หิมะแรกในฤดูหนาว

-

เขียนโดย หมาบ้าน

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เวลา 00.48 น.

  4 บท
  0 วิจารณ์
  4,931 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 01.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บทที่3: เข้าใจผิด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“เรื่องชกต่อยกับแกนี่ห่างกันไม่ได้จริง ๆ ฉันเบื่อกับเรื่องพวกนี้เต็มทีแล้วนะ” ตั้งแต่เล็กจนโตไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่พี่ใหญ่ของตระกูลทาคาฮาชิถูกเรื่องเชิญมารับฟังการตักเตือนของเจ้าน้องชายตัวแสบ เรียกได้ว่าแทบจะกลายเป็นกิจวัตรประจำสำหรับเธอไปเสียแล้ว โชคดีที่ครานี้นัตสึโอะได้ย้ายเข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ที่เธอรับผิดชอบอยู่ เธอจึงไม่จำเป็นต้องเดินทางให้เหนื่อยเมื่อเทียบกับสมัยก่อนและยังสามารถอบรมน้องชายของเธอได้เองทันทีอีกด้วย ตอนนี้เจ้าตัวต้นเหตุก็นั่งอยู่อีกฝั่งทำสีหน้าเบื่อหนายเหมือนสมัยเด็กไม่ผิดเพี้ยน เธอเข้าใจดีว่าเจ้านี่เป็นคนอารมย์ร้อนแต่เล่นมาก่อนเรื่องในถิ่นที่เธอรับผิดชอบทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ก่อนแล้วแบบนี้สงสัยว่าครั้งนี้จะปล่อยไปง่าย ๆไม่ได้เสียแล้ว

ทาคาฮาชิ รัน เป็นพี่สาวคนโตแห่งบ้านทาคาฮาชิและเป็นสาวสวยที่มีความสามารถเพียบพร้อมเธอทำหน้าที่เป็นผู้บริหารคนนึงของโรงเรียนและเป็นพี่เลี้ยงเด็กจำเป็นให้กับนัตสึโอะในสมัยเด็ก ตั้งแต่เล็กจนโตเธอเป็นคนที่อยู่กับเขาบ่อยที่สุด ด้วยความที่ต้องคอยประคบประหงมเด็กคนนี้ ทั้ง ๆที่เธอสามารถที่จะเลือกใช้ชีวิตในสิ่งที่ดีกว่า แต่เธอก็เลือกที่จะทิ้งมันไปเพื่อนี้จะหาเวลากับเขาได้มากที่สุด ไม่มีใครทราบว่าทำไมเธอถึงยึดติดกับน้องชายคนนี้มากขนาดนี้แต่หลายความเห็นก็มองว่าเธอเป็นเพียงพี่สาวคนหนึ่งที่หวงน้องชายมากเท่านั้น

“ให้ผมไปได้รึยัง ยังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่” เด็กหนุ่มถามขึ้นอีกครั้งหลังจากโดนพี่สาวเทศนายกใหญ่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขาเบื่อที่ต้องฟังเธอบ่นแล้ว เขารู้ดีว่าพี่สาวรักตนมากแค่ไหน ไม่ว่าจะดุด่าหรือใช้คำพูดประชดประชันกับเขามากเท่าไรแต่ในท้ายที่สุดเธอก็จะเป็นคนที่กลับมาดูแลเขาอย่างดีอยู่เสมอและตอนนี้เขาก็มีเรื่องสำคัญมากว่าที่จะมานั่งเป็นผักอยู่แบบนี้

“ถ้าไม่อยากฟังฉันบ่นก็อย่าก่อเรื่องสิยะ เรื่องคราวนี้ถือว่าชั้นตักเตือน ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกฉันจะให้นายคัดรายงานสำนึกผิดห้าสิบหน้ากระดาษ แถมจะฟ้องคุณพ่อให้งดค่าขนมของเธอทั้งเดือนด้วย จำเอาไว้! เอาหล่ะออกไปให้พ้นหน้าฉันได้แล้ว” เใบหน้าเด็กหนุ่มหยักหน้าลงอย่างพึงพอใจ การชกต่อยนั้นเกิดเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วสำหรับชายคนนี้ เหตุการณ์ชกต่อยที่เขาโดนจับได้เทียบกับที่ไม่โดนจับในอดีตถือว่าเป็นอัตราส่วนหนึ่งในสิบ แต่ตอนนี้เขาได้มาอยู่ในถิ่นของพี่ใหญ่โอกาสที่จะโดนจับได้นั้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เหตุการณ์ในวันนี้นับว่าเป็นเรื่องที่เขาไม่คาดฝันว่าจะเกิดขึ้น คราวหน้าสงสัยต้องระวังตัวให้มากขึ้นกว่า ตั้งแต่เขาถูกลากขึ้นไปอบรมก็ผ่านมาแล้วหลายชั่วโมงกว่าจะโดนปล่อยออกมาได้ ตอนนี้ก็ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว เจ้านั่นอยู่ห้องเดียวกับฉันสินะ นั้นวันนี้กลับหอไปพักก่อนพรุ่งนี้ค่อยไปหาเขา เขาคิดก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในหอพัก ระหว่างที่กำลังสอดส่องของกินในโรงอาหารอยู่นั้นบุคคนที่เขากำลังนึกถึงมาตลอดทางก็กำลังยืนต่อคิวร้านข้าวหน้าหมูทอดอยู่เบื้องหน้า เมื่อได้เห็นใบหน้านั่นอีกครั้ง เขาก็อดคิดถึงเธอไม่ได้ ช่างเหมือนกับคนในความทรงจำของเขามากจริง ๆ ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้ชายต้องเป็นคนเดียวกันอย่างแน่นอน นัตสึโอะไม่รอช้าสาวเท้าเข้าไปหาเจ้าตัวทันที

กลิ่นหอมหวนกระจายออกมาจากแผงอาหารสามารถเรียกความอยากอาหารได้อย่างดี ฟุยุกิกำลังมองหมูชุบเกร็ดขนมปังแผ่นใหญ่กำลังถูกทอดในน้ำมันร้อนเดือดปุด ๆอย่างสนอกสนใจ ระหว่างที่กำลังใจลอยอยู่นั้นก็มีใครบางคนสะกิตหลังของเขา เมื่อหันไปก็ต้องเบิกตาขึ้นเล็กน้อย ตัวสูงจังรุ่นพี่? ถึงพึ่งเจอจะเรียวเฮที่ตัวสูงมากแล้วแต่คนที่ยืนอยู่ข้างหลังนี้สูงกว่าขึ้นไปอีก โครงสร้างใหญ่โตกำยำบ่งบอกว่าออกกำลังเป็นประจำ แถมใบหน้าไม่ค่อยเป็นมิตรยังจ้องเขาเขม็งแบบนี้ หวังว่าคนๆนี้คงไม่ใช้นักเลงเจตนามาไถเงินเขาหรอกนะ

“รุ่นพี่มีอะไรหรือปล่าวครับ?” ฟุยุกิถามไปและร่นถอยออกมาจากร่างใหญ่ช่วงตัวหนึ่งด้วยสัญชาติญาณ นัตสึโอะถูกใจกับภาพนั้น หมอนี่ไม่เลวเลย ถ้าเป็นคนปกติโดนเขาจ้องด้วยสายตาแบบนี้ส่วนมากจะตัวสั่นจนทำอะไรไม่ถูก แต่คนตรงหน้านอกจากจะไม่ตกใจแล้วยังตั้งท่าพร้อมสวนกลับอีกด้วย นึกแล้วก็อดยิ้มในใจไม่ได้ 

“ไม่ใช่รุ่นพี่หรอก ฉันอยู่ห้องเดียวกับนาย ชื่อทาคาฮาชิ นัตสึโอะมีเรื่องบางอย่างอยากจะถามนาย” เนื่องจากตอนปฐมนิเทศในช่วงเช้า นักเรียนห้องเดียวกันจะถูกจัดให้นั่งติดกันทั้งหมดเรียงเป็นสามแถวตอนลึกเพื่อที่จะให้ทุกคนได้สังเกตุหน้าตาของเพื่อนร่วมชั้นคร่าวๆก่อนที่จะได้เปิดเรียนจริง นัตสึโอะจึงทราบได้ทันทีว่าเจ้านี่อยู่ห้องเดียวกับเขา เจ้าของร้านตะโกนถามเมนูของลูกค้ารายใหม่ทันทีเมื่อสังเกตุเห็น นัตสึโอะจึงต้องหันไปสั่งอาหาร ระหว่างนั้นฟุยุกิพิจารณาอีกฝ่ายอีกครั้ง เดี๋ยวก่อนนะชื่อนี้? คนตรงหน้านี้คงเป็นรูมเมทของเขาที่ทานากะซังพูดถึงสินะ แย่หล่ะสิแค่มองผ่าน ๆก็มีความรู้สึกถึงความอันตรายแผ่ออกมาอย่างชัดเจน จิตใต้สำนึกในหัวของเขาร้องเตือนว่าไม่ควรยุ่งกับคนตรงหน้า หากถ้ามองจากแค่ลักษณะรูปลักษณ์ของคนๆนี้แล้ว เขาก็เป็นเด็กผู้ชายหน้าตาดีร่างกายกำยำคนหนึ่ง ให้ตายเถอะนักเรียนเกรดสิบตัวสูงขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย น่าอิจฉาชำมัด นึกแล้วก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ฟุยุกิมีปมฝังใจมาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากร่างกายเมื่อก่อนของเขามีขนาดเล็กและหน้าตาดันคล้ายกับเด็กผู้หญิงจึงถูกกลั่นแกล้งสารพัด ดังนั้นความสูงและความน่าเกรงขามจึงเป็นความไฝ่ฝันที่เขาอยากได้มาครอบครองเป็นที่สุด

“ยุกิมูระ ฟุยุกิ นายมีเรื่องอะไร” เขาแนะนำตัวสั้น ๆพร้อมถามกลับ

“ฉันกำลังตามหาคนๆหนึ่งอยู่ เธอมีใบหน้าที่คล้ายกับนายมาก ฉันอยากถามนายว่ามีพี่หรือน้องบ้างไหม” นัตสึโอะเข้าประเด็นทันที มือข้างลำตัวกำหมัดเข้าหากันแน่นด้วยความเป็นกังวลกับคำตอบที่กำลังจะได้รับ เมื่อฟุยุกิได้ยินก็พยักหน้าขึ้นลงเล็กน้อยเป็นคำตอบ เมื่อเห็นดังนั้นนัตสึโอะดีใจจนแทบพูดไม่ออก ดวงตามีประกายแสงแห่งความหวังปรากฏขึ้น หัวใจพองโตแต่ประโยคถัดมาก็เปลี่ยนมันให้มีสภาพเหมือนยางรถจักรยานเหี่ยว ๆ

“ฉันมีพี่หนึ่งคนแต่ไม่ใช่ ‘เธอ’ ต้องเรียกว่า ‘เขา’ ต่างหาก” ก่อนที่จะได้พูดคุยต่อข้าวหมูทอดจานใหญ่ก็ถูกยกมาวางไว้ตรงหน้า ฟุยุกิควักเงินขึ้นมาจ่ายก่อนจะชี้มือไปตรงที่เรียวเฮนั่งอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว

“ฉันหิวมาก ถ้าอยากจะถามอะไรเพิ่มรอฉันกินข้าวให้เสร็จก่อน ฉันจะนั่งอยู่ตรงนั้น” ว่าแล้วก็รีบเดินจากไปทันที ทิ้งนัตสึโอะให้ทำตัวไม่ถูกรออาหารอยู่คนเดียว หมายความยังไงเขาไม่มีพี่หรือน้องสาวเหรอ? ด้วยใบหน้าที่คล้ายกันขนาดนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเธอเลย หรือเธอจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกันนะ ระหว่างนั้นอาหารก็เสร็จพอดี นัตสึโอะก็ไม่รอช้าเดินตรงไปตำแหน่งที่ฟุยุกินั่งอยู่ทันทีแล้วก็ต้องแปลกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ฟุยุกิกำลังเคี้ยวหมูทอดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแผ่รังสีความสดใสไปทั่วเป็นอะไรที่ขัดกับภาพลักษณ์ปกติของเขาอย่างสิ่งเชิง อะไรจะมีความสุขขนาดนั้น? แต่นัตสึโอะก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพอยิ้มแล้วผู้ชายที่หน้าตาดีจริง ๆ ขนาดปกติทำหน้าตาเบื่อโลกก็ยังมีแรงดึงดูดความสนใจมากอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วแต่พอยิ้มออกมาแล้วแทบจะบอกได้เลยว่าราวกับเป็นงานศิลป์ชั้นเลิศ ร่างกายของฟุยุกินั้นไม่ได้ดูบองบางน่าถนุถนอม กลับกันมีกล้ามเนื้อพอประมาณไม่มากไม่น้อยทำให้ดูเป็นคนสุขภาพ แค่มองก็รู้สึกสบายตาอย่างบอกไม่ถูก ราวกับต้องมนต์เขาไม่สามารถละสายตาออกจากใบหน้านี้ได้เลยหัวใจเต้นระรัว แต่เมื่อมองเยื่องไปอีกนิดเขาก็เห็นเด็กชายทำสีหน้าประหลาดพลางจ้องหน้าฟุยุกิทานอาหาร อย่าบอกนะว่าตะกี้เขาเองก็ทำสีหน้าโง่ๆแบบนั้นเหมือนกัน เขาได้แต่แต่ตั้งคำถามกับตัวเองเงียบ ๆเดินเข้าไปยังที่นั่งที่ว่างอยู่ทันที

เขาวางถาดอาหารลงและนั่งลงด้านข้างเรียวเฮ เรียกสติของเขาให้ตื่นขึ้น ถือว่าเป็นบุญคุณสำหรับผู้คนรอบข้างมากเลยทีเดียว ที่สามารถหยุดภาพการทำหน้าโรคจิตของหมอนี้ไว้ได้ มองแล้วเสียสุขภาพจิตจริง ๆ ดวงตาสีดำตวัดมองผู้เข้ามาใหม่อย่างนึกสงสัยก่อนที่จะเอ่ยปากทำความรู้จัก ทั้งคู่แนะนำตัวกันและกันแล้วสนทนาเรื่องต่าง ๆเล็กน้อย โดยธรรมดานัตสึโอะเป็นคนที่ค่อนข้างพูดน้อยแถมแผ่รังสีอันตรายออกมาตลอดเวลาจริงค้อนข้างดูเข้าหายาก เป็นคนที่ให้อารมย์ขั้วตรงข้ามกับเรียวเฮอย่างแท้จริง เมื่อไม่รู้จะคุยอะไรต่อทั้งคุยก็พร้อมใจกินอาหารอย่างรวดเร็วแล้วมองไปยังใบหน้าเดิมที่ยังคงเคี้ยวข้าวอย่างเอร็ดอร่อยโดยที่ไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลยซักนิด เมื่อข้าวคำสุดท้ายเข้าปากฟุยุกิ นัตสิโอะก็เริ่มเปิดประเด็นทันที

“สรุปคือ นายมีพี่ชายเพียงหนึ่งคนเท่านั้น แล้วนายพอจะมีลูกพี่ลูกน้องที่มีดวงตาและสีผมเหมือนนายบ้างมั้ย” เรียวเฮสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ ๆคนที่นั่งเงียบมาตลอดโพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ฟุยุกิดื่มน้ำเข้าไปหนึ่งแก้วเป็นอันสิ้นสุดการทานอาหารเย็น สีหน้าค่อย ๆกลับมาเด็กหนุ่มลุคเย็นชาคนเดิมก่อนที่จะเริ่มตอบคำถาม

“ใช่ ดวงสีนี้ของฉันได้มาจากแม่ที่เป็นคนต่างชาติ และผมของฉันได้มาจากพ่อที่เป็นคนญี่ปุ่น ไม่มีลูกพี่ลูกน้องคนไหนที่เหมือนกันฉันแน่นอน แล้วนายพอจะบอกฉันได้หรือไม่ว่าทำไมนายถึงต้องตามหาเธอ” ฟุยุกิถามด้วยความสนใจ ประกายในดวงตาของนัตสึโอะหม่นแสงลงเล็กน้อย รู้สึกถึงความเสียดายอย่างบอกไม่ถูก คนรูปร่างหน้าตาแบบนี้ต้องไม่ได้มีแค่คนเดียวในโลกเสียหน่อยสักวันเขาต้องหาเธอเจอแน่นอน เขาทำใจคิดในแง่ดีก่อนจะตอบ

“เธอเคยช่วยเหลือฉันเอาไว้ครั้งหนึ่งทำให้ฉันมีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ฉันตกหลุมรักใบหน้าของเธอเข้าอย่างจังอยากจะหาเธอให้พบอีกครั้ง กล่าวขอบคุณเธอ และตอบแทนในสิ่งที่เธอทำให้ฉัน” เขาตอบคำถามด้วยเสียงอันหนักแน่นจริงจัง เมื่อฟุยุกิได้ยินก็พยักหน้าเข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงยึดติดกับคน ๆนั้นและภาวนาว่าซักวันนัตสึโอะจะได้พบกับเธออย่างที่ตั้งใจเอาไว้ เรียวเฮมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสับสนแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา

หลังจากนั้นทั้งสามก็เก็บถาดอาหารและเดินทางขึ้นหอพักไปพร้อมกัน เสียงสนทนาของทั้งสามดำเนินขึ้นตลอดทางเดิน ส่วนมากจะเป็นเป็นเรียวเฮกับฟุยุกิคุยกันเสียมากกว่าครึ่งนัตสึโอะจะคอยออกความเห็นบ้างเป็นพักๆ น่าแปลกใจที่ฟุยุกิสามารถสานต่อบทสนทานาได้อย่างต่อเนื่อง นัตสึโอะคิดว่าเขาจะเป็นพวกที่ไม่ทำตัวเย็นชาไม่ค่อยพูดเสียอีก  ส่วนมากประโยคที่เขาพูดนั้นจะไม่ค่อยยืดเยื้อแต่มีความหมายลึกซึ้งแถมยังมีเสน่ห์ชวนให้สานต่อบทสนทนาต่อไปเรื่อย ๆอย่างไม่รู้เบื่อ จนหลายครั้งนัตสิโอะรู้สึกสนุกสนานอย่างไม่รู้ตัว ทั้งสามตัดสินใจเดินขึ้นตึกเพื่อย่อยอาหาร นัตสึโอะพึ่งรู้ว่าพวกเขาทั้งหมดพักอยู่ชั้นสี่เหมือนกัน ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริง ๆ พอถึงห้องเรียวเฮก็บอกลาทั้งคู่ก่อนจะใช้คีย์การ์ดเปิดประตูห้องเข้าไป ที่แท้ห้องก็ยังอยู่ใกล้ๆกันนี่เอง เขาคิดก่อนทั้งคู่จะเดินต่อ แต่เมื่อเดินถึงห้องตนเขาก็เห็นว่าฟุยุกินั้นหยุดเดินแล้วเช่นกัน นัตสึโอะจึงตัดสินใจบอกลาอีกฝ่าย “เจอกันพรุ่งนี้นะ” ฟุยุกิมองเขาด้วยสายตางงงวย เด็กหนุ่มแปลกใจที่อีกฝ่ายไม่ตอบรับแถมยังสงสายตาประหลาดกลับมาอีกต่างหาก หรือว่ามีเรื่องที่อยากคุยกับเขาต่อ

“ยุกิมูระนายไม่กลับห้องของนายเหรอ หรือว่ามีอะไรอยากจะพูดกับฉัน” ทันทีที่ได้ยินฟุยุกิเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ที่แท้หมอนี่ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นรูมเมทนี่เอง ก่อนที่จะเกิดการเข้าใจผิดไปมากกว่านี้เขาจึงเอ่ยเสียงเรียบ “ห้องนี้แหละคือห้องของฉัน จะพูดให้ถูกก็คือตั้งแต่วันนี้ไปฉันจะเป็นรูมเมทของนาย” หลังจากนั้นนัตสึโอะก็เงียบกริบ ราวครึ่งนาทีผ่านไปเขาพึ่งได้สติ นี่มันเรื่องล้อเล่นอะไรเนี่ย! มันจะเป็นไปได้ยังไงเขาจองห้องนี่เพื่อที่จะอาศัยอยู่คนเดียวแถมพี่สาวของเขายังเป็นคนติดต่อห้องนี่ให้เป็นกรณีพิเศษเพราะรู้ดีว่าเขาไม่ชอบที่จะต้องอาศัยอยู่ร่วมกับคนอื่น จากบทสนทนาที่ผ่านๆมาฟุยุกิดูไม่ใช่คนที่ชอบพูดโกหกและเมื่อจ้องมองดวงตาอีกฝ่ายก็ไม่เห็นแววตาล้อเล่นใด ๆ เขาไม่รอช้าเขารีบเปิดประตูห้องเข้าไปและเปิดไฟดูรอบ ๆ ทันที    

รองเท้าแตะคู่หนึ่งของเขายังอยู่ดีแต่มีรองเท้ากีฬาอีกสองคู่ที่ไม่คุ้นตาวางเรียงอยู่บนพื้นด้วย ไม่เพียงแต่รองเท้าที่เพิ่มเข้ามาเท่านั้นแต่ยังมีหนังสือมากมายที่เขาไม่เคยเห็นจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่ในห้องนั่งเล่นอีก ข้าวของไม่คุ้นตาหลายอย่างวางเป็นระเบียบในห้อง “พี่ของนายโทรมาเตือนฉันก่อนแล้วเรื่องของนาย แต่ฉันไม่รู้ว่านายคือใครจนเมื่อตอนเย็นนี้ เธอยังไม่ได้บอกนายเรื่องนี้อีกเหรอ” นัตสึโอะเปลี่ยนสีหน้าหงุดหงิดทันที เมื่อเริ่มประติดประต่อเรื่องทั้งหมดได้เขาควักโทรศัพท์ออกมาและต่อสายไปหาพี่สาวจอมเจ้าเลห์ทันที

“ว่าไงเจ้าตัวแสบ” เสียงคุ้นหูออกมาจากโทรศัพท์ “บอกฉันมาว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมในหอผมถึงมีคนย้ายเข้ามา” เมื่อเธอได้ยินก็อธิบายออกไปด้วยน้ำเสียงสบายๆ “เป็นการลงโทษสำหรับเรื่องที่เธอทำในวันนี้ ชื่อเสียงของชั้นเสียหายก็เพราะเธอนั่นแหละ วันนี้ทานากะซังเขากำลังกังวลเรื่องมีนักเรียนอีกคนที่ทำเรื่องเข้ามาพักล่าช้า ทำให้จำนวนนักเรียนไม่ครบคู่เลยโทรมาปรึกษาฉันเป็นจังหว่ะเดียวกับที่ฉันพึ่งได้รับแจ้งเรื่องที่เธอก่อเรื่องพอดี สมองอันชาญฉลาดของฉันจึงเสนอให้เด็กคนนี้เข้ามาพักกับนายและเขาตกลงเรื่องนี้ทันที ฉันดูจากประวัติยุกิมูระคุงเขาก็เป็นเด็กที่น่ารักคนหนึ่งเธอสบายใจได้เลย อีกอย่างเธอต้องหัดอาศัยอยู่ร่วมกับคนอื่นเสียบ้างนะที่รักเพื่อตัวของเธอเอง และสุดท้ายนี้ฉันขอเตือนไว้อีกอย่างว่าอย่าหวังจะพึ่งเส้นสายของชั้นจัดการเรื่องโยกย้ายหอซะให้ยาก เจ๊คนนี้ดักทางนายไว้หมดแล้วไม่ว่าเธอโทรไปหาใครเขาก็ไม่มีใครช่วยนายได้หรอกย่ะ ขอให้พักอาศัยอย่างมีความสุขนะคะเจ้าน้องตัวแสบของพี่” พูดจบก็วางสายไป โดยไม่ฟังคำทักท้วงใด ๆของเขาอีก นัตสึโอะพยายามโทรไปอีกครั้งแต่โทรศัพท์ของอีกฝ่ายก็ถูกปิดลงไปเสียแล้ว “โธ่เว้ย!” เขาสบทออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะมองไปยังฟุยุกิที่เดินเข้าห้องมาด้วยท่าทางปกติ

“นายตกลงร่วมมือกับเธอทั้งๆที่ฟังเรื่องของฉันไปแล้วเนี่ยนะ” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างหงุดหงิด ฟุยุกิที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบเข้าใจได้ทันทีและพูดดักอีกฝ่ายอย่างรู้ทันเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเอ่ยปากไล่ “ฉันก็มีปัญหาของฉันเหมือนกัน ฉันไม่รู้หรอกนะว่าปัญหาของนายคืออะไร แต่ฉันย้ายของเข้าและจ่ายเงินค่าหอไปทั้งหมดแล้ว ฉันไม่มีทางยอมย้ายออกง่าย ๆหรอกนะ” พูดเสียงเรียบก่อนจะเดินเข้าไปเอาของออกมาอาบน้ำอย่างไม่สะทกสะท้าน เขาวุ่นวายแทบตายก่อนได้ที่อยู่มาจะให้ย้ายตอนนี้ยังไงฉันก็ไม่ยอมหรอก

ราวกับได้ยินเสียงอะไรบางอย่างขาดผึง นัตสึโอะไม่เคยรู้สึกอยากอัดคนมากมายเท่าวันนี้มาก่อน ตีความผิดไปว่าฟุยุกินั้นร่วมมือกับพี่สาวของเขาเพื่อกลั่นแกล้งตน ได้!นายจะเล่นกันแบบนี้ใช่มั้ย พลันความคิดชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นมาในหัว ‘ในเมื่อฉันย้ายออกไม่ได้ฉันก็จะทำทุกอย่างให้นายทนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีก คอยดูเถอะ!’

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

เป็นนิยายเรื่องแรกที่แต่งลงเว็ป ขอฝากไว้ในอ้อมอกด้วยนะค้าบ(>.....<)

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา