ถูกอัญเชิญไปต่างโลกด้วยความสามารถสุดเทพ
-
เขียนโดย CNS26
วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.50 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
6,810 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 20 มกราคม พ.ศ. 2562 11.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ห้องใต้ดิน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“อึก!!!...อ๊อกกก...แค่กๆๆ”
“อ้าวๆไม่เก่งเหมือนวันนั้นแล้วเหรอ!!!”
“!!!...”
“มึงทำอะไรพวกกูไว้เดี๋ยวได้รู้แน่”
“อ้าวๆอย่าเพิ่งหมดสติไปสิ~ ‘ค่ำคืนนี้ยีงอีกยาวไกล’ 555555”
ในตอนนี้ ณ ใต้ประสาทแห่งหนึ่งมีห้องๆหนึ่งกำลังส่งเสียงดังออกมา มันเป็นเพียงแค่ห้องขนาดเล็กที่มันดูคับแคบสำหรับ 4 คนที่อยู่ในห้องนี้ ห้องนี้มีเพียงแค่แสงจากคบเพลิงที่สะท้อนเข้ามาเป็นแสงสลัวๆเท่านั้น
ภาพที่แสงกระทบกับเงาของคนทั้ง 4 คนคือชาย 3 คนกำลังรุมซ้อมคนๆหนึ่งอยู่ สภาพของคนๆนั้นดูย่ำแย่อย่างมากแม้ว่าเขาจะโดนรุมซ้อมจนมีน้ำในกระเพาะอาหารออกมาพวกเขาก็ยังไม่หยุดมือที่กำลังซ้อมชายคนนั้นลงเลยแม้แต่น้อย
ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน
“อึก...ที่นี้...ที่ไหน?... ‘แกร๊งๆ’ …!!!”
“อ้าวตื่นแล้วเหรอ อ้า ‘ยูคิ เซทสึ’ สินะ?”
“ใช่ครับ?!”
“ช่างมันเถอะเพราะชื่อมันไม่สำคัญนี่นะ”
เมื่อเซทสึลืมตาขึ้นมาเข้าก็พบกับ ‘อิชทาร์’ พระสันตปาปานั่งอยู่ตรงหน้า...ไม่สิต้องเรียกว่าหน้า ‘กรงขัง’ คงจะถูกกว่า
ที่เรียกกรงขังเพราะว่ามันเป็นห้องที่มีขนาดแค่ 3x3 เมตรเท่านั้น และมีแสงจากแค่จากคบเพลิงสะท้อนเข้ามาเท่านั้น ดูจากสภาพห้องแล้วน่าจะเป็นห้องใต้ดินเพราะว่าดูจากกำแพงที่เป็นอิฐบล็อกทำให้หลายๆอย่างมันช่างดูเหมือนกับหนังหลายๆเรื่องทำให้เซทสึสันนิฐานว่ามันน่าเขาน่าจะอยู่ที่ห้องใต้ดินของประสาท แล้วเขาก็เดาถูกสะด้วยแต่ว่าแค่ไม่มีใครมาตอบข้อสันนิฐานของเขา
เมื่อเขาพยายามขยับตัวก็มีเสียงเหมือนโลหะดังขึ้นเมื่อเขาหันไปดูก็พบกับ ‘โซ่’ ที่ล็อคแขนและขาของเซทสึเอาไว้ที่ปลายของโซ่นั้นถูกตรึงอยู่กับมุมของห้อง แถมโซ่นั้นยังมีขนาดใหญ่ขนาดที่ว่าโซ่ที่เอาไว้ตรวนนักโทษดูเล็กไปเลย
นี้เป็นผลของสกิลเบอร์เซิร์กที่ทำให้เซทสึสลบไปเป็นเวลา 1 สัปดาห์แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังมีอาการเหนื่อยล้าหลงเหลืออยู่ ก็คงเป็นเรื่องปกติสำหรับสกิลสายเพิ่มพลังเพราะผลที่ได้กลับมาจะมีค่าเท่ากับที่ใช้ไป ในกรณีของเซทสึคือนอกจากเขาจะเพิ่มพลังถึงขีดสุดแล้วเขายังฝืนใช้มันเป็นเวลานานทำให้การสลบไป 1 สัปดาห์ก็ดูสมเหตุสมผลดี
เมื่ออิชทาร์เห็นว่าเซทสึตื่นเขาก็ได้ทำการหยิบแผ่นโลหะขึ้นมาแล้วเรียกชื่อของเขาทำให้เขาเกิดความสงสัยว่า ‘หรือว่านั้นคือแผ่นสเตตัสของเรา?’ ใช่แล้วมันคือแผ่นสเตตัสของเซทสึเพราะว่ามันมีชื่อของเซทสึอยู่ ถ้าถามว่ามันอยู่กับอิชทาร์ได้ยังไงคงจะบอกได้ว่า ‘ได้มาตอนที่เซทสึสลบแล้วถูกนำตัวมาที่นี้’
อิชทาร์ทำท่าทางและสีหน้าบอกว่ามันไม่สำคัญ แล้วได้ทำการพยักหน้าให้กับทหารยามที่เฝ้าอยู่ที่หน้าประตู ทหารคนนั้นตะเบ๊ะแล้วเปิดประตูกรงขังให้อิชทาร์เข้ามา
อิชทาร์เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเหมือนครั้งแรกที่เจอก่อนจะ...
“อึก!!!...แค่กๆๆ!!!...”
ชกเข้าที่ท้องอย่างแรงทำให้เซทสึไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้เซทสึไอออกมาอย่างรุนแรง จนทำให้เซทสึคิดว่ามันใช่แรงของผู้สูงอายุเหรอ?
“ถุย...น่าขำสิ้นดีว่าไอ้กระจอกอย่างนี้จะทำให้ข้าหงุดหงิดได้ถึงขนาดนี้!!!”
“อั๊ก!!!...”
“รู้ตัวรึเปล่า? ว่าเจ้าทำให้ข้าต้องเสียหายไปเท่าไหร่กัน!!!”
“อึก!!!...”
“เป็นแค่ ‘ไอ้กาก’ อย่ามาทำเป็นอวดดีไปหน่อยเลย!!!”
“!!!...อ๊อก...”
“ข้าต้องเสียทั้งพลังเวทย์ เสียกองทุนเพื่อช่วยผู้บาดเจ็บ!!!”
“!!!...”
“ฟู่~ ไม่ได้ระบายอารมณ์มานานรู้สึกสดชื่นจริงๆ”
“แค่กๆๆ...”
“ฮึ ข้าทำแค่นี้ยังถือว่าใจดีด้วยซ้ำ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะเจ้ามี ‘สิ่งที่เจ้าต้องชดใช้’ อยู่เยอะเลยละนะ จงมีชีวิตในฐานะของ ‘ที่ระบายอารมณ์’ และ ‘หนูทดลองสะ’ 55555555 ”
“!!!”
“ขอให้-โชค-ดี 55555”
อิชทาร์ได้รั่วหมัดใส่เซทสึไปในขณะที่กำลังพูด เหมือนจะใช้เซทสึเป็นที่ระบายอารมณ์ เซทสึไม่แม้แต่จะสามารถป้องกันได้ทำให้เขาได้แต่โอดครวดออกมาเท่านั้น
แถมคำพูดกับสีหน้าในตอนนี้ยังไม่เหมาะกับคำว่าศาวกของพระเจ้าด้วยซ้ำ!!! แถมในตอนสุดท้ายยังพูดด้วยใบหน้าที่ไม่มีอะไรที่ผิด
ถ้าให้บรรยายพฤติกรรมของอิชทาร์คือ ‘พวกบ้าอำนาจในศาสนา’ เพราะดูก็รู้ว่าตอนนี้ในใจของอิชทาร์คงกำลังคิดว่า ‘มันคือประสงค์ของพระเจ้า’ แน่นอน
และนี้คือสาเหตุที่ทางศาสนจักรไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเซทสึในตอนที่สเตตัสของเขาถูกเปิดเผย เพราะพวกศาสนจักรคงคิดว่าเซทสึคือพวก ‘ที่พระเจ้าทอดทิ้ง’ ความจริงแล้วคนที่ต้องการขับไล่เซทสึให้ไปเผชิญกับความโหดร้ายก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอิชทาร์!!! เพราะเป็นตัวของอิชทาร์เองที่ไปเป้าหูของพระราชาให้เซทสึไปอยู่กับพวกทหาร
ตอนนี้ตัวของอิชทาร์คงไม่ต่างกับพวกที่เชื่อในหลักการของตัวเองโดยใช้พระเจ้าเป็นข้ออ้างในการกระทำของตน คล้ายๆกับโลกของเราที่เมื่อก่อนก็มีอย่างนี้เหมือนกันแต่เหตุการณ์ดังกล่าวกลับต้องมาตกที่ตัวของเซทสึคนเดียว!!!
เซทสึทำได้แค่ภาวนากับคำพูดของอิชทาร์ที่จะใช้เขาเป็น ‘ที่ระบายอารมณ์’ และ ‘หนูทดลอง’ ที่อิชทาร์พูดไว้และได้มองตามอิชทาร์ที่เดินไปพร้อมกับทหารที่เฝ้าประตู ตอนนี้เหลือเพียงเซทสึที่อยู่ที่ห้องใต้ดินคนเดียว
วันต่อมา...
“อึก!!!...อ๊ากกกกกกก!!!...”
“หืม? ยาแก้พิษของ ‘พืชฮิล’ ใช้การไม่ได้เหรอเนี่ย?”
“กึกๆๆๆๆๆๆ!!!...”
“อืม อาการโดยทั่วไปก็ร่างกายมีอาการชักเกร็งน้ำลายฟูมปาก และถ้าได้รับเข้าไปในปริมาณมากก็จะเริ่มมีเลือดออกตามอวัยวะสินะ”
วันนี้ได้มีคนใส่ชุดสีขาวมาหาเซทสึ ไม่พูดพลำทำเพลงเขาก็เปิดกระเป๋าที่หิ้วมาด้วยก่อนจะใส่ถุงมือหนังขนาดหนาใส่ผ้าปิดปากและจับ ‘แมงมุมสีดำ’ ขนาด 10ซม. ออกมาแล้ว...จับมาว่างที่ตัวของเซทสึ
เซทสึตกใจ!! และพยายามที่จะให้แมงมุมตกลงไป คนใส่ชุดสีขาวเห็นก็มีเส้นเลือดปูดขึ้นมาแล้ว...หยิบกระเป๋าฟาดใส่หัวของเซทสึ!!!
“โอ๊ย!!!...”
“อยู่นิ่งๆสิวะ!!! กูต้องเก็บข้อมูลนะว้อยยย!!! เป็นแค่หนูทดลองก็อยู่นิ่งๆแล้วให้กัดสะ”
ถึงแม้หัวของเซทสึจะแตกเพราะโดนตัวเองฟาดจนมีเลือดไหลออกมาไม่หยุดแล้วยังไม่สนใจพร้อมกับด่าทอว่าเซทสึเป็น ‘หนูทดลอง’ อีก
แม้ว่าตอนนี้เซทสึจะมีน้ำลายฟูมปาก ร่างกายชักเกร็งและมีเลือดออกตามร่างกายก็ยังไม่สนใจและบันทึกการทดลองอย่างไม่รู้สึกทุกข์ร้อน
เมื่อคนใส่ชุดสีขาวเห็นอาการของเซทสึก็เริ่มเดินไปหยิบยาสีแปลกๆออกมา สีของมันช่างเหมือนกับยาพิษเหลือเกินแล้วจึงนำยานั้นมา...ยัดเข้าปากของเซทสึ!!!
“อืม!!!...แค่กๆๆๆ”
“ก็นะแกเป็นหนูทดลองที่มีค่าอย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้ตายหรอก”
“…”
“แต่ถ้าแค่ ‘เกือบตาย’ คงไม่เป็นอะไร”
หลังจากที่เซทสึดื่มยาถอนพิษ? เขาก็อาการดีขึ้นเล็กน้อย ในตอนแรกเซทสึคิดว่าคงจบแล้วแต่อยู่ดีๆชายชุดขาวก็หยิบแมงมุมอีกหลายสิบตัวออกมาจากกระเป๋าแล้วหันมายิ้มให้กับเซทสึ
หลังจากนั้นเขาก็โดนแมงมุมกัดและได้รับยาถอนพิษที่บางครั้งไม่ช่วยอะไรเลยจนเขาเกือบตายแต่คนใส่ชุดสีขาวก็ไม่มีสีหน้าทุกข์ร้อนเหมือนเดิม
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านมานานก็ชั่วโมงแล้วแต่ว่าการทดลองของคนใส่ชุดสีขาวได้จบลงแล้วเขาเก็บของใส่กระเป๋าแล้วก่อนจะจากไปก็ได้บอกว่าเขาคือ ‘หนึ่งในนักวิจัย’ ก่อนจะจากไป
เซทสึคิดว่าเรื่องบ้าๆนี้จบลงสักที่!!! แต่เขาคิดเพราะหลังจากนักก็มีนักวิจัยอีกหลายคนเข้ามาทดลองกับเขา
ถ้ามีคนมาอัดคลิปในตอนที่เซทสึโดนทดลองแล้วปล่อยออกสู่โลกออนไลน์คงไม่มีใครไม่กล้าปิดตา ปิดหูกับสิ่งที่เกิดเห็นและได้ยิน
วันต่อมา...
เมื่อเซทสึแทบไม่ได้นอนเพราะผลจากสารพิษที่ยังคงเหลือในร่างกาย แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้รับอาหารและน้ำดื่มแล้วส่วนวิธีการกิน...ให้นึกถึงสัตว์เลี้ยงที่บ้านท่าน แถมรสชาติของอาหารก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก
‘ตึก...ตึก...ตึก’
เสียงที่ดังขึ้นทำให้สติของเซทสึที่สลึมสลือสะดุ้ง เมื่อสัมผัสได้ว่ามีคน 3 คนกำลังเดินมา เซทสึได้แต่คิดตื้นๆว่า ‘วันนี้ก็ต้องเป็นหนูทดลองอีกแล้วเหรอ?’ แต่บุคคลที่ปรากฏขึ้นทำให้เขาถึงกับพงะเพราะคนที่เห็นอยู่ตรงหน้ากรงขังก็คือ...
“โย่ เป็นไงบ้างเซทสึ~”
“!!!!!!!!!!”
“อ้อ ‘ไอ้นี้นะเหรอ’ ก็อย่างที่แกเห็นมันคือ ‘สิ่งที่แกทำไว้’ ยังไงละ”
“ขอบอกเลยนะว่าการแพทย์ที่นี้จะไม่เท่าก้าวหน้าเหมือนโลกเราแต่ว่ามันกลับดีกว่าอย่างมากเลยละน้า~”
“ใช่แล้วหละ!!! แค่สัปดาห์เดียวก็กลับมาขับได้ปกติอย่างนี้เลย”
“ฮ...ฮิโรชิ!!! ชิโนซากิ!!! โยชิทากะ!!!”
ตอนนี้คนที่อยู่หน้ากรงขังก็คือพวกฮิโรชินั้นเอง แต่สิ่งที่หน้าแปลกใจมากที่สุดก็คือ...มือและขาที่เซทสึเคยตัดไปตอนนี้อยู่ในสภาพเดิมอย่างน่าเหลือเชื่อ!!!
ถ้าพิจารณาจากคำพูดของพวกมันก็จะรู้ว่าการแพทย์ของที่นี้ก็ไม่ใช่เล่นๆเหมือนกันเพราะสามารถต่ออวัยวะที่ขาดไปแล้วได้!!! ช่างไม่ธรรมดาสมกับที่เป็นต่างโลกจริงๆ
พวกมันเดินเข้ามาในห้องขังและสีหน้ากับดวงตากลับมีแต่ความ ‘เคียดแค้น’ …
“อ๊ากกกกกกก!!!...”
“5555555 รอบนี้มันไม่เหมือนรอบที่แล้วหรอกนะ!!!”
“เฮ้ๆ อย่าใจร้ายกับผู้มีพระคุณแบบนั้นสิ~ เราควรให้ ‘ของขวัญ’ กับมันสิ”
“?!...นั้นมัน!!!”
“โอ้!! เหมือนว่าจะรู้จักดีนะเนี่ย~ ก็แน่นอนสิเพราะว่า พวกกูเป็นคนไปขอมาเพื่อมึงโดยเฉพาะนี่น้า~ 55555555”
กลับมาที่ปัจจุบันหลังจากที่พวกมันซ้อมเซทสึโดยที่ไม่ยั้งมือเพราะรอบนี้พวกมันไม่ลืมที่จะใช้อาวุธที่อาชีพของพวกมันถนัดมาซ้อมเซทสึ
ซึ่งแน่นอนว่าอาวุธของพวกมันก็เป็น ‘อาร์ติแฟ๊ค’ ด้วยเหมือนกันความจริงแล้วเหล่าผู้กอบกู้ทุกคนจะได้รับอาร์ติแฟ๊คที่เก็บไว้ที่ห้องเก็บสมบัติของอาณาจักร และแน่นอนว่าเซทสึไม่ได้รับอะไรนอกจากดาบฝึกกากๆที่เขานำมันมาแสดงศักยภาพอย่างยอดเยี่ยม
เรื่องนั้นช่างมันไปก่อนเพราะว่าในขณะที่เซทสึกำลังโดนซ้อมอยู่นั้นโยชิทากะก็หยิบ ‘ขวดยาที่บรรจุของเหลวสีม่วงอมเขียวออกมา
เซทสึจำสิ่งนั้นได้ทันที่เพราะว่ามันเป็นยาที่นักวิจัยคนหนึ่งใช้กับเขาแล้วมันมีฤทธิ์แรงที่สุด!!!
ในตอนนั้นเซทสึไม่เหลือแรงต้อต้านแล้วเลยโดนจับกลอกปากอย่างง่ายดาย และเมื่อมันไหลลงคอไปสิ่งที่เกิดขึ้นคือ...
ภาพในอดีตทั้งหมดไหลเข้ามาในสมองอย่างรวดเร็วหรือเรียกง่ายคือปรากฏการที่ ‘คนใกล้ตาย’ จะพบเจอกัน สรุปคือยาพิษตัวนี้นั้นมีฤทธิ์ขนาดแค่นำเข้าร่างกายสติก็สามารถไปเข้าเฝ้ายมบาลได้เลย!!!
เมื่อได้สติกลับมาหัวจะมีอาการปวดที่รุนแรงขนาดที่ว่าจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กล้ามเนื้อจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงและจะสัมผัสได้ว่าเลือดที่ไหลอยู่ในร่างกายจะทั้ง ‘ร้อนจัด’ และ ‘เย็นจัด’ ไหลวูบวาบไปทั่วร่างกายและจะอาเจียนออกมาเรื่อยๆ
แถม ณ ปัจจุบันก็ยังไม่มียาแก้พิษที่หายขาดละนี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เซทสึไม่ได้นอน และตอนนี้ยาที่อันตรายที่สุดกลับไปอยู่ในมือของพวกมันซะได้
พวกมันไม่รอช้างัดปากของเซทสึแล้วนำยากรอกปากทันที่ เซทสึพยายามที่จะไม่กลืนมันลงไปและจะบ้วนมันทิ้งทันที่!!! พวกมันรู้ว่าเซทสึจะทำอะไรโยชิทากะที่มีอาชีพเหมาะสมอย่าง ‘จอมเวทย์’ ได้ทำการร่ายเวทย์อย่างรวดเร็ว
“จงเป็นกำแพงปกป้องข้า ‘กำแพงลม’ ”
“อื้อ!!! หื้อออ!!!หื้อออออ!!!”
ด้วยความที่ว่าโยชิทากะมีธาตุเหมาะสมอย่างธาตุลมอยู่ทำให้มันร่ายเวทย์ออกมาอย่างรวดเร็ว ‘กำแพงลม’ ได้ปิดไปที่ปากของเซทสึอย่างพอดีแถมยังทำให้มันโค้งเพื่อให้มันเข้ากับรูปหน้าของเซทสึ ช่างใช้ความสามารถในทางที่ผิดจริงๆ
เซทสึได้แต่โอดครวดออกมาเขาดิ้นไปมาและพยายามที่จะทำให้ ‘กำแพงลม’ หลุดออก แต่สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้เพราะของพิษทำให้สติเขาหลุดลอยและในจังหวะเพียงเสียววินาทีก่อนที่เขาจะได้สติเขาก็เผลอกลืนมันลงไป
เซทสึตัวกระตุกก่อนที่จะชักเกร็งอย่างรุนแรงในวินาทีต่อมา
“อึก!!!...อ๊อกกก...แค่กๆๆ”
“อ้าวๆไม่เก่งเหมือนวันนั้นแล้วเหรอ!!!”
“!!!...”
“มึงทำอะไรพวกกูไว้เดี๋ยวได้รู้แน่”
“อ้าวๆอย่าเพิ่งหมดสติไปสิ~ ‘ค่ำคืนนี้ยีงอีกยาวไกล’ ”
คงไม่ต้องบรรยายหลังจากนั้นหรอกนะเพราะว่าเสียงที่ดังสะท้อนออกมาคือเสียงของคนที่กำลังร้องโอดโอยและเสียงของคนที่กำลังสนุกกับการทำอย่างนั้นพร้อมกับเสียงที่ฟังแล้วชวนสยอง
หลายวันต่อมา
“อ๊ากกกกกกกกกก!!!”
‘กึก...กึก...’
“อึก!!! อ๊ากกกก!!!”
ในตอนนี้ที่ห้องใต้ดินมีเสียงที่แตกต่างจากหลายวันก่อนอย่างสิ้นเชิง ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าของเสียงก็คือเซทสึนั้นเองในตอนนี้เขาเจ็บปวดอย่างมากเพราะเขากำลังโดน ‘ดึงเล็บอยู่!!!’
ถ้าถามถึงเหตุการณ์ในปัจจุบันก็คงต้องขอย้อนกลับไปเล็กน้อย หลังจากที่เซทสึโดนพวกฮิโรชิระบายความแค้นอย่างหนักโดยที่พวกมันสลับกันพักทำให้การแก้แค้นของพวกมันกินเวลานานมาก
หลังจากนั้นก็มีพวกทหารและอัศวินเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย จนทำให้สภาพเซทสึย่ำแย่อย่างมากที่แย่กว่านั้นอีกคือมีพวกนักวิจัยมาต่อคิวเพิ่มอีก!!!
ถึงในสายตาของพวกนักวิจัยจะมองว่าเซทสึเป็นแค่ ‘หนูทดลอง’ มันก็จริงเพราะยังไงพวกมันก็ยังมองเซทสึว่าเป็นแค่ ‘หนูทดลองที่มีค่ากับการทดลองอยู่ดี’ พวกมันเลยไปบอกกับทางอิชทาร์ให้ทำอะไรสักอย่าง
ถึงแม้ตอนแรกอิชทาร์จะปฏิเสธเสียงแข็งแต่พอฟังเหตุผลจากพวกนักวิจัยก็เลยทำให้อิชทาร์ต้องทำอย่างขัดใจ แต่สุดท้ายเขาก็ยอมมาแต่โดยดีเพราะทางนักวิจัยได้บอกว่า “เมื่อฮีลเลอร์ได้ทำการฮีลผู้ที่บาดเจ็บจะยิ่งเพิ่มความชำนาญและความสามารถนะท่าน?”
เมื่ออิชทาร์ได้ยินดังนั้นเขาเลยไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธเพราะมีได้มากกว่าเสียแถมทฤษฎีนี้ก็ได้รับการยืนยันมาแล้ว มันเลยไม่ใช่ทฤษฎีที่นักวิจัยกุขึ้นมาแถมยังไม่มีเหตุที่พวกมันต้องโกหกอีกด้วยเมื่อมาลองคิดดูดีๆ
เมื่ออิชทาร์มาถึงพร้อมกับสาวกโดยเขาให้เหตุผลในการรักษาเซทสึกับเซทสึว่ามันคือการชำละล้างบาป มันก็น่าแปลกใจที่สาวกของมันเชื่อโดยไม่มีแม้แต่จะตั้งคำถามกับการกระทำของผู้นำ!!!
แต่ดูเหมือนว่าสภาพของเซทสึจะเหลือจากที่อิชทาร์คาดการณ์ไว้เลยทำให้ทุกคนที่เห็นสภาพของเซทสึได้ส่งเสียง “อู้ย!” ออกมาพร้อมกัน
หลังจากรักษาไปได้สักพักอิชทาร์ก็ได้นำแผ่นสเตตัสของเซทสึออกมาดูเพื่อดูว่า ‘พลังชีวิต’ ใกล้เต็มรึยัง แต่เขาถึงกับตกตะลึงเมื่อได้เห็นค่าสเตตัสของเซทสึ!!!
เพราะว่ามันพุ่งขึ้นสูงกว่าครั้งที่แล้วแบบกระโดดแล้วกระโดดอีก!!! หลังจากรักษาเสร็จอิชทาร์ก็ได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับทีมวิจัยทันที่
หลังจากวันนั้นเขาก็โดนโน่นโดนนี้จนได้ขอสรุปว่า…
เมื่อร่างกายได้รับความเสียหายและได้รับการฟื้นฟูจะทำให้ค่าสเตตัสพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ถ้าให้พูดง่ายๆก็ทฤษฎีคล้ายๆกับกล้ามเนื้อของเรา หลังจากยกของหนักๆแล้วเมื่อกล้ามเนื้อฟื้นฟูกลับมาจะทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นแข็งแรงขึ้น
แต่พวกนักวิจัยก็ยังไม่สามารถให้เหตุผลที่ค่า ‘พลังโจมตี’, ‘ความคล่องแคล้ว’, ‘พลังเวทย์’ เพิ่มขึ้นได้นอกจากเลเวลที่เพิ่มขึ้นทำให้ทุกค่าสเตตัสเพิ่มขึ้นด้วย แต่นั้นก็เป็นแค่ทฤษฎีเพราะว่าในปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถอธิบายการทำงานของแผ่นสเตตัสได้
กลับมาที่ ‘การทรมาณเซทสึ’ ในช่วงแรกก็เป็นแค่การให้ยาพิษและซ้อมแล้วรักษาตามปกติ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากพวกฮิโรชิกลับมาอีกครั้งและรอบนี้พวกมัน ‘หักแขนของเซทสึ!!!’ แน่นอนว่าเซทสึส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ถึงมันจะเป็นความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสของเซทสึแล้ว แต่นรกมันเริ่มค่อยโผล่ออกมาเรื่อยๆที่ละนิด เพราะหลังจากที่พวกฮีลเลอร์รักษาเซทสึเสร็จปรากฏว่าค่าสเตตัสเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!!!(ในตอนนี้แผ่นสเตตัสอย่กับพวกนักวิจัยเพราะว่าต้องใช้ในการวิจัย)
ทำให้หลังจากนั้นพวกนักวิจัยมีทฤษฏีว่า ‘ยิ่งได้รับความเสียหายมากแล้วได้รับการรักษาจะยิ่งทำให้ค่าสเตตัสเพิ่มขึ้น’ หลังจากนั้นเขาก็โดนหนักขึ้นเรื่อยเพราะนอกจากจะทำให้การวิจัยต่างๆมีผลประโยชน์มากขึ้นแล้ว พวกฮีลเลอร์ยังได้รับประโยชน์อีกด้วย
เริ่มต้นจากตอนนี้ยาพิษที่เซทสึโดนในตอนนี้นั้น ‘แรงกว่ายาสีม่วงอมเขียวก่อนหน้า 10 เท่า!!!’ ต่อมาพวกฮิโรชิก็ไปเชิญชวนเพื่อนร่วมชั้นที่เครีดกับการฝึกและพวกที่มี ‘เคียดแค้นต่อเซทสึเหมือนกัน’
ในช่วงแรกๆยังไม่มีใครมาหรือกล้าทำเท่าไหร่ แต่พอผ่านไปซักพักพวกฮิโรชิไม่รู้ไปทำอีท่าไหนที่สามารถโน้มน้าวพวกเพื่อนร่วมชั้นได้สำเร็จ!!!
หลังจากนั้นเซทสึก็ได้เข้าใจว่าหน้าตาของนรกเป็นยังไง ถ้าพวกคุณคิดว่าการถอนเล็บของเซทสึนั้นโหดแล้ว แต่ขอบอกเลยว่ามันเป็นแค่การเริ่มต้นเพราะ!!!...
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
“เฮ้อ! ทำไหมการ ‘ตัดแขน’ แม่งถึงยากอย่างนี้วะ?!”
“อึก!...”
“ห๊ะ?! ทำหน้ายังงั้นหมายความว่าไงวะ!!!”
“อ๊อก!...”
นี้แหละนรกที่แท้จริง!!! อย่างที่กล่าวไว้ว่าทฤษฏีของพวกนักวิจัยที่ได้ทำการทดลองคือ ‘ยิ่งได้รับความเสียหายมากแล้วได้รับการรักษาจะยิ่งทำให้ค่าสเตตัสเพิ่มขึ้น’ มันคงจะไม่แปลกถ้าการ ‘ทรมาน’ จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น!!!
ถ้าคุณคิดว่าคนที่กำลังทรมานเซทสึด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่ใช่มนุษย์นั้นเป็นพวกฮิโรชิหรือพวกนักวิจัยคงต้องบอกว่าผิดถนัด!! เพราะคนที่กำลังทรมานเซทสึคือหนึ่งใน ‘เพื่อนร่วมชั้น’
แถมนี้ยังไม่ใช่ครั้งแรกที่เซทสึโดน ‘เพื่อนร่วมชั้นตัดอวัยวะ’ ถ้าจะให้อธิบายจำนวน แม้แต่พวกนักวิจัยยังจำไม่ได้เลย ช่วงแรกที่เซทสึเริ่มโดน ‘ตัด’ คนที่เริ่มก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพวกฮิโรชิ พวกมันไม่มีลังเลเลยสักนิดตอนที่พวกมันทำ!! แม้ว่าเซทสึนั้นจะแถบไม่มีแรงเหลืออยู่แล้วแต่การที่เขาตะโกนความเจ็บปวดออกมาก็สามารถอธิบายได้ถึงความเจ็บปวดถึงแม้ว่าตอนนั้นจะเป็นแค่การถอนเล็บที่เทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดในปัจจุบัน
ก็ไม่ใช่ว่าเริ่มมาพวกมันจะลัดขั้นตอนอย่างที่หลายคนคิดแต่ว่าการทำอย่างนี้นั้นก็ไม่ควรทำอย่างยิ่งเพราะเซทสึก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งถึงเขาจะไม่ใช่มนุษย์แต่การทำอยู่ดี!!!
หลังจากนั้นก็เริ่มมีเพื่อนร่วมชั้นเริ่มทำตามจนตอนนี้แม้แต่เสียงของเขาเองก็เริ่มอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่ากระซิบอาจจะดังกว่า เหตุผลก็มีอยู่หลายข้อด้วยกันเริ่มจากการที่เขาสูญเสียเลือดไปในปริมาณมากทำให้ตอนนี้ร่างกายนั้นเข้าขั้นวิกฤต!!! ต่อมาก็คือพวกที่มาทรมานเขาส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่มีความเคียดสะสมอยู่ทำให้เวลาส่งเสียงร้องออกมาจะยิ่งทำให้พวกมันมีอารมณ์สูงขึ้นเท่านั้นสังเกตได้จากเหตุการณ์ในปัจจุบัน ต่อมาก็คือความจริงแล้วเขาได้รับสิ่งที่เรียกว่า ‘ยาเสพติด’ เข้าไปทำให้ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่กำลังหลอนยา
ถ้าถามว่าทำไมพวกนักวิจัยถึงให้ ‘ยาเสพติด’ กับเซทสึก็คงต้องบอกว่าเพราะพวกที่มาทรมานเซทสึบางกลุ่มรู้สึก ‘รำคาญ’ กับเสียงร้องของเซทสึ พวกมันเลยฉุกคิดได้ว่า ‘ยังไม่ได้ทำการทดลองนั้นเลยนี่น่า’ นั้นก็คือการวิจัย ‘ยาเสพติด’ เพราะว่ายาเสพติดบางชนิดนั้นก็มีประโยชน์กับทางการแพทย์ถ้าให้อธิบายง่ายๆก็คล้ายๆมอร์ฟีนของโลกเรานั้นเอง
ถึงจะเป็นความคิดที่ดูเหมือนจะดูดีแต่สุดท้ายมันก็มีผลประโยชน์ต่อนักวิจัยอยู่ดี ในตอนแรกเซทสึก็ได้รับสิ่งที่คล้ายๆมอร์ฟีนแต่ปัจจุบันมันไม่ใช่เพื่อลดความจบปวดแต่เพื่อทรมานเซทสึทางอื่นเพิ่มต่างหาก
แน่นอนว่าชื่อก็บอกแล้วว่ามันคือ ‘ยาเสพติด’ มันก็ต้องทำให้เซทสึติดยาแน่นอน!! แต่นั้นคือถ้าเขารับไปแบบปกติน่ะนะเพราะตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่ไปเยี่ยมยมบาลทุกๆ 10 วินาทีทำให้เขาไม่เกิดอาการขาดยานั้นจึงไม่ใช่เพราะเขาเข้มแข็งหรือเก่งแต่อย่างใด
แต่ก็อาจต้องรู้สึกขอบคุณอยู่บ้างเพราะในบางครั้งที่เขาโดนตัดอวัยวะเขาจะรู้สึกเหมือนโดนยาชาเท่านั้น
กลับมาที่การตัดอวัยวะของเซทสึก่อนเพราะว่าหลายคนอาจคิดว่า ‘ทำมเซทสึถึงยังไม่ตายเพราะเสียเลือดไปมาก?’ ส่วนคำตอบคือมาจากความสามารถของฮีลเลอร์ที่สามารถต่ออวัยวะได้อย่างไม่น่าเชื่อแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆเพราะอย่างที่รู้มันคือ ‘บาดแผลฉกรรจ์’ ทำให้การรักษาด้วยเวทย์ขั้นต้นและขั้นกลางจะไม่ได้ผล และนั้นก็คือเหตุผลของอิชทาร์ถ้าคิดจากหลายๆทฤษฏีแล้วการที่รักษาผู้บาดเจ็บสาหัสก็จะช่วยเพิ่มทั้งประสบการณ์และความสามารถอีกด้วยตามที่เคยได้กล่าวไว้
ทั้งนี้มันไม่ใช่ว่ามันมีแค่การวิจัยกับการล้างแค้นเท่านั้นเพราะยังมี ‘การระบายอารมณ์’ ในอีกความหมายอยู่ด้วยนั้นคือปกติจากก่อนหน้านี้ที่อาหารของเซทสึนั้นไม่ต่างจากอาหารสุนัขแต่ปัจจุบันต้องใช้คำว่า ‘หมาไม่แดก’ คงจะตรงที่สุดเพราะอาหารในตอนนี้นอกจากกลิ่นที่เหม็นเน่าก็ยังมีพวกหนอนแมลงวันอยู่ทั่วชามใส่อาหารแถมน้ำดื่มในตอนนี้คงต้องบอกว่ามันคือน้ำโคลนชัดๆ!!!
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่ได้มองว่าเซทสึคือมนุษย์แล้วแน่นอนว่าเซทสึนั้นไม่ต้องการที่จะเอาเข้าปากแน่นอน แต่พวกมันทุกคนกลับเห็นเป็นเรื่องสนุกใช่สารพัดวิธีเพื่อที่จะเอาของเสียลงกระเพาะของเซทสึ แน่นอนว่าเขาต้องอวกออกมาแน่นอนแต่มันกลับยิ่งแย่ลงเพราะพวกมันนำสิ่งนั้นที่ตกพื้นมายัดใส่ปากเขาอีกครั้ง!!!
แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือพวกมันเริ่มใส่สิ่งที่พิเศษลงไปอีก!!! ขอไม่กล่าวถึงแล้วกัน แน่นอนว่าแม้พวกมันจะแอบทำแต่มันก็ไม่สามารถปกปิดได้ทั้งหมดทำให้เซทสึนั้นต้องจมอยู่กับนรกที่จะตายก็ตายไม่ได้!!!
พอมาถึงตรงนี้น่าจะมีหลายๆคนสงสัยเกี่ยวกับตัวของเซทสึที่ยอมให้โดนกระทำเพียงฝ่ายเดียวเพราะตัวของเซทสึนั้นมีสกิลอย่างเบอร์เซิร์กอยู่การที่จะจัดการทุกคนคงไม่ใช่เรื่องยากส่วนคำตอบที่ทำไมถึงไม่ใช้สกิลเบอร์เซิร์กก็คือ ‘ไม่สามารถใช้ได้!!!’
แน่นอนว่ามันมีสาเหตุอยู่ ข้อแรกคืออารมณ์ของตัวเซทสึเองไม่ใช่ว่าที่เขาโดนมาสารพัดอย่างจะไม่ทำให้เขาไม่รู้สึกอะไรแต่กลับกันเขานั้นมีอารมณ์ด้านลบในปริมาณที่สูงมากอยู่หลายครั้งแต่พอจะถึงจุดสูงสุดสติของเขากลับต้องดับลงเพราะฤทธิ์ของยาพิษ อีกอย่างก็คือเวทย์มนฮีลนั้นนอกจากจะรักษาบาดแผลอแล้วยังสามารถทำให้จิตใจที่สดใสขึ้นทำให้อารมณ์ของเขาลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน แต่ถึงจะไม่มีมันก็ไม่เกี่ยวเพราะตอนนี้ตัวเขาแค่คุมสติก็ยากแล้ว
อีกอันหนึ่งคือ ‘ไม่รู้วิธีการเปิดใช้งานสกิล!!!’ เพราะตอนที่เขาใช้สกิลนี้ครั้งแรกมันทำงานโดยที่เขาโกรธทะลุหลอดทำให้สกิลทำงานเองอัตโนมัติแถมสภาพในปัจจุบันทำให้จิตใจของเขาแทบจะไม่เหลืออยู่แล้วอีกด้วย
หลายวันต่อมา...
“%+!@#$^฿*}{”
“…”
ตอนนี้ยูคิ เซทสึได้จากไปแล้ว มันอาจจะฟังดูแปลกแต่ก็ไม่มีสิ่งใดจะอธิบายสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ดีกว่านี่แล้วสติของเขาได้หายไปอย่างสมบูรณ์ตอนนี้แม้จะโดนซ้อมหรือด่าทอก็ไม่รู้สึกอะไรและยังไม่เข้าใจสิ่งที่พูดเหมือนกับมีเสียงแปลกๆคอยไหลเวียนไปมาในสมองอยู่ตลอดเวลา ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ก็ไม่มีการตอบสนองอีกต่อไปถ้าให้ขยายความก็คือ ‘ไม่รับรู้สิ่งที่มองเห็นอยู่’ ‘ไม่สามารถจับใจความเสียงได้’ ‘ไม่สามารถรับรู้กลิ่นได้’ ‘ไม่สามารถรับรสได้’ และ ‘ไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวด’ สภาพของเขาจึงไม่ต่างจากคนตาย
ในตอนนี้มีอัศวิน 2 คนได้เดินเข้ามาในห้องขังของเซทสึ พวกเขารู้สึกช็อกกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก่อนจะกัดฟันและน้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบๆแต่เสียงนั้นกลับบ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง พวกเขา 2 คนได้เดินเข้าไปใกล้เซทสึแล้วได้กระซิบข้างหูว่า “ขอโทษ” แต่เสียงนั้นไม่อาจส่งไปถึงเซทสึได้ พวกเขาถอดโซ่ที่ล่ามเซทสึออกก่อนจะเริ่มใส่ชุดเกราะขนาดใหญ่ให้กับเขา แล้วพวกเขาก็เดินจากไปพร้อมกับเสียงปิดประตูกรงขัง
แกร๊ง...
*
“อ้าวๆไม่เก่งเหมือนวันนั้นแล้วเหรอ!!!”
“!!!...”
“มึงทำอะไรพวกกูไว้เดี๋ยวได้รู้แน่”
“อ้าวๆอย่าเพิ่งหมดสติไปสิ~ ‘ค่ำคืนนี้ยีงอีกยาวไกล’ 555555”
ในตอนนี้ ณ ใต้ประสาทแห่งหนึ่งมีห้องๆหนึ่งกำลังส่งเสียงดังออกมา มันเป็นเพียงแค่ห้องขนาดเล็กที่มันดูคับแคบสำหรับ 4 คนที่อยู่ในห้องนี้ ห้องนี้มีเพียงแค่แสงจากคบเพลิงที่สะท้อนเข้ามาเป็นแสงสลัวๆเท่านั้น
ภาพที่แสงกระทบกับเงาของคนทั้ง 4 คนคือชาย 3 คนกำลังรุมซ้อมคนๆหนึ่งอยู่ สภาพของคนๆนั้นดูย่ำแย่อย่างมากแม้ว่าเขาจะโดนรุมซ้อมจนมีน้ำในกระเพาะอาหารออกมาพวกเขาก็ยังไม่หยุดมือที่กำลังซ้อมชายคนนั้นลงเลยแม้แต่น้อย
ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน
“อึก...ที่นี้...ที่ไหน?... ‘แกร๊งๆ’ …!!!”
“อ้าวตื่นแล้วเหรอ อ้า ‘ยูคิ เซทสึ’ สินะ?”
“ใช่ครับ?!”
“ช่างมันเถอะเพราะชื่อมันไม่สำคัญนี่นะ”
เมื่อเซทสึลืมตาขึ้นมาเข้าก็พบกับ ‘อิชทาร์’ พระสันตปาปานั่งอยู่ตรงหน้า...ไม่สิต้องเรียกว่าหน้า ‘กรงขัง’ คงจะถูกกว่า
ที่เรียกกรงขังเพราะว่ามันเป็นห้องที่มีขนาดแค่ 3x3 เมตรเท่านั้น และมีแสงจากแค่จากคบเพลิงสะท้อนเข้ามาเท่านั้น ดูจากสภาพห้องแล้วน่าจะเป็นห้องใต้ดินเพราะว่าดูจากกำแพงที่เป็นอิฐบล็อกทำให้หลายๆอย่างมันช่างดูเหมือนกับหนังหลายๆเรื่องทำให้เซทสึสันนิฐานว่ามันน่าเขาน่าจะอยู่ที่ห้องใต้ดินของประสาท แล้วเขาก็เดาถูกสะด้วยแต่ว่าแค่ไม่มีใครมาตอบข้อสันนิฐานของเขา
เมื่อเขาพยายามขยับตัวก็มีเสียงเหมือนโลหะดังขึ้นเมื่อเขาหันไปดูก็พบกับ ‘โซ่’ ที่ล็อคแขนและขาของเซทสึเอาไว้ที่ปลายของโซ่นั้นถูกตรึงอยู่กับมุมของห้อง แถมโซ่นั้นยังมีขนาดใหญ่ขนาดที่ว่าโซ่ที่เอาไว้ตรวนนักโทษดูเล็กไปเลย
นี้เป็นผลของสกิลเบอร์เซิร์กที่ทำให้เซทสึสลบไปเป็นเวลา 1 สัปดาห์แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังมีอาการเหนื่อยล้าหลงเหลืออยู่ ก็คงเป็นเรื่องปกติสำหรับสกิลสายเพิ่มพลังเพราะผลที่ได้กลับมาจะมีค่าเท่ากับที่ใช้ไป ในกรณีของเซทสึคือนอกจากเขาจะเพิ่มพลังถึงขีดสุดแล้วเขายังฝืนใช้มันเป็นเวลานานทำให้การสลบไป 1 สัปดาห์ก็ดูสมเหตุสมผลดี
เมื่ออิชทาร์เห็นว่าเซทสึตื่นเขาก็ได้ทำการหยิบแผ่นโลหะขึ้นมาแล้วเรียกชื่อของเขาทำให้เขาเกิดความสงสัยว่า ‘หรือว่านั้นคือแผ่นสเตตัสของเรา?’ ใช่แล้วมันคือแผ่นสเตตัสของเซทสึเพราะว่ามันมีชื่อของเซทสึอยู่ ถ้าถามว่ามันอยู่กับอิชทาร์ได้ยังไงคงจะบอกได้ว่า ‘ได้มาตอนที่เซทสึสลบแล้วถูกนำตัวมาที่นี้’
อิชทาร์ทำท่าทางและสีหน้าบอกว่ามันไม่สำคัญ แล้วได้ทำการพยักหน้าให้กับทหารยามที่เฝ้าอยู่ที่หน้าประตู ทหารคนนั้นตะเบ๊ะแล้วเปิดประตูกรงขังให้อิชทาร์เข้ามา
อิชทาร์เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเหมือนครั้งแรกที่เจอก่อนจะ...
“อึก!!!...แค่กๆๆ!!!...”
ชกเข้าที่ท้องอย่างแรงทำให้เซทสึไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้เซทสึไอออกมาอย่างรุนแรง จนทำให้เซทสึคิดว่ามันใช่แรงของผู้สูงอายุเหรอ?
“ถุย...น่าขำสิ้นดีว่าไอ้กระจอกอย่างนี้จะทำให้ข้าหงุดหงิดได้ถึงขนาดนี้!!!”
“อั๊ก!!!...”
“รู้ตัวรึเปล่า? ว่าเจ้าทำให้ข้าต้องเสียหายไปเท่าไหร่กัน!!!”
“อึก!!!...”
“เป็นแค่ ‘ไอ้กาก’ อย่ามาทำเป็นอวดดีไปหน่อยเลย!!!”
“!!!...อ๊อก...”
“ข้าต้องเสียทั้งพลังเวทย์ เสียกองทุนเพื่อช่วยผู้บาดเจ็บ!!!”
“!!!...”
“ฟู่~ ไม่ได้ระบายอารมณ์มานานรู้สึกสดชื่นจริงๆ”
“แค่กๆๆ...”
“ฮึ ข้าทำแค่นี้ยังถือว่าใจดีด้วยซ้ำ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะเจ้ามี ‘สิ่งที่เจ้าต้องชดใช้’ อยู่เยอะเลยละนะ จงมีชีวิตในฐานะของ ‘ที่ระบายอารมณ์’ และ ‘หนูทดลองสะ’ 55555555 ”
“!!!”
“ขอให้-โชค-ดี 55555”
อิชทาร์ได้รั่วหมัดใส่เซทสึไปในขณะที่กำลังพูด เหมือนจะใช้เซทสึเป็นที่ระบายอารมณ์ เซทสึไม่แม้แต่จะสามารถป้องกันได้ทำให้เขาได้แต่โอดครวดออกมาเท่านั้น
แถมคำพูดกับสีหน้าในตอนนี้ยังไม่เหมาะกับคำว่าศาวกของพระเจ้าด้วยซ้ำ!!! แถมในตอนสุดท้ายยังพูดด้วยใบหน้าที่ไม่มีอะไรที่ผิด
ถ้าให้บรรยายพฤติกรรมของอิชทาร์คือ ‘พวกบ้าอำนาจในศาสนา’ เพราะดูก็รู้ว่าตอนนี้ในใจของอิชทาร์คงกำลังคิดว่า ‘มันคือประสงค์ของพระเจ้า’ แน่นอน
และนี้คือสาเหตุที่ทางศาสนจักรไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเซทสึในตอนที่สเตตัสของเขาถูกเปิดเผย เพราะพวกศาสนจักรคงคิดว่าเซทสึคือพวก ‘ที่พระเจ้าทอดทิ้ง’ ความจริงแล้วคนที่ต้องการขับไล่เซทสึให้ไปเผชิญกับความโหดร้ายก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอิชทาร์!!! เพราะเป็นตัวของอิชทาร์เองที่ไปเป้าหูของพระราชาให้เซทสึไปอยู่กับพวกทหาร
ตอนนี้ตัวของอิชทาร์คงไม่ต่างกับพวกที่เชื่อในหลักการของตัวเองโดยใช้พระเจ้าเป็นข้ออ้างในการกระทำของตน คล้ายๆกับโลกของเราที่เมื่อก่อนก็มีอย่างนี้เหมือนกันแต่เหตุการณ์ดังกล่าวกลับต้องมาตกที่ตัวของเซทสึคนเดียว!!!
เซทสึทำได้แค่ภาวนากับคำพูดของอิชทาร์ที่จะใช้เขาเป็น ‘ที่ระบายอารมณ์’ และ ‘หนูทดลอง’ ที่อิชทาร์พูดไว้และได้มองตามอิชทาร์ที่เดินไปพร้อมกับทหารที่เฝ้าประตู ตอนนี้เหลือเพียงเซทสึที่อยู่ที่ห้องใต้ดินคนเดียว
วันต่อมา...
“อึก!!!...อ๊ากกกกกกก!!!...”
“หืม? ยาแก้พิษของ ‘พืชฮิล’ ใช้การไม่ได้เหรอเนี่ย?”
“กึกๆๆๆๆๆๆ!!!...”
“อืม อาการโดยทั่วไปก็ร่างกายมีอาการชักเกร็งน้ำลายฟูมปาก และถ้าได้รับเข้าไปในปริมาณมากก็จะเริ่มมีเลือดออกตามอวัยวะสินะ”
วันนี้ได้มีคนใส่ชุดสีขาวมาหาเซทสึ ไม่พูดพลำทำเพลงเขาก็เปิดกระเป๋าที่หิ้วมาด้วยก่อนจะใส่ถุงมือหนังขนาดหนาใส่ผ้าปิดปากและจับ ‘แมงมุมสีดำ’ ขนาด 10ซม. ออกมาแล้ว...จับมาว่างที่ตัวของเซทสึ
เซทสึตกใจ!! และพยายามที่จะให้แมงมุมตกลงไป คนใส่ชุดสีขาวเห็นก็มีเส้นเลือดปูดขึ้นมาแล้ว...หยิบกระเป๋าฟาดใส่หัวของเซทสึ!!!
“โอ๊ย!!!...”
“อยู่นิ่งๆสิวะ!!! กูต้องเก็บข้อมูลนะว้อยยย!!! เป็นแค่หนูทดลองก็อยู่นิ่งๆแล้วให้กัดสะ”
ถึงแม้หัวของเซทสึจะแตกเพราะโดนตัวเองฟาดจนมีเลือดไหลออกมาไม่หยุดแล้วยังไม่สนใจพร้อมกับด่าทอว่าเซทสึเป็น ‘หนูทดลอง’ อีก
แม้ว่าตอนนี้เซทสึจะมีน้ำลายฟูมปาก ร่างกายชักเกร็งและมีเลือดออกตามร่างกายก็ยังไม่สนใจและบันทึกการทดลองอย่างไม่รู้สึกทุกข์ร้อน
เมื่อคนใส่ชุดสีขาวเห็นอาการของเซทสึก็เริ่มเดินไปหยิบยาสีแปลกๆออกมา สีของมันช่างเหมือนกับยาพิษเหลือเกินแล้วจึงนำยานั้นมา...ยัดเข้าปากของเซทสึ!!!
“อืม!!!...แค่กๆๆๆ”
“ก็นะแกเป็นหนูทดลองที่มีค่าอย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้ตายหรอก”
“…”
“แต่ถ้าแค่ ‘เกือบตาย’ คงไม่เป็นอะไร”
หลังจากที่เซทสึดื่มยาถอนพิษ? เขาก็อาการดีขึ้นเล็กน้อย ในตอนแรกเซทสึคิดว่าคงจบแล้วแต่อยู่ดีๆชายชุดขาวก็หยิบแมงมุมอีกหลายสิบตัวออกมาจากกระเป๋าแล้วหันมายิ้มให้กับเซทสึ
หลังจากนั้นเขาก็โดนแมงมุมกัดและได้รับยาถอนพิษที่บางครั้งไม่ช่วยอะไรเลยจนเขาเกือบตายแต่คนใส่ชุดสีขาวก็ไม่มีสีหน้าทุกข์ร้อนเหมือนเดิม
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านมานานก็ชั่วโมงแล้วแต่ว่าการทดลองของคนใส่ชุดสีขาวได้จบลงแล้วเขาเก็บของใส่กระเป๋าแล้วก่อนจะจากไปก็ได้บอกว่าเขาคือ ‘หนึ่งในนักวิจัย’ ก่อนจะจากไป
เซทสึคิดว่าเรื่องบ้าๆนี้จบลงสักที่!!! แต่เขาคิดเพราะหลังจากนักก็มีนักวิจัยอีกหลายคนเข้ามาทดลองกับเขา
ถ้ามีคนมาอัดคลิปในตอนที่เซทสึโดนทดลองแล้วปล่อยออกสู่โลกออนไลน์คงไม่มีใครไม่กล้าปิดตา ปิดหูกับสิ่งที่เกิดเห็นและได้ยิน
วันต่อมา...
เมื่อเซทสึแทบไม่ได้นอนเพราะผลจากสารพิษที่ยังคงเหลือในร่างกาย แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้รับอาหารและน้ำดื่มแล้วส่วนวิธีการกิน...ให้นึกถึงสัตว์เลี้ยงที่บ้านท่าน แถมรสชาติของอาหารก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก
‘ตึก...ตึก...ตึก’
เสียงที่ดังขึ้นทำให้สติของเซทสึที่สลึมสลือสะดุ้ง เมื่อสัมผัสได้ว่ามีคน 3 คนกำลังเดินมา เซทสึได้แต่คิดตื้นๆว่า ‘วันนี้ก็ต้องเป็นหนูทดลองอีกแล้วเหรอ?’ แต่บุคคลที่ปรากฏขึ้นทำให้เขาถึงกับพงะเพราะคนที่เห็นอยู่ตรงหน้ากรงขังก็คือ...
“โย่ เป็นไงบ้างเซทสึ~”
“!!!!!!!!!!”
“อ้อ ‘ไอ้นี้นะเหรอ’ ก็อย่างที่แกเห็นมันคือ ‘สิ่งที่แกทำไว้’ ยังไงละ”
“ขอบอกเลยนะว่าการแพทย์ที่นี้จะไม่เท่าก้าวหน้าเหมือนโลกเราแต่ว่ามันกลับดีกว่าอย่างมากเลยละน้า~”
“ใช่แล้วหละ!!! แค่สัปดาห์เดียวก็กลับมาขับได้ปกติอย่างนี้เลย”
“ฮ...ฮิโรชิ!!! ชิโนซากิ!!! โยชิทากะ!!!”
ตอนนี้คนที่อยู่หน้ากรงขังก็คือพวกฮิโรชินั้นเอง แต่สิ่งที่หน้าแปลกใจมากที่สุดก็คือ...มือและขาที่เซทสึเคยตัดไปตอนนี้อยู่ในสภาพเดิมอย่างน่าเหลือเชื่อ!!!
ถ้าพิจารณาจากคำพูดของพวกมันก็จะรู้ว่าการแพทย์ของที่นี้ก็ไม่ใช่เล่นๆเหมือนกันเพราะสามารถต่ออวัยวะที่ขาดไปแล้วได้!!! ช่างไม่ธรรมดาสมกับที่เป็นต่างโลกจริงๆ
พวกมันเดินเข้ามาในห้องขังและสีหน้ากับดวงตากลับมีแต่ความ ‘เคียดแค้น’ …
“อ๊ากกกกกกก!!!...”
“5555555 รอบนี้มันไม่เหมือนรอบที่แล้วหรอกนะ!!!”
“เฮ้ๆ อย่าใจร้ายกับผู้มีพระคุณแบบนั้นสิ~ เราควรให้ ‘ของขวัญ’ กับมันสิ”
“?!...นั้นมัน!!!”
“โอ้!! เหมือนว่าจะรู้จักดีนะเนี่ย~ ก็แน่นอนสิเพราะว่า พวกกูเป็นคนไปขอมาเพื่อมึงโดยเฉพาะนี่น้า~ 55555555”
กลับมาที่ปัจจุบันหลังจากที่พวกมันซ้อมเซทสึโดยที่ไม่ยั้งมือเพราะรอบนี้พวกมันไม่ลืมที่จะใช้อาวุธที่อาชีพของพวกมันถนัดมาซ้อมเซทสึ
ซึ่งแน่นอนว่าอาวุธของพวกมันก็เป็น ‘อาร์ติแฟ๊ค’ ด้วยเหมือนกันความจริงแล้วเหล่าผู้กอบกู้ทุกคนจะได้รับอาร์ติแฟ๊คที่เก็บไว้ที่ห้องเก็บสมบัติของอาณาจักร และแน่นอนว่าเซทสึไม่ได้รับอะไรนอกจากดาบฝึกกากๆที่เขานำมันมาแสดงศักยภาพอย่างยอดเยี่ยม
เรื่องนั้นช่างมันไปก่อนเพราะว่าในขณะที่เซทสึกำลังโดนซ้อมอยู่นั้นโยชิทากะก็หยิบ ‘ขวดยาที่บรรจุของเหลวสีม่วงอมเขียวออกมา
เซทสึจำสิ่งนั้นได้ทันที่เพราะว่ามันเป็นยาที่นักวิจัยคนหนึ่งใช้กับเขาแล้วมันมีฤทธิ์แรงที่สุด!!!
ในตอนนั้นเซทสึไม่เหลือแรงต้อต้านแล้วเลยโดนจับกลอกปากอย่างง่ายดาย และเมื่อมันไหลลงคอไปสิ่งที่เกิดขึ้นคือ...
ภาพในอดีตทั้งหมดไหลเข้ามาในสมองอย่างรวดเร็วหรือเรียกง่ายคือปรากฏการที่ ‘คนใกล้ตาย’ จะพบเจอกัน สรุปคือยาพิษตัวนี้นั้นมีฤทธิ์ขนาดแค่นำเข้าร่างกายสติก็สามารถไปเข้าเฝ้ายมบาลได้เลย!!!
เมื่อได้สติกลับมาหัวจะมีอาการปวดที่รุนแรงขนาดที่ว่าจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กล้ามเนื้อจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงและจะสัมผัสได้ว่าเลือดที่ไหลอยู่ในร่างกายจะทั้ง ‘ร้อนจัด’ และ ‘เย็นจัด’ ไหลวูบวาบไปทั่วร่างกายและจะอาเจียนออกมาเรื่อยๆ
แถม ณ ปัจจุบันก็ยังไม่มียาแก้พิษที่หายขาดละนี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เซทสึไม่ได้นอน และตอนนี้ยาที่อันตรายที่สุดกลับไปอยู่ในมือของพวกมันซะได้
พวกมันไม่รอช้างัดปากของเซทสึแล้วนำยากรอกปากทันที่ เซทสึพยายามที่จะไม่กลืนมันลงไปและจะบ้วนมันทิ้งทันที่!!! พวกมันรู้ว่าเซทสึจะทำอะไรโยชิทากะที่มีอาชีพเหมาะสมอย่าง ‘จอมเวทย์’ ได้ทำการร่ายเวทย์อย่างรวดเร็ว
“จงเป็นกำแพงปกป้องข้า ‘กำแพงลม’ ”
“อื้อ!!! หื้อออ!!!หื้อออออ!!!”
ด้วยความที่ว่าโยชิทากะมีธาตุเหมาะสมอย่างธาตุลมอยู่ทำให้มันร่ายเวทย์ออกมาอย่างรวดเร็ว ‘กำแพงลม’ ได้ปิดไปที่ปากของเซทสึอย่างพอดีแถมยังทำให้มันโค้งเพื่อให้มันเข้ากับรูปหน้าของเซทสึ ช่างใช้ความสามารถในทางที่ผิดจริงๆ
เซทสึได้แต่โอดครวดออกมาเขาดิ้นไปมาและพยายามที่จะทำให้ ‘กำแพงลม’ หลุดออก แต่สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้เพราะของพิษทำให้สติเขาหลุดลอยและในจังหวะเพียงเสียววินาทีก่อนที่เขาจะได้สติเขาก็เผลอกลืนมันลงไป
เซทสึตัวกระตุกก่อนที่จะชักเกร็งอย่างรุนแรงในวินาทีต่อมา
“อึก!!!...อ๊อกกก...แค่กๆๆ”
“อ้าวๆไม่เก่งเหมือนวันนั้นแล้วเหรอ!!!”
“!!!...”
“มึงทำอะไรพวกกูไว้เดี๋ยวได้รู้แน่”
“อ้าวๆอย่าเพิ่งหมดสติไปสิ~ ‘ค่ำคืนนี้ยีงอีกยาวไกล’ ”
คงไม่ต้องบรรยายหลังจากนั้นหรอกนะเพราะว่าเสียงที่ดังสะท้อนออกมาคือเสียงของคนที่กำลังร้องโอดโอยและเสียงของคนที่กำลังสนุกกับการทำอย่างนั้นพร้อมกับเสียงที่ฟังแล้วชวนสยอง
หลายวันต่อมา
“อ๊ากกกกกกกกกก!!!”
‘กึก...กึก...’
“อึก!!! อ๊ากกกก!!!”
ในตอนนี้ที่ห้องใต้ดินมีเสียงที่แตกต่างจากหลายวันก่อนอย่างสิ้นเชิง ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าของเสียงก็คือเซทสึนั้นเองในตอนนี้เขาเจ็บปวดอย่างมากเพราะเขากำลังโดน ‘ดึงเล็บอยู่!!!’
ถ้าถามถึงเหตุการณ์ในปัจจุบันก็คงต้องขอย้อนกลับไปเล็กน้อย หลังจากที่เซทสึโดนพวกฮิโรชิระบายความแค้นอย่างหนักโดยที่พวกมันสลับกันพักทำให้การแก้แค้นของพวกมันกินเวลานานมาก
หลังจากนั้นก็มีพวกทหารและอัศวินเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย จนทำให้สภาพเซทสึย่ำแย่อย่างมากที่แย่กว่านั้นอีกคือมีพวกนักวิจัยมาต่อคิวเพิ่มอีก!!!
ถึงในสายตาของพวกนักวิจัยจะมองว่าเซทสึเป็นแค่ ‘หนูทดลอง’ มันก็จริงเพราะยังไงพวกมันก็ยังมองเซทสึว่าเป็นแค่ ‘หนูทดลองที่มีค่ากับการทดลองอยู่ดี’ พวกมันเลยไปบอกกับทางอิชทาร์ให้ทำอะไรสักอย่าง
ถึงแม้ตอนแรกอิชทาร์จะปฏิเสธเสียงแข็งแต่พอฟังเหตุผลจากพวกนักวิจัยก็เลยทำให้อิชทาร์ต้องทำอย่างขัดใจ แต่สุดท้ายเขาก็ยอมมาแต่โดยดีเพราะทางนักวิจัยได้บอกว่า “เมื่อฮีลเลอร์ได้ทำการฮีลผู้ที่บาดเจ็บจะยิ่งเพิ่มความชำนาญและความสามารถนะท่าน?”
เมื่ออิชทาร์ได้ยินดังนั้นเขาเลยไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธเพราะมีได้มากกว่าเสียแถมทฤษฎีนี้ก็ได้รับการยืนยันมาแล้ว มันเลยไม่ใช่ทฤษฎีที่นักวิจัยกุขึ้นมาแถมยังไม่มีเหตุที่พวกมันต้องโกหกอีกด้วยเมื่อมาลองคิดดูดีๆ
เมื่ออิชทาร์มาถึงพร้อมกับสาวกโดยเขาให้เหตุผลในการรักษาเซทสึกับเซทสึว่ามันคือการชำละล้างบาป มันก็น่าแปลกใจที่สาวกของมันเชื่อโดยไม่มีแม้แต่จะตั้งคำถามกับการกระทำของผู้นำ!!!
แต่ดูเหมือนว่าสภาพของเซทสึจะเหลือจากที่อิชทาร์คาดการณ์ไว้เลยทำให้ทุกคนที่เห็นสภาพของเซทสึได้ส่งเสียง “อู้ย!” ออกมาพร้อมกัน
หลังจากรักษาไปได้สักพักอิชทาร์ก็ได้นำแผ่นสเตตัสของเซทสึออกมาดูเพื่อดูว่า ‘พลังชีวิต’ ใกล้เต็มรึยัง แต่เขาถึงกับตกตะลึงเมื่อได้เห็นค่าสเตตัสของเซทสึ!!!
เพราะว่ามันพุ่งขึ้นสูงกว่าครั้งที่แล้วแบบกระโดดแล้วกระโดดอีก!!! หลังจากรักษาเสร็จอิชทาร์ก็ได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับทีมวิจัยทันที่
หลังจากวันนั้นเขาก็โดนโน่นโดนนี้จนได้ขอสรุปว่า…
เมื่อร่างกายได้รับความเสียหายและได้รับการฟื้นฟูจะทำให้ค่าสเตตัสพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ถ้าให้พูดง่ายๆก็ทฤษฎีคล้ายๆกับกล้ามเนื้อของเรา หลังจากยกของหนักๆแล้วเมื่อกล้ามเนื้อฟื้นฟูกลับมาจะทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นแข็งแรงขึ้น
แต่พวกนักวิจัยก็ยังไม่สามารถให้เหตุผลที่ค่า ‘พลังโจมตี’, ‘ความคล่องแคล้ว’, ‘พลังเวทย์’ เพิ่มขึ้นได้นอกจากเลเวลที่เพิ่มขึ้นทำให้ทุกค่าสเตตัสเพิ่มขึ้นด้วย แต่นั้นก็เป็นแค่ทฤษฎีเพราะว่าในปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถอธิบายการทำงานของแผ่นสเตตัสได้
กลับมาที่ ‘การทรมาณเซทสึ’ ในช่วงแรกก็เป็นแค่การให้ยาพิษและซ้อมแล้วรักษาตามปกติ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากพวกฮิโรชิกลับมาอีกครั้งและรอบนี้พวกมัน ‘หักแขนของเซทสึ!!!’ แน่นอนว่าเซทสึส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ถึงมันจะเป็นความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสของเซทสึแล้ว แต่นรกมันเริ่มค่อยโผล่ออกมาเรื่อยๆที่ละนิด เพราะหลังจากที่พวกฮีลเลอร์รักษาเซทสึเสร็จปรากฏว่าค่าสเตตัสเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!!!(ในตอนนี้แผ่นสเตตัสอย่กับพวกนักวิจัยเพราะว่าต้องใช้ในการวิจัย)
ทำให้หลังจากนั้นพวกนักวิจัยมีทฤษฏีว่า ‘ยิ่งได้รับความเสียหายมากแล้วได้รับการรักษาจะยิ่งทำให้ค่าสเตตัสเพิ่มขึ้น’ หลังจากนั้นเขาก็โดนหนักขึ้นเรื่อยเพราะนอกจากจะทำให้การวิจัยต่างๆมีผลประโยชน์มากขึ้นแล้ว พวกฮีลเลอร์ยังได้รับประโยชน์อีกด้วย
เริ่มต้นจากตอนนี้ยาพิษที่เซทสึโดนในตอนนี้นั้น ‘แรงกว่ายาสีม่วงอมเขียวก่อนหน้า 10 เท่า!!!’ ต่อมาพวกฮิโรชิก็ไปเชิญชวนเพื่อนร่วมชั้นที่เครีดกับการฝึกและพวกที่มี ‘เคียดแค้นต่อเซทสึเหมือนกัน’
ในช่วงแรกๆยังไม่มีใครมาหรือกล้าทำเท่าไหร่ แต่พอผ่านไปซักพักพวกฮิโรชิไม่รู้ไปทำอีท่าไหนที่สามารถโน้มน้าวพวกเพื่อนร่วมชั้นได้สำเร็จ!!!
หลังจากนั้นเซทสึก็ได้เข้าใจว่าหน้าตาของนรกเป็นยังไง ถ้าพวกคุณคิดว่าการถอนเล็บของเซทสึนั้นโหดแล้ว แต่ขอบอกเลยว่ามันเป็นแค่การเริ่มต้นเพราะ!!!...
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
“เฮ้อ! ทำไหมการ ‘ตัดแขน’ แม่งถึงยากอย่างนี้วะ?!”
“อึก!...”
“ห๊ะ?! ทำหน้ายังงั้นหมายความว่าไงวะ!!!”
“อ๊อก!...”
นี้แหละนรกที่แท้จริง!!! อย่างที่กล่าวไว้ว่าทฤษฏีของพวกนักวิจัยที่ได้ทำการทดลองคือ ‘ยิ่งได้รับความเสียหายมากแล้วได้รับการรักษาจะยิ่งทำให้ค่าสเตตัสเพิ่มขึ้น’ มันคงจะไม่แปลกถ้าการ ‘ทรมาน’ จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น!!!
ถ้าคุณคิดว่าคนที่กำลังทรมานเซทสึด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่ใช่มนุษย์นั้นเป็นพวกฮิโรชิหรือพวกนักวิจัยคงต้องบอกว่าผิดถนัด!! เพราะคนที่กำลังทรมานเซทสึคือหนึ่งใน ‘เพื่อนร่วมชั้น’
แถมนี้ยังไม่ใช่ครั้งแรกที่เซทสึโดน ‘เพื่อนร่วมชั้นตัดอวัยวะ’ ถ้าจะให้อธิบายจำนวน แม้แต่พวกนักวิจัยยังจำไม่ได้เลย ช่วงแรกที่เซทสึเริ่มโดน ‘ตัด’ คนที่เริ่มก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพวกฮิโรชิ พวกมันไม่มีลังเลเลยสักนิดตอนที่พวกมันทำ!! แม้ว่าเซทสึนั้นจะแถบไม่มีแรงเหลืออยู่แล้วแต่การที่เขาตะโกนความเจ็บปวดออกมาก็สามารถอธิบายได้ถึงความเจ็บปวดถึงแม้ว่าตอนนั้นจะเป็นแค่การถอนเล็บที่เทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดในปัจจุบัน
ก็ไม่ใช่ว่าเริ่มมาพวกมันจะลัดขั้นตอนอย่างที่หลายคนคิดแต่ว่าการทำอย่างนี้นั้นก็ไม่ควรทำอย่างยิ่งเพราะเซทสึก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งถึงเขาจะไม่ใช่มนุษย์แต่การทำอยู่ดี!!!
หลังจากนั้นก็เริ่มมีเพื่อนร่วมชั้นเริ่มทำตามจนตอนนี้แม้แต่เสียงของเขาเองก็เริ่มอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่ากระซิบอาจจะดังกว่า เหตุผลก็มีอยู่หลายข้อด้วยกันเริ่มจากการที่เขาสูญเสียเลือดไปในปริมาณมากทำให้ตอนนี้ร่างกายนั้นเข้าขั้นวิกฤต!!! ต่อมาก็คือพวกที่มาทรมานเขาส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่มีความเคียดสะสมอยู่ทำให้เวลาส่งเสียงร้องออกมาจะยิ่งทำให้พวกมันมีอารมณ์สูงขึ้นเท่านั้นสังเกตได้จากเหตุการณ์ในปัจจุบัน ต่อมาก็คือความจริงแล้วเขาได้รับสิ่งที่เรียกว่า ‘ยาเสพติด’ เข้าไปทำให้ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่กำลังหลอนยา
ถ้าถามว่าทำไมพวกนักวิจัยถึงให้ ‘ยาเสพติด’ กับเซทสึก็คงต้องบอกว่าเพราะพวกที่มาทรมานเซทสึบางกลุ่มรู้สึก ‘รำคาญ’ กับเสียงร้องของเซทสึ พวกมันเลยฉุกคิดได้ว่า ‘ยังไม่ได้ทำการทดลองนั้นเลยนี่น่า’ นั้นก็คือการวิจัย ‘ยาเสพติด’ เพราะว่ายาเสพติดบางชนิดนั้นก็มีประโยชน์กับทางการแพทย์ถ้าให้อธิบายง่ายๆก็คล้ายๆมอร์ฟีนของโลกเรานั้นเอง
ถึงจะเป็นความคิดที่ดูเหมือนจะดูดีแต่สุดท้ายมันก็มีผลประโยชน์ต่อนักวิจัยอยู่ดี ในตอนแรกเซทสึก็ได้รับสิ่งที่คล้ายๆมอร์ฟีนแต่ปัจจุบันมันไม่ใช่เพื่อลดความจบปวดแต่เพื่อทรมานเซทสึทางอื่นเพิ่มต่างหาก
แน่นอนว่าชื่อก็บอกแล้วว่ามันคือ ‘ยาเสพติด’ มันก็ต้องทำให้เซทสึติดยาแน่นอน!! แต่นั้นคือถ้าเขารับไปแบบปกติน่ะนะเพราะตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่ไปเยี่ยมยมบาลทุกๆ 10 วินาทีทำให้เขาไม่เกิดอาการขาดยานั้นจึงไม่ใช่เพราะเขาเข้มแข็งหรือเก่งแต่อย่างใด
แต่ก็อาจต้องรู้สึกขอบคุณอยู่บ้างเพราะในบางครั้งที่เขาโดนตัดอวัยวะเขาจะรู้สึกเหมือนโดนยาชาเท่านั้น
กลับมาที่การตัดอวัยวะของเซทสึก่อนเพราะว่าหลายคนอาจคิดว่า ‘ทำมเซทสึถึงยังไม่ตายเพราะเสียเลือดไปมาก?’ ส่วนคำตอบคือมาจากความสามารถของฮีลเลอร์ที่สามารถต่ออวัยวะได้อย่างไม่น่าเชื่อแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆเพราะอย่างที่รู้มันคือ ‘บาดแผลฉกรรจ์’ ทำให้การรักษาด้วยเวทย์ขั้นต้นและขั้นกลางจะไม่ได้ผล และนั้นก็คือเหตุผลของอิชทาร์ถ้าคิดจากหลายๆทฤษฏีแล้วการที่รักษาผู้บาดเจ็บสาหัสก็จะช่วยเพิ่มทั้งประสบการณ์และความสามารถอีกด้วยตามที่เคยได้กล่าวไว้
ทั้งนี้มันไม่ใช่ว่ามันมีแค่การวิจัยกับการล้างแค้นเท่านั้นเพราะยังมี ‘การระบายอารมณ์’ ในอีกความหมายอยู่ด้วยนั้นคือปกติจากก่อนหน้านี้ที่อาหารของเซทสึนั้นไม่ต่างจากอาหารสุนัขแต่ปัจจุบันต้องใช้คำว่า ‘หมาไม่แดก’ คงจะตรงที่สุดเพราะอาหารในตอนนี้นอกจากกลิ่นที่เหม็นเน่าก็ยังมีพวกหนอนแมลงวันอยู่ทั่วชามใส่อาหารแถมน้ำดื่มในตอนนี้คงต้องบอกว่ามันคือน้ำโคลนชัดๆ!!!
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่ได้มองว่าเซทสึคือมนุษย์แล้วแน่นอนว่าเซทสึนั้นไม่ต้องการที่จะเอาเข้าปากแน่นอน แต่พวกมันทุกคนกลับเห็นเป็นเรื่องสนุกใช่สารพัดวิธีเพื่อที่จะเอาของเสียลงกระเพาะของเซทสึ แน่นอนว่าเขาต้องอวกออกมาแน่นอนแต่มันกลับยิ่งแย่ลงเพราะพวกมันนำสิ่งนั้นที่ตกพื้นมายัดใส่ปากเขาอีกครั้ง!!!
แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือพวกมันเริ่มใส่สิ่งที่พิเศษลงไปอีก!!! ขอไม่กล่าวถึงแล้วกัน แน่นอนว่าแม้พวกมันจะแอบทำแต่มันก็ไม่สามารถปกปิดได้ทั้งหมดทำให้เซทสึนั้นต้องจมอยู่กับนรกที่จะตายก็ตายไม่ได้!!!
พอมาถึงตรงนี้น่าจะมีหลายๆคนสงสัยเกี่ยวกับตัวของเซทสึที่ยอมให้โดนกระทำเพียงฝ่ายเดียวเพราะตัวของเซทสึนั้นมีสกิลอย่างเบอร์เซิร์กอยู่การที่จะจัดการทุกคนคงไม่ใช่เรื่องยากส่วนคำตอบที่ทำไมถึงไม่ใช้สกิลเบอร์เซิร์กก็คือ ‘ไม่สามารถใช้ได้!!!’
แน่นอนว่ามันมีสาเหตุอยู่ ข้อแรกคืออารมณ์ของตัวเซทสึเองไม่ใช่ว่าที่เขาโดนมาสารพัดอย่างจะไม่ทำให้เขาไม่รู้สึกอะไรแต่กลับกันเขานั้นมีอารมณ์ด้านลบในปริมาณที่สูงมากอยู่หลายครั้งแต่พอจะถึงจุดสูงสุดสติของเขากลับต้องดับลงเพราะฤทธิ์ของยาพิษ อีกอย่างก็คือเวทย์มนฮีลนั้นนอกจากจะรักษาบาดแผลอแล้วยังสามารถทำให้จิตใจที่สดใสขึ้นทำให้อารมณ์ของเขาลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน แต่ถึงจะไม่มีมันก็ไม่เกี่ยวเพราะตอนนี้ตัวเขาแค่คุมสติก็ยากแล้ว
อีกอันหนึ่งคือ ‘ไม่รู้วิธีการเปิดใช้งานสกิล!!!’ เพราะตอนที่เขาใช้สกิลนี้ครั้งแรกมันทำงานโดยที่เขาโกรธทะลุหลอดทำให้สกิลทำงานเองอัตโนมัติแถมสภาพในปัจจุบันทำให้จิตใจของเขาแทบจะไม่เหลืออยู่แล้วอีกด้วย
หลายวันต่อมา...
“%+!@#$^฿*}{”
“…”
ตอนนี้ยูคิ เซทสึได้จากไปแล้ว มันอาจจะฟังดูแปลกแต่ก็ไม่มีสิ่งใดจะอธิบายสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ดีกว่านี่แล้วสติของเขาได้หายไปอย่างสมบูรณ์ตอนนี้แม้จะโดนซ้อมหรือด่าทอก็ไม่รู้สึกอะไรและยังไม่เข้าใจสิ่งที่พูดเหมือนกับมีเสียงแปลกๆคอยไหลเวียนไปมาในสมองอยู่ตลอดเวลา ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ก็ไม่มีการตอบสนองอีกต่อไปถ้าให้ขยายความก็คือ ‘ไม่รับรู้สิ่งที่มองเห็นอยู่’ ‘ไม่สามารถจับใจความเสียงได้’ ‘ไม่สามารถรับรู้กลิ่นได้’ ‘ไม่สามารถรับรสได้’ และ ‘ไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวด’ สภาพของเขาจึงไม่ต่างจากคนตาย
ในตอนนี้มีอัศวิน 2 คนได้เดินเข้ามาในห้องขังของเซทสึ พวกเขารู้สึกช็อกกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก่อนจะกัดฟันและน้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบๆแต่เสียงนั้นกลับบ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง พวกเขา 2 คนได้เดินเข้าไปใกล้เซทสึแล้วได้กระซิบข้างหูว่า “ขอโทษ” แต่เสียงนั้นไม่อาจส่งไปถึงเซทสึได้ พวกเขาถอดโซ่ที่ล่ามเซทสึออกก่อนจะเริ่มใส่ชุดเกราะขนาดใหญ่ให้กับเขา แล้วพวกเขาก็เดินจากไปพร้อมกับเสียงปิดประตูกรงขัง
แกร๊ง...
*
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ