ห้าดรุณี (ลงเว็บนี้กับเว็บเด็กดี)

-

เขียนโดย ณัฐพล

วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.21 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,444 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 มีนาคม พ.ศ. 2562 21.38 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) บทที่ 5 เพื่องาน คิดถึงครอบครัว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปิ่นเอื้อมมือคว้าโทรศัพท์เอาไว้ก่อนจะดูว่าใครโทรมา ปิ่นกดรับสาย
“สวัสดีค่ะพี่ชาย มีอะไรหรอคะหายไปนานที่ไม่ได้คุย”เสียงหวานออดอ้อนพี่ชายของตนพร้อมถลึงตาใส่แม่
“ยัยปิ่นแม่สบายดีหรือเปล่า”เสียงเข้มเอ่ยถามจากปลายสายโทรศัพท์
“สบายดีค่ะ พี่กรช่วงนี้งานยุ่งหรือเปล่าคะ”
“ยุ่งมากๆ แล้วเป็นยังไงไปบ้านน้าหญิงสนุกไหมละ”เสียงปลายสายถาม
“ค่ะสนุก ได้เจอเจ้าขจรศักดิ์ด้วยค่ะ”
ธนากรงงกับชื่อที่อีกฝ่ายเอ่ยขึ้น
“ใครคือเจ้าขจรศักดิ์”
ปิ่นเริ่มอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง
“เจ้าขจรศักดิ์เป็นบุตรของเจ้าคำฟ้า ตาญาติห่างๆของเรานี่คะ”
“อ๋อที่แม่เคยเล่าให้ฟังนี่เองเจ้าคำฟ้าแต่งงานกับคุณนายเยาว์คือยายของเราเองพี่เข้าใจแล้ว”เสียงปลายสายบอก
“วันนี้พี่ว่างหรอถึงได้โทรมาหาน้องได้นะ”
“ว่างนะพี่ว่างเดี๋ยวพี่ก็ทำงานต่อแล้วละพี่เลยพักเพราะเหนื่อยนะ”
“หรอคะพี่ชายน้องนะติดตามข่าวเห็นว่าน้ำจะท่วมบ้านเราแล้วละค่ะพี่”
“หรอ ดูแลพ่อกับแม่แทนพี่ด้วยนะน้อง”
“ค่ะพี่ พี่จะแต่งงานกับพลอยใสตอนไหนคะ”
“รอพี่อายุ28 ก่อนถึงค่อยแต่งงั้นพี่ไปก่อนนะฝากบอกพ่อแม่ด้วยว่าเราสบายดี”
“ค่ะพี่”
จบบทสนากันปิ่นกดวางสายโทรศัพท์แล้วหันมาหาแม่
“แล้วตากรว่ายังไงบ้าง”เปลวกนกถามอีกฝ่าย
“พี่เขาบอกว่า คิดถึงพ่อแม่ ค่ะและก็ฝากหนูดูแลพ่อแม่”ปิ่นบอก
“ปิ่นพ่อกับแม่นับวันก็เริ่มแก่แล้ว ลูกทำถูกต้องแล้วดูแลพ่อแม่นะได้บุญดีกว่าไปรักกับแฟนดูสมัยนี้สิฆ่ากันอย่างกับอะไรก็ไม่รู้ ดูแลพ่อแม่ก่อนถึงค่อยไปดูแลแฟน”เปลวกนกสอนบุตรสาวเรื่องบุญคุณ
“ค่ะแม่เพราะแบบนี้หรอคะที่ให้หนูไปวัดบ่อยๆ”
อีกฝ่ายพยักหน้ารับ
“คนเราไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าได้หรอก คนเรามีเกิด แก่ เจ็บและตาย เหมือนที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไงลูก”เปลวพร่ำสอนอีกฝ่าย
“ค่ะแม่ต่อไปนี้ปิ่นจะดูแลพ่อแม่แทนพี่กรนะคะ”
ปิ่นทำแกงจืดมะระให้กินและรอสถานะการณ์น้ำท่วมที่ยังมาไม่ถึง
ปี2554 น้ำท่วมเมืองกรุงเทพฯ วังนภาธรก็เจอไม่ต่างกัน
“บ้านเราเจอน้ำท่วมเพราะฝนตกหนักปริมาณน้ำเยอะสินะคะพ่อ”ปิ่นบอก พร้อมเอากระสอบทรายมากั้นไม่ให้น้ำท่วมเข้าวัง ตอนนี้น้ำท่วมทางเข้าบ้าน
“มาๆช่วยกันลูก ไม่คิดเลยนะว่าน้ำจะมา”ชายภาเอ่ยกับบุตรสาว
“นายจ่อยเคลื่อนรถเอาไปไว้ให้พ้นน้ำนะ”
“ครับคุณชาย”จ่อยตอบพร้อมรับกุญแจรถก่อนจะเคลื่อนรถไปยังที่สูง
“จ่อยวันนี้เรามีเสบียงหรือยัง”เปลวถามคนรับใช้
“มีแล้วครับ ข้าวสารอาหารแห้ง แม้แต่เทียนก็ยังมีครับ”
“ดีมาก เราต้องเตรียมพร้อม เดี๋ยวเราก็ได้พายเรือแล้ว”
“ครับ ตอนน้ำท่วมผมนึกถึงแถวบ้านผมครับ หาปลาเอามากิน แต่กลัวไอ้ชาละวันนี่แหล่ะครับ”จ่อยเล่าเรื่องเดิมของความเป็นอยู่ของตน
“จ่อยเคยกินก้อยไข่มดแดงไหม”ปิ่นเอ่ยถาม
จ่อยยิ้มก่อนเอ่ยขึ้น
“เคยสิครับของแซบบ้านผม มีก้อยเนื้อวัว ลาบปลานี่ผมก็กินเป็นครับ”
“นายอยู่แบบบ้านๆนี่ ใช่ไหม”ปิ่นเสริม
“ใช่ครับ ภัตตาคารบ้านทุ่งล้วนๆ มีแกงหน่อไม่ ซุปหน่อไม้ ซุปหมากมี่ ป่นกบ ก้อยไข่มดแดง ลาบวัว และปลาครับ”จ่อยบอก
“กบนี่นายกล้ากินหรอนายจ่อย”เปลวกนกเสริม
“ครับผม”จ่อยตอบ ตอนนี้ฝนตกหนักมากๆไม่มีหยุด ตอนนี้ทางรัฐบาลกำลังแก้ปัญหาน้ำท่วมอยู่
พอเหตุการณ์นี้ผ่านไป ธนากรก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป
4ปีต่อมา คือปี 2558 ตอนนี้ธนากรอายุได้ 28ปีแล้วส่วนปิ่นอายุแค่26ปีแล้ว ปิ่นวันนี้มาในเสื้อเชิร์ตแขนยาวสีเทา กระโปรงลายดอกไม้ เธอสมกับเป็นสาววัยทำงานเต็มตัว เธอคิดถึงพี่ชายของเธออยู่ไม่หายตอนนี้ บีบีโมบายส์ไม่ค่อยได้รับความนิยมอีกแล้ว เธอหันมาจับโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเต็มตัว เธอมักจะคุยกับพี่กรคือโปรแกรม skype เห็นหน้ากันและคอยถามสาระทุกข์สุกดิบกับ กรดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เขาขับรถกลับจากค่ายทหารมายังวังนภาธร เพื่อมาเยี่ยมพ่อแม่และมาเยี่ยมน้องสาวแต่ในวันนี้ มีแม่ปลื้มมาเยี่ยมหาเปลวกนกอยู่เนือง
“เปลวเอ๊ย เปลว”
ปิ่นมองลอดหน้าต่างเพื่อดูว่าใครมาหา หญิงชราวัย แปดสิบกว่าปี ร้องเรียกหาอีกฝ่าย ปิ่นเดินเข้าไปหา
“สวัสดีค่ะคุณยาย แม่หนูไม่อยู่หรอกค่ะ นี่ใช่คุณยายปลื้มหรือเปล่าคะ”ปิ่นเอ่ยถามอีกฝ่าย
“ใช่จะ หนูคือ….หนูปิ่นหลานยายใช่ไหม”
“ค่ะคุณยาย ปิ่นคิดถึงคุณยายอยู่พอดี เดี๋ยวหนูไปตามแม่มานะคะ”
“จ้า”
ปิ่นเดินไปตามหาเปลวกนก ก่อนเปลวจะเดินออกมา
“แม่ มานานหรือยัง”
“พึ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง ยัยปิ่นหลานข้าโตเป็นสาวยิ่งสวยเหมือนเอ็งเลยนะ”ปลื้มเอ่ยชม
“แม่เหนื่อยมากไหม ปิ่นไปเอาน้ำมาให้ยายกินหน่อยสิ”เปลวกนกวานใช้บุตรสาวไปเอาน้ำมาให้อีกฝ่ายกิน
“มาแล้วค่ะคุณยาย”
“ดีแล้วๆ ปิ่นหลานรักตอนนี้อายุเท่าไหร่หรอลูก”
“อายุยี่สิบหกแล้วค่ะยาย”
“เป็นสาวแล้วนี่ ตอนไหนเอ็งจะมีผัววะหลานข้า”
“แม่ ยัยปิ่นมันยังเด็กอยู่แม่”เปลวกนกห้ามปราม
“เอ็งนี่ก็อีกคน สมัยนี้มีงานทำมันก็ต้องมีผัวเป็นเรื่องธรรมดาสิวะ แล้วเอ็งจะห้ามไว้มันก็ไม่ทัน เห็นข่าวสมัยนี้นะ แม่เด็กนี่ทิ้งเด็กได้ลงคอ”
“แม่อะ”
“แล้วตากรเป็นยังไงบ้างละ”ปลื้มเอ่ยถามหลานชาย
“ก็เป็นทหารนะแม่ เขาคงจะดูเครียด เขาคงคิดถึงท่านตาละมั๊ง”
เปลวกนกเล่าเรื่องทั้งหมดแต่ใจจริงห่วงกรมากกว่า
“เฮ้อ แม่ก็คิดถึงท่านชายเหมือนกัน แต่กรอายุเท่าไหร่แล้วละ”
“ยี่สิบแปดแล้วค่ะยาย พี่กรเห็นบอกว่ามีแฟนด้วยนะคะ”ปิ่นแทรกขึ้น
ในการสนทนา แม้นวาดเดินมาอย่างขัดจังหวะ
“เสียงเอะอะอะไรกันอยู่”เสียงหวานเอ่ยขึ้น
แม่ปลื้มเหลือบไปมองเห็นอีกฝ่าย หน้าตาของอีกฝ่ายนึกขึ้นมาทันที
“โฉมสำอาง”แม่ปลื้มอุทานขึ้น
“มาทำไม”ปิ่นเอ่ยถาม
“ก็มาดูคนคุ้นเคยนะสิ คนนี้หรอ หม่อมปลื้ม”แม้นวาดเอ่ยขึ้นพร้อมมีท่าทางไม่สบอารมณ์
“หม่อมยายคะ กลับเข้าไปข้างในบ้านก่อนนะคะ”
แม่ปลื้มเดินเข้าไปข้างในบ้านตามคำที่หลานสาวบอก
“นี่ยัยปิ่นมุก เธอจะมีเรื่องอะไรกับฉันหา”
“ใช่นั่นยายฉัน ขอโทษนะคะฉันชื่อปิ่นไม่ใช่ปิ่นมุก แล้วฉันก็เป็นพนักงานฝ่ายขายของบริษัท ธนพ ดิวิโลพเม้นต์ ฉันนะดีกว่าเธอหลายพันเท่านะคะ เธอไม่มีงานการทำหรือยังไงคะถึงได้เดินป้วนเปี้ยนแถววังของฉัน”ปิ่นสบถ
“ใช่ แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับเธอ”
“เกี่ยวไม่เกี่ยวไม่ใช่เรื่องของฉันถ้ามีปัญหาอะไรฉันจะตบเธอ คอยดู”
สิ้นเสียงปิ่นเดินหนีออกไปจากที่นั่นทันที แม้นวาดทำสีหน้าดูเคืองก่อนจะเดินไปทางด้านหลัง
 แม่ปลื้มมองมาที่หลานสาว ก่อนจะหลีกทางให้เปลวกนก
“ปิ่น มานี่แม่มีเรื่องอะไรจะคุยด้วย”
ปิ่นเดินตามเปลวกนกก่อนพ่นลมหายใจ แม่ปลื้มเองก็ชำเลืองหน้าหลานสาว
พอทั้งคู่เดินมาหยุดที่ห้องที่มีขนาดกว้างขวาง ปิ่นเอ่ยถามอีกฝ่าย
“แม่คะ มีเรื่องอะไรจะคุยกับปิ่นไหมคะ”
เปลวกนกหันหน้ามามองบุตรสาวทันที
“แม่ อยากให้ลูกเลือกผู้ชายดีๆ เข้ามาในชีวิตลูก แม่จะขอสั่งห้ามลูกห้ามไปหานายจ่อยเด็ดขาด”
“แม่คะ แต่นี่มันสิทธิ์ของหนูแม่จะห้ามความรักไม่ได้นะคะ”
“หยุดนะปิ่น เราเป็นถึงราชนิกุลจะให้รักกับสามัญชนธรรมดาได้ไง แม่ขอสั่งไว้นะว่า คนที่เหมาะสมกับลูกคือ เจ้าขจรศักดิ์เท่านั้น”
เปลวกนกยื่นคำขาด ปิ่นเสียใจมากๆ ตอนนี้น้ำตาไหลอาบแก้มพร้อมเสียงสะอื้น นายจ่อยมาเห็นก็เดินเข้ามาหาปิ่น
“คุณปิ่น เป็นอะไรทำไมถึงร้องไห้ละ”
ปิ่นมองหน้าอีกฝ่าย ก่อนที่จะไม่สนใจใดๆ
“จ่อย เราเลิกกันเถอะ แม่เราบอกว่าให้เลิกกับนายนะ ขอโทษนะเรารักแม่จริงๆ” ปิ่นบอกก่อนจะวิ่งหนีไปอีกทาง
จ่อยเองเศร้ามากๆ ที่โดนปิ่นบอกเลิกเขาเดินกลับมาหาเพื่อนของเขา
“จ่อย เป็นอิหยังวะคือเฮ็ดหน้าบ่ซำบายใจ”
“ก็ข่อยนะถึกบอกเลิก คุณปิ่นบอกเลิกข่อย มื้ออื่นเช้าข่อยสิขนของหนีเมืออีสานโอมสิไปบ่”
โอมตบบ่าเพื่อน
“ก็เมือแหมะบ้านเกิดเฮา อย่าไปใส่ใจแม่หญิงหรอกสมัยนี้แม่หญิงมีหลายคน มีแต่คนงามๆ หรือสิเอากะเทยก็ได้”
“บักบ้า ข่อยสิเมือเฮือน ขอบใจหลายเด้อ”
จ่อยรีบเดินไปก่อนจะเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าพร้อมจะกลับกาฬสินธุ์
 พอรุ่งเช้า จ่อยรีบออกเดินทางส่วนเปลวกนกนั้นรับสมัครคนรับใช้ คนสวนและคนขับรถ คนขับรถชื่อสมบูรณ์ คนสวนชื่อลุงชัยและคนรับใช้ชื่อแหวว เปลวเองชื่นชอบทั้งสามแต่ปิ่นกลับสะอื้น แม่ปลื้มเดินเข้ามาหาบุตรสาว
“เปลว ปิ่นหลานข้าอยู่ไหนละลูก” แม่ปลื้มถามหาอีกฝ่าย
“อยู่แต่ในห้องนะแม่ปิ่นนี่ก็ชอบคนในแชทสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหนกัน”
“แม่รู้นะว่าเปลวขัดขวางปิ่นไม่ให้รักกับนายจ่อยแต่แม่ดูออกนะนายจ่อยเขาก็เป็นคนดี แม่รู้นะว่าลูกหวงเขา”
“ใช่นี่คะแม่ ปิ่นนะโง่ไปรักกับนายจ่อยนี่คะแม่”
“หลานข้าไม่ได้โง่หรอกเปลวเขาเชื่อใจอีกคน ก็เหมือนเอ็งตอนสมัยสาวๆไงเอ็งยังรักชายภาได้เลย”
“แม่คะพอได้แล้ว”เปลวเอ่ยพร้อมไม่อยากฟัง
ก่อนเดินหนีจากไป
 ณ ค่ายทหารจักรพงษ์ ปราจีนบุรี ร่างกายกำยำ หล่อ สวมชุดลายพรางทหารธนากร มองรูปในโทรศัพท์ของตนเป็นรูปถ่ายครอบครัวคือ ชายภา หญิงเปลว ตน และยัยปิ่นน้องสาวสุดสวย จนเพื่อนๆแซวว่า คนข้างๆ นั่นแฟนหรือ แต่กรมักจะบอกไปว่าน้องสาว ทำเอาเพื่อนร่วมงานต่างมาจีบ
“กร นั่นน้องสาวนายหรอสวยนะคนนั้นนะ”
“ดนัยจะจีบน้องสาวเราหรอ ฝันไปเถอะนะ เดี๋ยวฉันจะโทรไปหาน้องสาวฉันนะ”
พอสิ้นเสียงกรหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรคุยกับน้องสาว ปลายสายในการสนทนาพร้อมสะอื้น
“ฮัลโหล”
“ยัยปิ่นใครทำอะไรให้ทำไมถึงร้องไห้ละ”
“แม่ขัดขวางความรักของเราพี่จะมาตอนไหนหรอ”กรถามอีกฝ่าย
“พี่จะกลับอาทิตย์หน้าจ๊ะน้องเข้มแข็งไว้นะอย่าร้องไห้”กรปลอบใจน้องสาว
“OK พี่ปิ่นจะเข้มแข็งไว้ ปิ่นคิดถึงพี่นะคะ”
ปิ่นเอามือปาดน้ำตาก่อนจะสงบสติอารมณ์
กรปลอบใจอีกฝ่ายก่อนจะมองไปยังแฟ้มที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ
“ปิ่นแล้วมีปัญหาเรื่องงานหรือเปล่า”
ปิ่นสูดลมหายใจก่อนตอบไป
“ไม่นี่คะ ปิ่นนะช่วยยัยดา คุณสาทำเอกสารนี่คะ”
กรชำเลืองมองแต่อีกสักพักนั้นก็มีพลทหารเอาเอกสารมาให้ก่อนตะเบ๊ทำความเคารพและเดินจากไป
“อาทิตย์หน้าพี่จะไปเคลียร์เรื่องนี้กับแม่นะ อย่าห่วงนะพี่เองก็คิดถึงปิ่น”
“ค่ะพี่กร”
“แค่นี้ก่อนนะปิ่น”
จบบทสนทนาของทั้งคู่ กรวางสายโทรศัพท์ กรเอามือกุมขมับพร้อมคิดเรื่องปิ่น
เมืองกาฬสินธุ์ จ่อยตั้งแต่เสียใจหนีกลับมาบ้าน ตอนนี้วุฒิการศึกษาของเขาอยู่ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง เขาคุยถึงเรื่องพี่ชายของปิ่นเป็นทหารให้โอมฟัง
“โอม เซื่อบ่ว่าปิ่นนี่มีอ้ายเป็นทหารนำ”
“เซื่อนะ ว่าแต่แม่นคนซื่อกรบ่”โอมถามเพื่อนของเขา
“แม่นตอนนี้เห็นบอกว่าเป็นนายพันแล้วนะ”
“อีหลีติ จ่อยคือบ่สมัครเป็นทหารเลยวะ”
จ่อยนั่งคิดคำแนะนำของโอมเพื่อนรัก
“ขอบใจเด้อหมอที่แนะนำให้ข่อย”
โอมงงก่อนที่จะเหลียวหันกลับไปอีกทาง
 จ่อยนั้นเริ่มคิดว่าถ้าตนเองเป็นทหารคงดีมากๆ เลยจ่อยเลยรีบไปสมัครเป็นทหารที่ค่ายหนึ่งในจังหวัดอุดรธานีและสุดท้ายเขาได้เป็นพลทหาร จ่อยมาในชุดลายพรางทหาร จ่อยปฎิบัติหน้าที่ได้ดีจนเลื่อนยศเป็นสิบตรีจ่อย ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหวังว่าจะโทรไปหา ปิ่นเขาลองกดโทรไปหาในสายมีคนรับ
“ฮัลโหล ปิ่น”
“ค่ะ นั่นใครคะ”เสียงหวานเอ่ยถาม
“ผมจ่อยครับ ผมเป็นทหารแล้วนะ”
อีกฝ่ายยิ้มเจื่อนพร้อมทำท่าทางดีใจ
“จ่อยรู้ไหมคะว่าฉันคิดถึง”
“ครับ ผมก็คิดถึงคุณ”
จ่อยยิ้มอย่างร่าเริง บนโต๊ะตอนนี้มีกองเอกสารมากมาย คำสั่งที่พลทหารนำมาให้ ถึงกับพอทำได้ สิบตรีจ่อยทำงานได้ดี ผบ.จึงเลื่อนยศให้จ่อยเป็นสิบโทจ่อย
“ขอบคุณมากๆ เลยนะครับท่านผบ.”
“รู้ไหมทำไมที่ให้นายเลื่อนยศละ”ผบ.ของค่ายเอ่ยถามอีกฝ่าย
“ไม่ทราบครับเพราะอะไรหรอครับ”
“เพราะนายทำงานได้ดีมากๆเลย อะนี่คำสั่งขอย้ายไปประจำการที่เชียงราย”
ผบ.ยื่นเอกสารให้อีกฝ่าย ในเอกสารระบุว่า
‘คำสั่ง ขอย้ายสิบโทฉัตรชัย มงคลดี ไปรักษาราชการจากอุดรธานีย้ายไปจังหวัดเชียงราย ทางเราขออนุมัติให้ย้ายด่วนลงนาม ผบ.กองบัญชาการค่ายประจักษ์ศีลปาคม’
“ขอบคุณครับท่านผมจะทำหน้าที่ได้ดีครับ”
สิบโทฉัตรชัยก็เดินออกจากห้องไปก่อนชำเลืองไปที่นาฬิกาข้อมือ เขาเห็นพลทหารนายแล้วนายเล่ากำลังมองสายฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนัก สิบโทฉัตรชัยรีบเดินออกไปที่โรงรถ นี่คือสายฝนที่บ่งบอกถึงฤดูฝน เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูรูปของปิ่นเขายิ้มให้กับคนในรูปก่อนเคลื่อนรถออกไป
 ณ ห้องทำงานของผู้พันกรเริ่มพิมพ์เอกสารในคอมพิวเตอร์ ก่อนจะมองดูรูปน้องสาวของตนเขาคิดว่าเหลืออีกไม่กี่วันก็จะกลับไปหาน้องสาว เขาทำหน้าที่ได้ดี นายพลของค่ายเข้ามาตรวจงานและตรวจความเรียบร้อย ก่อนจะเข้ามาใกล้พันตรีกรก่อนเอ่ยถาม
“กร เป็นไงเอกสารทำเสร็จหรือยัง”
“ยังครับท่าน ผมกำลังทำอยู่ครับ”
“ดีมาก วันนี้ตอนเที่ยงอย่าลืมมาทานข้าวที่ร้านของพลอยใสนะ”
“ครับท่าน”กรตอบและทำงานเอกสาร
นายพลเดินออกจากห้องก่อนจะทิ้งให้ธนากรตั้งใจทำงาน เขาดูเวลาในคอมพิวเตอร์เป็นเวลา สิบเอ็ดโมง สี่สิบนาที เขารอและพิมพ์งานจนเสร็จ และรีบเดินออกไปที่ร้านของพลอยใส
 พลอยใสทำหน้าที่ของตนเอง ป้าของพลอยใสอยู่จังหวัดเชียงใหม่ พลอยใสเลยคุยกับป้าของตน
“ป้าไหมจะพาหนูไปทำงานที่เชียงใหม่หรอคะ”เสียงหวานเอ่ยขึ้น
“ใช่ สิถ้าหนูอยากไปที่นั่นก็จะได้เรียนต่อหรือไม่ก็ไปเปิดร้านขายที่นั่นก็ได้ คนจะได้ลิ้มรสอร่อยๆไง”ป้าสมัยหญิงวัยกลางคนบอก
“เดี๋ยวขอหนูคิดก่อนนะคะป้า”
พันตรีกรกับนายพลเดินเข้ามา พลอยใสทำหน้าที่ต้อนรับ
“ท่านนายพลจะรับอะไรดีคะวันนี้”
“เอาผัดพริกหยวกแล้วผู้พันกรละ”
“ผมเอากะเพราไก่ไข่ดาวครับ พลอยจะย้ายไปอยู่เชียงใหม่หรอ”กรถามอีกฝ่าย
“ใช่นะ ที่นั่นอากาศก็ดี ฉันเองเคยคิดนะว่ากะจะไปปลูกผักที่นั่นด้วย”พลอยใสตอบ
“ก็ดีนะครับ เห็นที่นั่นปลูกผักบ้านเขาผักกรอบอร่อยมากๆ ได้ชมวิวบนดอย”
พลอยใสเองก็อยากเที่ยวเชียงใหม่เพราะไม่เคยขึ้นดอยเลยสักครั้ง
“ป้าพลอยตัดสินใจแล้วว่าจะไปเชียงใหม่กับป้า”
ป้าสมัยยิ้มเพราะดีใจที่หลานสาวยอมไปเชียงใหม่
“หวัดดีครับป้า ว่าแต่อยู่อ.ไหนของเชียงใหม่ครับ”กรถามหญิงวัยกลางคน
“อำเภอหางดง”หญิงวัยกลางคนตอบ
กรเองก็อยากไปเที่ยวเชียงใหม่ ก่อนเดินไปนั่งที่โต๊ะ ท่านนายพลกำลังมองมาทางกร
“มีอะไรหรอครับท่าน”
“อยากไปเที่ยวเชียงใหม่หรอ ถ้าอยากไปก็ลาได้นะ ผมเห็นใจ”ท่านนายพลบอก
“ครับท่าน”
กรบอกก่อนมองมาที่แม่ค้าสาววันนี้มาแบบอารมณ์ดีก่อนส่งยิ้มให้
“มาแล้วค่ะ นี่กะเพราะไก่ นี่ผัดพริกหยวก”
พลอยใสเดินออกจากที่นั่น ป้าสมัยเห็นผู้พันกรและคิดว่าคนนี้เป็นคนที่จิตใจดีก่อนเอ่ยถามหลานสาว
“พลอยชอบผู้พันกรไหมละลูก”
พลอยทำปากจู๋ๆ ไม่ให้พูดเสียงดัง
“ก็ชอบนะคะป้า แต่ดูจากครั้งแรกคิดว่ามีชาติตระกูลนะคะแบบเป็นผู้ดีในหม่อมเจ้าไรงี้ หรือไม่ก็คุณชายกรมันก็แฟร์นี่คะ”พลอยใสตอบ
“หรอหลาน ไปเชียงใหม่อากาศกำลังดีเลย อยู่บนพื้นราบนีร้อนมากๆ พอขึ้นไปบนดอยนี่ อากาศดีและเย็นสบายเลยละ” ป้าใหม่ชักชวนหลานสาวให้ย้ายไปอยู่ด้วย
“เดี๋ยวต้องรอคิดก่อนนะคะป้า ใจจริงหนูเองก็อยากจะไปอยู่นี่คะแต่กลัวว่าแม่จะทำไม่ทัน”
“ลูกไปกับป้าเถอะ แม่พอทำได้”หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้น
“งั้นหนูจะไปเชียงใหม่กับป้า ป้าคะจะไปตอนไหนหรอคะ”
“ไปวันพรุ่งนี้จ๊ะ จะไปอยู่ที่นั่นเดือนหนึ่งพอดี ป้านะอยากให้หลานมีอนาคต ป้าตัดสินใจแล้วจะให้หลานไปเรียนพยาบาลพอเรียนจบหลานก็จะได้สบายๆ ไง” ป้าใหม่ตอบ
พลอยใสครุ่นคิดอยู่สักครู่จึงตอบไป
“ได้ค่ะป้า หนูจะไปเรียนพยาบาลที่นั่นจนเรียนจบ แม่จะได้สบายเสียที” พลอยใสตอบ
ธนากรไม่เคยไปเชียงใหม่เลย เขาหันหน้ามามองที่พลอยใสแล้วเลิกคิ้วให้อีกฝ่าย พลอยใสกังวลใจอีกเรื่องที่เขาจะไม่ได้พบหน้าธนากร เขาจึงแลกเบอร์ให้กันพร้อมแลกไอดีไลน์ให้กัน จนทั้งคู่เข้าใจกันดี
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา