Believe
-
เขียนโดย หัวใจวาย
วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.55 น.
21 ตอน
0 วิจารณ์
20.13K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 มีนาคม พ.ศ. 2562 16.13 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) ๑๓ ความเชื่อ – ๑๑
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความความเชื่อ – ๑๑
อาจองยอมรับว่าเช้านี้เขาเรียนไม่รู้เรื่องเลย ตลอดเช้าเขามัวแต่คิดวนเวียนอยู่กับเรื่องที่รุ่นพี่พูดว่าโรงเรียนมีผี หากเป็นแต่ก่อนเขามั่นใจว่าเขาจะหัวเราะทันทีที่ได้ยิน
แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว เพราะเขาเพิ่งได้เห็นร่างเงาของพี่ชายนาวิกไปเมื่อคืนที่ผ่านมา
เขายังจำความรู้สึกยะเยือกที่ได้เจอและจำได้กระทั่งบานประตูที่เปิดค้างอยู่แบบนั้น ในตอนที่อาจองรับรู้ถึงการมีอยู่ของพี่ชายนาวิก เขาก็ถอยออกมาอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด เขารีบออกมายืนรอหน้าบ้านและครุ่นคิดว่าจะทำอะไรต่อ เขากระวนกระวายและตื่นตะลึงจนลุงเชิดลงจากรถมา เด็กหนุ่มคืนกุญแจให้ลุงเชิดทันทีที่พบ เขาไม่ได้เล่าให้ลุงฟังถึงสิ่งที่เจอและโกหกไปว่าเขาหากล่องเลโก้ไม่พบและตรงกลับบ้าน
ลุงเชิดอาจจะยังไม่พร้อมที่จะรู้ว่าลูกชายของเขายังไม่ไปไหนและเขาเองก็ไม่พร้อมจะเล่า
พี่ชูยังอยู่ในบ้าน? อะไรคือสิ่งที่รั้งเขาไว้วะ?
เด็กหนุ่มสบัดหน้า เรื่องที่เขาควรใส่ใจตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่วิญญาณของนาวิกหนุ่มยัง ‘คงอยู่’ บนโลกใบนี้ แต่เป็นเรื่องที่เขา ‘เห็น’ การคงอยู่นั้นต่างหาก
อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเห็นวิญญาณของพี่ชู?
แล้วที่ไอ้เพื่อนสหะ เอ่ยถามเมื่อเช้าล่ะ? มันคงไม่ได้เห็นอะไรมาใช่มั้ย?
“ไอ้สหะ!” อาจองเอ่ยเรียกเพื่อนทันทีที่หมดชั่วโมงเรียน สหภาพที่นั่งห่างไปอีกสามโต๊ะทางด้านหลังเงยหน้าขึ้นจากกระเป๋าและมองอย่างสงสัย อาจองมองเพื่อนคนอื่นที่อาจจะจับจ้องเขาอยู่ก่อนจะเอ่ยต่อ “เมื่อวานมึงถามกูเรื่องรองเท้า มึงถามทำไม?”
ใบหน้าเข้มที่ดูดุร้ายของเพื่อนสนิทเปลี่ยนไปจนดูตลก อาจองรู้ได้ทันทีว่าเพื่อนมีอะไรในใจ ไม่ว่าจะอยากเล่าหรือไม่ อาจองก็ต้องบังคับให้เพื่อนสนิทพูดให้ได้
“มะ...ไม่มีไร เมื่อวานกูเห็นคนใส่รองเท้าแบบนั้น มันตะหงิดๆ ว่าเคยเห็นหรือได้ยิน แต่กูนึกไม่ออก...” สหภาพเอ่ยตอบโดยไม่หลบตาราวกับต้องการจะยืนยันว่าไม่ได้โกหก อาจองจึงเชื่อและฟังอย่างตั้งใจ “...กูก็เลยถามมึง”
“เห็นที่ไหนวะ?”
“สวนหย่อม...” สหภาพตอบกลับทันที “...หมู่บ้านกู”
อาจองอยากจะซักไซ้ต่อแต่อาจารย์ก็เดินเข้ามาเสียก่อน เขาจึงตำเป็นต้องพักเรื่องดังกล่าวไว้และควานหาหนังสือเรียนในกระเป๋าอย่างเร่งรีบ
สหภาพลอบมองแผ่นหลังของเพื่อนสนิทและขมวดคิ้วแน่น ไม่รู้ว่าอะไรที่เป็นสาเหตุให้เพื่อนถามถึงเรื่องเมื่อวาน เพราะรายนั้นไม่เคยสนใจเรื่องลี้ลับแบบเขา สหภาพเดาเอาเองว่าเพื่อนอาจจะสงสัย หรือไม่ก็คาใจเรื่องที่รุ่นพี่เล่าเมื่อเช้า แต่ไม่ว่าจะเรื่องอะไร สหภาพเดาเอาว่าเพื่อนสนิทผู้ไม่เชื่อเรื่องลี้ลับกำลังหวั่นไหว
ทันทีที่ออดบอกเวลาคาบเรียนสุดท้ายของภาคบ่ายจบลง สหภาพก็เงยหน้าขึ้นจากสมุดจดและพบกับสายตาของเพื่อนสนิทที่มองอยู่ก่อนแล้ว เขาจึงทำทีเก็บกระเป๋าช้าๆ และรอจนเพื่อนทะยอยออกไป
เมื่ออยู่กันตามลำพัง อาจองจึงเอ่ยขึ้น
“มึงเห็น ‘จารย์โชคมั้ย กูมีเรื่องจะถามเขา”
“อาจารย์โชคน่าจะเข้ามหา’ลัยมั้งวันนี้? มึงจะถามเขาเรื่องไร?”
“ไม่แน่ใจว่ะ แต่ตอนนี้ที่กูอยากรู้ก็คือ...” อาจองตอบและเกาหัวเบาๆ ดูราวเขากำลังสับสนกับเรื่องราวของตัวเองอยู่พอสมควร “...กูจะรู้ได้ยังไงว่าวิญญาณที่เจอยึดติดกับอะไรอยู่”
“มึงพูดเหมือนเจอวิญญาณมางั้นแหละ ไอ้อาจ”
“ป่าวๆ กูแค่สงสัย...” อาจองโกหกกลับและแกล้งทำท่าจะลุกเดินออกนอกห้อง “...มันต้องมีคำตอบว่าผีตัวนั้นยึดติดกับอะไร?”
“ เดี๋ยว! ผีตัวไหน? มึงพูดถึงอะไรอยู่วะ?” สหภาพถามพลางรั้งแขนเพื่อนไว้และจ้องเขม็ง
“เอ่อ! กูหมายถึง…ผีหัวขาดของไอ้แว่นน่ะ มันอยู่ที่บ้านไม้นั่นด้วยเหตุผลอะไรซักอย่าง แล้วเราต้องทำอะไรให้มันไปผุดไปเกิด” อาจองตอบด้วยอาการร้อนลนจนทำให้สหภาพจับสังเกตได้
“มึงอินมากไปป่าววะเพื่อน? มึงบอกเองนี่ว่ามันเป็นนิยาย” สหภาพดันเพื่อนลงนั่งและจ้องอย่างคาดคั้น เพื่อนสนิทดูผิดปกติกว่าตนที่เจอวิญญาณนักวิ่งมาเมื่อคืนเสียอีก “มีอะไรจะบอกกูมั้ย?”
อาจองยังไม่อยากให้เพื่อนรู้เรื่องที่เขาเห็น เขาจึงจงใจไม่ตอบคำถามนั้นและเริ่มตั้งคำถามใหม่ให้กับเพื่อนสนิทที่ก้มมองหน้าอยู่
“เมื่อเช้ามึงถามกูว่าเคยเห็นผีมั้ย มึงหมายความว่าไง?”
“อือออ กูคิดว่ากูเห็นนักวิ่งคนนั้นที่สวนหย่อม” สหภาพเอ่ยตอบพร้อมมองซ้ายขวาราวกับกลัวคนอื่นจะได้ยิน
“นักวิ่งคนนั้น? เจ้าของรองเท้าที่มึงถามใช่มั้ย?”
“เออ! นักวิ่งที่โดนรถชนเมื่อเดือนก่อนนั่นแหละ คนที่ใส่รองเท้าราคาแพงที่มึงพูดถึง...” สหภาพเอ่ยตอบและทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะ “...เขายังอยู่ที่นั่นว่ะ”
“อยู่ที่นั่น?” อาจองถึงกับตาลุก
เด็กหนุ่มยอมรับว่ารู้สึกหวาดหวั่นกับเรื่องของวิญญาณนักวิ่งที่ยังวนเวียนอยู่ที่นั่น แต่สิ่งที่เขาหวาดหวั่นมากกว่าคือ อะไรคือสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเห็น?...
“มึงเคยเห็น...อะไรแบบนี้มาก่อนมั้ย?” อาจองถามเพื่อนและรอคอยคำตอบ
“ไม่แน่ใจว่ะ” สหภาพเอ่ยตอบพร้อมกับครุ่นคิดไปด้วย เด็กหนุ่มเกาคางและทำหน้ายุ่งไม่น้อย “กูรู้ว่ารอบตัวกูมีผี แต่ไม่เคยเห็นเลยซักครั้ง เอาจริงๆ ไอ้ตัวเมื่อคืนกูก็ไม่แน่ใจว่าเป็นผีนะ ถ้าไม่เห็นรองเท้า”
“ทำไมวะ?”
“ก็มันยืนเฉยๆ ไง กูเข้าใจว่าผีมันต้องทำท่าทางแบบหลอนๆ หรือไม่ก็...” สหภาพหยุดพูด เขาบีบขยุ้มมือและแยกเขี้ยวยิงฟันแทนการพูด “...บรรยากาศก็ไม่หลอน ไม่มีกลิ่นเน่า ไม่มีแม้แต่เสียงหมาหอน กูแทบจะไม่กลัวแม่งเลยซักนิด ตอนแรกกูว่าจะคุยกะแม่งด้วยซ้ำ แต่กลัวคุยกันไม่รู้เรื่อง”
อาจองพยักหน้าอย่างเข้าใจในท่าทางและสิ่งที่เพื่อนสนิทสื่อ เพราะสิ่งที่เขาเห็นเมื่อคืนนี้ ร่างนั้นก็ไม่มีท่าทางคุกคามเช่นกัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ