ห้าดรุณี (ลงเว็บนี้กับเว็บเด็กดี)
เขียนโดย ณัฐพล
วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.21 น.
แก้ไขเมื่อ 31 มีนาคม พ.ศ. 2562 21.38 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) บทที่ 3 แม่ค้าคนใหม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพลอยใส หรือ วสิตา พูนทอง เป็นบุตรสาวของพันโท สมเกียรติ พูนทอง เธอเป็นบุตรสาวคนเดียว จนมีลูกนายทหารในค่ายมาจีบแต่เธอปฎิเสธ เธอจบแค่วุฒิการศึกษามัธยมชั้นปีที่6 เธอเคยมีความใฝ่ฝันคือ พยาบาลแต่ก็ต้องฝันสลายเพราะพ่อของเธอเสียในขณะปฎิบัติหน้าที่ มีลูกน้องของพ่อเธอซึ่งก็คือ จ่าพันกับจ่าบุญยง คอยมาหาเธอ แม่ของเธอมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่ง จนคนในค่ายทหารแวะมากินที่ร้านของแม่เธอ เธอเองก็ทำอาหารช่วยแม่จนขายดี ในขณะที่แวะพักกลางวัน พลทหารธนากรก็แวะเข้ามากินที่ร้านแห่งนี้ ถนนด้านนอกเจิ่งนองไปด้วยน้ำฝนที่ตกลงมา ธนากรนั่งมากินข้าวร้านนี้อยู่ประจำ
“พลทหารวันนี้จะกินอะไรหรือคะวันนี้”น้ำเสียงเจือไปด้วยการบริการลูกค้าที่มาเยือน
“คะน้าหมูกรอบสองจานกับกะเพราหมูหนึ่งจาน”
พลอยใสพยักหน้าและเอ่ยถามน้ำเสียงเจือแบบใสเหมือนหน้าของเธอ
“จะรับน้ำอะไรดีคะ”
ดนัยยิ้มก่อนตอบแบบหยอกๆ
“มีน้ำใจไหมครับถ้ามีจะสั่ง”
พลอยใสมองหน้าอีกฝ่ายแบบไม่พอใจ ธนากรหยิกแขนเพื่อนทันที
“ดนัยไปแซวเขาไม่เข้าเรื่องเห็นไหมเขาไม่พอใจใหญ่แล้ว”
พลอยใสจ้องประสานตากับธนากรเขาคอยนึกในใจว่า อีกฝ่ายทำไมดูอบอุ่นใจจัง พลอยใสส่งยิ้มให้ธนากรก่อนเดินกลับเข้าไปในครัวของร้าน
“เห็นไหมสงสัยเขาส่งยิ้มให้ข้าแล้วมั๊ง”ดนัยบอกกับตัวเอง
“ไม่น่าใช่นะ แต่ฉันคิดว่าเขายิ้มให้เรามากกว่า”ธนากรบอกก่อนจะเดินไปสั่งน้ำแตงโมกับน้ำฝรั่ง
“มาแล้วค่ะ นี่น้ำแตงโมนี่น้ำฝรั่ง”หญิงวัยกลางคนเสริฟน้ำให้อีกฝ่าย
“ขอบคุณครับป้า ป้าครับนั่นลูกสาวของป้าหรอครับ”
“ใช่ค่ะ เธอชื่อพลอยใส แต่พ่อของเธอเสียไปเมื่อสามปีก่อน เธอขยันมากๆ เลยนะพ่อหนุ่ม”หญิงวัยกลางคนตอบ
“ป้าชื่ออะไรครับ”
“ป้าชื่อสายสุนีย์ ป้านะขายอาหารที่นี่มาห้าปีแล้ว”
หญิงวัยห้าสิบกว่าๆตอบอย่างเป็นกันเอง
“พ่อหนุ่มพึ่งมาประจำการที่นี่หรอ”
“ผมพลทหารครับ ป้า ผมชื่อพลทหาร ธนากร นภาธรครับ”
ป้าสายยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะเอ่ย
“พลทหารกร เดี๋ยวก็กลายเป็นสิบโทธนากร เป็นข้าราชการนะดีแล้วนะ” ป้าสายตอบ กรเองก็คิดว่าป้าพูดถูกก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
“ป้าครับลูกสาวของป้าเรียนจบวุฒิไหนหรอครับ”
“ลูกป้านะจบแค่ม.6ป้าเองก็บอกนะว่าให้ไปทำงานโรงงาน แกก็บอกว่าช่วยแม่อีกแรงและเรียนรู้ในการทำอาหาร”
กรเองก็คิดนะว่าของแบบนี้ไม่บังคับเขาได้
นาทีต่อมากะเพรากับคะน้าที่สั่งมาถึงโต๊ะที่อีกฝ่ายนั่ง พลอยเหลือบมองการแต่งกาย กรสวมชุดลายพรางทหาร กางเกงขายาวลายพราง รองเท้าสีดำขลับเป็นมัน
“โห โครตเท่ห์วะคนนี้”
พลอยเดินจากไปก่อนจะเรียกมารดาของตน
“แม่ดูพลทหารคนนั้นสิแม่ เขาดูหล่อ เท่ห์ นิสัยดี การแต่งตัวเหมือนคนมีฐานะเลยนะแม่”พลอยบอก
“ใช่แล้วเอ็งรู้ไหมเขาชื่ออะไร”
อีกฝ่ายสั่นหัวไปมา ก่อนป้าสายจะตอบ
“เขานะชื่อ ธนากร นภาธรนะเว้ย แม่ว่าเขาเป็นคนดี มีชาติตระกูล”
“แม่เป็นแบบนี้ทุกทีครั้งที่แล้วก็ผู้กองแมน ลูกชายปลัดเพชร แม่นะแม่จะให้หนูมีแฟนก่อนหรือไง”เสียงหวานเอ่ยบ่น
“ก็แม่นะอยากอุ้มหลานนี่ถ้าเอ็งขึ้นคานเดี๋ยวจะลงยากนะ”
กรนิ่งเงียบที่อีกฝ่ายกล่าวหานินทาเรื่องคู่ครองแต่เขาไม่คิดเรื่องมีแฟนเลยสักนิด ก่อนที่เดินมาจ่ายเงินและเดินออกไปเพื่อฝึกความแข็งแกรง และรวดเร็วเข้มงวดและฝึกความอดทน
พอ1ปีต่อมา ธนากรถูกเลื่อนขั้นเป็นสิบโท หม่อมหลวงธนากร นภาธร จนตอนนี้เขาก็มาฝึกท้องให้กับร้านสายสุนีย์โภชนาที่ตอนนี้เจ้าของร้านคือ พลอยใส
“อ้าวพ่อหนุ่มรูปหล่อวันนี้จะเอาอะไรดีคะ”ป้าสายพูดโย้มน้าวอีกฝ่าย
“วันนี้เอาข้าวผัดหมูไข่ดาวอละเอาน้ำส้มครับ”
“พลอยทำข้าวผัดให้คุณกรกินหน่อยสิลูก”
“จ้าแม่”
พลอยใสอมยิ้มและมองมาอีกฝ่าย ตอนนี้กรกำลังหยิบมือถือขึ้นมาดูและคุยกับน้องสาวผ่านFacebook
ยัยปิ่นคนเก่ง:สวัสดีค่ะพี่กร เห็นได้ข่าวว่าตอนนี้ได้ยศสิบโทแล้วหรอคะ
สิบโทกร:ใช่แล้ว พี่เป็นข้าราชการทหารแล้วนะ แล้วพ่อกับแม่สบายดีไหม
ยัยปิ่นคนเก่ง:สบายดีค่ะ แต่ปิ่นหมั่นไส้ยัยวาดนางมากวนเราตลอดอยากตบนางแต่ชั่งมันเถอะพี่
สิบโทกร:ดีแล้ว อดทนไว้นะ
ยัยปิ่นคนเก่ง:ตอนไหนนะพี่กรจะมีว่าที่พี่สะใภ้มาฝากพ่อกับแม่กันนะ
สิบโทกร: คงอยู่ในค่ายทหารนี่แหล่ะแต่ตอนนี้พี่มากินร้านอาหารในค่ายเขาเป็นเจ้าของร้านอาหารด้วยนะ เดี๋ยวพี่กินข้าวก่อนนะน้องสาว
ยัยปิ่นคนเก่ง:คร๊า
กรวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะก่อนที่ป้าสายจะถาม
“คุยกับใครหรอหรือว่าสาวๆ”
“เปล่าครับป้าผมคุยกับน้องสาวเขาอยู่กับพ่อแม่แต่ผมเองก็มาทำงานครับ”
พลอยเดินออกมาจากครัวพร้อมมองค้อนอีกฝ่าย
“น้องสาวจริงหรอคงไม่ใช่กิ๊กละมั๊ง”
“นี่คุณผมคุยกับน้องสาว เขายังแขวะผมว่าคุณคือว่าที่แฟนผมเลย”
พลอยหน้าแดงกล่ำแถมปฎิเสธ
“ตาบ้า ฝันไปเถอะยะ”
กรอมยิ้มก่อนโทรไปสั่งงานก่อนจะเหลือบไปหาพลอยใสอีกครั้ง
ณ วังนภาธร ที่ตอนนี้แดดออก ปิ่นนั้นกำลังว่ายน้ำอยู่บนสระว่ายน้ำ เสียงตามหลังเป็นเสียงของกานต์เรียกหาอีกฝ่าย
“ปิ่น มาอยู่นี่เองกำลังเล่นน้ำหรอจ๊ะ”
“ใช่นะ อากาศก็ร้อนมากๆ นี่ขนาดหน้าฝนแล้วนะยังตกไม่ค่อยเยอะเลย”
กานต์มองมาทางปิ่นตอนนี้ปิ่นเริ่มขึ้นมาจากสระน้ำแล้ว
“นี่กานต์ ฉันแล้วไม่ค่อยชอบหน้ายัยคนเหนือนั่นเลย”ปิ่นบอกก่อนจะเลี้ยวตัวไปอีกทาง
“อ๋อ คุณวาดหรอ ตอนฉันเข้าไปเมื่อกี้นี้ไม่ได้รู้สึกแบบเธอเลยนะ”
“หรอแต่ฉันว่า มันคงอยากเป็นศัตรูกับเรามั๊ง”
“นั่นไงพูดยังไม่ทันขาดคำก็มาพอดี”
แม้นวาดเดินมาหยุดอยู่ที่สองคนกำลังยืนอยู่
“อ้าวน้องกานต์มาคุยกับไพร่อยู่นี่เอง”แม้นวาดสบถ
ปิ่นได้แต่ทำหน้าบึ้ง แต่กานต์ห้ามเอาไว้
“ค่ะพี่วาด จริงสิคุณหญิงป้าสบายดีไหมคะ”
“สบายดีแล้วคุณหญิงน้ายอสบายดีไหมวันหลังจะได้ไปเยี่ยม”แม้นวาดถาม
“สบายดีค่ะพี่วันหลังพี่วาดไปเยี่ยมก็ได้นะคะ”
แม้นวาดโอบกอดกานต์มณีพร้อมคิดแผนให้อีกฝ่ายกลั่นแกล้ง
“ปิ่นงั้นเรากลับก่อนนะ”
แม้นวาดถลึงตามองตามพร้อมไม่สนใจอีกฝ่าย
“คอยดูเถอะยัยแม้นวาดฉันจะจิกหัว ตบๆ ชิยัยบ้าเอ๊ย”
ก่อนปิ่นเดินจากไป มุ่งตรงมายังเปลวกนกซึ่งเป็นแม่ของเธอ
ปิ่นใช้app skypeไปคุยกับพี่ชายของตน
“พี่กร เห็นน้องหรือยัง”ปิ่นยกไม้ยกมือชูสองนิ้ว
“เห็นแล้วจ๊ะ น้องปิ่น ตอนนี้พี่ทำงานอยู่เห็นกองเอกสารไหม”
“เห็นค่ะ พี่กรพอดีพ่อกับแม่เขาคิดถึงพี่”ปิ่นยกโทรศัพท์แพลนมาทางพ่อกับแม่
“ตากรเป็นไงบ้างงานเยอะไหมที่นั่น”
“ครับพ่อพอดีท่านผ.บ.เขามอบหมายงานมาเยอะครับพ่อ แม่ครับขอบคุณนะครับที่ส่งผมจนเรียนจบระดับปริญญาตรี”
“ไม่เป็นไรหรอกตากร ตอนตากรยังเด็กๆแม่เคยพาไปเที่ยวที่สวนสาธารณะและไปปิกนิกกันทำให้แม่นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ”
“ครับแม่ แต่ยัยปิ่นขับรถเป็นนี่ครับแม่ ว่างๆก็พาพ่อแม่ไปหน่อยสิ”
“จ้าเดี๋ยวแม่จะบอกน้องละกันนะ”
“งั้นแค่นี้นะครับแม่”
จบบทสนทนาชายภากับหญิงเปลวมองหน้าบุตรสาวพร้อมสูดลมหายใจก่อนถามอีกฝ่าย
“ปิ่น ว่างหรือเปล่าลูกช่วงเสาร์ อาทิตย์นี้”
“ว่างค่ะแม่ แต่หนูว่าชวนนายจ่อยไปพัทยาสิคะแม่”เสียงหวานเอ่ยตอบ
“ก็ดีนะ เราจะได้ไปปิกนิกกันที่ริมชายหาด”
หญิงเปลวเดินไปห้องครัวตอนนี้เขามองไปที่รูปถ่ายสมัยปิ่นและกรยังเด็กและมีกานต์และเล็กร่วมถ่ายด้วย หญิงเปลวคิดถึงหญิงยอ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะโทรไปหาหญิงยอ
“ฮัลโหลหญิงยอหรอ”
“ใช่ค่ะ”เสียงปลายสายตอบ
“สบายดีไหม”
“สบายดีแล้วโทรมามีอะไรหรอ”
“คือว่า เราจะพากันไปปิกนิกที่ริมทะเลนะพวกเด็กๆ อยากเล่นน้ำก็เล่นได้นะ”
หญิงเปลวชวนน้องสาวของตน
“ได้สิเปลว”
จบการสนทนาตอนนี้ปิ่นรีบชวนแฟนของตน
“นายจ่อย วันเสาร์ไปเที่ยวทะเลกันไหม”
จ่อยเองไม่เคยเห็นทะเลมาก่อนเลย จ่อยได้แต่พยักหน้ากัน
“ได้สิครับ ไปกันกี่คนครับ”จ่อยถามอีกฝ่าย
“สองครอบครัวมีฉันกับคุณหญิงยอ”
ปิ่นเองก็พยักหน้ารับพร้อมเดินไปอีกทาง ในตอนนี้หญิงยอกับชายภูกำลังนั่งมองทะเลนอกหน้าต่าง ตอนนี้ฝนไม่ค่อยตก พร้อมเอ่ยเบาๆ
“ชายภูตาเล็กบอกว่าไม่ว่างเลยนะคะอาทิตย์นี้เพราะมีเคสผ่าตัด”
ชายภูส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนตอบ
“ไม่เป็นไรแล้วยัยกานต์ละ”
“ว่างค่ะ แกนะตั้งแต่แกเรียนจบมาแกแทบจะไม่รู้เลยว่าจะทำงานอะไร วันๆเอาแต่เล่น กิน นอน หรือแม้แต่คุยโทรศัพท์กับเพื่อน”หญิงยอบ่นที่บุตรสาวไม่เอาไหน ไปทำงานก็บ่นว่าไม่อยากไป
“หญิงยอ เราว่าเราควรส่งเสริมให้ยัยกานต์ทำงานในสิ่งที่เขาชอบ ถ้าเขาเจองานที่ชอบเขาจะทำเอง”ภูบดินทร์เสริม
รถมาสด้า3 สปอร์ตสีน้ำเงินเคลื่อนเข้ามาจอดที่โรงรถของบ้านของชายภู ก่อนทั้งสองจะมองมาที่อีกฝ่ายกำลังลงมาจากรถคันโปรด
“ลงมาแล้วหรอยัยกานต์นี่ไม่คิดจะหางานหาการทำบ้างเลยหรอ”หญิงยอทำเสียงดุใส่บุตรสาว
“แม่ขา อย่าดุหนูสิคะแม่”บุตรสาวออดอ้อนผู้เป็นมารดา
“นี่แม่ขอสั่งเลยนะว่าให้ไปทำงานเลย”
หญิงยอสั่งบุตรสาว ในขณะนั้นก่อนรถอีกคันเคลื่อนเข้ามาจอดทั้งคู่ได้ยินเสียงรถจึงรีบวิ่งไปดู
“นั่นรถใครหรือว่าตาเล็กจะมาแล้ว”
อีกฝ่ายเปิดประตูรถลงมา หนุ่มในชุดกาวน์ เดินมาหาสองแม่ลูก ใบหน้ามีเหงื่อแตกผลัก
“ตาเล็กเหนื่อยมากไหมลูก”หญิงยอถามอีกฝ่าย
“ครับแม่ ยัยนี เอาไหมเดี๋ยวพี่จะสมัครงานให้เธอ”
อีกฝ่ายทำสีหน้ายิ้มเป็นนัยๆ
“ก็ดีนะพี่เล็ก แม่เราจะได้ไม่บ่นว่าเราซะที”
อีกฝ่ายเลิกคิ้วใส่แม่ทีจริงทีเล่น
“ตาเล็กดูๆ น้องสาวแกนี่ใช้ไม่ได้เลยวันๆ คิดจะไปก็ไปคิดจะมาก็มาซะอย่างนั้น”
หมอหนุ่มชำเลืองมองมาทางแม่ของตน ก่อนจะรับสายโทรศัพท์ ขึ้นหน้าจอว่า ‘หมอเอกชัย’ จึงรับสาย
“สวัสดีครับ หมอเอก พรุ่งนี้มีเคสผ่าตัดคนไข้ที่เป็นผู้หญิงหรอ ได้ครับจะรีบแต่เช้าครับพรุ่งนี้ ครับสวัสดีครับ”
“แม่ครับพ่ออยู่ไหนครับ”ภูธเนศถามหาบิดา
“พ่ออยู่หน้าบ้านนะลูก”
ภูธเนศรีบเดินไปหาพ่อของตน ก่อนหญิงยอจะรีบไปเปิดดูข่าวในทีวี นักข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งรายงานข่าว
“วันนี้เราจะมาอ่านข่าววิทยาศาสตร์กันนะคะ นักวิจัยเข้าร่วมชี้แจงเรื่องปรากฎการณ์ภาวะโลกร้อนหรือปรากฎการณ์เรือนกระจกจะทำให้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แต่องค์การการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐกล่าวรายงานว่า ในปี2020จะส่งคนไปอยู่บนดาวอังคารและจะหารือทุกฝ่ายช่วยกันลดโลกร้อน เรามาดูข่าวอีกข่าวหนึ่งคือ แกนนำของผู้ชุมนุมชุดแดงได้มารวมตัวกันที่แยกราชประสงค์ครับตอนนี้ทหารกำลังดูแลความสงบของบ้านเมืองไว้ได้ครับ ส่วนตอนนี้ขอจบการรายงานข่าวเพียงแค่นี้ครับ”นักข่าวกล่าวรายงานจนจบ
หญิงยอยกโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรไปหาเปลวกนก
“ฮัลโหลหญิงยอมีอะไรหรอ”
“เปลวตากรนี่เขาจะไปร่วมรบกับพวกผู้ประท้วงชุดแดงไหม”
“เห็นเขาว่า นายส่งไปไหนเขาจะไปดูแลรักษาความสงบที่นั่น”
“หรอ ฝากบอกเขาว่าดูแลและระวังตัวด้วยนะ”
หญิงยอรีบวางสาย อีกสักพักบุตรชายดูข่าวเรื่องสถานการณ์ชายแดนใต้
“แม่ครับคิดว่าพี่กรเขาจะไปดูแลความสงบส่วนไหนครับ”
“แม่ไม่ทราบนะตาเล็ก จริงสิลูกรู้สึกเบื่อทำงานอยู่โรงพยาบาลหรือยัง”
ภูธเนศพ่นลมออกมาก่อนตอบ
“ยังนี่ครับแม่คงปีหน้ามั๊งครับถึงเบื่อ ปีหน้าผมจะเป็นแพทย์ทหารประจำค่ายครับแม่”
หญิงยอพยักหน้ารับ ก่อนจะเลือบมองมายังบุตรสาว
“เห็นไหมยัยกานต์พี่ชายเรานะหาความก้าวหน้า แม่บอกแล้วนี่ว่าให้ไปทำงานเป็นพยาบาลนะก็ดีนี่”
“แม่คะพี่เขานะเขาชอบทำงานช่วยเหลือคนอื่นนี่คะ พอทีหนูแม่ละตามใจ ก็ได้หนูจะไปทำงานพยาบาล”
กานต์มณีเดินไปอีกทาง ภูธเนศมองมาทางน้องสาวของตนพร้อมบ่น
“แม่ครับอย่าไปสนยัยกานต์เลย บางวันก็หาออกเที่ยวกับเพื่อน”
“แต่ยัยกานต์นี่ไม่มีงานทำเลยนะ เห็นไหมเพื่อนสมัยเรียนด้วยกันนี่เขาดูถูกแล้วมันเนี่ยไม่มีความสุขเลยแม่เองก็ปวดหัวจะบ้าตาย”หญิงยอบ่น
“แต่แม่ภูมิใจนะที่ลูกชายแม่มีการงานที่ดี มีแต่ลูกนี่แหล่ะที่ไปบอกน้องได้”
หญิงยอกุมมือบุตรชาย
“ครับแม่ผมจะบอกน้องว่าให้ไปเรียนพยาบาลเพราะเขาจบม.6”
ภูธเนศเดินขึ้นไปหาน้องสาวของตน
หญิงสาวอีกคนแม้นวาดกำลังเดินมาทางเดินของวังนภาธร พร้อมมองดอกลีลาวดีพร้อมเรียกคนรับใช้ของตน
“น้อย น้อย”
“คุณแม้นมีอะไรหรือเจ้าคะ”น้อยบอก
“ยัยปิ่นกนกไปไหน ฉันจะได้สั่งสอนมัน”แม้นวาดขึ้นเสียงดุ
“ไม่รู้สงสัยไปทำงานละมั๊งคะ”
แม้นวาดเดินเข้าไปหาจ่อย ในขณะนี้จ่อยกำลังบำรุงรักษารถ
“นายจ่อย เห็นยัยปิ่นไหม”
“ไม่เห็นครับเพราะไปทำงานครับคุณวาด คนเราทุกคนมีงานก็ต้องทำไม่ใช่มัวเดินเพ่นพ่านเหมือนคุณวาดนี่ขอรับ”
แม้นวาดสะบัดอย่างไม่สบอารมณ์ จ่อยบ่นพึมพำ
“คุณวาดนี่จักอิหยัง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายผีเข้าละมั๊ง”
โอมเดินมา
“เป็นอิหยังจ่อย”
“บ่มีหยังวะ คุณวาดนี่เพิ่นก็จักอิหยังสงสัยผีเข้ามื้อหลังคงสิซื้อพระมาห้อยคอซะแล้ว”
“แม่หญิงก็เป็นแนวนี้แหล่ะข่อยบ่ค่อยเข้าใจวะ เว้าอยาก”โอมเสริม
“เฮ็ดงานเดี๋ยวสิบ่ได้เงินเดือน ปะเฮ็ดงาน”จ่อยบอกก่อนแยกย้ายมาทำงาน
คุ้มเวียงสรวง จังหวัดเชียงใหม่ เจ้าคำฟ้า ณ เวียงสรวงได้แต่งงานกับคุณนายเยาวลักษณ์ ณ เวียงสรวงและมีบุตรชายคนหนึ่ง คือ เจ้าขจรศักดิ์ ณ เวียงสรวงกำลังย่างก้าวเดินลงมาจากบันไดบ้าน คุณนายเยาวลักษณ์มีบุตรชายอีกคนที่ตอนนี้อดเป็นห่วงบุตรสาวไม่ได้ นั่นคือหญิงยอ
“แม่ครับ ผมมีพี่สาวด้วยหรอครับ”เสียงเข้มเอ่ยถาม
“ใช่ ลูกจะต้องไปอยู่กับพี่หญิงยอนะเข้าใจไหม”คุณนายออกปากสั่งบุตรชาย
“ครับแม่ งั้นผมจะไปหาพี่หญิงยอนะครับ”
เจ้าขจรศักดิ์ตอนนี้อายุ31ปีแล้วเขายังไม่เคยมีแฟน
“ป้อ ป้อ เฮาไปก่อนเน้อ”
“เดี๋ยว มีแม่หญิงจื่อฟ้าเปิ้นจะไปต้วยกับลูกเน้อ”
“ป้อครับ”
“ฟ้าจะไปกับอ้ายขจรศักดิ์ต้วยเน้อเจ้า อ้ายให้อี่น้องไปต้วยก่”
เจ้าขจรศักดิ์นั่งคิดเพียงครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
“ก็ได้ ให้อี่น้องไปต้วยกั๋น”
ฟ้าโอบกอดเจ้าขจรอย่างแน่นก่อนเรียกคนรับใช้อีกคนให้ขับรถไปถึงหัวหิน
บ้านของหญิงยอตอนนี้ภูธเนศกำลังมองดูมารดาของตนกำลังรับโทรศัพท์คุยกับเจ้าขจรศักดิ์ซึ่งเป็นน้องต่างพ่อพอคุยเสร็จภูธเนศถามขึ้นทันที
“แม่เจ้าขจรศักดิ์นี่คือใครครับ”
“เขาเป็นน้องต่างพ่อของแม่เองแต่เขาเป็นพี่ใหญ่ของลูกได้นะ”
“พี่เจ้าขจรเป็นพี่ผมหรอครับแม่”
หญิงยอพยักหน้ารับ ในขณะนั้นรถมาสแตรงค์สีทองรถคลาสสิคเคลื่อนเข้ามา หญิงยอเหลือบมองพร้อมต้อนรับ
“ยินดีต้อนรับค่ะเจ้าขจรศักดิ์”
“ครับพี่หญิงยอ คุณนายเยาวลักษณ์สบายดี”
หญิงยอพยักหน้ารับก่อนจะแนะนำให้อีกฝ่ายได้รู้จัก
“เจ้าขจร นี่คือน.พ.ม.ล.ภูธเนศ นภาธร ส่วนนี่คือม.ล.กานต์มณี นภาธร”
เล็กกับกานต์ยกมือไหว้อีกฝ่าย
“สวัสดีครับพี่เจ้า”
เจ้าขจรวันนี้สวมเสื้อกั๊กเป็นเสื้อนอกก่อนมองมาที่กานต์มณี
“พี่หญิงครับลูกสาวคนเล็กทำงานอะไรหรอครับ”
หญิงยอมองหน้าบุตรสาวอีกก่อนส่ายหน้าแทนคำตอบ
ณ ค่ายจักรพงษ์ตอนนี้มีนายทหารคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงาน เขากำลังตรวจงานเอกสารอยู่ นายทหารคนหนึ่งเคาะประตูเรียก
“ขออนุญาตครับ วันนี้มีเอกสารเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนใต้ครับ”พลทหารนายหนึ่งบอก
“เรื่องนี้คงส่งไปหาท่านผ.บ.ก่อนแล้วละมั๊ง ขอบคุณมากนะพลทหาร”
“ครับ”พลทหารตะเบ๊ะทำความเคารพอีกฝ่ายก่อนเดินออกจากห้องไป พันตรีหม่อมหลวงธนากร นภาธร ถึงกับกลุ้มใจก่อนที่จะหลับตาลงเบาๆ
พันโทดนัยเดินเข้ามาหาเพื่อนสนิท
“เป็นไรบ้างวะ ไอ้กร”
“ข้ากลุ้มใจเรื่องคำสั่งวะ นายดูนี่สิ เขาจะส่งกองกำลังพลทหารไปประจำชายแดนใต้วะ”
ธนากรยื่นเอกสารให้อีกฝ่ายดู
“เข้าใจแกนะเว้ยแต่เราทำงานเป็นรั้วของชาติเราต้องยอมตายแต่แกไม่เป็นไรวะ”
“ขอบคุณมากนะแกขอบคุณตลอดเวลาด้วยวะ”
ธนากรชงกาแฟพร้อมจิ๊บแก้เครียด
“เครๆ สหายรัก”
วังนภาธร ตอนนี้มีเปลวกนกกำลังนั่งรับประทานของว่างคือ ข้าวเหนียวมะม่วงส่วนภาคิไนยกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ ส่วนบุตรสาวปีนี้อายุ23ปีแล้ว เขาทำงานได้คล่องแคล่ว เขาทำงานอยู่บริษัท ธนพดิเวลโลพเม้นท์ ตอนนี้เธอสวมชุดทำงาน เธอยิ้มให้กับตัวเองทุกวัน
“สวัสดีค่ะพ่อ แม่”
“อ้าวยัยปิ่นกลับมาแล้วหรอ”
“แม่อะ ก็ปิ่นกลับมาแล้วสิคะ หม่ามี้ของหนู”
“น่าตีนะเรา มีลูกอ้อนเยอะเหมือนพ่อแกเลย”
เปลวกนกย้อนพร้อมมองอีกฝ่าย
“แม่ขา ปิ่นนะก็เหมือนแม่ไงคะ ดื้อ เอาแต่ใจสุดท้ายปิ่นก็รักแม่นะคะ”
เปลวกนกมองมาอีกฝ่ายตอนนี้ปิ่นกำลังออดอ้อนผู้เป็นแม่ เธอนึกถึงตอนเป็นนังเปลวลูกคนใช้แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นม.ร.ว.เปลวกนก นภาธรไปเสียอย่างงั้น ใบหน้าของบุตรสาวทำให้นึกถึงตอนสมัยที่เปลวกนกยังสาวๆ
“แม่คะ มีอะไรหรอคะ”
“เปล่าลูกแม่นึกถึงสมัยสาวๆอยู่นะ แดดสมัยนั้นยังอ่อนยังไม่ร้อนแรงขนาดนี้”
“แม่คะก็ตอนนี้โลกเราเปลี่ยนไปนี่คะ ประชากรก็เลยเยอะนี่คะแม่”
“พรุ่งนี้วันเสาร์เราต้องไปบ้านน้าหญิงยอนี่คะแม่”
เปลวกนกจดพร้อมเตรียมเก็บเสื้อผ้าเข้ากระเป๋าเพื่อไม่ให้ลืม
เช้าวันเสาร์ รถคันโปรดจัดเตรียมขนสัมภาระขึ้นรถก่อนรถเคลื่อนออกจากวังไปตามถนนหลวง
เวลา11.00น.รถของหญิงเปลวกนกชายภาและปิ่นเคลื่อนมาถึงเมืองหัวหินบ้านพักของหญิงยอ
“ถึงแล้วครับคุณชายคุณหญิง”
หญิงยอออกมาต้อนรับอีกฝ่าย ชายภากับหญิงเปลวชำเลืองมองชายหนุ่มสวมเสื้อกั๊กนอก
“หญิงยอนั่นใครหรอ”
“ขอแนะนำให้รู้จักกันนะ นี่คือเจ้าขจรศักดิ์ ณ เวียงสรวง แห่งเมืองเชียงใหม่เป็นบุตรของเจ้าคำฟ้าและคุณนายเยาวลักษณ์แม่ฉันเอง”
“สวัสดีจ๊ะน้องชาย”
“สวัสดีครับ”
ปิ่นมองเจ้าขจรศักดิ์ตาไม่กระพริบจนฟ้าถลึงตาใส่
“แม่นั่นใครนะ เขาหล่อจังเลยแม่”ปิ่นเอ็ดตะโรบอก
“นั่นเจ้าขจรศักดิ์ไง”
จ่อยถึงกับคอตกเลยที่ปิ่นไปสนใจคนหล่อเสียเอาซะดื้อๆแต่ใจจริงแล้วจ่อยเองก็มองปิ่นอยู่ตลอดเวลาถึงกับเดินไปอยู่ข้างๆ ตาเล็กอยู่กันเนืองๆ ด้วยความหึงของจ่อยเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ