Believe
-
เขียนโดย หัวใจวาย
วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.55 น.
21 ตอน
0 วิจารณ์
20.12K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 มีนาคม พ.ศ. 2562 16.13 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) ๑๒ ความเชื่อ - ๑๐
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความความเชื่อ - ๑๐
เช้าวันรุ่งขึ้น อาจองเดินเข้าห้องเรียนและวางกระเป๋านักเรียนลงบนโต๊ะของตน เขามองหาเพื่อนสนิทอีกครั้ง โดยปกติแล้วอาจองจะมาถึงโรงเรียนก่อนเพราะอยู่ใกล้กว่า แต่ก็มีบางครั้งที่เขาพบว่าสหภาพก็ตื่นเช้าได้เหมือนเด็กนักเรียนทั่วไป วันนี้เขาจึงมองหาอย่างวาดหวังแต่ก็ไม่พบ เขาจึงเดินออกมานั่งที่ระเบียงหน้าห้องและเฝ้าลุ้นว่าสิ่งไหนจะมาถึงก่อนกัน ระหว่าง ‘เวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ’ กับ ‘ใบหน้าโง่เง่าของเพื่อน’
เหมือนกับว่าการรอคอยจะเกิดผลแบบเฉียดฉิว อาจองเห็นใบหน้าโง่เง่าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นก่อนเวลาเข้าแถวเพียงห้านาที ไม่มากพอสำหรับการพูดคุยเรื่องที่เจอเมื่อคืน เขาจึงคิดจะคุยเรื่องอื่น
แต่อีกฝ่ายไม่คิดเช่นนั้น...
“เฮ้ย! ไอ้อาจ มึงเคยเห็นอะไรแปลกๆ ป่ะ?” เสียงห้าวกระซิบลงเหนือหัวของอาจองก่อนที่เจ้าของร่างกายล่ำจะหย่อนกายลงบนระเบียงยาวและจ้องหน้าอย่างจริงจัง “ไอ้ประเภทที่เป็นสิ่งลี้ลับหรือวิญญาณน่ะ”
“มึงหมายความว่าไง?” อาจองถามกลับอย่างสงวนท่าที ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเขารู้สึกขนลุกไม่น้อยเลย
“อย่าทำเป็นงงดิวะ กูหมายถึง เงาแปลกๆ ที่เป็นรูปร่างคนแต่มึงรู้ว่าไม่ใช่คน ทำนองเนี้ย?”
“ผี มึงคงจะหมายถึงเรื่องนั้น!” อาจองเอ่ยสรุป มันเป็นประเด็นที่น่าสนใจแต่ต้องอาศัยเวลาในการหารือ เขาจึงเลี่ยงที่จะตอบโดยตั้งคำถามกลับไปหาเพื่อน “ถ้ากูบอกว่าเคย มึงจะเชื่องั้นดิ?”
สหภาพขมวดคิ้วแน่น เขาลืมคิดเรื่องนี้ไป ไม่ว่าเพื่อนจะเคยเห็นหรือไม่เห็นผีมาก่อน แต่หากเพื่อนเลือกที่จะบอกว่าเคยเห็น เขาก็ไม่มีทางรู้เลยว่าเพื่อนโกหกหรือเปล่า แต่การเลือกที่จะเชื่อ มันดูจะให้ผลที่ดีกว่า
“เออ กูจะเชื่อมึง มึงไม่เหตุผลที่จะโกหกกู”
“มึงหลอกง่ายเกินไปละ ไอ้สหะ เดี๋ยวกูก็หลอกไปฆ่าทิ้งซะเลย” อาจองตอบและลุกขึ้นยืน “เอากระเป๋าไปไว้ที่โต๊ะได้แล้ว”
“หือ?” สหภาพจ้องหน้าหล่อเหลาของเพื่อนและยิ้มอย่างอารมณ์ดี “มึงจะฆ่ากูจริงอะ? มึงไม่เสียดายเหรอไง? กูเป็นบอดี้การ์ดให้ได้นะตอนที่มึงเป็นนายแบบโด่งดังน่ะ”
สหภาพพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียนพร้อมกับยกแขนขึ้นเบ่งอวดกล้ามที่มีขนาดใหญ่เกินเด็กม.ต้นทั่วไปให้ดู แต่อาจองก็ไม่ได้มองแค่เพียงแต่แขนของเพื่อนสนิทเท่านั้น เพราะความล่ำของเพื่อนโง่เง่ามันแสดงอยู่ทั่วร่าง ทั้งหน้าอก ต้นขา โดยเฉพาะเป้ากางเกงที่บวมใหญ่ผิดปกติ
“มึงเอาความถึกของมึงไปแบกปูนเหอะ”
อาจองตอบในตอนที่เสียงออดเตือนดังขึ้นทั่วโรงเรียนพอดี เขาจึงหมุนตัวและจัดชุดนักเรียนให้เข้าที่เข้าทาง แต่เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทยังคงนั่งจ้องอยู่ เขาจึงเตะขาไปที่แข้งเพื่อนหนึ่งครั้งซึ่งฝ่ายตรงข้ามก็ไม่คิดจะหลบ
“ลุกดิวะ ไม่ได้ยินเสียงออดหรือไง?”
“ทำไมมึงต้องเตะ?”
“ก็มึงลีลา แถมยังจ้องหน้ากูด้วย”
“โหย! ไอ้นักเลง ถ้ามึงไม่ให้มองหน้า มึงจะให้กูมองตรงไหนวะ?” สหภาพเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี เขาหรี่ตาลงพร้อมเหยียดยิ้ม สายตาของสหภาพไล่จับจ้องไปบนร่างกายของอาจองอย่างจงใจ ก่อนจะหยุดลงที่หัวเข็มขัด “หรือว่ากูควรจะมองที่...?”
“ไม่รู้ดิ ให้มองทั้งคืนมึงก็คงไม่เข้าใจ บางที ‘วัว’ แม่งก็ไม่เข้าใจสิ่งที่ ‘คน’ พยายามจะสื่อ” อาจองตอบกลับและเดินหนี ใบหน้าของเด็กหนุ่มมีรอยยิ้มฉาบอยู่บางๆ ราวกับพอใจที่ได้แดกดัน
“ใครวัว!? มึงว่าใคร!?”
ในที่สุดสหภาพก็ลุกขึ้น เขาเหวี่ยงกระเป๋าเข้าห้องและกระโจนตามเพื่อนสนิทที่กำลังก้าวลงบันไดไปอย่างเร่งรีบ เขาวิ่งเข้าไปกระแทกหลังของเพื่อนสนิทอย่างรุนแรงจนร่างของอาจองเซคะมำไปข้างหน้า
สหภาพกำลังจะฉวยดึงร่างของเพื่อนสนิทที่กำลังเซ แต่เด็กนักเรียนรุ่นพี่ที่กำลังเดินตามลงมาเข้ามาช่วยฉุดรั้งร่างของอาจองเอาไว้ก่อน ด้วยการโอบไหล่อย่างแนบแน่น
“ขอบคุณมากครับพี่” อาจองผงกหัวปะหลกๆ ให้กับรุ่นพี่ม.ปลายที่โอบรั้งไหล่เขาเอาไว้จนแนบชิดและไม่ยอมปล่อย เขารู้สึกตกใจและอายจนหน้าร้อนผ่าวที่ถูกรุ่นพี่โอบต่อหน้าเพื่อนสนิท
แต่ใบหน้าคล้ำแดดของเพื่อนสนิทกลับไม่แสดงท่าทีหงุดหงิดหรือโมโหเลย ไม่มีอาการที่บ่งบอกว่าไม่พอใจ ไม่มีการเข้าแทรกกลางหรือจับทั้งสองแยกห่างจากกัน ร้ายที่สุดคือเพื่อนสนิทยืนหัวเราะชอบใจกับความซุ่มซ่ามของตัวเองราวกับมันเป็นเรื่องปกติ
“ไอ้วัวไร้สมอง”
อาจองแค่นเสียงต่ำลอบด่าเพื่อนโง่เง่าออกไป มันดังพอที่จะทำให้สหภาพจ้องกลับ ตอนนั้นเองที่สหภาพเห็นว่าใบหน้าของเพื่อนสนิทแดงซ่านอย่างผิดปกติ
“พวกมึงก็ระวังกันหน่อยซิว้า เดี๋ยวโรงเรียนก็มีผีเฝ้ากะไดโผล่ขี้นมาอีกตัวหรอก” ธวัช นักเรียนชั้นม.ห้าในชุดนักศึกษาวิชาทหารที่ฟิตแน่นเอ่ยเตือนรุ่นน้องพร้อมกับดันหลังเด็กทั้งสองให้ออกเดิน “ไปๆ รีบลงไปเร็วๆ”
“พี่พูดเหมือนโรงเรียนเรามีผีเลย” อาจองหันไปถามรุ่นพี่ที่กำลังไล่ดุนหลังเด็กรุ่นน้องด้วยใบหน้าถมึง ร่างกายใหญ่โตในชุดทหารดูเข้ากับใบหน้าของเขาไม่น้อย “พี่เคยเจอเหรอ หน้าตายังไง?”
“ผีคนเหรอพี่? ผีผู้ใหญ่หรือเด็กครับ?” สหภาพเองก็สนใจเรื่องที่รุ่นพี่พูดไม่น้อยและไล้ต้อน อ้อมหน้าอ้อมหลังไม่ห่างจนลงมาถึงชั้นล่าง
“ไม่รู้ว่ะ ไม่เคยเห็น ได้แต่ฟังมา เขาบอกว่าเป็นผีลุงแก่ๆ เดินไปเดินมาน่ะ นานๆ จะเจอทีนึง...” ธวัชเอ่ยตอบและเหยียดยิ้มในขณะกวาดตามองใบหน้าของรุ่นน้องที่ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ “...น่าจะเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ที่ถูกฝังแถวนี้ โรงเรียนเราติดวัดนี่หว่า”
ธวัชเดินแยกไปทางขอบสนาม นักศึกษาวิชาทหารจะตั้งแถวอยู่ที่นั่นแยกจากกลุ่มของนักเรียนปกติ ส่วนอาจองและสหภาพก็เดินแแยกไปยังแถวของตน
“มึงสนป่ะ? ไปดูผีกัน” สหภาพเอ่ยถามและเหยียดยิ้ม
“ไม่”
“กลัว?”
“ไม่กลัว แต่กูไม่สนใจผี”
“ถามไปงั้นแหละ กูรู้ว่ามึงไม่เชื่อ...แล้วมึงสนใจอะไร?”
“ไม่มี มึงไปเข้าแถวได้แล้วป่ะ!”
“ก็อย่าให้รู้แล้วกันว่ามึงสนใจอะไร เฮียจะจัดให้จนเข็ดเลย” สหภาพกระซิบทิ้งท้ายก่อนจะแยกตัวเดินไปยืนที่หัวแถวเพราะเขาสูงกว่า แต่ไม่วายยังส่งยิ้มกวนโมโหกลับไปให้เพื่อนสนิทที่ยืนอยู่กลางแถวอีกครั้ง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ