Secret Love ลิขิตรัก

-

เขียนโดย PMIX

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เวลา 14.06 น.

  12 ตอน
  0 วิจารณ์
  13.19K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 14.29 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) ดั่งมีม่านกั้นใจ/1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

                   

                          ชื่นกมล ประภากร เดินย้อนกลับไปทางเดิม

                         “ป่านนี้ป้าอิ่ม คงหิวแย่” เธอรีบจ้ำลัดเลาะไปตามทางคดเคี้ยวเดิม ไม่พยายามที่จะสำรวจอะไรอีก ด้วยกลัวว่าจะ ชนเข้ากับใครอีก ย่อมไม่ดีแน่ ไม่งั้นเธอคงจะมีแต่คู่กรณีในกรุงเทพเป็นแน่

                  
      ม้าหินอ่อนตรงที่เธอให้ป้าเธอนั่งรอนั้น ไม่ได้มีเพียงป้าอิ่มคนเดียวซะแล้ว
     
                     
      แจ่มใส เห็นป้าแกหัวเราะ ร่วนกับ ผู้ชาย ยิ่งเข้าไปใกล้ก็เห็นได้ชัดว่าคงจะ อายุมากกว่าเธอไม่กี่มากน้อย
      
                   
     ยิ่งเข้าใกล้ ก็ยิ่งเห็น รายละเอียดของชายหนุ่มได้ชัดเจน หน้าขาว ผมหยักศก ท่าทางสุภาพ "ดูป้าสิ ท่าทางสนิทสนมเชียว"
      
                      
     ป้าไม่ได้สนใจดูอะไรเลย จนเดินเข้ามาใกล้ และสายตาชายคนนั้นตวัดมาที่เธอ แกจึงเหลียวตามสายตานั้นมา

                                      

        "อ้าว!!..ไงลูก เสร็จแล้วเหรอ?” ป้ามีอาการตกใจนิดๆ

         

    ชายหนุ่มคนนั้นมองเธอไม่วางตา

     
         "เปล่าจ๊ะ แจ่มลืมแผนที่ไป”

   
               
              
     ผู้มาถึง ยังคงยืนค้าง ปากเธอพูด กับป้า แต่ตาเธอสิ ทำไมต้องไปจับที่หน้าชายหนุ่มเก้อๆ ก็น่ารักดี เขาส่งยิ้มให้เห็นฟันขาว เกือบทั้ง สามสิบสองซี่   เธอทำตัวไม่ถูก จนป้า สะกิดให้นั่ง



     แจ่มใสทรุดตัวนั่งใกล้ๆป้า

    
     ใครกันนะ แล้วป้าของเราไปรู้จักมักจีกับเขาได้อย่างไรล่ะ ที่สะกิดใจเล็กน้อย บนโต๊ะม้าหินอ่อน มีแก้วน้ำพลาสติก ที่น้ำแข็งละลายไปได้ค่อนแก้ว จะว่าแก้วเก่า ก็น่าจะเก็บทิ้งซะ  
       
                

       เธอจะหยิบแก้วนั้นทิ้ง แต่ไม่ทันมือป้าที่คว้า ไปดูดดัง  "โครกคราก!!!" ก่อนจะยื่นมาให้

            



                            
            "เสียดาย!!” แกว่า แจ่มใสส่งสายตาตำหนิไปให้เมื่อลุกเอาแก้วไปทิ้งที่ถังขยะสีเหลืองที่ไม่ไกลนัก ก่อนจะมาหย่อนก้น ที่เดิม

               
          "อ้อ!!..นี่ดนัยจ๊ะ” ฝ่ายนั้นก้มหัว ค้อมตัวให้หล่อนเล็กน้อย 
     “เขาเรียนคณะเดียวกับเราเลยนะ..พอดีป้าไม่รู้ทางไปซื้อน้ำ.. หิวน้ำ พ่อดนัยผ่านมา.. ก็ได้เค้านี้ล่ะไปส่ง.. นี่ถ้าไม่ได้พ่อดนัยนะ..คงจะหิวน้ำตาย แถมยังอุตส่าห์มานั่งคุยเป็นเพื่อนอีก เค้าเป็นคน นครสวรรค์ลู๊กก..” ป้าแกเสนอข้อมูลยิ้มมองชายหนุ่มไม่ตากระพริบ

           

                               


           "ครับ!! ผม ชวนคุณน้า..ไปเที่ยวนครสวรรค์บ้านผมด้วย ถ้าเกิดแวะมาคราวหน้า ผมจะพาเที่ยวเองครับ น้องด้วยนะครับ บ้านผมยินดีต้อนรับเสมอ เออ..ผมยังไม่ทราบชื่อน้องเลยครับ” ชายหนุ่มหน้าขาวหันมาทางเธอ  ยิ้มไม่หุบ แจ่มใสอ้าปากจะตอบ แต่ไม่ทันคนปากไวกว่า

            






           "นี่..แจ่มใสหลานพี่” ป้าแกแทนตัวเองว่าพี่หน้าตาเฉย แจ่มใสรู้สึกอายแทน แต่ก็ไม่กล้าแสดงอาการ ยังอ้าปากค้าง พยายามทำสีหน้าให้เฉยที่สุด แต่ใจนึกความรู้สึกชอบกล ที่ต้อง มาฝืนความรู้สึก มาได้ยินอะไรแปร่งๆหูกับคนแปลกหน้า
       

      ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่ว่าป้ามนุษย์สัมพันธ์ดีก็เถอะ แต่นี่ไม่ใช่ที่บ้าน จะไว้ใจใครง่ายๆได้อย่างไร

               

                               
         "พี่ยินดี..ที่ได้รู้จักนะครับน้องแจ่มใส” ยิ้มนั้นกว้างขึ้นไปอีก  เป็นคนยิ้มเก่ง แถมยิ้มสวยอีกด้วย ป้าอิ่มดูนิยมชมชอบ

                    

       "น้องแจ่มมีอะไร..ให้พี่ช่วยก็บอกนะครับ พี่ยินดีเสมอ” สายตาคนพูด ดูจะมีประกายแปลก หรือจะคิดมากไปเอง

                    




          "ช่างเป็นคนมีน้ำใจจริง พ่อคุณ” ยิ้มนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหุบได้ ถ้ายังได้รับคำชม อยู่ไม่ขาด

        

     อย่างนี้ ชักหมั่นไส้ คนไม่ยอมแก่

               

         "เรา ยังไม่ได้ลงทะเบียนไม่ใช่เหรอ ให้พี่เขาไปส่งสิ ไหนๆ พี่เขาก็ขันอาสาจะไปส่งที่หอ ป้าก็ตกลงกับเขาแล้ว” อะไรกันนี่ แจ่มใสรู้สึกตกใจไม่น้อยที่ป้าแกทำตัวสนิทสนมกับเขาเกินเหตุ “พี่ฝากดูหลานด้วยนะ”

            




       "ป้า!!” เธอต้องทำเสียงให้เข้มขึ้น
        
   “อย่าดีกว่านะ รบกวนพี่เขาเปล่า อีกอย่างแจ่มก็มีแผนที่แจ่มใสหยิบกระเป๋าถือสีม่วงของป้ามา แต่กลับถูกดึงไป

            



                    
     
        "แกนี่!.. เปลี่ยนมาเป็นคนขี้เกรงใจตั้งแต่เมื่อไหร่?” แจ่มใสอ้าปากค้าง แสบร้อน โดนป้าแกเผาสดๆ ต่อหน้าผู้ชายแปลกหน้าซะ

             




       "ป้า อิ่ม!!” พูดได้แค่นั้น  ส่วนความคิดว่า แล้วป้าล่ะกลายเป็นคนไม่เกรงใจใครไปตั้งแต่เมื่อไหร่นั้น




         แจ่มใส ยังยั้งปากไว้ ทัน ชายหนุ่มยิ้ม เห็นฟันขาว

 

                             ***********************







                

                             แจ่มใส เดินออกมาหา แดนดนัย หลังจากที่ได้ลงทะเบียนเสร็จสิ้นลง ชายหนุ่มนั่งรออยู่หน้าห้องลงทะเบียนอยู่พักใหญ่

 
    เธอรู้สึกพะอึดพะอมที่ ต้องทำให้คนที่ไม่รู้จักมักคุ้น ต้องมานั่งรอทั้งที่เขาสมัครใจ และยินดีก็ตามที

                
                         


        "ขอโทษนะคะที่ต้องให้คอยนาน คนต่อคิวเยอะไปหน่อย แล้ว คุณ..” กระดากปากจริงๆที่จะเรียกชายหนุ่มว่าพี่อย่างสนิทสนม

                    
    "ไม่รีบไปไหนเหรอคะ?”

     
                          
     ไม่อย่างแน่นอน...เราไม่อยากจะต้องมาให้ผู้ชายคนนี้มาตามไปถึงที่ห้องแน่นอน แม้ว่าเค้าจะขันอาสา และ มีความตั้งใจจริงอย่างที่รับรู้ก็ตาม

          
          
        เธอก้าวนำเขาไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเขากลับเดินอย่างเชื่องช้า เหมือนต้องการใช้เวลาให้มากขึ้นในการเดิน

             

        "น้องแจ่ม พี่ทราบจากพี่..”ชายหนุ่มชะงักนิดหนึ่ง เมื่อแจ่มใสสบัดหน้ามามองเขาด้วยหางตา

                      

       "พี่หมายถึงป้าของน้องแจ่มนะครับ บอกว่าน้องแจ่มยังไม่มีหอพัก ยังไงให้พี่ช่วยหาให้ หรือไม่.. ให้พี่ช่วยไปหาเป็นเพื่อนจะได้ไหมครับ?”

         



     เธอแก้มหน้างุดๆ เดินใจครุ่นคิด เกี่ยวกับชายหนุ่มที่เดินข้างๆ ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหน
“ไม่รบกวนคุณดีกว่านะคะ เกรงใจคุณเปล่าๆ”

                   



      "เกรงใจกันทำไมเล่าครับ แล้วก็เลิกเรียกพี่ว่าคุณเสียที ยังไงเราก็ยังต้องเจอกันตอนรับน้องอยู่แล้วล่ะ แล้วก็ห้ามปฏิเสธ ความช่วยเหลือของรุ่นพี่.. ไม่ดีรู้ไหม” แจ่มรู้สึกเหมือนกำลังถูกมัดมือชกยังไงยังงั้น




                  

     "แจ่มก็คงจะหาหอแถวๆใกล้ๆ มหาลัยนี้แหละค่ะ ขอบคุณที่หวังดี แต่..”

              



      "ไม่มีแต่ อะไรทั้งนั้นแหละครับ ป้าเขาเป็นห่วงน้องแจ่มนะครับ เว้นแต่ว่าน้องแจ่มจะรังเกียจ และไม่ไว้ใจพี่เท่านั้นแหละครับ"

             


     "เปล่า ค่ะ เปล่า!!” รีบปฏิเสธ ทั้งที่ค่อนข้างจะมีส่วนที่เธอเป็นคนขี้ระแวง แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะทำร้ายจิตใจ คนที่เขาอาจจะจริงใจกับเธอและป้าจริงๆ

                   

    แจ่มใส สังเกตุ แววตาของชายหนุ่มปรากฏความพอใจแวบหนึ่ง แต่หน้านั้น มันกลับเปลี่ยนเป็นยิ้มแบบใสๆ ให้เธอ
      "งั้นวันนี้ต้องให้พี่ไปส่งเลยนะครับ พรุ่งนี้ พี่จะได้ไปรับถู



เขาดูกระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัด และแจ่มใสรู้สึกว่าเขาก้าวยาวขึ้นกว่าเดิม อย่างสบายอารมณ์


 

 

                                                   …...............................................

                                       

 


     
สินค้ามากมายเรียงรายเต็มสองข้างทาง

     ทั้งร้านเล็กร้านใหญ่ ร้านเสื้อแบรนด์เนม นอกมีชื่อหลายร้านติดกัน ต่างแข่งกันติดป้ายลดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้ากระเป๋าหนัก

         

           
   
ผู้คนพลุกพล่าน ต่างเป็นผู้มีฐานะที่จะสามารถจับจ่ายสินค้าที่มีราคาแพง หรือนักศึกษาที่ยังต้องขอเงินจากผู้ปกครองร่ำรวย พกเงินมาเที่ยวเล่นตากแอร์เย็นฉ่ำ เพื่อฆ่าเวลา

    
    ร้านค้าหลายร้านเต็มไปด้วยนักช๊อปของลดราคา

           
           
   ชลวิทย์ อริยภาส เดินตามสาวน้อยเข้าร้านนู้นออกร้านนี้ ตั้งแต่บ่าย จนตอนนี้ในมือทั้งสองข้างของเขาเต็มไปด้วยสินค้าของน้องสาว
           

     เขามองดูน้องสาวที่มีความสุขอยู่กับ การโกยของลงถุง โดยเฉพาะของกิฟช็อปกระจุกกระจิกที่ดูเหมือนเธอจะชอบมันเอามากๆ
        
              
    ชายหนุ่มต้องทนกับความรู้สึกอึดอัดเล็กๆ ที่ต้องคอยเข้าร้านบางร้าน ที่มีแต่เด็กผู้หญิงวัยรุ่นคอยจับตามองดูเขา

             
     หญิงสาว หลายต่อหลายรายที่ยิ้มให้และสะกิดเพื่อน ให้มองดู จนเขาชักเขิน

                    


      "ไงค่ะ พี่วิทย์ หน้าเครียดเชียว เบื่อแล้วเหรอค่ะ?” เด็กสาววิ่งมาดักหน้ายิ้มกริ่ม

                 

                        


          "นิดหน่อย” พยายามเค้นยิ้ม แห้งๆให้น้องสาว ใครหรือจะกล้าพูดว่าที่จริงแล้วแสนจะน่าเบื่อ กับยัยจอมขี้งอน

               

          "ว่า แต่เราเถอะ ได้ของตั้งเยอะ พี่ถือแทบไม่ไหวแล้ว ไม่เหนื่อยอีกหรือไงเราหน่ะ” ชลวิทย์ชูของในมือให้น้องสาวดู หน้าใสๆนั้นยิ้มอย่างพอใจ

                
                     
                             

                         
         
         "แหม... ก็ นานๆ จะมากับอาเสี่ย..นี่คะ! ต้องถล่มกันซะให้เข็ด!” น้องสาวตัวดีเข้ามากอดแขนอย่างประจบ แต่เป็นที่แน่นอนว่าเขารู้สึกไม่ชื่นชอบ กิริยาแบบนี้นัก เพราะรู้ว่าต้องเสียเงิน บางทีอาจถึงกระเป๋าฉีก

              

         "รู้งี้น่าจะให้พี่วิทย์มากับน้องบ่อยๆ..แต่พี่ก็เอาแต่ยุ่งกับงาน”

    แก้มใสๆนั้นลงมาแนบกับแขนเขาและแรงกอดรัดแขนก็แน่นขึ้น

                                   
                     



            "ก็เราเองไม่ใช่เหรอ?..บอกชอบมากับเพื่อน ก็น่าจะสนุกดีกว่า.. มากับคนแก่ๆอย่างพี่ จะไปสนุกอะไร?” ชายหนุ่มเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ


                         

                     

                        
           "แหม...ใครว่าล่ะคะ.. มากับพี่วิทย์สนุกจะตาย  อีกอย่างพี่วิทย์ก็ยังไม่แก่ซักหน่อย!.. แถมน้องไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายเองด้วยหน้านั้นดูมีความสุขและสดใส

                 
           


                 
           "จ๊ะๆ!! เรานี้นะ พี่ยอมแพ้เลย...”เขามองน้องสาวอย่างเอ็นดู “ว่าแต่เราเถอะ! บ่ายแล้วนะ.. ยังไม่หิวอีกเหรอ?”

                

                              
                           
                       
       
            "พี่วิทย์หิวแล้วเหรอคะ? .... งั้นไปหาอะไรทานกันเถอะค่ะ ว่าแต่จะทานอะไรดีล่ะ?”

                
                           

                  

            "สุกี้ไหม..เราชอบไม่ใช่เหรอ?”เขาพูดทั้งที่ยังมองตรง

                      

                        
                       
                       
      
          "ไม่ดีกว่าค่ะ น้องว่าเราไปกินไก่ทอด เฟร้นฟรายดีกว่าไหมค่ะ?.. น้องอยากทานไก่หอมกรุ่น” เด็กสาวทำท่าสูดอากาศเข้าไป ดูน่ารักน่าเอ็นดู

             



           
      ผู้คนเดินผ่านไปมาต่างส่งยิ้มมาให้เขา บางคนอาจจะคิดอิจฉาเขาที่มีน้องน่ารัก คงจะเป็นภาพพี่น้องที่รักใคร่ แต่ใครเลยจะรู้ ความจริงในชีวิตเขาที่เป็นอยู่

          
              
     ทั้งเขา และน้องสาว มาถึงร้านขายไก่ทอดแบรนด์เนมนอก ร้านประจำที่ขยายสาขามานับไม่ถ้วน ภายในร้านคับคั่งไปด้วย ลูกค้าชายหญิง น้องสาวดึงแขนไปมุมหนึ่งของร้านมีที่ว่างจำนวนไม่กี่โต๊ะ ชายหนุ่มวางสัมภาระ แล้วให้น้องสาวนั่งรอ เพื่อเดินไปที่เคาน์เตอร์สั่งอาหาร

           

     ไม่กี่อึดใจ..เขายกไก่ทอดจานใหญ่กับ มันฝรั่งแท่ง ทอดหอมฉุย พร้อมกับน้ำอัดลมสองแก้วใหญ่มาวางตรงหน้าสาวน้อยที่นั่งยิ้มแก้มปริ รอรับอยู่
    “หอมน่ากิ..” ยังไม่ทันที่น้องสาวจะพูดจบ

   

    เสียงหนึ่งที่เขาคุ้นหูก็ชิงพูดขึ้นแต่ไกล

                     

        "ไงค่ะ ดาลิ่ง มาเที่ยวกันไม่ยอมชวนริณสักคำเลยนะคะ ชลเสียงสาวมาดมั่นดังมา เขารีบหันไปมองพร้อมรอยยิ้ม

          

    วรรณณี แทบจะหุบยิ้มในทันที ที่สังเกตุเห็น ริณฤดี ดิเรกพัฒนผล ลูกสาวเจ้าแก่ร้านทองที่เขาคบหา ตั้งแต่ ก่อนสมัยเรียนประเทศนอก

                
                        

        "อ้าว แล้วริณล่ะ มาได้ไงจ๊ะนี้ นั่งก่อนสิครับ”


            
 
    "ริณ ก็มาตามเสียงหัวใจของริณ นะสิคะ ดาลิ่ง”

                   ปากสีแดงอิ่มนั้นว่า พรางเจ้าตัวก็โน้มตัวมาโอบรอบตัวชายหนุ่ม อย่างไม่แคร์ สายตาคนรอบข้าง

                                   

                         


          "นี่..ยังไม่ได้แตะไก่สักชิ้นก็เลี่ยนเสียแล้ว คนไม่รู้จักอาย” เสียงนั้นแหลมขึ้น เจ้าของหน้าบูดบึ้ง ที่นั่งตรงข้ามทำท่าเหมือนจะอ้วก ผู้คนเริ่มหันมาทางเขา

              
                           


       

        "ยัย... วรรณ!! พอเถอะเรา เราก็เหมือนกัน อายคนเขามั้ง” เขาชักพะอึด พะอม กับสถานการณ์ บทไม่สบอารมณ์น้องสาวไม่น่ารักเอาเสียเลยจริงๆ ตากลมใส นั้นเอาเรื่อง

         

        "แล้วริณมาเที่ยวกับใครล่ะครับ?”ว่าพร้อมดึงแขนให้ริณฤดี นั่งเก้าอี้ตัวข้างๆเขา
           
                 

     "ริณ.. มากับเพื่อนหนะค่ะ! พอดี.. เห็นชลแว๊บๆ ก็...." ริณฤดีพูดยังไม่ทันจบน้องสาวตัวดีก็พูดแทรกกลางป้อง

                    

                                       

                        

        "ก็ เลยกระดิกหางเข้ามาเลย” ปากจิ้มลิ้มนั้นลอยหน้าลอยตาว่า เบาๆ..แต่ชัดเจน เล่นเอาริณฤดี ที่แก้มปัดบัชออนเป็นสีชมพูเรื่อ นั้นแดงวูบขึ้น เขาเองก็หน้าชาไปด้วยเหมือนกัน คิดไปว่าชักจะเกินเด็ก

          




        "ยัยวรรณ!!ชายหนุ่มชักเสียงแข็ง แต่พยายามคุมไม่ให้ดังไปจนเล็ดลอดให้เป็นขี้ปากคนได้

             

         "พูดอย่างงั้นได้ยังไง ขอโทษคุณริณนะเรา”

             

                       


        "เรื่อง!!..?” หน้านั้นมุ่ย  หลบสายตา ตั้งหน้าหั่นไก่ทอดชิ้นโต

                               

                 

         "ช่างเถอะค่ะชล แกยังเด็ก ริณขอตัวนะค่ะ แล้วค่อยเจอกันนะค่ะ ดาลิ่ง” ริณฤดี ลุกพรวดพราด กำมือแน่น เดินออกจากร้าน ชายหนุ่มลุก ออกเดินตาม

                
                        

                   

        "ริณ.. เดี๋ยวสิจ๊ะ!!” หาได้ฟังเสียงเรียกของเขา จนต้องคว้าข้อมือหล่อนไว้

               
         "ริณ ผมขอโทษ!..” หน้านั้นยังดูเนียนสวย แม้เวลาโกรธ หล่อนเม้มปากแดงสดนั้น

                 
         "ผมขอโทษนะครับริณ!” เขาจับมือนุ่มนั้นมากุม

               

                             

        
         "ชล คุณไม่ได้ทำอะไรผิด” แต่สายตาหล่อนสิ ไม่เหมือนที่ปากพูด แววตานั้นแสนตัดพ้อ

             

                             

                         
          "ผมขอโทษ..ที่ไม่ได้บอกคุณว่าจะมาเที่ยวกับวรรณ เพราะผมคิดว่าถึงชวนคุณ! เราสามคนก็คงไม่สะดวก”ชายหนุ่มตีหน้าสลด ส่งสายตาอ้อนวอนปากยังยิ้มน้อยๆ

                   

                              

                              
      "ค่ะชล ริณเข้าใจค่ะ ว่าน้องวรรณเขาไม่ชอบขี้หน้าริณ” หน้านั้นยิ่งดูน่าสงสาร และเห็นใจ เขาบีบมือคู่นั้นแน่นขึ้น

              


                                

          "สักวัน ยัยวรรณจะต้องเปลี่ยนใจมายอมรับคุณ”เขาให้ความหวังที่ตนเองยังไม่แน่ใจ

                



                                  
         "ค่ะ ริณจะรอ แต่ว่าคงจะนานหน่อยมั้งค่ะ ชล”  หล่อนฝืนยิ้มแห้งๆมาให้ แต่เขาก็รับไว้ แล้วยิ้มตอบกลับไปกว้างขึ้นอีกนิด

             

                                 

                 
           "แล้วผมต้องขอโทษแทนยัยวรรณ กับคำพูดแย่ๆของแก แกโดนตามใจจนเคยตัว”ริณฤดีเฉไปมองทางอื่น

           

                         

                                
          "ค่ะ! ช่างเถอะค่ะชล.. ริณไม่ถือ” หญิงสาวตอบเสียงขม แต่น้ำเสียงนั้นดูจะตรงข้ามกับคำพูด



                 
    
   ริณฤดีค่อยๆ หันมามองเขาช้าๆ ก่อนจะสะบัดหน้าเดินกลับไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนๆสนิทที่เขาพอคุ้นหน้า ในร้านเสื้อชื่อดัง

 

        
             
    
ชลวิทย์ เดินทำหน้าเครียดกลับมายังโต๊ะ ยังไม่ทันที่จะได้ทรุดลงนั่ง ปากจิ้มลิ้มนั้นก็ว่า

          
         "ไงค่ะพี่วิทย์ ตามไปโอ๋แม่นั้นถึงไหนมา?”

               
                           

                       
           "น้อยๆ.. นะเรา! ชักจะมากเกินเด็กแล้วนะ”

         
         
      ชลวิทย์ลากเก้าอี้ แล้วทรุดตัวลงนั่ง หน้านั้นยังยุ่งที่สุดเหมือนเคยเห็น

                                 

            "พี่ เขาแก่กว่าเราไปพูดอย่างงั้นกับเขาได้อย่างไง”เขาชะโงกหน้าไปให้ใกล้น้องที่ สุด เท่าที่จะใกล้ได้ เพราะไม่อยากให้เล็ดลอดไปถึงโต๊ะข้างๆ

                    
                               



         "เค้าก็ว่าเค้าเกินเด็กแล้วนะ คุณแม่ยังบอกเค้าเลย ว่าเป็นสาวแล้ว”ฝ่ายนั้นทำหน้าทะเล้น

                               



                                  
          "เอาใหญ่แล้วนะเรา ย้อนพี่เหรอ”เขาอดใจอ่อนไม่ได้ทั้งที่เหนื่อยใจอยู่ก่อน

                        




         "ก็แน่นอนสิค่ะ เล็กๆไม่ ใหญ่ๆเอา” พอน้องสาวตัวดี ยักคิ้วให้เขาหงึกๆ
                     



     ชลวิทย์ ก็ใจอ่อนให้น้องสาว จนต้องรีบก้มหน้าหลบกลั้นยิ้ม




                    ******************
     




           
       ลงท้ายชื่นกมล ก็ต้องไปกับแดนดนัยสองต่อสอง
    
ป้าแกเล่นอ้างขี้เกียจเดิน เธอเดินหาหอจนบ่าย

         


  ทั้งที่ออกมาจากห้องตั้งแต่เช้า......

          
     ชายหนุ่มไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อหน่ายให้เห็น เธอเริ่มคุ้นเคยกับแดนดนัยทีล่ะนิด ถึงแม้จะมีความรู้สึกต่อต้านบ้าง

          
    แต่เธอก็เห็นถึงความมีน้ำใจ และความช่างเอาใจของเขามิน่าล่ะ ป้าอิ่มถึงได้เป็นปลื้มเขานักแจ่มใสคิด

         
   
     แม้เธอไม่ใช่คนที่จะไว้ใจใครง่ายๆนัก แต่ให้ความสนิทพอควรจะดีกว่าในตอนนี้

          
              


   มีหลายตึก ที่หล่อนค่อนข้างสนใจอยู่ แต่ก็ยังไม่ได้ปักใจเลือก

         
    แถวนั้นมีหอติดกันค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นหอที่เปิดให้สำหรับหอนักศึกษาโดยเฉพาะ แต่มีบ้างเหมือนกันที่จะมีผู้ใหญ่วัยทำงานชายหญิงปะปน

      
          

    หญิงสาวล้วงผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าสะพายใบเล็กๆ ขึ้นซับเหงื่อที่เริ่มไหลลงมาข้างแก้ม

             
                          

      "น้องแจ่มร้อนเหรอครับ เดี๋ยวเราแวะซื้อน้ำกันนะครับชายรุ่นพี่ว่า เมื่อเดินไปเดินมาหลายรอบก็ยังวนเวียนอยู่แถวฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยนั่นเอง

                 

                          

          "หอหญิงล้วน ไม่มีบ้างหรือค่ะแถวนี้?” เธอถามชายหนุ่มเมื่อเดินมาถึงร้านสะดวกซื้อสาขาหนึ่งหน้ามหาวิทยาลัย

               

                                

        "ก็มีบ้างครับ น้องแจ่มอยากอยู่หอหญิงเหรอครับ”หน้าขาวปากแดงนั้นฉายยิ้ม

                 

                                
      
     "แจ่มว่าก็ดีนะค่ะ ปลอดภัยดีมั้งค่ะ”ยิ้มตอบกลับไปเพียงน้อย

          
         
    ชายหนุ่มอึ้งไปครู่ เหมือนกำลังใช้ความคิด
               
   “พี่ว่าน้องแจ่มนั่งรอพี่ตรงนี้นะครับ พี่ไปซื้อน้ำมาให้”

           
    ข้างหน้าร้านสะดวกซื้อเป็นป้ายรถเมล์ ที่มีหลังคาเชื่อมมาจากสะพานลอยฝั่งตรงข้าม เป็นป้ายรถเมล์อีกป้ายหนึ่งหน้ามหาวิทยาลัย

           
            
    แจ่มใสใช้ผ้าเช็ดหน้าต่างพัด อากาศค่อนข้างอบอ้าว ทั้งที่แดดแทบจะไม่มี แต่ถึงกระนั้นความร้อนก็ไม่ได้ลดน้อยไปจากทุกวันเลย

                  
                     



       "น้ำ..ส้มหรือน้ำแดงดีครับ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยื่นแก้วน้ำพลัดกันทีล่ะข้าง ก่อนที่เธอจะได้เลือก เพราะมัวลังเล


    ชายหนุ่มก็ยื่น แก้วหนึ่งให้

                 
       "พี่ว่า..น้องแจ่มน่าจะชอบน้ำส้ม เหมือนป้าน้องแจ่มนะครับ” ชายหนุ่มทำเป็นรู้ดี เล่นเอาแจ่มใสปั้นหน้าแทบไม่ถูก เพราะจริงๆ แล้วกะจะเลือกอีกแก้วหนึ่ง

                        
 
                      


       "ขอบคุณค่า” รับอย่างเสียไม่ได้
  
    นี่คงไม่จำเป็นต้องดูดจนหมดแก้วอย่างป้าหรอกเหรอ ถึงจะได้ดูเหมือนว่าชอบน้ำส้ม

           

    ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งข้างๆแล้วดูดน้ำอย่างสบายอารมณ์

                    

       "เรื่องหอหน่ะ” แจ่มใสเบนสายตามาจับที่หน้าคนพูดเขายิ้มเห็นฟันขาว เมื่อเห็นเธอสนใจและตั้งใจฟัง ปากยิ่งยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม

                 
         "พี่...ว่า มันก็ดีนะเรื่องความปลอดภัย" เขามองจ้องเหมือนจับตาดูอาการ

    "แต่พี่ว่ามันไม่ค่อยสะดวกนะ เพราะคิดดูสิ สามสี่ทุ่มเขาก็จะปิดหอแล้วนะ พี่ว่าน้องแจ่มหน้าจะไปดูหอพี่ดีกว่าไหม? ...พี่รับรองนะความปลอดภัยพอๆกัน มีรปภ. แล้วยังมีพี่อีกทั้งคน หรือว่าน้องแจ่มไม่ไว้ใจพี่?” ชายหนุ่มหุบยิ้มจ้องเธอตาไม่กระพริบราวจะมองให้ทะลุ เล่นเอาแจ่มใสอึดอัด

                  
     
                           


                                     
          "ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ!”เธอกัดฟันพูด “ถ้าแจ่มไม่ไว้ใจ..แจ่มคงไม่มา”

     เธอ พูดความจริงถึงจะไม่ใช่ทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าไม่อยากมาซะอย่าง ป้าอิ่มก็ป้าอิ่มเถอะ ถึงจะบังคับยังไง ก็ไม่มีทางที่เธอจะมา ยังไงก็ยังไว้ใจเขาในระดับหนึ่ง เพราะแดนดนัยดูเหมือนจะไม่ใช่คนปากว่ามือถึง และไม่น่าใช่คนที่จะยอมเสียอนาคตเพราะผู้หญิงอย่างเธอ

 

           

      เพียงแต่ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์อะไรกันแน่ที่ต้องมาทำเป็นสนิทสนมกับเธอทั้งที่ไม่จำเป็น

        
     เกินกว่ารุ่นพี่ปกติที่มีต่อรุ่นน้องขนาดนี้

              

                             

      "เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เงียบไปเลย พี่ทำอะไรให้น้องแจ่มไม่สบายใจหรือเปล่าครับเขามองจ้องเอาจริงเอาจังแต่ยังยิ้มกริ่ม

               
                            

                                   
                           
         "เปล่านี่คะ!!” เธอแสร้งทำไก๋

                  

                             

                              
         "หิว น้ำเหรอครับดูดน้ำใหญ่เชียว”แจ่มใสมัวคิดอะไรต่อมิอะไรเพลิน จนลืมไปว่าน้ำในแก้วของตนเอง ไม่มีน้ำเหลือให้ดูดได้อีก เสียงดัง โครกคราก!!

             

     นี่เราทำอะไรน่ารังเกียจลงไปหรือเปล่า เธอไม่กล้าสบตาคู่นั้น

                 
                                 



   
"พี่ว่าแล้ว น้องแจ่มต้องชอบน้ำส้ม!!
       


       ชายหนุ่มขำเล็กๆ และยิ้มกว้างขึ้นอีกหลายเท่า

                   
                  ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑    
         


 

 

ป.ล.



        เรื่องราวค่อนข้างจะเป็นปริศนา นะครับ เมฆ..ว่าค่อยๆ อ่านไปนะ ข้ามตอนจะไม่สนุกและอาจไม่รู้เรื่องได้นะครับ
                                                                                                      
                   ขอบคุณครับที่   ติดตาม เอาใจช่วย อ่านมาถึงตอนนี้

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา