สายสืบสุดอึด
7) บทที่ 7
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เจตน์นิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะเอ่ยจริงจังตามมา
“ผมคิดว่าจะให้หน่วยของคุณถิรนัยหาคนมาเป็นตัวแทนของลูกชายผม...”
“ตัวแทน...”
“ใช่ครับ และนอกจากจะมาเป็นตัวแทนของจรัสพงศ์แล้วจะต้องคอยสืบด้วยว่าใครที่จะมาแอบเล่นงานลูกของผมในตอนนี้”
เจตน์หยุดการพูดไปครู่หนึ่งพร้อมยกแก้วโสมขึ้นดื่มอึกหนึ่งก่อนที่จะว่าต่อเนื่อง
“ว่าแต่คุณถิรนัยจะรับทำงานนี้หรือเปล่าล่ะ...และที่สำคัญในหน่วยงานของคุณพอจะมีคนที่ไว้ใจได้และต้องหน้าตาและท่าทางคล้ายๆกับเจ้าจรัสพงศ์ที่สุดด้วย”
“ต้องเหมือนกับฝาแฝดเลยหรือเปล่าครับคุณเจตน์?”
นิ่วหน้าสงสัย เจ้าของห้องโบกมือ
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกครับคุณถิรนัย...เอาเพียงแค่อายุไล่ๆกันรวมทั้งหุ่นคล้ายๆและบุคลิกดูดีหน่อยก็น่าจะใช้ได้แล้วล่ะ...เพราะจะว่าไปแล้วคนในเมืองไทยไม่ค่อยได้เห็นเจ้าจรัสพงศ์มันเท่าไหร่หรอกครับ เพราะผมส่งมันไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่ตอนเด็กๆแล้ว...ผมคิดว่าไม่มีใครพอจะจำหน้ามันได้หรอก...”
หัวหน้าหน่วยสายสืบพิเศษนิ่วหน้าใช้ความคิดนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนที่จะยิ้มร่าออกมาเอ่ยจริงจัง
“ผมคิดว่าพอรับงานนี้ไหวครับ...และคิดว่าก็มีคนที่จะมาเป็นตัวแทนของลูกชายคุณเจตน์ได้อย่างแน่นอนครับ...”
“อย่างนั้นก็วิเศษไปเลยสิ...เอาเป็นว่าแค่คุณถิรนัยรับปากกับงานของผมนี่ก็ดีแล้ว แต่นี่จะได้คนที่มาเป็นตัวตายตัวแทนของลูกผมยิ่งดีไปกันใหญ่เลย ว่าแต่เขาเป็นคนของหน่วยงานของคุณโดยตรงใช่หรือเปล่า?”
เจ้าของสถานที่เลิกคิ้วถามต่อเนื่อง
“ใช่ครับ เป็นคนในหน่วยงานที่ผมดูแลอยู่อย่างแน่นอน”
ถิรนัยเสียงขรึมรับ และดูเหมือนว่าเจตน์จะพอฟังน้ำเสียงออกว่าอีกฝ่ายทำไมถึงทำเสียงอย่างนั้นว่าขึ้นก็เลยแจ้งให้ฟังเพิ่มเติม
“ต้องขอโทษทีนะที่ต้องถามอย่างนั้นออกไป...เพราะผมต้องการให้เรื่องการปลอมตัวนี้เป็นเรื่องราวลับระหว่างคุณและหน่วยงานของคุณกับตัวผมเท่านั้น เพราะผมไม่แน่ใจว่ามีใครกันที่กำลังจะปองร้ายเจ้าลูกชายของผมอยู่น่ะครับ”
หัวหน้าหน่วยสายสืบพิเศษยิ้มบางๆพร้อมกับหงึกหน้ารับ พร้อมเสนอแนะ
“ครับผมเข้าใจ เป็นอันว่าพรุ่งนี้ผมจะนำคนที่ได้เลือกเอาไว้มาให้คุณเจตน์ดูตัวที่นี่ก่อนดีกว่าดีไหมครับ?”
เจตน์ยกมือห้ามพร้อมเสียงจริงจัง
“ไม่ต้องให้เขามาที่นี่หรอก ให้ผมไปดูตัวเขาที่สำนักงานคุณถิรนัยก็แล้วกัน มันจะได้เป็นความลับกันหน่อยยังไงล่ะ”
“อย่างนั้นก็ได้ครับ แล้วแต่คุณเจตน์”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็คงมีเรื่องจะรบกวนคุณถิรนัยเพียงเท่านี้ เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะไปพบคุณที่สำนักงานก็แล้วกันนะครับ”
“ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอลากลับก่อนเลยก็แล้วกันนะครับ”
หัวหน้าหน่วยสายสืบพิเศษขยับตัวลุกขึ้น ขณะที่เจ้าของสถานที่ก็ขยับตัวตามพลางผายมือ
“โอเค เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่รบกวนคุณเจตน์ดีว่านะครับ คุณอยู่ในรถเคลื่อนที่ไปไหนมาไหนจะลำบากเปล่าๆ”
ว่าอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะรถนั่งเคลื่อนที่ของผมมันใช้ไฟฟ้าอยู่แล้วเพียงแค่กดปุ่มและบังคับให้ถูกทิศทางก็สามารถไปไหนในพื้นที่เรียบๆได้อย่างไม่มีปัญหาอย่างใด รวมทั้งไม่ต้องให้คนอื่นๆต้องมาเดือดร้อนอะไรหรอกครับ รับรองไม่เป็นภาระกับใครแน่ๆ”
ว่าพร้อมกับขยับรถเข็นที่ตนเองนั่งอยู่ด้วยการกดปุ่มพร้อมกับขยับปุ่มบังคับให้ลองขยับไปมาเดินหน้าถอยหลังครู่หนึ่ง พร้อมกับส่งยิ้มร่าให้กับผู้มาเยือนที่กำลังจะกลับได้เห็นว่าตนเองนั้นทำได้อย่างที่พูดจริงๆ
ขณะที่ถิรนัยว่าอย่างเอาใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่คุณเจตน์ล่ะครับ”
และหลังจากมาส่งด้านหน้าของบริษัทพร้อมกับกล่าวคำล่าลากันแล้ว ถิรนัยก็รีบกลับไปที่สำนักงานของตนเองอย่างทันที และระหว่างที่กำลังขับรถอยู่นั้นเขาก็ได้ใช้ระบบไร้สายของโทรศัพท์สมาร์ตโฟนภายในตัวรถติดต่อกับโด่งระบือ
โดยสั่งการให้พรุ่งนี้เข้ามาที่สำนักงานแต่เช้าเพราะมีงานด่วนจะให้ทำ และห้ามขาดโดยเด็ดขาดคดีอะไรที่ทำอยู่ขอให้ระงับเอาไว้ก่อนได้เลย
“แล้วน้าโอบกิจล่ะครับหัวหน้า?”
โด่งระบือถามต่ออย่างทันทีหลังจากหัวหน้าสั่งการเสร็จสิ้น
“ก็มาด้วยเลยก็แล้วกัน เพราะยังไงเขาก็เป็นคู่หูของคุณนี่...อย่าลืมนะนี่คือคำสั่ง...!”
“ครับผม”
* * *
ในเช้าของวันใหม่หลังจากที่โด่งระบือและโอบกิจเข้ามาถึงยังสำนักงานสายสืบพิเศษแล้ว พวกเขาก็นั่งดื่มกาแฟเพื่อรอหัวหน้าหน่วยภายในห้องดื่มกาแฟกันอยู่ และระหว่างนั้นโอบกิจได้เอ่ยถามกับเพื่อนร่วมงานรุ่นหลาน
“ตกลงเจ้าหัวหน้ามันมีงานอะไรด่วนให้ทำวะเจ้าโด่งเอ็งรู้อะไรเบื้องต้นบ้างหรือยัง?”
คนถูกถามสั่นหน้า
“ยังเลยน้า...เมื่อวานนี้หัวหน้าโทรมาสั่งการให้พวกเราทั้งสองเข้ามาที่สำนักงานแต่เช้าเท่านั้น เอาไว้เดี๋ยวก็รู้พร้อมๆกันนี่แหละ”
ดื่มกาแฟกันไปได้ครู่หนึ่งซึ่งยังไม่ทันหมดแก้วดี หัวหน้าหน่วยสายสืบพิเศษถิรนัยก็เข้ามาภายในห้องพักแห่งนั้น
“สวัสดีโด่งและโอบกิจ”
พอเข้ามาภายในห้องแล้วหัวหน้าก็เอ่ยทักทันที
“สวัสดีครับหัวหน้า”
ลูกน้องตอบทักอย่างพร้อมเพรียงกัน
“นี่เจ้าหัวหน้าถิรนัยแกมีอะไรจะใช้พวกข้า 2 คนด่วนอย่างนั้นหรือวะ?”
พอทักทายจบโอบกิจก็ถามทันทีและการที่เขาใช้คำพูดที่ค่อนข้างจะเป็นกันเองอย่างนี้กับอีกฝ่ายแม้จะเรียกว่าหัวหน้าก็ตามที เนื่องเพราะตอนที่เริ่มทำงานใหม่ๆกันนั้น 2 คนเป็นเพื่อนในการทำงานประเภทคู่หูกันมาก่อนนั่นเอง
แต่วาสนาของคนเรามันไม่เหมือนกัน อย่างที่มีการเปรียบเทียบกันเอาไว้ว่า แข่งเรือแข่งพายนั้นแข่งกันได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนานั้นไม่มีทางเลย จึงทำให้คนที่ทำงานมาพร้อมๆกันระหว่างถิรนัยกับโอบกิจนี้ คนหนึ่งได้ดิบได้ดีเป็นหัวหน้าหน่วยไปแล้ว แต่อีกคนยังคนทำงานภาคสนามอยู่โดยตลอด
“ก็มีสิวะถึงได้เรียกพวกแกทั้งสองเข้ามาในสำนักงานแต่เช้านี่ไงล่ะ”
หัวหน้าหน่วยว่าขรึมๆ หลังจากกระแอมเรียกเสียงนิดหนึ่งแล้ว และแม้จะเป็นถึงหัวหน้าหน่วยก็ตามทีแต่ถิรนัยก็ยังคงวางตัวพูดจาเป็นกันเองกับโอบกิจอย่างเพื่อนที่เคยร่วมงานกันมาโดยตลอด ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่อีกฝ่ายจะทำตัวยกตนข่มท่านอย่างที่คำพังเพยอะไรนั่นเลยแม้แต่น้อย
“งานอะไรวะ?”
“นั่นสิครับหัวหน้า?”
โอบกิจถามต่อเนื่อง ขณะที่โด่งระบือก็เอ่ยสนับสนุนคำพูดของคู่หูรุ่นน้า ถิรนัยยิ้มเย็นก่อนที่จะว่าอย่างเรียบๆ
“เอาไว้เดี๋ยวพวกแกสองคนก็รู้เองแหละ ไม่ต้องใจร้อนจะต้องทำงานอะไรเดี๋ยวก็ได้รู้อย่างแน่นอนไม่ต้องห่วง”
“แล้วงานเก่าของพวกเราสองคนล่ะ?”
หนุ่มฉกรรจ์โด่งระบือถามต่อเนื่อง
“งานเก่าเดี๋ยวฉันจะให้เจ้าหน้าที่คนอื่นไปจัดการสานต่อเอง...”
ว่าแล้วก็ขยับตัวจะเดินออกจากห้องพักนั้นไป แต่ก่อนออกก็ได้สั่งการเพิ่มเติมเอาไว้
“พวกแกดื่มกาแฟกินมื้อเช้ากันไปก่อนก็แล้วกัน แล้วยังไงฉันจะให้ผู้ช่วยมาตามไปที่ห้องทำงานประจำตำแหน่งของฉันเองอีกที”
ว่าจบก็ผลุบออกไป ปล่อยให้โอบกิจมองตามด้วยความรู้สึกสงสัย ก่อนที่จะเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิดตามหลังกับเพื่อนร่วมงานคู่หูรุ่นหลาน
“ยึกยักฉิบหาย จะบอกให้ทำงานอะไรก็ไม่บอกเสียเลย ไอ้ห่าปล่อยให้ลุ้นเอาเองอยู่ได้...!”
ว่าจบพร้อมกับยกแก้วกาแฟที่ยังคงอุ่นๆอยู่ขึ้นดื่มตามปาท่องโก๋เสีย 1 คู่และหมูปิ้งอีก 1 ไม้อย่างเต็มคราบ ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเกิดจากความรู้สึกหงุดหงิด หรือหิวกันแน่
ขณะที่หนุ่มฉกรรจ์ฟังรุ่นน้าบ่นเพียงแค่ดื่มกาแฟอย่างเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะว่าประนีประนอมออกมา
“เอาน่าน้าโอบ เดี๋ยวยังไงหัวหน้าก็บอกเองแหละว่าจะให้ไปทำอะไรที่ไหน และสำคัญอย่างไรล่ะนะผมว่า...”
“นี่แกไม่กินปาท่องโก๋หรือหมูปิ้งบ้างหรือวะเดี๋ยวจะหิวเอาได้นะเว้ย รู้หรือเปล่ามื้อเช้าสำคัญมาก?”
ถามอย่างอาทรและเป็นห่วง คนถูกถามสั่นหน้า
“ไม่หรอกน้ากินเถอะ”
“ความจริงแล้วจะสั่งการงานอะไรก็ให้เอ็งเข้ามาคนเดียวก็ได้นี่หว่า ทำไมจะต้องให้ข้ามาด้วยวะเสียเวลานอนฉิบเป๋งเลย...”
(หมายเหตุ : รีดฯท่านใดที่ติดตามอ่านงานของไรท์ฯอยู่ ต้องการมีข้อตำหนิติเตียนหรือเสนอแนะอย่างไร หรือเพียงแค่จะทักทายเฉยๆก็แชทมาได้เลยครับที่กลุ่มนิยายพวงพลอยในเฟสฯ หรือจะเข้ามาร่วมกลุ่มกันก็ได้นะครับ ไรท์อยากทราบผลตอบรับการเขียนงานให้ท่านอ่านกันว่าเป็นอย่างไรถูกใจหรือไม่ประการใด ทักเข้ามานะ...)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ