องนั่งเล่น เพื่อพูดคุยกันต่อ และเมื่อเห็นว่านาการะนั้นนั่งเงียบจนเกินไปนางจึงเริ่มชวนคุยบ้าง
“นี่ นาการะ เจ้าช่วยเล่าเรื่องของเจ้าให้ข้าฟังได้ไหม?” นางพูดพร้อมทำตาเปล่งประกาย
“เจ้าอยากรู้เรื่องใดกันเล่า?” นาการะหันมาถาม
“ทุกเรื่องเลย!” นางกล่าวอย่างตื่นเต้น “ทุกเรื่องตั้งแต่ครั้งมหาสงครามเลย”
“เอาเช่นนั้นหรือ?” นาการะเลิกคิ้วถาม พลางหันไปหานากาโนะ
ทั้งสองพยักหน้าพร้อมกันอย่างตื่นเต้น ราวกับเด็กน้อยที่กำลังรอฟังนิทานก่อนนอนจากพ่อแม่
“ย่อมได้…” นาการะกล่าว ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องของตัวเองบ้าง สู่ห้วงของความทรงจำอันไม่น่าพิศมัยเท่าใดนัก
ชายหนุ่มเล่านับตั้งแต่ครั้งโบราณกาลเมื่อครั้นเทพและมนุษย์ยังอยู่ร่วมกัน และวันที่เส้นแบ่งเขตแดนระหว่างโลกถูกทำลายลง ปลดปล่อยภูติพรายร้ายกาจจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาเข่นฆ่ามนุษย์และเหล่าทวยเทพราวกับผักปลา สภาพบนโลกมนุษย์ตอนนั้นราวกับนรกบนดิน ไปที่แห่งใดย่อมพบกับศพของมนุษย์และเทพกองพะเนินจนท่วมหัว
เมื่อสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติ สภาแห่งสรวงสวรรค์จึงได้เรียกประชุมเป็นการด่วน เพื่อรับมือกับภัยพิบัติในครั้งนี้ เหล่าองเมียวจิและเหล่าเทพทั้งหลายที่ยังพอจับอาวุธสู้ได้บ้างทำการโต้กลับการโจมตีของเหล่าภูติพราย คราวนั้นเองที่มหาสงครามแห่งการนองเลือดจึงได้เริ่มต้นขึ้น
การเข่นฆ่า ความสูญเสีย ความตาย การดับสูญของเทพ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแทบจะในทุกวันของสงคราม แม้กระทั่งเทพเจ้าแห่งดวงดารา “โฮชิ คายาเสะ อิเซคาว่า” ผู้ก่อตั้งตระกูลแห่งดวงดาราและนายหญิงรุ่นแรกก็ยังมิอาจหลีกหนีพ้นความสูญเสียนั้น เป็นผลให้เขาต้องขึ้นมารับตำแหน่งตั้งแต่วัย 19 ขวบปี
ชายหนุ่มออกนำทัพของมนุษย์เข้าห้ำหั่นกับเหล่าภูติพรายครั้งแล้วครั้งเล่า เฉียดพ้นความตายมาแล้วหลายหน บัญชาการในสนามรบที่ชี้เป็นชี้ตายของสงครามมาแล้วหลายครั้ง จวบจนสามารถขับไล่เหล่าภูติพรายกลับไปยังขุมนรกที่จากมา และผนึกภูติราชันย์ทั้ง 6 เอาไว้ สร้างมิติโทงาระขึ้นมาเพื่อกักขังเหล่าภูติพรายเร่ร่อนไว้ในนั้นชั่วนิจนิรันดร์
ตามบัญชาของเทพีอมาเตระสึ ให้ตระกูลทั้ง 6 รักษาผนึกภูติราชันย์ เพื่อคอยสอดส่งและป้องกันภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และมอบความเป็นอมตะให้แก่ชายหนุ่มนามว่า โฮชิ คายาเสะ นาการะ บุตรชายเพียงของเทพเจ้าแห่งดวงดารา เพื่อทำการคุ้มครองและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกมนุษย์และมิติโทงาระ
การเล่ากินเวลายาวนานนับชั่วโมง และเมื่อชายหนุ่มเล่าจบ ก็พบว่านากาโนะนั้นได้ผล็อยหลับไปบนตักของคิสึเนะเสียแล้ว
“นี่…ข้าเล่าน่าเบื่อไปเช่นนั้นหรือ?” นาการะเอ่ยถาม
“ไม่เลย…ที่เจ้าเล่านั้นสนุกมาก” คิสึเนะส่ายหัวเบาๆ “หากแต่เขาคงจะเหนื่อย” นางลูบหัวนากาโนะเบาๆด้วยความเอ็นดู นางรู้สึกถูกชะตากับเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างบอกไม่ถูก
มีชั่วครู่หนึ่งที่นาการะรู้สึกอิจฉานากาโนะเสียจนอยากจะเขกหัวเด็กหนุ่ม
“ท่านแม่…” นากาโนะละเมอเบาๆ
“นี่…นาการะ เจ้าพอรู้หรือไม่ พ่อแม่ของเขาเป็นอะไรจึงด่วนจากไปนัก” นางถาม
“เท่าที่ข้ารู้ น่าจะเป็นอุบัติเหตุ” นาการะเอ่ย เพราะเท่าที่เคยถามเด็กหนุ่มมา เห็นว่าไว้ว่าเป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่พรากชีวิตพ่อและแม่ของเขาไปตลอดกาล
“น่าสงสารจัง” คิสึเนะกล่าวก่อนจะลูบศรีษะนากาโนะเบาๆ
“……” นาการะมองภาพที่นางลูบหัวนากาโนะแล้ว รู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
“เป็นอะไร? หรือว่าเจ้ากำลังอิจฉาเด็กหนุ่มผู้นี้?” นางเย้าพลางอมยิ้ม
“ปะ……เปล่า” นาการะรีบปฏิเสธ
“สายตาของเจ้ามันฟ้อง” นางกล่าว มองปราดเดียวก็รู้สึกได้เลยว่าเขากำลังอิจฉานากาโนะเบาๆ
“……อืม” เมื่อถูกต้อนจนจนมุม นาการะจึงทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับ
“ไม่เอาน่า หากอยากได้เพียงเอ่ยปากขอข้า ข้าก็ไม่ได้รังเกียจแต่ประการใดหรอกนะ” นางกล่าวพลางเอื้อมมือมาลูบศรีษะของชายหนุ่ม “ไหนลองพูดสิ ข้าขอบ้าง~”
“เช่นนั้น……ข้าขอบ้างได้หรือไม่?” แม้จะเคอะเขินในทีแรก แต่นาการะเอ่ยปากขอจากนางจนได้
“ก่อนอื่น เจ้าต้องพาเด็กน้อยผู้นี้กลับไปยังห้องนอนของตนก่อน” นางชี้ไปที่นากาโนะ
“ย่อมได้” นาการะรับคำ
“แล้วมาพบข้าที่ห้อง” นางกล่าวยิ้มๆ ก่อนจะใช้เวทย์ลมขั้นต่ำทำให้ตัวของนากาโนะลอยขึ้นอย่างช้าๆ
“……” นาการะที่รับช่วงต่อ จึงพานากาโนะกลับไปยังห้องพักของตนเอง ก่อนที่คิสึเนะจะกลับไปยังห้องของนาง หลังส่งนากาโนะเข้านอนแล้ว ชายหนุ่มจึงไปยังห้องของคิสึเนะต่อทันที
ในห้อง
“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามาได้” คิสึเนะกล่าว สิ้นเสียงของนาง ร่างของนาการะก็ปรากฏขึ้นที่ประตูห้อง
“ข้ามาแล้ว……” นาการะกล่าว พลางมองไปยังคิสึเนะที่นั่งอยู่บนเตียง
“แปะ! แปะ!” นางตบมือลงบนตักเบาๆเป็นเชิงว่า มาสิ มานอนตรงตักของข้านี่
“………” ชายหนุ่มจึงเอาศรีษะเกยตักของนางแทนหมอน
“โถ่เอ๋ย ทำตัวนิ่งๆเย็นชา แท้จริงเนื้อในเจ้ายังคงเป็นเด็กน้อยสินะ” คิสึเนะเย้านาการะที่นอนอยู่บนตักนาง
ชายหนุ่มทำตัวราวกับเด็กน้อยคนหนึ่งที่ต้องการเรียกร้องความสนใจจากนาง เด็กน้อยที่ขี้อ้อนมากเสียด้วย
“เด็ก.ขี้.อ้อน” นางขยี้ผมนาการะด้วยความหมั่นเขี้ยว
“……” นาการะไม่ตอบ ทำเพียงสูดดมเอากลิ่นไอความหอมจากเรือนกายของหญิงสาว
“นี่…จะนอนที่นี่เลยก็ได้นะ ข้าไม่ถือ……” คิสึเนะกระซิบข้างหูชายหนุ่ม
เพียงเท่านั้น นาการะจึงปล่อยตัวไปตามเสียงฮัมเพลงเบาๆของนาง ชักชวนให้ชายหนุ่มคล้อยลงสู่นิทรา จนกระทั่งผล็อยหลับไปในที่สุด ผล็อยหลับไปทั้งๆที่ยังนอนอยู่บนตักของหญิงสาว หญิงสาวที่เขาไว้ใจให้อยู่บนจุดสูงสุดคู่กับเขา เคียงคู่กันในฐานะ นายหญิง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ