สายสืบสุดอึด
5) บทที่ 5
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
คนที่กำลังจะจนมุมคิดหนักอย่างเต็มที่เพื่อหาทางเอาตัวรอด และทันทีที่ฝ่ายไล่ล่าเข้ามาใกล้ตัวเขาแล้ว
คนที่กำลังจะถูกจับได้ก็ตัดสินใจถลาพุ่งพรวดมุดเผ่นหนีเข้าไปทางใต้หว่างขาที่ยืนค่อนข้างอ้าของโอบกิจ ที่ยืนดักอยู่ด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ยยย....เหวออออ!...”
สองเสียงจากเพื่อนร่วมงานต่างรุ่น ร้องออกมาด้วยความตกใจอย่างพร้อมเพรียงกันเลยทีเดียว เมื่อร่างทั้งสองประสานงากันแบบไม่ตั้งใจ สืบเนื่องมาจากที่คนหนุ่มกว่าคือ โด่งระบือได้ทำการพุ่งตัวเข้าชาร์จร่างที่ยืนอยู่ของไอ้หนุ่มยาวและ ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่คนแก่กว่าคือโอบกิจซึ่งกำลังจะรีบเข้าตะครุบตัวของไอ้หนุ่มโรคจิตด้วยเช่นกัน
แต่ทว่าร่างของเจ้าคนที่พวกเขาทั้งสองตั้งใจจะจับตัวให้ได้นั้น ดันเผ่นหนีมุดเข้าใต้หว่างขาของหนุ่มใหญ่ซะก่อน ก็เลยเป็นเหตุให้ทั้งสองต้องมาคว้าจับตัว ของกันและกันเองไปอย่างช่วยไม่ได้
“โธ่น้ามากอดฉันไว้ทำไมน่ะ...บ้าจัง!”
โด่งระบือร้องโวยวายลั่นพลางรีบสลัดสะบัดตัวให้หลุดจากอ้อมกอดของคู่หูรุ่นน้า
“ก็ใครเขาอยากกอดเอ็งนักหนาวะ?”
คนโดนโวยวายเถียงก่อนที่จะรีบผละอ้อมแขนให้หลุดจากตัวของอีกฝ่ายด้วยความรวดเร็วเช่นกัน พลางต่อว่ากลับบ้าง
“มีแต่เอ็งนั่นแหละที่อยู่ดีๆก็ดันโผเข้าสู่อ้อมแขนของข้าเอง...ถามจริงๆเหอะเอ็งนี่ชอบผู้ชายด้วยกันรึเปล่าวะ?”
“จะบ้ารึน้า ฉันไม่ใช่ตุ๊ดนะจะได้ชอบผู้ชายด้วยกัน...เมื่อกี้ฉันตั้งใจจะโดดตะครุบร่างของไอ้โจรโรคจิตเอาไว้ แล้วน้านั่นแหละดันโผล่มาขวางทางไว้ทำไม?”
สายสืบรุ่นหนุ่มแหกปากต่อว่ารุ่นใหญ่กว่าอย่างไม่จริงจังในน้ำเสียงอะไรมากนักเนื่องจากยังเกรงในความอาวุโสกว่าของคนมีอายุรุ่นน้าน่ะเอง
“ข้าไม่ได้ขวางทางเอ็งนะเว้ยไอ้โด่ง”
โอบกิจโต้คารม
“ข้าก็จะจับมันอยู่พอดีเหมือนกัน แต่ก็ดันถูกเอ็งพรวดพราดพุ่งเข้ามาที่ตัวข้าซะก่อน”
“น้ากะฉันดักหน้าหลังไว้อย่างนี้แล้วไอ้โจรโรคจิตนั่นมันหนีไปไหนซะล่ะ?”
โด่งระบือเปลี่ยนเรื่อง
“ลอดขาข้าไปน่ะซีวะ”
โอบกิจบอกเสียงอ่อย
“ก็เล่นยืนซะ ขาถ่างขนาดนี้”
โด่งแซวยิ้มๆ
“อะไรมันก็รอดไปได้ทั้งนั้นน่ะนาฉันว่า”
โอบกิจทำหน้ามุ่ยส่งสายตาประหลับประเหลือกให้กับคำแซวของคู่หูรุ่นหนุ่มกว่า พลางบ่นอุบอิบ
“เรื่องของข้าเถอะ จะยืนยังไงก้อ”
“ฉันว่าเรารีบไปไล่จับไอ้โรคจิตนั่นต่อเถอะ ขืนชักช้าเดี๋ยวมันหนีไปได้หรอก”
หนุ่มสายสืบพูดเสียงรัวเร็วชวนคู่หูรุ่นน้าเสียงขรม
ก่อนที่จะรีบโจนทะยานตามหลังไอ้หนุ่มผมยาว ที่เห็นหลังไวๆวิ่งหนีไปข้างหน้าอยู่นั้น
“ข้าก็ว่าหยั่งงั้นแหละ เอ็งก็คอยต่อว่าข้าอยู่เรื่อย ข้ามันก็อดเถียงไม่ได้ซักที”
บ่นพึมพำอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะวิ่งไล่ตามคู่หูรุ่นหลานไปอย่างรวดเร็ว
“มันจะตามอะไรกันนักหนาวะไอ้ห่า...ไม่เบื่อกันบ้างรึไงเว้ย?”
ด้านไอ้หนุ่มผมยาวซึ่งทีแรกพอมุดหว่างขาของคนที่ดักหน้าได้แล้ว และเห็นว่าพวกที่ไล่ล่าทั้งสองประสานงาชนกันเองแบบนั้นเดี๋ยวก็คงเบื่อการไล่ล่าตัวเขาไปเอง ก็เลยทำให้ชะลอการวิ่งหนีจนช้าลง
ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด เนื่องจากสองคนที่ไล่จับเขานั้นเพียงแค่โต้เถียงกันเล็กน้อย ก็หันมาไปวิ่งไล่อีกจึงต้องเร่งฝีเท้าขึ้นแล้วบ่นในใจอย่างหงุดหงิด
“อย่าหนีนะไอ้โรคจิต ยอมมอบตัวซะโดยดี”
โอบกิจแม้จะวิ่งอยู่ด้านหลังของโด่ง แต่ก็ตะโกนเสียงขู่ขวัญคนที่ตนเองกับคู่หูรุ่นหลานกำลังไล่ตามอยู่นี้ให้จำนน
แต่ฝ่ายหนีไม่มีทีท่าว่าจะชะลอฝีเท้าตามเสียงขู่ของเขาเลยแม้แต่น้อย ยังคงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไปข้างหน้าแบบไม่คิดชีวิต
“หยุดนะเว้ยไอ้โรคจิต!”
โด่งระบือส่งเสียงตะโกนไล่หลังคนที่เขากำลังวิ่งไล่อยู่นี้มั่ง
“หยุดก็โง่ซีวะ”
คนหนีตะโกนโต้เถียงอยู่ในใจ
“เฮ้ยไอ้โด่งข้าจะอ้อมไปดักข้างหน้านะเว้ย”
โอบกิจร้องบอกจากด้านหลังที่กำลังวิ่งอยู่
“เอาเลยน้า...แต่คราวนี้ดักแล้วให้ระวังจะชนกันเองอีกก็แล้วกัน”
โด่งระบือร้องบอกอย่างเห็นดีด้วย พลางเตือนท้ายเสียง
“เออๆข้ารู้แล้ว”
รับคำแล้ว โอบกิจก็แยกตัววิ่งไปทางด้านข้างของตัวอาคารที่กำลังจะผ่านไปนั่น อย่างชำนาญเส้นทางเนื่องจากก่อนที่จะลงมือในการปฏิบัติการครั้งนี้ เขาและคู่หูรุ่นหลานได้ลองตรวจสอบแผนที่ทั้งหมดของวิทยาลัยแห่งนี้อย่างคราวๆมาบ้างแล้ว
ไอ้หนุ่มผมยาววิ่งหนีไปสายตาก็สอดส่ายหาทางสลัดการไล่ตามของผู้ที่กำลังวิ่งไล่อยู่นี้ไปด้วย แม้จะไม่เคยดูแผนที่ภายพื้นที่ทั้งหมดของวิทยาลัยนานาชาติแห่งนี้มาก่อนก็ตามที แต่จากการที่ได้เคยมาเดินเที่ยวเล่น
ในที่แห่งนี้มาบ้างแล้วเหมือนกันบวกกับใจที่ต้องการเอาตัวรอดทำให้เขาต้องคิดหาวิธีหนีไปให้พ้นอย่างหนัก ถ้าไม่อยากติดคุก
“เอาล่ะคุณโรคจิตคิดว่าสิ้นสุดการวิ่งซะทีได้แล้วนะ”
โด่งระบืออ้าปากหอบไปด้วยขณะที่เอ่ยเสียงเครียดกับไอ้หนุ่มผมยาว ซึ่งตอนนี้ได้หยุดการวิ่งหนีตรงบริเวณที่เป็นทางที่สามารถแยกไปต่อได้สามทาง และใกล้จะถึงทางที่จะออกไปทางหน้าวิทยาลัยแล้วด้วย
ขณะที่คนถูกไล่ตามก็อ้าปากหายใจหอบราวสุนัขในหน้าร้อน คนไล่ตามก็อ้าปากหายใจหอบไม่ต่างกัน ทั้งสองยืนห่างกันไม่เกินห้าเมตร พอสองหน้าส่งสายตาประสานกัน โด่งระบือก็เป็นฝ่ายเปิดปากพูดข่มขึ้นมาซะก่อนทำนองเยาะเย้ย
“เป็นไงวะล่ะ สิ้นทางหนีแล้วสิ...อั๊วว่านะลื้อยอมให้จับซะตั้งแต่ทีแรก็ไม่ต้องวิ่งให้มันเหนื่อยเป็นหมาหอบแดดหยั่งงี้กันหรอกวะ?”
ไม่มีเสียงตอบจากปากของไอ้หนุ่มผมยาว นอกจากการใช้สายตาสอดส่ายมองไปรอบๆหาทางเผ่นหนีต่อไปอีก ซึ่งดูเหมือนว่าสายสืบโด่งระบือจะพอเข้าใจความหมายในสายตาของอีกฝ่ายได้ดีเขาเลยเอ่ยดักคอขึ้นมาซะก่อน
“นี่ลื้อคิดจะหนีไปอีกหรือวะ?”
“เรื่องอะไรจะติดคุกกันง่ายๆล่ะคุณตำรวจ”
และแล้วไอ้หนุ่มผมยาวก็แค่นเสียงตอบ
“ถ้าอยากจะจับตัวผมให้ได้ล่ะก็ มันต้องออกเหงื่อกันเยอะๆหน่อยล่ะ”
จบคำไอ้หนุ่มผมยาวก็เผ่นทะยานพรวดไปทางแยกซ้ายมือของตนเอง ขณะที่เป็นด้านขวามือของโด่งระบือด้วยความว่องไวราวลิงกังก็ไม่ปาน
“อะไรกันอีกล่ะว่ะ...นี่ใจเอ็งต้องจะให้ข้าต้องเหนื่อยไล่ตามอีกแล้วรึไงกัน?” สายสืบสุดอึดส่งเสียงบ่นด้วยความหงุดหงิด พร้อมกับพุ่งทะยานตามร่างของอีกฝ่ายไปอย่างติดๆ
วิ่งไล่ไปได้ไม่ไกลเท่าไรนัก โด่งระบือก็ได้ยินเสียงของเพื่อนร่วมงานรุ่นน้าตะโกนเสียงดังเตือน
“เฮ้ยไอ้โด่งหลบ...เดี๋ยวข้าจัดการมันเอง”
โด่งระบือเบรกตัวโก่งอย่างทันท่วงที ขณะที่โอบกิจก็รีบกระโจนพรวดจากช่วงกลางบันไดเข้าหาไอ้หนุ่มผมยาวอย่างรวดเร็ว กะจะรวบตัวให้อยู่หมัดเอาเลยทีเดียว แต่ทว่าจังหวะนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเคราะห์ดีของโจรโรคจิตหรือคราวซวยของสายสืบหนุ่มใหญ่
เนื่องจากเวลานั้นเองได้มีพ่อคนหนึ่งซึ่งเข็นรถขายขนมประเภทขบเคี้ยวหลายอย่าง ได้เข็นรถผ่านมาแบบพอดิบพอดี จึงทำให้ไอ้หนุ่มผมยาวซึ่งชะงักร่างนิดหนึ่งก่อนที่จะคว้าดึงเอารถเข็นจากพ่อค้าขนมรถเข็นคนนั้นมาขวางกั้น
ตรงที่โอบกิจำลังกระโจนเข้าหาตัวเองอย่างเหมาะเจาะแบบพอดิบพอดี
“เฮ้ยยย...เหวออออ...!”
สายสืบรุ่นใหญ่ร้องตกใจ เมื่อตัวของเขานอนคว่ำหน้าอยู่บนรถเข็นคันนั้นอย่างไม่คาดคิด
ซึ่งพอร่างอันค่อนข้างอวบใหญ่ของโอบกิจตกไปอยู่บนรถเข็นคันนั้นแล้ว ตัวรถมันก็พุ่งออกจากมือของไอ้หนุ่มผมยาวซึ่งคว้ามันเอาไว้ในทีแรกเพื่อเอาไว้ ป้องกันตัวจากการกระโจนเข้าคว้าตัวของสายสืบหนุ่มใหญ่ทันที
ตัวรถทะยานพุ่งพรวดไปข้างหน้าโดยมีร่างของโอบกิจนอนคว่ำหน้าอยู่บนนั้นด้วยความรวดเร็วด้วยสองแรงบวก คือจากการผลักส่งของไอ้หนุ่มผมยาว บวกกับทางที่รถเข็นกำลังไหลลงไปนั้นเป็นทางลาดเอียงลงด้วย
จึงทำให้ตัวรถแล่นลงไปยังถนนด้านข้างของวิทยาลัย ที่รองรับอยู่นั่นอย่างเร็วจี๋เลยทีเดียว
“เหวอยยย...เหวออออ...ช่วยข้าด้วยเว้ยไอ้โด่งงง....”
โอบกิจยังคงแหกปากร้องให้เพื่อนร่วมงานรุ่นหลานช่วยเสียงหลง เนื่องจากไม่สามารถที่จะช่วยตัวเองได้
โด่งระบือเกิดความละล้าละลัง เนื่องจากทีแรกเขาตัดสินใจที่จะไล่ตามไอ้โจรโรคจิตผมยาวซึ่งวิ่งหนีไปแล้วอย่างต่อเนื่องให้ได้ แต่พอได้ยินคู่หูเพื่อนร่วมงานรุ่นน้าเสียงหลงให้ช่วยเช่นนั้น เขาก็เลยต้องตัดสินใจใหม่ เปลี่ยนความตั้งใจที่จะวิ่งไปทางที่ไอ้หนุ่มผมยาวเผ่นไปนั้น
เพื่อวิ่งไล่ตามรถเข็นที่มีตัวของโอบกิจนอนคว่ำหน้าอยู่บนนั้นแทน
“เร็วสิโว้ยไอ้โด่ง”
โอบกิจเร่งเร้าเมื่อเห็นว่ารถที่ตนเองอยู่บนนั้นกำลังจะลงถึงช่วงที่เป็นทางสิ้นสุดระหว่างทางลาดเอียงภายในวิทยาลัย กับพื้นถนนอยู่รอมร่อแล้ว
โด่งระบือเร่งความเร็วให้กับฝีเท้าของตนเองอย่างเต็มที่ แข่งกับความเร็วของตัวรถเข็นซึ่งเขามีความรู้สึกว่ายิ่งใกล้ถึงจุดสิ้นสุดเท่าไหร่ ตัวรถมันก็ยิ่งเพิ่มความเร็วในการพุ่งลงสู่เบื้องล่างยิ่งขึ้นโดยที่เขาวิ่งตามไป ปากก็ตะโกนปลอบคนที่กำลังช่วยเหลือตนเองไม่ได้บนรถไปด้วย
“ใจเย็นๆน้า...ฉันจวนจะจับตัวรถได้แล้ว...”
“เหวอวว...กูตายแน่...เหวอววว...”
โอบกิจเอามือปิดหน้าแหกปากส่งเสียงลั่น เมื่อตัวรถกำลังจะถึงจุดสิ้นสุดของทางลาดเอียงในตอนนี้แล้ว
ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ โด่งระบือก็กระโจนพรวดคว้าเอาตัวรถเข็นเอาไว้พอดี แต่ทว่าสายสืบหนุ่มจอมอึดกลับจับไว้ได้เพียงตัวรถเท่านั้น เนื่องจากตัวของโอบกิจพุ่งพรวดลอยละลิ่วทะยานไปข้างหน้าหลุดจากรถอย่างรวดเร็วราวลูกปืนใหญ่ที่กำลังถูกส่งออกจากปากกระบอก
“เฮ้ยยย...เหวอววว...!”
โอบกิจส่งเสียงหลงแทบไม่เป็นภาษาคนต่อเนื่อง
“น้าโอบกิจ...ไม่...”
โด่งระบือหน้าเสียร้องลั่นเอาบ้าง เมื่อเห็นร่างของอีกฝ่ายลอยละลิ่วไปอย่างนั้น เพราะลักษณะของเพื่อนร่วมงานรุ่นน้านั้นต้องคอหักอย่างแน่นอน ถ้าศีรษะกระแทกกับพื้นถนนเบื้องล่างอย่างเต็มๆเข้าล่ะก็ ไม่ตายก็คางเหลืองทีเดียวแหละ
แต่ดวงของสายสืบรุ่นใหญ่จะคงยังไม่ถึงฆาตอย่างแน่นอน จึงดลบันดาลให้มีรถเก็บขยะที่กำลังเปิดท้ายรถ อ้าอย่างเต็มที่ถอยเพื่อกลับรถตรงนั้นแบบพอดิบพอดี
สวบ!
ร่างของโอบกิจพุ่งพรวดเข้าไปในกองสารพัดขยะที่ถูกเก็บเอามารวมไว้ภายในรถคันนั้นอย่างพอดิบพอดีเช่นกัน
“น้าโอบ”
โด่งระบือร้องเรียกพร้อมกับรีบวิ่งพรวดมาที่ตัวรถเก็บขยะ ที่เพื่อนร่วมงานรุ่นน้ากำลังดิ้นขลุกขลักอยู่ภายในนั้น
“น้าโอบกิจ...เป็นไงบ้าง...น้า?”
โอบกิจกระเสือกกระสนตัวอยู่แป๊บหนึ่ง ก็โผล่หน้ามาจากกองสารพัดขยะให้เพื่อนร่วมงานรุ่นหลานได้เห็นอย่างจะๆลูกตา พร้อมกล่าวสำทับ
“ข้ายังไม่ตายเว้ยไอ้โด่ง...”
“ดีแล้วล่ะ”
สายสืบรุ่นหนุ่มกว่าบอกอย่างดีใจที่เห็นอีกฝ่ายปลอดภัย
แต่แล้วเขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ก่อนที่จะตามด้วยเสียงหัวเราะอีกพรืดใหญ่ เมื่อพิจารณามองโอบกิจในเวลานี้อย่างถ้วนถี่แล้ว
“หัวเราะอะไรวะ?” ถามอย่างฉุนๆ พลางขยับตัวปีนลงจากหลังรถเก็บขยะคันนั้นอย่าง
ทุลักทุเล
“ก็สภาพของน้าตอนนี้น่ะ...มันดูไม่จืดเลยจริงๆนี่นา ฮะๆๆๆ...”
(หมายเหตุ : รีดฯท่านใดที่ติดตามอ่านงานของไรท์ฯอยู่ ต้องการมีข้อตำหนิติเตียนหรือเสนอแนะอย่างไร หรือเพียงแค่จะทักทายเฉยๆก็แชทมาได้เลยครับที่กลุ่มนิยายพวงพลอยในเฟสฯ หรือจะเข้ามาร่วมกลุ่มกันก็ได้นะครับ ไรท์อยากทราบผลตอบรับการเขียนงานให้ท่านอ่านกันว่าเป็นอย่างไรถูกใจหรือไม่ประการใด ทักเข้ามานะ...)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ