หิมะแรกในฤดูหนาว
เขียนโดย หมาบ้าน
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เวลา 00.48 น.
แก้ไขเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 01.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) บทที่4: เปิดสงคราม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฟุยุกิกำลังอาบน้ำอย่างสบายอารมย์เป็นอีกครั้งที่รู้สึกผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ หลายวันที่ผ่านมาเขาผ่านเรื่องราวมามากแต่ก็ถือว่าไม่หนักมากเทียบกับเรื่องในอดีตที่เขาเจอ เรื่องที่หนักที่สุดสำหรับเขาคือช่วงหลังจากแม่ของเขาเสียชีวิตไปด้วยโรคร้าย ครอบครับยุกิมูระก็เหลือกันอยู่ห้าคน เขาเป็นลูกคนเล็กของตระกูล ฟุยุกิเสื่อมซึมอย่างหนักหลังจากงานศพ เขาพึ่งจะอายุได้เจ็ดขวบมารดายังคงเปรียบเสมือนที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจที่มีผลต่อเขามาก การจากไปของเธอสร้างรอยแผลขนาดใหญ่ไว้ในหัวใจของเขา ฟุยุกิกินข้าวน้อยลงไม่อยากอาหารเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่มักจะขอข้าวเพิ่มอยู่เสมอและเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ทุกคนในบ้านจึงร่วมมือใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะเยียวยาเขาให้เป็นปกติ คุณตาเริ่มคิดค้นสูตรอาหารใหม่ๆมาลองทำให้เขาทานเสมอเมื่อเพื่อที่จะได้ไม่เบื่ออาหาร คุณยายคอยถักของสวมใส่ให้หลายอย่างทั้งถุงมือและผ้าพันคอเพื่อให้เสมอใส่ออกไปรับลมเย็นข้างนอกได้ พ่อของเขากลับบ้านบ่อยขึ้นแถมยังคอยจัดการสวนหลังบ้านให้ดูสวยงามอยู่ตลอด ส่วนพี่ชายที่ปกติเอาแต่แกล้งเขาจากเดิมที่ติดน้องอยู่แล้วกลายมาเป็นทั้งหวงและตัวติดกับเขายิ่งกว่าเดิม หลังจากคนในบ้านพยายามกันอยู่พักใหญ่ในที่สุดเขาก็กลับมามีสภาพจิตใจปกติอีกครั้ง แต่บุคลิกก็ได้เปลี่ยนไปจากเด็กที่พูดเยอะและยิ้มร่าเริงอยู่เสมอกลายมาเป็นคนสงวนถ่อยคำและไม่ค่อยยิ้ม ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ยังยินดีที่ได้แววตาสดใสของเขากลับมาได้อีกครั้งถือว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญหนึ่งของครอบครัวยุกิมูระเลยทีเดียว
แต่แล้วจากนั้นเมื่อเขาเข้าเรียนมัธยมต้นคุณตาของเขาก็อาการทรุดลงด้วยความชรา และต่อมาก็ได้เสียชีวิตลงจากไปด้วยความสงบ ครั้งนี้เขาได้อยู่ดูการจากไปครั้งนี้ด้วยตาตัวเองรู้สึกเหมือนว่าคุณตาของเขาแค่ผล็อยหลับไปเท่านั้น เพียงเขาแต่ไม่ได้ยินเสียงลมหายใจเหมือนปกติอยู่แล้ว ในวันนั้นเขาร้องให้ออกมาอย่างอดไม่ได้ภาพของคุณตาในหัวยังคนมีชีวิตอยู่รอบๆตัวเขา แต่ความคิดถึงไม่อาจส่งไปถึงอีกต่อไป บ้านที่เคยคับแคบดูกว้างขึ้นมาถนัดตาหลังจากตาเสีย พี่ชายของเขาต้องไปเรียนมหาลัยที่ต่างจังหวัด ส่วนพ่อของเขาได้เป็นนักเขียนชื่อดังจึงต้องไปออกงานเป็นประจำ ตอนนั้นในบ้านยุกิมูระเหลืออยู่ด้วยกันเพียงสองยายหลาย ถึงอย่างงั้นก็มีเพียงพี่ชายของเขาที่กลับมาเยี่ยมเป็นบางครั้ง ส่วนพ่อของเขาไม่กลับบ้านมาอีกเลยหลังจากงานศพคุณตาของเขาจบลง
ชีวิตดำเนินมาเรื่อยๆจวบจบฟุยุกิเรียนจบมัธยมต้น ยายของเขาแก่ตัวลงมาก และเธอไม่สามารถขยับตัวได้ดั่งใจเหมือนเมื่อก่อนได้อีกต่อไปเขารู้จักอาการเหล่านี้ดี มันเป็นอาการเดียวกันกับที่ตาของเขาเป็น คุณยายต้องไปพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เขาใช้เวลาช่วงปิดเทอมเกือบทั้งหมดดูแลยายของเขา แทบเรียกได้ว่าย้ายที่พักชั่วคราวไปอยู่กับยายเลยด้วยซ้ำ โชคดีที่ยังมีเพื่อนมาช่วยเหลือบ้างจึงไม่เงียบเหงามากเท่าไหร่นัก และเนื่องจากสภาพการเงินทางบ้านตอนนั้นไม่ค่อยสู้ดี รายได้ที่ได้จากหนังสือของพ่อไม่เพียงพออีกต่อไป คุณยายต้องใช้เงินมหาศาลในการรักษา แถมเขากำลังจะเข้าเรียนม.ปลาย พี่ของเขาจำเป็นต้องเลือกงานที่รายได้เยอะอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่อยากห่างจากน้องชายและคุณยายเลย แต่จำใจต้องฝากฝั่งทุกอย่างไว้กับฟุยุกิ ก่อนที่จะทิ้งทั้งคู่ไปทำงานหาเงินที่ต่างประเทศ
แต่แล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานาฬิกาทรายชีวิตของเธอก็เดินมาถึงขีดจำกัด คุณยายพูดสั่งเสียครั้งสุดท้ายกับเขาโอบกอดฟุยุกิไว้ด้วยความรักก่อนจะจากไปอย่างสงบ พ่อยังคงไม่กลับมา พี่ชายจึงต้องติดต่อจัดการดำเนินงานศพให้คุณยาย และรีบลางานกลับมาที่ญี่ปุ่น ทันทีเมื่อได้รับฟังเรื่องจากปากฟุยุกิ ครั้งนี้เขาไม่ได้ร้องไห้เหมือนตอนที่คุณตาเสียไป ครั้งนี้เขาพยายามทำตัวให้ดูเข้มแข็งที่สุด เมื่อพี่ชายเดินทางมาถึงงาน เขามองมายังหน้าใบของฟุยุกิเป็นสิ่งแรก จากที่คิดว่าจะได้รับคำชมจากปากคนเป็นพี่ กลับกลายเป็นพี่ที่มองเขาด้วยแววตาตกใจ ภายในดวงตาของพี่ฉายแววปวดร้าวออกมาอย่างปิดไม่มิดก่อนจะโผเขากอดร่างเขาแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เป็นครั้งแรกที่พี่ชายแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็น เขาไม่ได้ร้องไห้เสียใจหรือทำตัวอ่อนแอแบบทุกครั้ง คำถามหนึ่งที่เขาสงสัยจึงพุดขึ้นมา ภาพใบหน้าของเขาที่พี่ชายเห็นในวันนั้น กำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่กันนะ?
หลังจากงานศพคุณยายผ่านไปเขาไม่ได้ถามอะไรพี่ชายเรื่องนั้น แต่ใช้ชีวิตกันสองคนที่น้องที่บ้าน คืนนั้นทั้งคู่นอนด้วยกันพี่ชายก็ยังดูแลเขาอย่างดีเมื่อก่อน สองวันหลังจากนั้น หลังจากกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารเสร็จทั้งคู่ก็เดินทางไปยังสนามบิน พี่กล่าวบอกลาและมองเขาด้วยความอาลัยอาวรณ์ โอบกอดน้องชายที่รักแน่น ปากบอกจะรีบกลับมาหาเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก่อนที่จะเดินเข้าประตูทางออกไป เมื่อพี่ชายขึ้นเครื่องบินออกไปแล้วฟุยุกินั่งแท็กซี่กลับมายังบ้านหลังเดิม เมื่อเดินเข้าไปเขาก็รู้สึกถึงความวังเวงแหละเงียบเหงาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ บ้านที่มีเขากับยายถึงจะอยู่กันแค่สองคนแต่ก็ยังรู้สึกอบอุ่น ภาพในความคิดก่อนที่ยายจะเข้าโรงพยาบาลยังคงปรากฎ ภาพหญิงชราค่อยปัดกวาดเช็ดถูบ้างถึงแม่เขาจะห้ามให้ไม่ต้องทำ ถักผ้าพันคอให้ทั้งๆที่เขามีผ้าพันคอมากมายอยู่ใต้ลิ้นชัก รู้สึกว่าเขาอาจจะไปพักอยู่ที่โรงพยาบาลมานานเกินไป จึงไม่รู้สึกตัวเลยว่าบ้านหลังนี้กลายเป็นสถานที่ที่มันกว้างเกินไปเกินจะอาศัยอยู่เพียงคนเดียว ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตเหลืออยู่อีก ไม่มีกลิ่นหอมๆที่เจือจางของอาหารเย็นในห้องครัว ไม่มีกลิ่นแป้งที่คุณยายชอบทาหลังอาบน้ำอีกต่อไปแล้ว คืนนั้นเขาข่มตานอนไม่หลับจนถึงเช้า
เช้ามาเขาจึงตัดสินใจโทรเข้าไปติดต่อที่หอพักเขารู้ดีว่ามันสายไปที่จะย้ายแล้ว แต่เขาขอร้องอีกฝ่ายอย่างหนักจนในที่สุดก็ใจอ่อนยอมรับไปพิจารณา เขาเตรียมตัวเก็บของรอย้ายออกทันทีก่อนจะโทรหาบริษัทขนย้ายเพื่อนัดแนะ เมื่อถึงวันประฐมนิเทศก็มีสายหนึ่งโทรเข้ามา นั่นก็คือพี่สาวของนัตสึโอะนั่นเอง เธออธิบายสถานะการณ์ความเอาแต่ใจและนิสัยของน้องชายเธอให้เขาฟังและถามเขาว่าจะรับความเสี่ยงที่อาจจะโดนพลักไสออกไปและโดนไล่ออกจากห้องพักได้หรือไม่ ฟุยุกิตอบตกลงอย่างไม่คิดเพราะตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขากลัวมากที่สุด นั่นคือการที่ต้องอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นคนเดียว บ้านหลังนั้นที่เคยเป็นสถานที่ที่สวยงามที่สุดสำหรับเขา
กลับมายังปัจจุบัน หลังจากรำลึกเรื่องราวในอดีตฟุยุกิก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกไปข้างนอกแต่ก็เป็นต้องแปลกใจ นัตสึโอะเปิดไฟทุกดวงทีเปิดได้ในห้องแล้วกำลังนั่งดูทีวีอยู่ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ลมเย็นของเครื่องปรับอากาศพัดลมโกรกมาโดนเขา ด้วยเนื้อตัวที่ยังไม่แห้งดีทำให้ขนลุกชันไปทั่วทั้งร่าง คนบ้าอะไรเปิดแอร์ในฤดูใบไม้ผลิวะ! ฟุยุกิคิดอย่างหัวเสีย เขาเป็นคนขี้หนาวอย่างมากเมื่อปะทะเข้ากับลมเย็นอย่างจังก็ต้องสะดุ้งรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนเพื่อแต่งตัวทันที นัตสึโอะลอบมองภาพนั้นแล้วหัวเราะอย่างสะใจเล็ก ๆ
แต่เมื่อเดินเข้าไปก็ต้องขนลุกยิ่งกว่าเดิม แม้แต่ในห้องนอนก็เปิดหรือเนี่ย!? เขาควานหารีโมตรีบปิดแอร์ในห้องทันทีและเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศหนาวเหน็บออกไป ฟุยุกิแต่งชุดนอนเดินกอดตัวสั่นออกมาข้างนอกแล้วเดินไปหยิบรีโมตแอร์ในห้องนั่งเล่น และปิดมันลง “ใครใช้ให้นายปิด” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น “ฉันว่าต่อมรับรู้อุณหภูมิของนายมันพังไปแล้ว ตอนนี้มันฤดูใบไม้ผลิข้างนอกก็หนาวจะแย่แล้วยังมาเปิดแอร์ตั้งสิบแปดองศาอีก” เขาว่าอย่างหัวเสีย
“ข้างนอกร้อนจะตายชัก ฉันก็ต้องเปิดแอร์เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้านายทนไม่ได้ก็ย้ายออกไปสิ” นัตสึโอะเอ่ยอย่างท้าทาย ความจริงเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งอีกฝ่าย ตั้งแต่เล็กเขาเป็นคนที่ขี้ร้อนเอามากๆจึงเปิดแอร์อุณหภูมิแบบนี้เป็นปกตินิสัย เมื่อเขาสังเกตุเห็นว่าอีกฝ่ายขี้หนาวก็จดลงไปในใจเงียบๆ ก่อนจะแย่งรีโมตไปเปิดอีกครั้ง ค่อยดูเถอะ นายเกลียดอะไรฉันก็จะทำอย่างนั้นแหละ
“จะทำอะไรก็ทำ ยังไงฉันก็ไม่ย้าย”
“งั้นก็ทนต่อไป ฉันจะได้เห็นว่าขีดจำกัดของนายมีมากมายแค่ไหน” ว่าพลางเดินเข้าไปในห้องนอน ก่อนออกมาพร้อมผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำ เมื่อเห็นร่างสูงเข้าห้องน้ำไป เขาก็เริ่มภารกิจปิดแอร์อีกครั้งและปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นทันที นายมันบ้าไปแล้วแม้แต่โคมไฟอ่านหนังสือก็ยังเปิดเหรอ? เมื่อปิดของข้างนอกเรียบร้อยก็เดินไปจัดการข้างในห้องนอน ภายในห้องนอน ถึงจะเรียกว่าสองห้องแต่ความจริงแล้วเป็นห้องใหญ่ห้องเดียวแต่มีกำแพงเล็กๆกั้นตรงกลางเพื่อความเป็นส่วนตัวเล็กน้อยและสามารถเดินอ้อมไปหากันได้ เมื่อเรียบร้อยแล้วเขาก็ออกไปแล้วหยิบนิตยสารเรื่องที่เขากำลังติดตามขึ้นมา แล้วเดินไปนั่งอ่านตรงโซฟาหน้าทีวี
ผ่านไปซักพักนัตสึโอะก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ แล้วก็เขาก็ต้องขมวดคิ้ว ฟุยุกิเล่นปิดไฟของเขาไปกว่าครึ่ง แถมเขายังสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไป แอร์ถูกปิดเรียบร้อยแถมยังเปิดไล่อากาศเย็นๆของเขาออกไปเสียหมด นัตสึโอะเดินไปหาตัวการที่นั่งอย่างสบายใจอยู่บนโซฟาก่อนจะสะบัดผมเปียกโชกแรงๆ ฟุยุกิสะดุ้งโหยงรีบพับหนังสือเก็บแล้วลุกถอยออกมา “เล่นบ้าอะไรของนายเนี้ย ทำตัวเป็นเด็ก ๆไปได้ ” ฟุยุกิเสียงดังขึ้นมาอย่างอารมย์เสีย “แล้วไง? ถือว่านี้เป็นการแก้แค้นที่นายปิดแอร์ของฉันก็แล้วกัน นี่มันห้องของฉัน คนนอนอย่างนายทำได้แค่จะทนหรือย้ายออก หรือคิดว่ามีพี่สาวฉันหนุนหลังเลยทำตัวกำเริบยังไงก็ได้ ได้แต่หลบอยู่ใต้กระโปรงช่างนาสมเพทจริงๆ” นัตสึโอะยั่วยุ
“อยากจะมีเรื่องกับฉันงั้นเหรอ” ฟุยุกิจ้องหน้าอีกฝ่าย ด้วยแววตามีโทสะ ไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีคนยั่วเขาให้อารมย์ขึ้นได้ขนาดนี้ นัตสึโอะจ้องกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน จากรูปร่างที่เขาเห็นเมื่อตะกี้เขามั่นใจว่าถ้าวัดกันเรื่องกำลังเขาต้องเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างแน่นอน เขาเดินเข้าไปจับข้อไม้อีกฝ่ายไว้ก่อนจะแย่งหนังสือออกมาจากมืออีกฝ่าย แล้วปาทิ้งลงไปที่พื้นแล้วแถมเหยียบซ้ำ
“เข้ามาสิ ถ้าเป็นเรื่องชกต่อน ถ้านายอยากจะลองฉันไม่เคยเกี่ยงอยู่แล้ว” ฟุยุกิเลือดขึ้นหน้าสะบัดแขนออกแล้วซัดหมัดเข้าไปที่แก้มอีกฝ่ายทันที นัตสึโอะเซเล็กน้อยก่อนจะสวนไปหมัดหนึ่งอย่างไม่ยอมแพ้ เมื่อตั้งตัวได้ฟุยุกิก็เตะไปยังกลางลำตัว แต่นัตสึโอะหลบได้ ขณะที่ร่างใหญ่กำลังได้ใจพุ่งเข้าหาเขานั้น ขาข้างที่พึ่งแกว่งไปก็ตะหวัดกลับเข้ามายังซี่โคร่งอย่างจัง นัตสึโอะเสียหลักนิ่วหน้าด้วยความเจ็บยังไม่ทันที่จะตั้งหลักได้ฟุยุกิก็ซัดหมัดเข้าไปที่หน้าอีกทีหนึ่ง นัตสึโอะเซถอยออกมา รู้สึกสนุกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาชอบที่จะชกต่อยกับคนที่เก่งกว่าตัวเองยิ่งคนที่เหนือกว่าเขายิ่งชอบ แต่คนที่มีเทคนิคแพรวพราวขนาดฟุยุกิเป็นคู่ต่อสู้ที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน เมื่อเริ่มเครื่องติดเขาก็พุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็วและเคลื่อนไหวเร็วยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งคู่แลกหมัดกันไปมาจนสุดท้ายนัตสึโอะก็เริ่มจับทางฟุยุกิได้ เนื่องจากฟุยุกิมีกำลังไม่ค่อยมากเขาจึงมักจะใช้การจู่โจมอย่างรวดเร็วเข้าทีจุดตายอยู่เสมอก่อนจะรีบหลบออกมา ร่างสูงยอมรับลูกถีบที่เล็งเข้ากลางลำตัวอีกครั้งก่อนจะโถมแรงเขาไปหาอีกฝ่าย มือใหญ่จับไหล่และรวบแขนทั้งสองของฟุยุกิก่อนจะครอมลงบนตัวอีกฝ่าย เข่าทั้งสองกดขาอีกฝ่ายไว้กับพื้นแน่น ฟุยุกิตกอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบแขนขาไม่สามารถขยับได้อีก เขาตวัดตาสีใสมองอีกฝ่ายอย่างแค้นเคือง นัตสึโอะยิ้มมุมปากอย่างผู้กุมชัยชนะ
“ไม่เห็นจะเท่าไหร่เลยหนิ” นัตสึโอะเอ่ยน้ำเสียงดูถูก แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรต่อเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเสียสมาธิเขาก็ยกขวัดขาให้หลุดจากการตรึงและเตะเข้าไปอย่างแรงไปที่กล่องดวงใจของนัตสึโอะ ร่างใหญ่ปล่อยมือก่อนทรุดตัวลงทันที ฟุยุกิยิ้มสะใจก่อนลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปเปิดประตูไม่สนใจหมีตัวใหญ่ที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวนอนกุมเป้างอตัวอยู่ตรงพื้นห้องนั่งเล่นอย่างเจ็บปวด
เมื่อเปิดประตูเขาออกฟุยุกิก็งงเป็นไก่ตาแตกกับสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้า หันไปเช็คคนเจ็บในห้องนั่งเล่น นัตสึโอะก็ยังนอนอยู่ตรงนั้น แล้วคนตรงหน้าเขาคือใครกันหล่ะเนี้ยทำไมถึงมีหน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะแบบนี้ ร่างสูงจ้องมองกลับอย่างแปลกใจไม่แพ้กัน คนตรงหน้าใส่เสื้อยืดกางเกงนอนขายาวถือกระดานเช็คชื่ออยู่ “ฉันมั่นใจว่าห้องนี้มีน้องชายฉันอยู่คนเดียวนะ ถ้านายแอบมาเล่นที่นี้ฉันจะตัดคะแนนความประพฤตินายซะ” ฟุยุกิค่อยๆตั้งสติ เขาเรียกนัตสึโอะว่าน้อง แสดงว่าเขาคงจะเป็นพี่อีกคนของนัตสึโอะ แต่ที่ฟุยุกิสงสัยคือกระดานเช็คชื่อนั่น “ผมพึ่งจะย้ายเข้ามาวันนี้ครับ ชื่อยุกิมูระ ฟุยุกิ” อีกฝ่ายมองพิจารณารอยช้ำตรงแก้มและรอยแผลบริเวรมุมปาก เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นน้องชายยอมให้คนแปลกหน้าเข้ามาในห้อง นี่เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่เขาพึ่งจะเคยเห็น “ อ๋อเธอคือคนที่ทานากะซังเคยบอก ที่แท้ก็ย้ายมาอยู่กับน้องชายของฉันเองสินะ หวังว่าเขาคงไม่สร้างความลำบากให้เธอนะ ฉันชื่อทาคาฮาชิ ไคโตะเป็นพี่ชายของเจ้านั่นและเป็นประธานหอพักของปีนี้ ยุกิมูระคงยังจะไม่ได้อ่านกฎระเบียบของหอพักใช่ไหม ที่หอพักนี้ทุกวันเวลาสี่ทุ่มจะมีการขานชื่อ และฉันจะเป็นคนเดินเคาะตามห้องเพื่อตรวจสอบว่ามีคนอยู่จริงรึปล่าว ว่าแต่เจ้านั่นหายไปไหนแล้วหล่ะ” ถามจบเจ้านั่นที่ว่าก็เดินเปลือยท่อนบนโผล่หน้าออกมาด้านหลังฟุยุกิ เมื่อเห็นนัตสึโอะเขาก็เช็คเครื่องหมายถูกลงบนกระดาษ “โอเคครบฉันจะไปเคาะห้องอื่นต่อแล้ว อย่าทะเลาะกันรุนแรงจนข้าวของเสียหายนะ และถ้าเป็นไปได้อย่าทำน้องชายฉันถึงตายหล่ะ กระดูกหักแค่สองสามท่อนก็พอ” นัตสึโอะมุ่ยหน้าเมื่อได้ยิน ฟุยุกิยิ้มขึ้นอย่างขบขันก่อนจะปิดประตูไปเผชิญหน้ากับเจ้าหมีตัวโตในห้องต่อ เสียงเอะอะดังออกมาเล็กน้อยแต่ไคโตะยังคงชะงักยืนนิ่งงันกับรอยยิ้มนั่นอยู่หน้าห้อง เป็นเด็กที่มีใบหน้าอันตรายจริงๆ เขาคิดก่อนจะเดินไปเคาะห้องอื่นต่อ
เมื่อเข้าห้องมาฟุยุกิก็เดินไปหลบนัตสึโอะเข้าไปเก็บนิตยสารที่อยู่บนพื้นเข้าที่ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ห้องนอนแต่ไม่ทันจะก้าวเข้าประตูแขนข้างหนึ่งก็โดนกระจากเอาไป เขาสะบัดมือออกอย่างแรงแต่ก็ยังไม่หลุด “ฉันไม่ชอบให้ใครมาแตะตัว” ฟุยุกิพูดอย่างไม่สบอารมย์แต่นัตสึโอะไม่สนใจลากอีกฝ่ายไปนั่งที่โซฟาก่อนจะนำกล่องพยาบาลออกมา “นั่งนิ่งๆฉันจะทำแผลให้” เขาสับสนไม่น้อยที่จู่ๆหมีคลั่งก็หันมาดีกับตนแบบนี้ ด้านนัตสึโอะเองก็งงกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่เหมือนกัน ทั้งที่ไม่อยากให้คนอื่นอยู่ในห้อง อยากผลักไสออกไป แต่เมื่อมองใบหน้านั้นเขาก็รู้สึกทนไม่ได้ที่ได้เห็นใบหน้านั้นมีแผลแถมเป็นผลมาจากตนเองอีกด้วย เป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งเกิดมาในใจของเขา ทำไมนายต้องมีใบหน้าคล้ายเธอขนาดนั้นด้วย
ระหว่างทำแผลฟุยุกิที่สังเกตุว่านัตสึโอะนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ “นายไม่คิดจะแต่งตัวหรือไง” พอได้ยินนัตสึโอะก็ยิ้มทะเล้น “ทำไม?หรือว่านายรู้สึกหวั่นไหว” ฟุยุกิทำหน้าเบื่อหน่าย ถึงอีกฝ่ายจะรูปร่างหน้าตาดีแต่เขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกันของแบบนี้ดูไปก็ไม่รู้สึกอะไร ที่เขาถามขึ้นมาเพราะแค่เห็นเขาก็รู้สึกหนาวแทนแล้ว หน้าต่างยังคงเปิดอยู่ อากาศตอนนี้น่าจะประมาณยี่สิบองศา “ฉันเห็นแล้วระคายสายตาหรอก” เป็นจังหว่ะเดียวกับที่นัตสึโอะทำแผลเสร็จพอดี คนตัวใหญ่ยิ้มชั่วร้ายก่อนจะกระชากผ้าเช็ดตัวออก ฟุยุกิตะลึงกับการกระทำของอีกฝ่าย เมื่อมองลงไปนึกว่าจะเห็นช้างน้อยล้อนจ่อนแต่กลายเป็นว่านัตสึโอะใส่บอกเซอร์ตัวหนึ่งไว้อยู่ก่อนแล้ว ฟุยุกิลอบกลืนน้ำลาย หมอนี้เป็นโรคจิตหรือปล่าวเนี้ย? นัตสึโอะพอใจกับการตอบสนองของอีกฝ่าย “ทำไม?เสียดายงั้นเหรอ ฉันใส่แค่นี้นอนเป็นประจำอยู่แล้ว นายคงไม่มีปัญหาหรอกนะ” ฟุยุกิเบื่อที่จะต่อล้อต่อเถียงลุกเดินไปยังห้องนอน แต่ล้มตัวนอนไม่ทันไรนัตสึโอะก็ทำเรื่องปวดหัวให้เขาอีก
เขาจัดการปิดหน้าต่างแล้วเปิดไฟและเปิดเครื่องปรับอากาศ ฟุยุกิลุกขึ้นไปปิดไฟอย่างหัวเสียแต่อีกคนก็ยังดึงดันกดเปิดสวิชต์ขึ้นมาอีกครั้งพร้อมพูด “ปกติฉันเปิดไฟนอน” ไม่แค่นั้นเขารวบตัวและลากฟุยุกิลงมานอนกับเขา ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็วจนฟุยุกิทำอะไรไม่ถูก “คิดอะไรของนายอยู่กันแน่ ปล่อย! ฉันจะกลับไปนอนบนเตียงของฉัน” ฟุยุกิโวยวายดิ้นรนออกจากวงแขนกว้างอย่างแรงจนนัตสึโอะเริ่มรำคาญเขาจึงเอ่ย “นายบอกฉันเองว่าไม่ชอบโดนสัมผัส เพราะฉะนั้นจะนอนกอดนายไว้ทั้งคืน จำเอาไว้ถ้านายบอกว่าเกลียดอะไรฉันก็จะทำอย่างนั้นแหละ ถ้าทนไม่ได้นายก็ย้ายออกไปซะ” ฟุยุกิพูดอะไรไม่ออกกับการทำตัวเป็นเด็กของนัตสึโอะ เขาทำใจเย็นก่อนที่จะขอผ่อนผัน “อย่างน้อยก็ปิดไฟให้ฉันหน่อยไม่งั้นฉันจะกวนนายทั้งคืน” นัตสึโอะรับข้อเสนอเดินไปปิดไฟก่อนจะกลับมานอนกอดอีกฝ่ายเหมือนเดิม
ผ่านไปซักพักเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ ฟุยุกิค่อยๆแทรกตัวออกมาจากวงแขนกว้างแล้วลุกออกไปยังเตียงของตัวเอง เขาไม่ชอบการแตะเนื้อต้องตัวกับคนอื่นจริงๆที่ผ่านมามีแค่คนในครอบครับที่เขาสนิทใจด้วยเท่านั้นที่เขายอมให้สัมผัส ขืนให้นอนแบบนั้นคืนนี้ทั้งคืนคงไม่สามารถนอนหลับได้ เขาซุกตัวลงไปยังผ้าห่มเย็นชืด ขณะที่นอนไปได้พักนึงร่างหนึ่งก็มุดเข้ามาในผ้าห่ม คราวนี้ฟุยุกิไหวตัวทันก่อนที่อีกฝ่ายจะรวบตัวเขาได้สำเร็จ เขาใช้เท้าถีบกลางตัวอีกฝ่ายอย่างแรงแต่ก็ไม่เป็นผล นัตสึโอะไม่สะทกสะท้านโถมตัวเข้าหาอีกฝ่าย ทั้งคู่ยื้อยุดฉุดกระชากกับอยู่อีกพักใหญ่จนสุดท้ายฟุยุกิก็ถูกรวมมือไปไว้ในอ้อมอกส่วนขาก็โดนตรึงเอาไว้กับเข่าทั้งสอง เขาเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปในที่สุด “ในที่สุดนอนนิ่งๆก็เป็นเหมือนกันนี่” นัตสึโอะแหวะหลังจากได้รับชัยชนะมา ฟุยุกิคิดในใจอย่างแค้นเคืองในหัวกำลังคิดหาทางแก้แค้นอีกฝ่ายอย่างเอาเป็นเอาตาย อย่าคิดว่าจะยอมแพ้ง่ายๆนะ นายคิดผิดแล้วที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลยุกิมูระ เขาคิดก่อนที่จะหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าในที่สุด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ