Believe
-
เขียนโดย หัวใจวาย
วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.55 น.
21 ตอน
0 วิจารณ์
20.13K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 มีนาคม พ.ศ. 2562 16.13 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) ๑๕ คงอยู่ - ๓
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความคงอยู่ - ๓
“แสบ แสบเอ้ย! แสบ” เสียงแผ่วเบาของผู้หญิงดังขึ้นพร้อมกับแรงเขย่าตรงหัวไหล่ แสบจึงได้สติและยึดตัวขึ้นอย่างตื่นตกใจ เด็กชายเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเองอยู่ในบ้านของอาสาวที่กำลังมีงานบุญ
“ว่าไงฮะอาแวว?”
“เหนื่อยเหรอลูก? นั่งหงอยเชียว” แววเอ่ยถามหลานอย่างห่วงใย สายตาอ่อนโยนของเธอจับจ้องเด็กชายตัวเล็กอย่างเอ็นดูพลางคิดในใจว่ารูปร่างของเขาช่างต่างจากพ่อเสียจริง “เอาเป๊บซี่มั้ย?”
“ไม่เอาฮะ ขอบคุณมากฮะอาแวว” แสบเอ่ยตอบเสียงแผ่ว เขากำลังขบคิดเรื่องเมื่อคืนนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้เห็นชายไร้หัวยืดตัวอยู่ในมุ้งนั้นว่างเปล่า เขาจำไม่ได้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง จำได้เพียงว่าจู่ๆ เขาก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะพ่อสิงห์ปลุกและไล่ให้ไปอาบน้ำตั้งแต่หัวรุ่ง
“ไปเดินเล่นซิ เพื่อนๆ เต็มไปหมด”
“ฮะ...อาแวว พ่อผมอยู่ไหนฮะ?”
“นู่นน่ะ คุยอยู่กับลุงอ่ำ สงสัยคุยกันเรื่องบ้านไม้ละมั้ง พ่อเธอดูชอบใจบ้านหลังนั้นไม่น้อยเลย”
แสบได้ยินอาสาวเอ่ยดังนั้นก็รู้สึกยะเยือกขึ้นมาทันที พ่อถูกใจบ้านหลังนั้น เรื่องนี้แสบดูออกตั้งแต่เมื่อวานที่เดินดูด้วยกัน แต่พ่อจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองเมื่อคืนนี้ เรื่องนี้แสบเดาไม่ได้เลย
แสบเดินกลับเข้าไปในงานและตามหาพ่อในฝูงญาติมิตรที่แทบไม่รู้จัก แต่ทุกคนกลับทักทายแสบอย่างสนิทสนมจนเด็กชายตั้งยกมือไหว้ไปตลอดทาง
พ่อสิงห์กำลังช่วยลุงอ่ำและลุงชาญยกลังน้ำอย่างแข็งขันพลางหัวเราะร่าในตอนที่พวกเขาเหวี่ยงลังชนกันเอง พ่อสิงห์ดูปกติและไม่มีทีท่าว่ากำลังเจ็บปวดหรือหวาดกลัวอะไรเลย มันค่อนข้างผิดปกติสำหรับผู้ชายที่เพิ่งถูกเย่อโดยสิ่งที่ไม่มีตัวตน...
ไม่มีตัวตน?
หากคิดว่าสิ่งนั้นไม่มีตัวตน นั่นเท่ากับว่าร่างกายของพ่อไม่ได้ถูกล่วงล้ำเข้าไป แล้วอะไรทำให้พ่อสิงห์ครางอย่างสุขสมและมีท่วงท่าทรมานอย่างนั้นล่ะ
แต่ถ้าจะคิดว่าสิ่งนั้นมีตัวตน พ่อเขาก็ควรมีอาการเจ็บปวดรวดร้าวบ้างไม่มากก็น้อย แต่กริยาท่าทางการเดินเหินและลุกนั่งของพ่อก็ปกติเหลือเกิน
อะไรคือสิ่งที่เป็นความจริง?
“ไง? จ้องพ่ออยู่นั่นแหละ มีอะไรจะบอกหรือไง?” สิงห์เอ่ยกับลูกชายพลางโอบไหล่เล็กเข้าหาตัวอย่างหนักแน่น ทั้งสองเดินห่างออกมาจากฝูงชนที่กำลังช่วยกันถวายภัตราหารเพลให้พระสงฆ์ เมื่อถึงมุมสงบที่มีเก้าอี้หินตั้งอยู่ สิงห์ก็นั่งลงและดึงลูกชายให้นั่งตาม
“เมื่อคืนพ่อหลับสบายดีมั้ยครับ?”
“ดีมาก ไม่น่าเชื่อว่าพ่อจะหลับยาว สงสัยคงเพลียน่ะ” สิงห์เอ่ยตอบทันทีอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด “มีอะไรเหรอ? แกนอนไม่หลับหรือไง?”
“เมื่อคืนฟ้าร้องทั้งคืนฮะ” แสบตอบเรื่องจริงออกไปพลางมองใบหน้าหล่อเหลาของพ่อที่ฉีกยิ้มกว้างจนเรียวหนวดขยายเป็นเส้นตรง
“อย่าบอกนะว่ากลัวเสียงฟ้าร้อง พ่อไม่เคยเห็นแกกลัวอะไรทำนองนี้มาก่อนนี่”
“ไม่ฮะ ผมไม่ได้กลัวเสียงฟ้าร้อง...” แสบบอกเสียงแผ่ว เขาลอบมองใบหน้าของพ่อสิงห์อีกครั้งก่อนจะตัดสินใจพูดต่อ “...แต่มันทำให้ผมตื่น ผมก็เลยเดินไปห้องพ่อ”
“ว้า! โทษทีลูก พ่อไม่รู้ตัวเลย”
สิงห์ตอบและโอบไหล่ลูกชายจนแน่น ทั้งน้ำเสียงและแรงกอดของสิงห์ทำให้เด็กชายเชื่อว่าพ่อของตนกำลังพูดความจริงว่าเขาไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น หรือว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้คือ...ความฝันของตนเอง
“งั้นคืนนี้เรานอนด้วยกันดีมั้ย?”
“ที่ไหนฮะ?”
“ก็ที่บ้านนั้นแหละ พ่อรับปากจะช่วยอาแววขนของพรุ่งนี้ เราเลยต้องค้างอีกคืนนึง”
“แล้วทำไมเราไม่นอนบ้านอาแววล่ะพ่อ?”
“แกอยากนอนเหรอ? เอาแบบนั้นก็ได้นะ พ่อไปนอนบ้านไม้คนเดียวก็ได้”
“ป่าวฮะ ผมแค่สงสัย...” แสบตอบและรีบพูดต่อ “...ทำไมพ่อถึงชอบบ้านหลังนั้นฮะ?”
แสบมองใบหน้าของพ่อที่นิ่งเรียบไปเสียเฉยๆ เด็กชายเริ่มหวาดหวั่นอย่างไม่มีเหตุผล เขาเชื่อว่าพ่อชอบบ้านไม้หลังนั้น แต่มันไม่มีเหตุผลเลยที่คืนนี้พ่อสิงห์จะต้องไปนอนที่นั่นอีกทั้งๆ ที่บ้านของอาแววก็น่าจะมีห้องว่างมากพอหลังจากญาติกลุ่มหนึ่งเดินทางกลับหลังงานจบ
แต่ในเมื่อพ่อสิงห์เลือกที่จะไปนอนที่นั่นโดยไม่บอกเหตุผล เด็กชายก็เลือกที่จะติดตามไปด้วย มันต้องมีวิธีที่จะพิสูจน์ว่าเหตุการณ์นั้นคือความฝันหรือเรื่องจริง
////////////////////////////////
“นี่เป็นช่วงต้นของฉากจบนะครับอาจารย์ เขียนแบบรวบรัดหน่อยเพราะมันเป็นเรื่องสั้น” เด็กแว่นเอ่ยพลางกวาดตาอ่านบรรทัดสุดท้ายบนจอแล็พท้อปอีกครั้ง เขาส่งเสียงงึมงำออกมาก่อนจะเอ่ยพูดต่อ “คิดว่าไงฮะ?”
“ไม่เลว แต่มันส่อแววว่าจะมีเงื่อนงำอยู่หลายอย่างและมึงก็อุบไว้”
โชคชัยเอ่ยตอบในขณะที่พยายามกดอารมณ์ตื่นตะลึงที่มีต่อตัวเด็กชาย เจ้าเด็กนี่ไม่ใด้มีแค่จินตนาการรังสรรค์นิยายเท่านั้น แต่พรสวรรค์ในการเล่าเรื่องก็มีชั้นเชิงใช้ได้ ช่วงที่เด็กชายเล่านั้นเขาแทบไม่ได้ปรึกษาหารือกันเลย เด็กชายคิดและเล่าออกมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน การลบออกหรือยกเลิกการพิมพ์มีน้อยครั้งมาก
หนำซ้ำ ช่วงที่เล่าอยู่นั้นเด็กชายก็ไม่ได้แย้มพรายปริศนาที่เริ่มผูกขึ้นออกมาแม้แต่น้อย โชคชัยจึงไม่มีโอกาสรู้เลยว่าตอนต่อไปจะมีอะไรเกิดขึ้น
ไอ้เด็กหัวหมอ!!
“เขียนต่อเลยมั้ย? ชักอยากรู้แล้วดิว่าใครจะโดนเอา?”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ