สายสืบสุดอึด
-
8) บทที่ 8
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเพื่อนรุ่นน้าบ่นต่อเนื่องพร้อมกับจัดการกับมื้อเช้าของตนเองต่อไป โดยคราวนี้ไม่ต้องมีการเกรงใจกับอาหารตรงหน้าแล้วเพราะผู้ร่วมมื้อเช้าด้วยกันได้เอ่ยอนุญาตให้จัดการกับเจ้าสิ่งแก้หิวตรงหน้าได้อย่างเต็มที่แล้วนั่นเอง ก็เลยสนองกันไปอย่างเต็มคราบจนหมดเกลี้ยง
ขณะที่คู่หูเพื่อนร่วมงานรุ่นหลานได้เพียงแค่มองเฉยๆไม่ได้ว่าอะไรนอกจากกับดื่มกาแฟในแก้วของตนเองเงียบๆไปเท่านั้น และไม่นานหลังจากมื้อเช้าอย่างเต็มที่ของโอบกิจเรียบร้อยไปอย่างชนิดที่ไม่ทันได้จัดการทำความสะอาดภาชนะใส่อาหารด้วยซ้ำไป ผู้ช่วยของถิรนัยก็มาแจ้งให้ไปพบที่ห้องทำงาน
“อ้าวมากันแล้วเหรอ?”
ถิรนัยเอ่ยทักหลังจากที่ลูกน้องสายสืบทั้ง 2 เข้ามาภายในห้องทำงานของตนเองแล้ว ก่อนที่จะเอ่ยว่าต่อเนื่อง
“เออคุณเจตน์ครับนี่สายสืบโด่งระบือกับคู่หูโอบกิจครับผม...”
แนะนำพร้อมกับผายมือให้กับผู้ที่นั่งบริเวณส่วนชุดโซฟารับแขกได้รับรู้ พลางหันไปทางลูกน้องของตนเองพร้อมเอ่ยบอก
“โด่งระบือโอบกิจนี่คุณเจตน์”
“สวัสดีครับคุณเจตน์...”
2 สายสืบทักพร้อมกับยกมือไหว้อย่างพร้อมเพรียงกัน ขณะที่ผู้มาเยือนก็รับไหว้พร้อมเอ่ยเสียง
“สวัสดีครับ”
“นี่ไงครับสายสืบที่จะให้มาทำงานให้กับคุณเจตน์...เป็นอย่างไรบ้างครับพอใช้ได้หรือเปล่า?”
ถิรนัยถามต่อเนื่อง
“ครับ ว่าแต่คนไหนล่ะครับหนุ่มหรือมีอายุหน่อย”
“ก็ต้องคนหนุ่มสิครับ ผมคิดว่าน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับคุณจรัสพงศ์บุตรชายคุณเจตน์นะ...ว่าแต่คุณจรัสพงศ์อายุเท่าไหร่ล่ะ?”
“ยี่สิบแปดย่างยี่สิบเก้า”
“เจ้าโด่งแกอายุเท่าไหร่แล้วปีนี้?”
ถิรนัยหันไปถามลูกน้อง
“ย่างสามสิบครับหัวหน้า”
โด่งระบือตอบอย่างยังไม่เข้าใจกับการถามของหัวหน้าตนเอง ก่อนที่จะหันไปกระซิบกระซาบกับคู่หูเพื่อนร่วมงานรุ่นน้า
“หัวหน้าถามอายุผมทำไมน้า?”
โอบกิจส่ายหน้า
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน...แต่คงจะเกี่ยวกับงานนั่นแหละ...?”
“ยี่สิบเก้าย่างสามสิบก็น่าจะไล่ๆกันนะครับคุณเจตน์...”
ขณะที่หัวหน้าของพวกเขาทั้ง 2 หันไปว่ากับแขกผู้มาเยือนอย่างขอความเห็น อีกฝ่ายหงึกหน้าก่อนที่จะว่าเรียบๆ
“น่าจะใช้ได้นะครับ แต่ถ้าดูดีๆแล้วรู้สึกว่าคุณเออ...?”
“โด่งระบือครับท่าน...”
สายสืบหนุ่มฉกรรจ์โพล่งขึ้นมาหลังจากที่เห็นอีกฝ่ายมองมาทางตน คล้ายกำลังจะนึกถึงชื่อที่จะเรียกตัวเขา
“อ้าใช้คุณโด่งระบือ...ต้องขอโทษด้วยผมมันเริ่มแก่แล้วเลยขี้ลืมไปหน่อย เอาเป็นว่าผมจะต้องจำชื่อจริงคุณให้ได้ก็แล้วกัน...และที่ผมทักนี่ก็แค่จะบอกคุณโด่งระบือว่าหน้าตาอายุของคุณก็คล้ายกับเจ้าลูกชายของผมเหมือนกันแหละ แต่ว่ารู้สึกจะเตี้ยไปกว่าพงศ์เขาเล็กน้อยนะ...”
ถิรนัยหันไปมองหน้าของผู้มาเยือนก่อนที่จะถามอย่างกระตือรือร้น
“แล้วคุณเจตน์คิดว่าจะมีปัญหาอะไรในการปลอมตัวแทนกันในครั้งนี้หรือเปล่าล่ะครับ...ถ้ายังไม่ตกลงอะไรผมพอหาคนอื่นในแผนกมาเปลี่ยนได้นะครับ...แต่ว่าที่ผมเลือกเอาโด่งระบือให้ปฏิบัติการงานในครั้งนี้ก็เล็งแล้วเจ้าลูกน้องผมคนนี้มันค่อนข้างมีฝีไม้ลายมือในแผนกมากที่สุด...”
“ถ้าคุณถิรนัยตัดสินใจและเห็นว่าเหมาะสมก็คงต้องว่าตามนั้นก็ได้ครับ เพราะจะว่าไปแล้วเจ้าพงศ์มันไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็กๆ คงไม่มีใครในเมืองไทยจำได้สักเท่าไหร่หรอกครับ เพราะมันก็ไม่ค่อยได้กลับมาเมืองไทยบ่อยๆมากอะไรนัก”
“ก็สรุปว่าคุณเจตน์ยอมรับให้โด่งระบือเป็นตัวแทนของคุณจรัสพงศ์นะครับ”
ถิรนัยสรุป ขณะที่ผู้มาเยือนหงึกหน้าพร้อมเสียงจริงจังรับ
“ตกลงตามที่คุณถิรนัยเสนอได้เลยครับ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณเจตน์จะให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานของผมไปเริ่มงานได้เมื่อไหร่กันล่ะ?”
“อีกสามวันนี้เลยก็แล้ว ผมจะไปป่าวประกาศกับบรรดาลูกน้องในที่ทำงานก่อนว่าลูกชายจะกลับช่วยผมทำงานที่บริษัท ทำให้มันดูยิ่งใหญ่ไปเลยจะได้เป็นการประกาศให้กับพวกผู้ที่ไม่หวังดีให้พวกมันได้รับรู้ไปเลย...และถ้ามันคิดจะทำอะไรกับเจ้าจรัสพงศ์จะได้เผยโฉมออกมาเสียที พวกคุณจะได้จัดการพวกมันได้อย่างต่อเนื่องยังไงล่ะครับ...คุณคิดว่าเป็นยังไงบ้างสำหรับแผนการนี้ของผมคุณถิรนัย?”
ท้ายเสียงเจตน์หันไปขอคำปรึกษาหัวหน้าหน่วยสายสืบพิเศษอีกที
“ก็ดีเหมือนกันครับ พวกเราจะได้ไม่ต้องคอยนานพวกมันเผยตัวกันออกมาจะได้จัดการไปให้เสียสิ้นเรื่องสิ้นราวไป”
ถิรนัยเห็นคล้อยด้วย
“ดีครับ...”
ผู้มาเยือนว่าแล้วก็ขยับตัวบนเก้าอี้รถเคลื่อนที่ได้ที่นั่งอยู่ ก่อนที่จะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วว่าต่อเนื่องอีก
“ผมคิดว่าวันนี้ก็สรุปได้ว่าพวกเราตกลงเรื่องงานกันแล้วนะ ถ้ายังไงต้องขอตัวก่อนก็แล้วกันพอดีนัดลูกค้าเจ้าสำคัญเอาไว้ ส่วนเรื่องทั้งหมดก็สรุปตามที่ว่าเมื่อกี้นี้ แล้วยังไงผมจะต้องติดต่อมาก่อนที่จะถึงวันนัดแล้วให้คนมารับอีกที ตกลงตามนี้นะคุณถิรนัย”
“ได้เลยครับผมคุณเจตน์”
รับคำหนักแน่นพร้อมกับรีบเข้าพยุงด้านหลังของรถเคลื่อนที่ผู้มาเยือนนั่งอยู่และกำลังทำท่ากดปุ่มขยับตัวรถให้เคลื่อนที่อยู่ ก่อนที่จะเสนอตัว
“ให้ผมช่วยนะครับ เดี๋ยวยังไงผมไปส่งคุณเจตน์ที่ลานจอดรถก็แล้วกัน”
ว่าพร้อมกับค่อยๆดันหลังรถเคลื่อนที่ๆเจตน์นั่งอยู่เพราะจะว่าไปแล้วแม้เขาจะไม่ได้ดัน รถคันนั้นมันก็เคลื่อนตัวดัวยการบังคับของคนที่นั่งมันอยู่แล้วนั่นเอง ก่อนที่จะหันมาสั่งการกับลูกน้อง 2 คน
“เดี๋ยวพวกแกรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ...”
“ครับหัวหน้า”
โด่งระบือรับคำแข็งขันพร้อมกับคู่หูรุ่นน้าก็อ้าปากรับเหมือนกันแต่ไม่มีเสียงใดรอดออกมา นอกจากมองตามการเดินออกไปของหัวหน้างานของตนเอง จากนั้นหนุ่มใหญ่ก็ทำท่าจะเปิดปากเอ่ยอะไรกับเพื่อนร่วมงานรุ่นหลานอยู่รอมร่อ
แต่ว่าพอดีหัวหน้างานของตนเองก็เดินกลับเข้ามาเสียก่อนพร้อมเสียงสั่งแข็งขัน
“เจ้าโด่งกับเจ้าโอบเดินมาที่โต๊ะทำงานฉันหน่อยสิ”
2 ลูกน้องเดินเข้าไปหาหัวหน้าที่โต๊ะอย่างช้าๆ พอถึงด้านหน้าถิรนัยก็เอ่ยเรียบๆว่าต่อเนื่อง
“นั่งก่อนสิ...”
พร้อมกับผายมือมาทางด้านหน้าของโต๊ะของตนเองที่เก้าอี้วางอยู่ด้านหน้า 2 ตัว
“หัวหน้าคงจะสั่งเรื่องงานของคุณเจตน์เมื่อสักครู่นี้ใช่ไหมครับ?”
โด่งระบือถามทันที่นั่งลง
“ถูกต้องแล้วเจ้าโด่ง...”
(หมายเหตุ : รีดฯท่านใดที่ติดตามอ่านงานของไรท์ฯอยู่ ต้องการมีข้อตำหนิติเตียนหรือเสนอแนะอย่างไร หรือเพียงแค่จะทักทายเฉยๆก็แชทมาได้เลยครับที่กลุ่มนิยายพวงพลอยในเฟสฯ หรือจะเข้ามาร่วมกลุ่มกันก็ได้นะครับ ไรท์อยากทราบผลตอบรับการเขียนงานให้ท่านอ่านกันว่าเป็นอย่างไรถูกใจหรือไม่ประการใด ทักเข้ามานะ...)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ