Secret Love ลิขิตรัก

-

เขียนโดย PMIX

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เวลา 14.06 น.

  12 ตอน
  0 วิจารณ์
  13.19K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 14.29 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) เผชิญหน้าพายุอารมณ์ /2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

              นาฬิกาส่งเสียงแทนเสียงไก่ ในห้องอันมืดทืม

     
      ชาย หนุ่มลุกขึ้นงัวเงีย เอื้อมมือสะเปะสะปะ ขึ้นไปบนหัวเตียง แสงไฟจากโคมไฟสีนวล สว่างขึ้นส่องให้เห็นสภาพห้องที่สะอาดสะอ้าน จัดอย่างเป็นระเบียบ
     
              

     ในห้องมีเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง ชุดโฮมเธียเตอร์ครบชุด โทรทัศน์จอมหึมา จัดวางไว้มุมล่างติดผนังฟากปลายเตียง ใกล้ประตูเข้าห้อง ตู้ไม้ สี่บานประตูอยู่ใกล้โต๊ะเครื่องแป้งติดผนังด้านขวามือ
        

     ฝั่งตรงข้ามเตียงไม้ขนาดนอนได้ สามคน ชายหนุ่มดูเล็กไปถนัดตาเมื่อเทียบกับสัดส่วนของเตียง


             ชลวิทย์ อริยภาส สลัดความง่วงทิ้ง แล้วดึงผ้านวมสีครีมรูปพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง เหวี่ยงไปอีกฟากหนึ่งของเตียงที่มีผ้าปูเข้าชุดกัน เขาลุกจากเตียง คว้าผ้าขนหนูที่แขวนไว้ข้างตู้เข้าห้องน้ำไป

       

  เสียงเคาะประตู ดังขึ้น สามครั้ง พร้อมเสียง นุ่ม ๆ ของผู้หญิง

               
  "วิทย์! วิทย์เอ้ย!!.....ตื่นหรือยังลูก ต้องไปส่งน้องแต่เช้านะ”

        
 ชายหนุ่มคลุมผ้าเช็ดตัวสีขาวขุ่น ออกมาจากห้องน้ำตรงมาเปิด ประตู ยิ้มรับเจ้าของเสียง

  "ครับแม่ แล้วยัยวรรณ แต่งตัวเสร็จหรือยังครับ?พูดพร้อมกับยีผมที่เพิ่งสระใหม่

             
                           
 "อืม..แม่ ปลุกแล้ว ปลุกย๊าก...ยาก!! เป็นสาวเป็นนางแท้ๆ นี่ต้องขู่ว่าเดี๋ยวถ้าไม่ทันลงทะเบียนรายงานตัวแล้วจะไม่ได้เรียน ถึงจะยอมลุก”ว่าพลางส่ายหัว

          
           

  "ครับ แป๊บเดียวครับ เดี๋ยวผมตามลงไป ขอแต่งตัวก่อนนะครับ”

  ชลวิทย์ เปิดประตูตู้บานซ้ายมือสุดหยิบเสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อนที่รีดไว้เรียบดี มาสวมจากฝีมือการรีดของเขาเอง ที่บ้านถึงแม้ว่าจะมีคนที่ช่วยมาทำงานบ้านให้ แต่เรื่องงานเล็กๆ น้อยๆ เขาจะทำเอง

         
     เปิดประตูบานถัดมาหยิบกางเกงผ้าสะแร็ค ตัวที่พับไว้บนสุด ออกมาสวม แล้วตรงมายังโต๊ะเครื่องแป้ง

         

     ในนั้นสะท้อนเงา ชายหนุ่ม หน้าตาคมเข้ม คิ้วเขาดกหนา จมูกโด่งนั้น อยู่บน ปากบาง แดงอิ่มอย่างสุขภาพดี ทุกอย่างพอเหมาะพอ พอเจาะ บนใบหน้าสีน้ำผึ้งนั้น
       
        เสื้อสีเทาทำให้ ดูภูมิฐาน ทั้งที่เพิ่งผ่านวัยเบญจเพสมาเมื่อปีที่แล้ว ชายหนุ่ม จับหวีมาจัดแต่งทรงผมเล็กน้อย

     




     ชลวิทย์ ก้าวลงบันไดไม้ปาเก้ขัดมันที่พี่สอนแม่บ้านทำความสะอาดไว้เสียเอี่ยม ชั้นล่างของบ้านแบ่งสัดส่วนไว้เป็นหลายห้อง ชายหนุ่มตัดลัดไปยังห้องหนึ่งซึ่งไว้สำหรับรับประทานอาหาร ได้กลิ่นขนมปังปิ้งโชยมาแต่ไกล
      


    เป็นที่แน่นอนว่ามารดาลงมือมาเตรียมอาหารเอง เพราะปกติ ถ้าเป็นของง่ายๆ คุณพรรณณีจะทำเองไม่จำเป็นจะไม่เรียก พี่สอน ในช่วงนี้เพราะมีงานหนักอยู่แล้ว ที่บ้านจะมี แม่บ้านและคนรับใช้เพียงคนเดียว เนื่องจากมารดาเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีหลายคน ดูแลลำบาก และคนสมัยนี้ไว้ใจได้ยาก

      
     ขนมปังปิ้งสองแผ่น ไข่ดาวหนึ่งฟอง นอนรอเขาอยู่บนจาน พร้อมกับนม สองแก้วบนโต๊ะทานอาหาร ไม้รูปทรงกลมมีเก้าอี้ ห้า ตัววางรอบ คุณพรรณณี นั่งรออยู่แล้วบนเก้าอี้ไม้ตรงข้ามกับประตู

                                

      "ยัยวรรณล่ะครับแม่?” ชายหนุ่มลากเก้าอี้ตัวตรงข้ามอย่างเบาเสียง เพราะรู้ว่ามารดาไม่ประทับใจแน่ถ้าจะมีเสียงลาก"โคลกคราก!!"

          
      ยังไม่ทันที่หญิงวัย สี่สิบแปด จะตอบ เสียงเล็กแหลมเจ้าประจำก็ดังมาแต่ไกล

         "โธ่ ง่วงจะตายอยู่แล้ว!! จะไปทำไมเช้านักหนาก็ไม่รู้ รายงานตัวตอนบ่ายก็ได้นี่ จะอะไรกันนักหนา” เจ้าของเสียงลากเก้าอี้ทรุดลงนั่ง แล้วพร่ำต่อ “ไปก็ต้องไปต่อคิวอีก ปลุกตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันโห่เลย ตื่นเต้นไม่เข้าเรื่องคุณแม่เนี้ย!.. พี่วิทย์ก็ด้วยอีกคน” ชายหนุ่มอดขำท่าทางของน้องสาวไม่ได้ แต่พอเห็นหน้ามารดา ก็ต้องหุบยิ้มแทบไม่ทัน

            
                                
 "ยัยวรรณ ลูก!.. เรานะโตแล้วนะ ต่อไปก็จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว จะทำตัวเหมือนตอนเรียน ประถม มัธยม ตื่นสายให้แม่ปลุกทุกวันมันไม่งามนะ โตเป็นสาวแล้ว”มารดาพูดหน้าเครียด
             
             
    ชลวิทย์เองรู้ว่ามารดาของตนเป็นคนเจ้าระเบียบ แต่ที่ต้องรับกับพฤติกรรมลูกสาวสุดที่รัก คงรู้สึกหนักใจ

    "โธ่! คุณแม่ก็” เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ทำหน้างอ หน้านั้นหล่อนถอดแบบมาจากมารดาเต็มๆ ตาหวาน จมูกนิด ปากหน่อย ดูน่ารัก แต่นิสัยนั้นกลับแตกต่างจากคุณพรรณณีลิบลับ ส่วนเขาซะอีก ได้นิสัยมารดามาเยอะ ทั้งเรื่องระเบียบ และความหัวโบราณ

     
               
  วรรณณีนั่งอ้อยอิ่ง ชลวิทย์ยกนมขึ้นดื่มจนหมดแก้ว มารดาหันไป มองลูกสาว ตาขุ่น

 "เร็วเข้าเถอะเรา แม่วรรณ รีบกิน.. รีบไปลูก เดี๋ยวรถจะติด ก็รู้อยู่ว่าแถวลาดพร้าวนะ รถมันติด”

       



    วรรณณี ยกนมขึ้นดื่ม ทำหน้าบูดเหมือนกับว่านมนั้นขมซะเต็มประดา

                         ****************************

       



                    
ชื่นกมล ประภากร ลืมตาตื่น ขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อป้าอิ่มปลุก ทันทีที่รถเทียบสถานีปลายทาง หัวลำโพง เธอบิดขี้เกียจไปมา

       
   "ปวดเมื่อยไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว" ผู้คนเริ่มทยอยกันเก็บของลงจากรถ ป้าอิ่มนำกระเป๋าจากชั้นวางเหนือศรีษะยื่นให้ ป้าอิ่มไม่ลืมสำรวจว่ามีสิ่งของตกหล่นบนรถหรือไม่ คงจะไม่ยอมให้ใครที่มานั่งต่อ หรือพนักงาน ทำความสะอาดรถไฟ ได้เศษเงิน แม้แต่บาทที่เผลอทำตกไว้อย่างแน่นอน แจ่มใสอมยิ้ม

                 
                            

"ยิ้มอะไรยะ รีบขนเข้าเถอะ แล้วอย่าลืมของล่ะ ตรวจดูให้ดีทุกซอกทุกมุม” คนสูงอายุพูด พรางวาดมือชี้ประกอบ

                

  "จ้า ป้าบ่นเป็นคนแก่อีกแล้ว เดี๋ยว.. หน้าสวยๆก็เหี่ยวพอดี” แจ่มใสหันไปยักคิ้วให้ป้า ฝ่ายนั้นค้อนให้วงใหญ่

    



     ผู้คนทยอยลงจากรถแต่ละคน หอบของกันทุลักทุเลไม่มีใครน้อยหน้าใคร บ้างหอบถุงของฝาก คงเพื่อนำมาฝากญาติ      
               
       
     หญิงสาวค่อยๆลากกระเป๋าตามหลังป้าลงรถไฟอย่างยากลำบาก เพราะต้องนั่งคุดคู้ตลอดทาง จนแข้งขาชา แถมง่วงอีกต่างหาก ผู้คนที่สถานีปลายทางยังหนาตา อากาศร้อนผะผ่าว อบอ้าวแต่เช้า
      
              
     เธอคิดว่าอากาศไม่ปลอดโปร่งเอาซะเลย ชวนให้ง่วงเหงาหาวนอนขึ้นไปอีก

           
   "ทางไหนต่อ?” ป้าแกเหลียวซ้ายแลขวา แจ่มใสตัดสินใจชี้ไปทางหนึ่งที่ทางเปิดกว้าง และผู้คนเดินไปทางนั้นมาก คงเป็นทางออก

             

  "ไปไหนดีครับพี่.. ไปไหนครับ?..น้องขึ้นรถเลย!!” ชายฉกรรจ์ ท่าทางไม่น่าไว้วางใจ เข้ามาคะยั้นคะยอให้ เธอและป้าขึ้นรถแท๊กซี่ พยายามอย่างที่สุดที่จะช่วยขน และแทบจะไม่สนใจการปัดป้องและปฎิเสธใดๆ

       
   เธอพยายามเดินเลี่ยง และ ปฏิเสธหนุ่มใหญ่เจ้าของรถแท๊กซี่คนแล้วคนเล่า จนทะลุออกไป ทางหนึ่ง ของประตู ที่มีสวนย่อมและลานน้ำพุอยู่เบื้องหน้า ค่อยหายใจทั่วท้อง เหมือนอากาศค่อยเยอะขึ้น

    

ทั้งเธอและป้าหอบของพะรุงพะรัง อยู่ริมถนน


      

            
 ทันใดนั้น

   รถยนต์คันหนึ่งก็ปาดเข้ามาใกล้ เพื่อจะหลบรถอีกคันหนึ่งที่สวนมา ชนเอาชะลอมของป้ากระจาย

    ส่วนป้าอิ่มเองก็ล้มลง เธอรีบวางของไปพยุงป้า


    รถคันนั้นจอดเลยไปเล็กน้อย สามสาวก้าวลงจากรถ หน้าตาเอาเรื่อง

    "เดิน ถนนยังไง ไม่ดูตาม้าตาเรือ?” หนึ่งในสามสาวที่แต่งตัวเป็นผู้ดีคนนั้นว่า อีกสองสาวในชุดนักศึกษาทำหน้าเย้ย ป้าหน้าเสีย พูดขอโทษ ขอโพย ยกมือไหว้ปลกๆ แจ่มใสยังมองอย่างไม่ยอม แม่ค้าบริเวณนั้นเริ่มมอง เธอกับป้าเริ่มเป็นเป้าสายตา บางหน้าดูเห็นใจ บางหน้าดูเย้ยหยัน ฝ่ายนั้นเหมือนยิ่งได้ใจ

                 
   "คุณแม่ค่ะ ช่างเขาเถอะค่ะอย่าถือสาเลยคะ” เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับหล่อนจีบปากจีบคอว่าแต่สีหน้าเธอไม่ตรงกับคำพูด

                    

  "พวกบ้านนอกเข้ากรุง” สาวผมรอนท่าทางหยิ่งอีกคนเชิดคอว่า แจ่มใสกัดริมฝีปากแน่น ป้าอิ่มยังไหว้หงึกๆ เธอจับมือป้าลงมากุมไว้ ในใจแสนเจ็บปวด พูดอะไรไม่เต็มปาก "ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นเรา"

       

    จะทำยังไงได้เมื่อมองไปทางไหนก็ไม่มีหน้าไหนช่วยเรากับป้า แจ่มใสจ้องตอบ "เป็นไงเป็นกัน" สองสาวกองหนุนดูจะเกรงสายตาเธออยู่

      

 "ไปเถอะค่ะคุณน้า!! เดี๋ยวไปสาย.. รถก็ติดหญิงสาวผมรอนคนเดิมว่า   หน้าตาไม่เป็นมิตร

            
 "คราวหน้าคราวหลังก็หัดระวังบ้าง นี่มันกรุงเทพนะ ไม่ใช่บ้านนอกบ้านนา รถรามันเยอะ ”

      


     สาวรุ่นแม่ว่าแล้วหันเดินฉับๆ ไปที่รถ สองสาวรั้งท้ายหันมาส่งสายตาเยาะเย้ย กันคนละทีก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งจุ๋มปุกในรถเก๋งคันหรู

 


                                                แจ่มใสยืนมองอย่างเจ็บปวดจนลับสายตา

                                                                ….........................


      




     

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา