ถูกอัญเชิญไปต่างโลกด้วยความสามารถสุดเทพ

-

เขียนโดย CNS26

วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.50 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,806 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 มกราคม พ.ศ. 2562 11.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ห้องใต้ดิน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“อึก!!!...อ๊อกกก...แค่กๆๆ”

“อ้าวๆไม่เก่งเหมือนวันนั้นแล้วเหรอ!!!”

“!!!...”

“มึงทำอะไรพวกกูไว้เดี๋ยวได้รู้แน่”

“อ้าวๆอย่าเพิ่งหมดสติไปสิ~ ‘ค่ำคืนนี้ยีงอีกยาวไกล’ 555555”

     ในตอนนี้ ณ ใต้ประสาทแห่งหนึ่งมีห้องๆหนึ่งกำลังส่งเสียงดังออกมา  มันเป็นเพียงแค่ห้องขนาดเล็กที่มันดูคับแคบสำหรับ 4 คนที่อยู่ในห้องนี้  ห้องนี้มีเพียงแค่แสงจากคบเพลิงที่สะท้อนเข้ามาเป็นแสงสลัวๆเท่านั้น

     ภาพที่แสงกระทบกับเงาของคนทั้ง 4 คนคือชาย 3 คนกำลังรุมซ้อมคนๆหนึ่งอยู่  สภาพของคนๆนั้นดูย่ำแย่อย่างมากแม้ว่าเขาจะโดนรุมซ้อมจนมีน้ำในกระเพาะอาหารออกมาพวกเขาก็ยังไม่หยุดมือที่กำลังซ้อมชายคนนั้นลงเลยแม้แต่น้อย

ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน

“อึก...ที่นี้...ที่ไหน?... ‘แกร๊งๆ’ …!!!”

“อ้าวตื่นแล้วเหรอ  อ้า ‘ยูคิ  เซทสึ’ สินะ?”

“ใช่ครับ?!”

“ช่างมันเถอะเพราะชื่อมันไม่สำคัญนี่นะ”

     เมื่อเซทสึลืมตาขึ้นมาเข้าก็พบกับ ‘อิชทาร์’ พระสันตปาปานั่งอยู่ตรงหน้า...ไม่สิต้องเรียกว่าหน้า ‘กรงขัง’ คงจะถูกกว่า

     ที่เรียกกรงขังเพราะว่ามันเป็นห้องที่มีขนาดแค่ 3x3 เมตรเท่านั้น  และมีแสงจากแค่จากคบเพลิงสะท้อนเข้ามาเท่านั้น  ดูจากสภาพห้องแล้วน่าจะเป็นห้องใต้ดินเพราะว่าดูจากกำแพงที่เป็นอิฐบล็อกทำให้หลายๆอย่างมันช่างดูเหมือนกับหนังหลายๆเรื่องทำให้เซทสึสันนิฐานว่ามันน่าเขาน่าจะอยู่ที่ห้องใต้ดินของประสาท  แล้วเขาก็เดาถูกสะด้วยแต่ว่าแค่ไม่มีใครมาตอบข้อสันนิฐานของเขา

     เมื่อเขาพยายามขยับตัวก็มีเสียงเหมือนโลหะดังขึ้นเมื่อเขาหันไปดูก็พบกับ ‘โซ่’ ที่ล็อคแขนและขาของเซทสึเอาไว้ที่ปลายของโซ่นั้นถูกตรึงอยู่กับมุมของห้อง  แถมโซ่นั้นยังมีขนาดใหญ่ขนาดที่ว่าโซ่ที่เอาไว้ตรวนนักโทษดูเล็กไปเลย

     นี้เป็นผลของสกิลเบอร์เซิร์กที่ทำให้เซทสึสลบไปเป็นเวลา 1 สัปดาห์แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังมีอาการเหนื่อยล้าหลงเหลืออยู่  ก็คงเป็นเรื่องปกติสำหรับสกิลสายเพิ่มพลังเพราะผลที่ได้กลับมาจะมีค่าเท่ากับที่ใช้ไป  ในกรณีของเซทสึคือนอกจากเขาจะเพิ่มพลังถึงขีดสุดแล้วเขายังฝืนใช้มันเป็นเวลานานทำให้การสลบไป 1 สัปดาห์ก็ดูสมเหตุสมผลดี

     เมื่ออิชทาร์เห็นว่าเซทสึตื่นเขาก็ได้ทำการหยิบแผ่นโลหะขึ้นมาแล้วเรียกชื่อของเขาทำให้เขาเกิดความสงสัยว่า ‘หรือว่านั้นคือแผ่นสเตตัสของเรา?’ ใช่แล้วมันคือแผ่นสเตตัสของเซทสึเพราะว่ามันมีชื่อของเซทสึอยู่  ถ้าถามว่ามันอยู่กับอิชทาร์ได้ยังไงคงจะบอกได้ว่า ‘ได้มาตอนที่เซทสึสลบแล้วถูกนำตัวมาที่นี้’

     อิชทาร์ทำท่าทางและสีหน้าบอกว่ามันไม่สำคัญ แล้วได้ทำการพยักหน้าให้กับทหารยามที่เฝ้าอยู่ที่หน้าประตู  ทหารคนนั้นตะเบ๊ะแล้วเปิดประตูกรงขังให้อิชทาร์เข้ามา

      อิชทาร์เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเหมือนครั้งแรกที่เจอก่อนจะ...

“อึก!!!...แค่กๆๆ!!!...”

     ชกเข้าที่ท้องอย่างแรงทำให้เซทสึไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้เซทสึไอออกมาอย่างรุนแรง  จนทำให้เซทสึคิดว่ามันใช่แรงของผู้สูงอายุเหรอ?

“ถุย...น่าขำสิ้นดีว่าไอ้กระจอกอย่างนี้จะทำให้ข้าหงุดหงิดได้ถึงขนาดนี้!!!”

“อั๊ก!!!...”

“รู้ตัวรึเปล่า?  ว่าเจ้าทำให้ข้าต้องเสียหายไปเท่าไหร่กัน!!!”

“อึก!!!...”

“เป็นแค่ ‘ไอ้กาก’ อย่ามาทำเป็นอวดดีไปหน่อยเลย!!!”

“!!!...อ๊อก...”

“ข้าต้องเสียทั้งพลังเวทย์  เสียกองทุนเพื่อช่วยผู้บาดเจ็บ!!!”

“!!!...”

“ฟู่~  ไม่ได้ระบายอารมณ์มานานรู้สึกสดชื่นจริงๆ”

“แค่กๆๆ...”

“ฮึ  ข้าทำแค่นี้ยังถือว่าใจดีด้วยซ้ำ  แต่ไม่ต้องกังวลไป  เพราะเจ้ามี ‘สิ่งที่เจ้าต้องชดใช้’ อยู่เยอะเลยละนะ จงมีชีวิตในฐานะของ ‘ที่ระบายอารมณ์’ และ ‘หนูทดลองสะ’ 55555555 ”

“!!!”

“ขอให้-โชค-ดี 55555”

     อิชทาร์ได้รั่วหมัดใส่เซทสึไปในขณะที่กำลังพูด  เหมือนจะใช้เซทสึเป็นที่ระบายอารมณ์  เซทสึไม่แม้แต่จะสามารถป้องกันได้ทำให้เขาได้แต่โอดครวดออกมาเท่านั้น

     แถมคำพูดกับสีหน้าในตอนนี้ยังไม่เหมาะกับคำว่าศาวกของพระเจ้าด้วยซ้ำ!!! แถมในตอนสุดท้ายยังพูดด้วยใบหน้าที่ไม่มีอะไรที่ผิด

     ถ้าให้บรรยายพฤติกรรมของอิชทาร์คือ ‘พวกบ้าอำนาจในศาสนา’ เพราะดูก็รู้ว่าตอนนี้ในใจของอิชทาร์คงกำลังคิดว่า ‘มันคือประสงค์ของพระเจ้า’ แน่นอน

     และนี้คือสาเหตุที่ทางศาสนจักรไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเซทสึในตอนที่สเตตัสของเขาถูกเปิดเผย  เพราะพวกศาสนจักรคงคิดว่าเซทสึคือพวก ‘ที่พระเจ้าทอดทิ้ง’ ความจริงแล้วคนที่ต้องการขับไล่เซทสึให้ไปเผชิญกับความโหดร้ายก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอิชทาร์!!!  เพราะเป็นตัวของอิชทาร์เองที่ไปเป้าหูของพระราชาให้เซทสึไปอยู่กับพวกทหาร

     ตอนนี้ตัวของอิชทาร์คงไม่ต่างกับพวกที่เชื่อในหลักการของตัวเองโดยใช้พระเจ้าเป็นข้ออ้างในการกระทำของตน  คล้ายๆกับโลกของเราที่เมื่อก่อนก็มีอย่างนี้เหมือนกันแต่เหตุการณ์ดังกล่าวกลับต้องมาตกที่ตัวของเซทสึคนเดียว!!!

     เซทสึทำได้แค่ภาวนากับคำพูดของอิชทาร์ที่จะใช้เขาเป็น ‘ที่ระบายอารมณ์’ และ ‘หนูทดลอง’ ที่อิชทาร์พูดไว้และได้มองตามอิชทาร์ที่เดินไปพร้อมกับทหารที่เฝ้าประตู  ตอนนี้เหลือเพียงเซทสึที่อยู่ที่ห้องใต้ดินคนเดียว

วันต่อมา... 

“อึก!!!...อ๊ากกกกกกก!!!...”

“หืม?  ยาแก้พิษของ ‘พืชฮิล’ ใช้การไม่ได้เหรอเนี่ย?”

“กึกๆๆๆๆๆๆ!!!...”

“อืม  อาการโดยทั่วไปก็ร่างกายมีอาการชักเกร็งน้ำลายฟูมปาก  และถ้าได้รับเข้าไปในปริมาณมากก็จะเริ่มมีเลือดออกตามอวัยวะสินะ”

     วันนี้ได้มีคนใส่ชุดสีขาวมาหาเซทสึ  ไม่พูดพลำทำเพลงเขาก็เปิดกระเป๋าที่หิ้วมาด้วยก่อนจะใส่ถุงมือหนังขนาดหนาใส่ผ้าปิดปากและจับ ‘แมงมุมสีดำ’ ขนาด 10ซม.  ออกมาแล้ว...จับมาว่างที่ตัวของเซทสึ

     เซทสึตกใจ!!  และพยายามที่จะให้แมงมุมตกลงไป  คนใส่ชุดสีขาวเห็นก็มีเส้นเลือดปูดขึ้นมาแล้ว...หยิบกระเป๋าฟาดใส่หัวของเซทสึ!!!

“โอ๊ย!!!...”

“อยู่นิ่งๆสิวะ!!!  กูต้องเก็บข้อมูลนะว้อยยย!!! เป็นแค่หนูทดลองก็อยู่นิ่งๆแล้วให้กัดสะ”

     ถึงแม้หัวของเซทสึจะแตกเพราะโดนตัวเองฟาดจนมีเลือดไหลออกมาไม่หยุดแล้วยังไม่สนใจพร้อมกับด่าทอว่าเซทสึเป็น ‘หนูทดลอง’ อีก

     แม้ว่าตอนนี้เซทสึจะมีน้ำลายฟูมปาก ร่างกายชักเกร็งและมีเลือดออกตามร่างกายก็ยังไม่สนใจและบันทึกการทดลองอย่างไม่รู้สึกทุกข์ร้อน

     เมื่อคนใส่ชุดสีขาวเห็นอาการของเซทสึก็เริ่มเดินไปหยิบยาสีแปลกๆออกมา  สีของมันช่างเหมือนกับยาพิษเหลือเกินแล้วจึงนำยานั้นมา...ยัดเข้าปากของเซทสึ!!!

“อืม!!!...แค่กๆๆๆ”

“ก็นะแกเป็นหนูทดลองที่มีค่าอย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้ตายหรอก”

“…”

“แต่ถ้าแค่ ‘เกือบตาย’ คงไม่เป็นอะไร”

     หลังจากที่เซทสึดื่มยาถอนพิษ?  เขาก็อาการดีขึ้นเล็กน้อย  ในตอนแรกเซทสึคิดว่าคงจบแล้วแต่อยู่ดีๆชายชุดขาวก็หยิบแมงมุมอีกหลายสิบตัวออกมาจากกระเป๋าแล้วหันมายิ้มให้กับเซทสึ

     หลังจากนั้นเขาก็โดนแมงมุมกัดและได้รับยาถอนพิษที่บางครั้งไม่ช่วยอะไรเลยจนเขาเกือบตายแต่คนใส่ชุดสีขาวก็ไม่มีสีหน้าทุกข์ร้อนเหมือนเดิม

     ไม่รู้ว่าเวลาผ่านมานานก็ชั่วโมงแล้วแต่ว่าการทดลองของคนใส่ชุดสีขาวได้จบลงแล้วเขาเก็บของใส่กระเป๋าแล้วก่อนจะจากไปก็ได้บอกว่าเขาคือ ‘หนึ่งในนักวิจัย’  ก่อนจะจากไป

     เซทสึคิดว่าเรื่องบ้าๆนี้จบลงสักที่!!!  แต่เขาคิดเพราะหลังจากนักก็มีนักวิจัยอีกหลายคนเข้ามาทดลองกับเขา

     ถ้ามีคนมาอัดคลิปในตอนที่เซทสึโดนทดลองแล้วปล่อยออกสู่โลกออนไลน์คงไม่มีใครไม่กล้าปิดตา ปิดหูกับสิ่งที่เกิดเห็นและได้ยิน

วันต่อมา...

     เมื่อเซทสึแทบไม่ได้นอนเพราะผลจากสารพิษที่ยังคงเหลือในร่างกาย  แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้รับอาหารและน้ำดื่มแล้วส่วนวิธีการกิน...ให้นึกถึงสัตว์เลี้ยงที่บ้านท่าน  แถมรสชาติของอาหารก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก

‘ตึก...ตึก...ตึก’

     เสียงที่ดังขึ้นทำให้สติของเซทสึที่สลึมสลือสะดุ้ง  เมื่อสัมผัสได้ว่ามีคน 3 คนกำลังเดินมา  เซทสึได้แต่คิดตื้นๆว่า ‘วันนี้ก็ต้องเป็นหนูทดลองอีกแล้วเหรอ?’ แต่บุคคลที่ปรากฏขึ้นทำให้เขาถึงกับพงะเพราะคนที่เห็นอยู่ตรงหน้ากรงขังก็คือ...

“โย่  เป็นไงบ้างเซทสึ~”

“!!!!!!!!!!”

“อ้อ  ‘ไอ้นี้นะเหรอ’ ก็อย่างที่แกเห็นมันคือ ‘สิ่งที่แกทำไว้’ ยังไงละ”

“ขอบอกเลยนะว่าการแพทย์ที่นี้จะไม่เท่าก้าวหน้าเหมือนโลกเราแต่ว่ามันกลับดีกว่าอย่างมากเลยละน้า~”

“ใช่แล้วหละ!!!  แค่สัปดาห์เดียวก็กลับมาขับได้ปกติอย่างนี้เลย”

“ฮ...ฮิโรชิ!!! ชิโนซากิ!!! โยชิทากะ!!!”

     ตอนนี้คนที่อยู่หน้ากรงขังก็คือพวกฮิโรชินั้นเอง  แต่สิ่งที่หน้าแปลกใจมากที่สุดก็คือ...มือและขาที่เซทสึเคยตัดไปตอนนี้อยู่ในสภาพเดิมอย่างน่าเหลือเชื่อ!!!

     ถ้าพิจารณาจากคำพูดของพวกมันก็จะรู้ว่าการแพทย์ของที่นี้ก็ไม่ใช่เล่นๆเหมือนกันเพราะสามารถต่ออวัยวะที่ขาดไปแล้วได้!!!  ช่างไม่ธรรมดาสมกับที่เป็นต่างโลกจริงๆ

     พวกมันเดินเข้ามาในห้องขังและสีหน้ากับดวงตากลับมีแต่ความ ‘เคียดแค้น’ …

“อ๊ากกกกกกก!!!...”

“5555555  รอบนี้มันไม่เหมือนรอบที่แล้วหรอกนะ!!!”

“เฮ้ๆ  อย่าใจร้ายกับผู้มีพระคุณแบบนั้นสิ~ เราควรให้ ‘ของขวัญ’ กับมันสิ”

“?!...นั้นมัน!!!”

“โอ้!!  เหมือนว่าจะรู้จักดีนะเนี่ย~ ก็แน่นอนสิเพราะว่า พวกกูเป็นคนไปขอมาเพื่อมึงโดยเฉพาะนี่น้า~ 55555555”

     กลับมาที่ปัจจุบันหลังจากที่พวกมันซ้อมเซทสึโดยที่ไม่ยั้งมือเพราะรอบนี้พวกมันไม่ลืมที่จะใช้อาวุธที่อาชีพของพวกมันถนัดมาซ้อมเซทสึ

     ซึ่งแน่นอนว่าอาวุธของพวกมันก็เป็น ‘อาร์ติแฟ๊ค’ ด้วยเหมือนกันความจริงแล้วเหล่าผู้กอบกู้ทุกคนจะได้รับอาร์ติแฟ๊คที่เก็บไว้ที่ห้องเก็บสมบัติของอาณาจักร  และแน่นอนว่าเซทสึไม่ได้รับอะไรนอกจากดาบฝึกกากๆที่เขานำมันมาแสดงศักยภาพอย่างยอดเยี่ยม

     เรื่องนั้นช่างมันไปก่อนเพราะว่าในขณะที่เซทสึกำลังโดนซ้อมอยู่นั้นโยชิทากะก็หยิบ ‘ขวดยาที่บรรจุของเหลวสีม่วงอมเขียวออกมา 

     เซทสึจำสิ่งนั้นได้ทันที่เพราะว่ามันเป็นยาที่นักวิจัยคนหนึ่งใช้กับเขาแล้วมันมีฤทธิ์แรงที่สุด!!!

     ในตอนนั้นเซทสึไม่เหลือแรงต้อต้านแล้วเลยโดนจับกลอกปากอย่างง่ายดาย  และเมื่อมันไหลลงคอไปสิ่งที่เกิดขึ้นคือ...

     ภาพในอดีตทั้งหมดไหลเข้ามาในสมองอย่างรวดเร็วหรือเรียกง่ายคือปรากฏการที่ ‘คนใกล้ตาย’ จะพบเจอกัน  สรุปคือยาพิษตัวนี้นั้นมีฤทธิ์ขนาดแค่นำเข้าร่างกายสติก็สามารถไปเข้าเฝ้ายมบาลได้เลย!!!

     เมื่อได้สติกลับมาหัวจะมีอาการปวดที่รุนแรงขนาดที่ว่าจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ  กล้ามเนื้อจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงและจะสัมผัสได้ว่าเลือดที่ไหลอยู่ในร่างกายจะทั้ง ‘ร้อนจัด’ และ ‘เย็นจัด’ ไหลวูบวาบไปทั่วร่างกายและจะอาเจียนออกมาเรื่อยๆ

     แถม ณ ปัจจุบันก็ยังไม่มียาแก้พิษที่หายขาดละนี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เซทสึไม่ได้นอน  และตอนนี้ยาที่อันตรายที่สุดกลับไปอยู่ในมือของพวกมันซะได้ 

     พวกมันไม่รอช้างัดปากของเซทสึแล้วนำยากรอกปากทันที่  เซทสึพยายามที่จะไม่กลืนมันลงไปและจะบ้วนมันทิ้งทันที่!!!  พวกมันรู้ว่าเซทสึจะทำอะไรโยชิทากะที่มีอาชีพเหมาะสมอย่าง ‘จอมเวทย์’ ได้ทำการร่ายเวทย์อย่างรวดเร็ว

“จงเป็นกำแพงปกป้องข้า ‘กำแพงลม’ ”

“อื้อ!!! หื้อออ!!!หื้อออออ!!!”

     ด้วยความที่ว่าโยชิทากะมีธาตุเหมาะสมอย่างธาตุลมอยู่ทำให้มันร่ายเวทย์ออกมาอย่างรวดเร็ว ‘กำแพงลม’ ได้ปิดไปที่ปากของเซทสึอย่างพอดีแถมยังทำให้มันโค้งเพื่อให้มันเข้ากับรูปหน้าของเซทสึ  ช่างใช้ความสามารถในทางที่ผิดจริงๆ

     เซทสึได้แต่โอดครวดออกมาเขาดิ้นไปมาและพยายามที่จะทำให้ ‘กำแพงลม’ หลุดออก  แต่สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้เพราะของพิษทำให้สติเขาหลุดลอยและในจังหวะเพียงเสียววินาทีก่อนที่เขาจะได้สติเขาก็เผลอกลืนมันลงไป

     เซทสึตัวกระตุกก่อนที่จะชักเกร็งอย่างรุนแรงในวินาทีต่อมา

“อึก!!!...อ๊อกกก...แค่กๆๆ”

“อ้าวๆไม่เก่งเหมือนวันนั้นแล้วเหรอ!!!”

“!!!...”

“มึงทำอะไรพวกกูไว้เดี๋ยวได้รู้แน่”

“อ้าวๆอย่าเพิ่งหมดสติไปสิ~ ‘ค่ำคืนนี้ยีงอีกยาวไกล’ ”

     คงไม่ต้องบรรยายหลังจากนั้นหรอกนะเพราะว่าเสียงที่ดังสะท้อนออกมาคือเสียงของคนที่กำลังร้องโอดโอยและเสียงของคนที่กำลังสนุกกับการทำอย่างนั้นพร้อมกับเสียงที่ฟังแล้วชวนสยอง                     

หลายวันต่อมา

“อ๊ากกกกกกกกกก!!!”

‘กึก...กึก...’

“อึก!!! อ๊ากกกก!!!”

     ในตอนนี้ที่ห้องใต้ดินมีเสียงที่แตกต่างจากหลายวันก่อนอย่างสิ้นเชิง  ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าของเสียงก็คือเซทสึนั้นเองในตอนนี้เขาเจ็บปวดอย่างมากเพราะเขากำลังโดน ‘ดึงเล็บอยู่!!!’

     ถ้าถามถึงเหตุการณ์ในปัจจุบันก็คงต้องขอย้อนกลับไปเล็กน้อย  หลังจากที่เซทสึโดนพวกฮิโรชิระบายความแค้นอย่างหนักโดยที่พวกมันสลับกันพักทำให้การแก้แค้นของพวกมันกินเวลานานมาก

     หลังจากนั้นก็มีพวกทหารและอัศวินเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย  จนทำให้สภาพเซทสึย่ำแย่อย่างมากที่แย่กว่านั้นอีกคือมีพวกนักวิจัยมาต่อคิวเพิ่มอีก!!!

     ถึงในสายตาของพวกนักวิจัยจะมองว่าเซทสึเป็นแค่ ‘หนูทดลอง’ มันก็จริงเพราะยังไงพวกมันก็ยังมองเซทสึว่าเป็นแค่ ‘หนูทดลองที่มีค่ากับการทดลองอยู่ดี’ พวกมันเลยไปบอกกับทางอิชทาร์ให้ทำอะไรสักอย่าง

     ถึงแม้ตอนแรกอิชทาร์จะปฏิเสธเสียงแข็งแต่พอฟังเหตุผลจากพวกนักวิจัยก็เลยทำให้อิชทาร์ต้องทำอย่างขัดใจ  แต่สุดท้ายเขาก็ยอมมาแต่โดยดีเพราะทางนักวิจัยได้บอกว่า “เมื่อฮีลเลอร์ได้ทำการฮีลผู้ที่บาดเจ็บจะยิ่งเพิ่มความชำนาญและความสามารถนะท่าน?”

     เมื่ออิชทาร์ได้ยินดังนั้นเขาเลยไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธเพราะมีได้มากกว่าเสียแถมทฤษฎีนี้ก็ได้รับการยืนยันมาแล้ว  มันเลยไม่ใช่ทฤษฎีที่นักวิจัยกุขึ้นมาแถมยังไม่มีเหตุที่พวกมันต้องโกหกอีกด้วยเมื่อมาลองคิดดูดีๆ

     เมื่ออิชทาร์มาถึงพร้อมกับสาวกโดยเขาให้เหตุผลในการรักษาเซทสึกับเซทสึว่ามันคือการชำละล้างบาป  มันก็น่าแปลกใจที่สาวกของมันเชื่อโดยไม่มีแม้แต่จะตั้งคำถามกับการกระทำของผู้นำ!!!

     แต่ดูเหมือนว่าสภาพของเซทสึจะเหลือจากที่อิชทาร์คาดการณ์ไว้เลยทำให้ทุกคนที่เห็นสภาพของเซทสึได้ส่งเสียง “อู้ย!” ออกมาพร้อมกัน

     หลังจากรักษาไปได้สักพักอิชทาร์ก็ได้นำแผ่นสเตตัสของเซทสึออกมาดูเพื่อดูว่า ‘พลังชีวิต’ ใกล้เต็มรึยัง  แต่เขาถึงกับตกตะลึงเมื่อได้เห็นค่าสเตตัสของเซทสึ!!!

     เพราะว่ามันพุ่งขึ้นสูงกว่าครั้งที่แล้วแบบกระโดดแล้วกระโดดอีก!!!  หลังจากรักษาเสร็จอิชทาร์ก็ได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับทีมวิจัยทันที่

     หลังจากวันนั้นเขาก็โดนโน่นโดนนี้จนได้ขอสรุปว่า…

     เมื่อร่างกายได้รับความเสียหายและได้รับการฟื้นฟูจะทำให้ค่าสเตตัสพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว  ถ้าให้พูดง่ายๆก็ทฤษฎีคล้ายๆกับกล้ามเนื้อของเรา หลังจากยกของหนักๆแล้วเมื่อกล้ามเนื้อฟื้นฟูกลับมาจะทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นแข็งแรงขึ้น

     แต่พวกนักวิจัยก็ยังไม่สามารถให้เหตุผลที่ค่า ‘พลังโจมตี’, ‘ความคล่องแคล้ว’, ‘พลังเวทย์’ เพิ่มขึ้นได้นอกจากเลเวลที่เพิ่มขึ้นทำให้ทุกค่าสเตตัสเพิ่มขึ้นด้วย  แต่นั้นก็เป็นแค่ทฤษฎีเพราะว่าในปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถอธิบายการทำงานของแผ่นสเตตัสได้

     กลับมาที่ ‘การทรมาณเซทสึ’ ในช่วงแรกก็เป็นแค่การให้ยาพิษและซ้อมแล้วรักษาตามปกติ  แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากพวกฮิโรชิกลับมาอีกครั้งและรอบนี้พวกมัน ‘หักแขนของเซทสึ!!!’ แน่นอนว่าเซทสึส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

     ถึงมันจะเป็นความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสของเซทสึแล้ว  แต่นรกมันเริ่มค่อยโผล่ออกมาเรื่อยๆที่ละนิด  เพราะหลังจากที่พวกฮีลเลอร์รักษาเซทสึเสร็จปรากฏว่าค่าสเตตัสเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!!!(ในตอนนี้แผ่นสเตตัสอย่กับพวกนักวิจัยเพราะว่าต้องใช้ในการวิจัย)

     ทำให้หลังจากนั้นพวกนักวิจัยมีทฤษฏีว่า ‘ยิ่งได้รับความเสียหายมากแล้วได้รับการรักษาจะยิ่งทำให้ค่าสเตตัสเพิ่มขึ้น’ หลังจากนั้นเขาก็โดนหนักขึ้นเรื่อยเพราะนอกจากจะทำให้การวิจัยต่างๆมีผลประโยชน์มากขึ้นแล้ว  พวกฮีลเลอร์ยังได้รับประโยชน์อีกด้วย

     เริ่มต้นจากตอนนี้ยาพิษที่เซทสึโดนในตอนนี้นั้น ‘แรงกว่ายาสีม่วงอมเขียวก่อนหน้า 10 เท่า!!!’ ต่อมาพวกฮิโรชิก็ไปเชิญชวนเพื่อนร่วมชั้นที่เครีดกับการฝึกและพวกที่มี ‘เคียดแค้นต่อเซทสึเหมือนกัน’

     ในช่วงแรกๆยังไม่มีใครมาหรือกล้าทำเท่าไหร่  แต่พอผ่านไปซักพักพวกฮิโรชิไม่รู้ไปทำอีท่าไหนที่สามารถโน้มน้าวพวกเพื่อนร่วมชั้นได้สำเร็จ!!!

     หลังจากนั้นเซทสึก็ได้เข้าใจว่าหน้าตาของนรกเป็นยังไง  ถ้าพวกคุณคิดว่าการถอนเล็บของเซทสึนั้นโหดแล้ว  แต่ขอบอกเลยว่ามันเป็นแค่การเริ่มต้นเพราะ!!!...

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”

“เฮ้อ! ทำไหมการ ‘ตัดแขน’ แม่งถึงยากอย่างนี้วะ?!”

“อึก!...”

“ห๊ะ?! ทำหน้ายังงั้นหมายความว่าไงวะ!!!”

“อ๊อก!...”

      นี้แหละนรกที่แท้จริง!!!  อย่างที่กล่าวไว้ว่าทฤษฏีของพวกนักวิจัยที่ได้ทำการทดลองคือ ‘ยิ่งได้รับความเสียหายมากแล้วได้รับการรักษาจะยิ่งทำให้ค่าสเตตัสเพิ่มขึ้น’ มันคงจะไม่แปลกถ้าการ ‘ทรมาน’ จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น!!!

      ถ้าคุณคิดว่าคนที่กำลังทรมานเซทสึด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่ใช่มนุษย์นั้นเป็นพวกฮิโรชิหรือพวกนักวิจัยคงต้องบอกว่าผิดถนัด!!  เพราะคนที่กำลังทรมานเซทสึคือหนึ่งใน ‘เพื่อนร่วมชั้น’

      แถมนี้ยังไม่ใช่ครั้งแรกที่เซทสึโดน ‘เพื่อนร่วมชั้นตัดอวัยวะ’ ถ้าจะให้อธิบายจำนวน แม้แต่พวกนักวิจัยยังจำไม่ได้เลย  ช่วงแรกที่เซทสึเริ่มโดน ‘ตัด’ คนที่เริ่มก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพวกฮิโรชิ  พวกมันไม่มีลังเลเลยสักนิดตอนที่พวกมันทำ!!  แม้ว่าเซทสึนั้นจะแถบไม่มีแรงเหลืออยู่แล้วแต่การที่เขาตะโกนความเจ็บปวดออกมาก็สามารถอธิบายได้ถึงความเจ็บปวดถึงแม้ว่าตอนนั้นจะเป็นแค่การถอนเล็บที่เทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดในปัจจุบัน

      ก็ไม่ใช่ว่าเริ่มมาพวกมันจะลัดขั้นตอนอย่างที่หลายคนคิดแต่ว่าการทำอย่างนี้นั้นก็ไม่ควรทำอย่างยิ่งเพราะเซทสึก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งถึงเขาจะไม่ใช่มนุษย์แต่การทำอยู่ดี!!!

      หลังจากนั้นก็เริ่มมีเพื่อนร่วมชั้นเริ่มทำตามจนตอนนี้แม้แต่เสียงของเขาเองก็เริ่มอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่ากระซิบอาจจะดังกว่า  เหตุผลก็มีอยู่หลายข้อด้วยกันเริ่มจากการที่เขาสูญเสียเลือดไปในปริมาณมากทำให้ตอนนี้ร่างกายนั้นเข้าขั้นวิกฤต!!!  ต่อมาก็คือพวกที่มาทรมานเขาส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่มีความเคียดสะสมอยู่ทำให้เวลาส่งเสียงร้องออกมาจะยิ่งทำให้พวกมันมีอารมณ์สูงขึ้นเท่านั้นสังเกตได้จากเหตุการณ์ในปัจจุบัน  ต่อมาก็คือความจริงแล้วเขาได้รับสิ่งที่เรียกว่า ‘ยาเสพติด’ เข้าไปทำให้ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่กำลังหลอนยา

      ถ้าถามว่าทำไมพวกนักวิจัยถึงให้ ‘ยาเสพติด’ กับเซทสึก็คงต้องบอกว่าเพราะพวกที่มาทรมานเซทสึบางกลุ่มรู้สึก ‘รำคาญ’ กับเสียงร้องของเซทสึ  พวกมันเลยฉุกคิดได้ว่า ‘ยังไม่ได้ทำการทดลองนั้นเลยนี่น่า’ นั้นก็คือการวิจัย ‘ยาเสพติด’ เพราะว่ายาเสพติดบางชนิดนั้นก็มีประโยชน์กับทางการแพทย์ถ้าให้อธิบายง่ายๆก็คล้ายๆมอร์ฟีนของโลกเรานั้นเอง

      ถึงจะเป็นความคิดที่ดูเหมือนจะดูดีแต่สุดท้ายมันก็มีผลประโยชน์ต่อนักวิจัยอยู่ดี  ในตอนแรกเซทสึก็ได้รับสิ่งที่คล้ายๆมอร์ฟีนแต่ปัจจุบันมันไม่ใช่เพื่อลดความจบปวดแต่เพื่อทรมานเซทสึทางอื่นเพิ่มต่างหาก

      แน่นอนว่าชื่อก็บอกแล้วว่ามันคือ ‘ยาเสพติด’ มันก็ต้องทำให้เซทสึติดยาแน่นอน!!  แต่นั้นคือถ้าเขารับไปแบบปกติน่ะนะเพราะตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่ไปเยี่ยมยมบาลทุกๆ 10 วินาทีทำให้เขาไม่เกิดอาการขาดยานั้นจึงไม่ใช่เพราะเขาเข้มแข็งหรือเก่งแต่อย่างใด

      แต่ก็อาจต้องรู้สึกขอบคุณอยู่บ้างเพราะในบางครั้งที่เขาโดนตัดอวัยวะเขาจะรู้สึกเหมือนโดนยาชาเท่านั้น

      กลับมาที่การตัดอวัยวะของเซทสึก่อนเพราะว่าหลายคนอาจคิดว่า ‘ทำมเซทสึถึงยังไม่ตายเพราะเสียเลือดไปมาก?’ ส่วนคำตอบคือมาจากความสามารถของฮีลเลอร์ที่สามารถต่ออวัยวะได้อย่างไม่น่าเชื่อแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆเพราะอย่างที่รู้มันคือ ‘บาดแผลฉกรรจ์’ ทำให้การรักษาด้วยเวทย์ขั้นต้นและขั้นกลางจะไม่ได้ผล  และนั้นก็คือเหตุผลของอิชทาร์ถ้าคิดจากหลายๆทฤษฏีแล้วการที่รักษาผู้บาดเจ็บสาหัสก็จะช่วยเพิ่มทั้งประสบการณ์และความสามารถอีกด้วยตามที่เคยได้กล่าวไว้

      ทั้งนี้มันไม่ใช่ว่ามันมีแค่การวิจัยกับการล้างแค้นเท่านั้นเพราะยังมี ‘การระบายอารมณ์’ ในอีกความหมายอยู่ด้วยนั้นคือปกติจากก่อนหน้านี้ที่อาหารของเซทสึนั้นไม่ต่างจากอาหารสุนัขแต่ปัจจุบันต้องใช้คำว่า ‘หมาไม่แดก’ คงจะตรงที่สุดเพราะอาหารในตอนนี้นอกจากกลิ่นที่เหม็นเน่าก็ยังมีพวกหนอนแมลงวันอยู่ทั่วชามใส่อาหารแถมน้ำดื่มในตอนนี้คงต้องบอกว่ามันคือน้ำโคลนชัดๆ!!!

      เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่ได้มองว่าเซทสึคือมนุษย์แล้วแน่นอนว่าเซทสึนั้นไม่ต้องการที่จะเอาเข้าปากแน่นอน  แต่พวกมันทุกคนกลับเห็นเป็นเรื่องสนุกใช่สารพัดวิธีเพื่อที่จะเอาของเสียลงกระเพาะของเซทสึ  แน่นอนว่าเขาต้องอวกออกมาแน่นอนแต่มันกลับยิ่งแย่ลงเพราะพวกมันนำสิ่งนั้นที่ตกพื้นมายัดใส่ปากเขาอีกครั้ง!!!

      แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือพวกมันเริ่มใส่สิ่งที่พิเศษลงไปอีก!!! ขอไม่กล่าวถึงแล้วกัน  แน่นอนว่าแม้พวกมันจะแอบทำแต่มันก็ไม่สามารถปกปิดได้ทั้งหมดทำให้เซทสึนั้นต้องจมอยู่กับนรกที่จะตายก็ตายไม่ได้!!!

      พอมาถึงตรงนี้น่าจะมีหลายๆคนสงสัยเกี่ยวกับตัวของเซทสึที่ยอมให้โดนกระทำเพียงฝ่ายเดียวเพราะตัวของเซทสึนั้นมีสกิลอย่างเบอร์เซิร์กอยู่การที่จะจัดการทุกคนคงไม่ใช่เรื่องยากส่วนคำตอบที่ทำไมถึงไม่ใช้สกิลเบอร์เซิร์กก็คือ ‘ไม่สามารถใช้ได้!!!’

      แน่นอนว่ามันมีสาเหตุอยู่  ข้อแรกคืออารมณ์ของตัวเซทสึเองไม่ใช่ว่าที่เขาโดนมาสารพัดอย่างจะไม่ทำให้เขาไม่รู้สึกอะไรแต่กลับกันเขานั้นมีอารมณ์ด้านลบในปริมาณที่สูงมากอยู่หลายครั้งแต่พอจะถึงจุดสูงสุดสติของเขากลับต้องดับลงเพราะฤทธิ์ของยาพิษ  อีกอย่างก็คือเวทย์มนฮีลนั้นนอกจากจะรักษาบาดแผลอแล้วยังสามารถทำให้จิตใจที่สดใสขึ้นทำให้อารมณ์ของเขาลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน  แต่ถึงจะไม่มีมันก็ไม่เกี่ยวเพราะตอนนี้ตัวเขาแค่คุมสติก็ยากแล้ว

      อีกอันหนึ่งคือ ‘ไม่รู้วิธีการเปิดใช้งานสกิล!!!’ เพราะตอนที่เขาใช้สกิลนี้ครั้งแรกมันทำงานโดยที่เขาโกรธทะลุหลอดทำให้สกิลทำงานเองอัตโนมัติแถมสภาพในปัจจุบันทำให้จิตใจของเขาแทบจะไม่เหลืออยู่แล้วอีกด้วย

หลายวันต่อมา...

“%+!@#$^฿*}{”

“…”

      ตอนนี้ยูคิ เซทสึได้จากไปแล้ว มันอาจจะฟังดูแปลกแต่ก็ไม่มีสิ่งใดจะอธิบายสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ดีกว่านี่แล้วสติของเขาได้หายไปอย่างสมบูรณ์ตอนนี้แม้จะโดนซ้อมหรือด่าทอก็ไม่รู้สึกอะไรและยังไม่เข้าใจสิ่งที่พูดเหมือนกับมีเสียงแปลกๆคอยไหลเวียนไปมาในสมองอยู่ตลอดเวลา  ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ก็ไม่มีการตอบสนองอีกต่อไปถ้าให้ขยายความก็คือ ‘ไม่รับรู้สิ่งที่มองเห็นอยู่’ ‘ไม่สามารถจับใจความเสียงได้’ ‘ไม่สามารถรับรู้กลิ่นได้’ ‘ไม่สามารถรับรสได้’ และ ‘ไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวด’ สภาพของเขาจึงไม่ต่างจากคนตาย

      ในตอนนี้มีอัศวิน 2 คนได้เดินเข้ามาในห้องขังของเซทสึ  พวกเขารู้สึกช็อกกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก่อนจะกัดฟันและน้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบๆแต่เสียงนั้นกลับบ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง  พวกเขา 2 คนได้เดินเข้าไปใกล้เซทสึแล้วได้กระซิบข้างหูว่า “ขอโทษ” แต่เสียงนั้นไม่อาจส่งไปถึงเซทสึได้  พวกเขาถอดโซ่ที่ล่ามเซทสึออกก่อนจะเริ่มใส่ชุดเกราะขนาดใหญ่ให้กับเขา  แล้วพวกเขาก็เดินจากไปพร้อมกับเสียงปิดประตูกรงขัง

แกร๊ง...

*

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา