ถูกอัญเชิญไปต่างโลกด้วยความสามารถสุดเทพ
-
เขียนโดย CNS26
วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.50 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
6,816 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 20 มกราคม พ.ศ. 2562 11.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) 'ยูคิ เซทสึ'
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ วันศุกร์คือวันที่ใครหลายๆคนรักมากที่สุดในสัปดาห์เพราะมันเปรียบเสมือน ‘วันศักสิทธ์’ ของ ‘ใครหลายๆคน’ เลย แต่ก็อย่างที่ได้กล่าวไว้ ‘ใครหลายๆคน’ มันก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะชื่นชอบมัน และหลังฐานก็คือ
“เฮ้ออออ...วันนี้อีกแล้วสินะ”
เด็กหนุ่มวัย 17 ปีชั้นม.5กำลังบ่นสิ่งที่เขาคิดกับเพื่อนสนิทของเขา ‘ริว’ เมื่อได้ยินดังนั้นเขาเลยมองหน้า ‘เซทสึ’ สีหน้าบ่งบอกได้ถึงความทุกข์เหมือน ‘วันโลกาวิวัศ’ แล้วช่างคนละความหมายกับ ‘วันศักสิทธ์’ จริงๆ
“สวนกระแส?”
“ไม่ใช่โว้ย!”
ริวได้ถามคำถามกับเซทสึ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการปฏิเสธเสียงแข็งทำให้ริวทำหน้างงยิ่งกว่าเดิมเสียอีกแล้วจึงเริ่มถามต่อ
“ถ้าไม่ทำไมถึงทำหน้างั้นวะ? วันนี้มัน ‘วันศักสิทธิ์’ นะเพื่อน?”
“นั้นแหละ ที่ไม่อยาก”
“ทำไมวะ...”
“นึกออกแล้วสินะ”
“ชิบหายแล้ว!!!แล้วทำไมนายถึงยังใจเย็นอยู่ละ?!”
“กูขอยอมรับชะตากรรมวะ”
“หึ้ย!นึกออกแล้วลาหยุดน่าจะทันอยู่นะ... ‘กริ๊ง’ ”
“…..”
“NOOOOOOOOOOO!!! ไอ้ออดเวร”
ช่วงแรกริวนั้นยังคงดีใจใน ‘วันศักสิทธิ์’ อยู่และพอได้ยินคำพูดของเซทสึแล้วหน้าของเขาก็ซีดขึ้นมาในทันที แถมตอนนั้นยังเสนอให้หนีอีกด้วยสาเหตุคือ
“เอาละ ทุกคนนั่งที่ได้แล้วโฮมรูมเริ่มแล้วนะ”
“ไม่ทันแล้ววะเซทสึ”
“ทำใจสะเพื่อน”
คนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือ ‘อาจารย์คิมูระ’ ที่เป็นทั้งอาจารย์ที่ปรึกษาและอาจารย์สอนวิชาคณิตศาสตร์ เธอเป็นอาจารย์ที่เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อปีที่แล้ว
ส่วนสูงอยู่ที่ 170 ซม. ไว้ทรงผมโพนี่เทลล์มาพร้อมกับดวงตาที่เหมือนเหยี่ยวและหน้าอก
คัพ D ทำให้โดยร่วมแล้วออกมาเป็นอาจารย์สุดเท่ที่อยู่ฝ่ายปกครอง
เธอนั้นโดดเด่นตั้งแต่วันที่เธอมาทำงานที่โรงเรียนนี้ครั้งแรกแต่เราจะยังไม่ขอกล่าวถึงมัน
เพราะมันไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เซทสึกับริวกังวลแม้ว่าอาจารย์คิมูระจะอยู่ฝ่ายปกครองก็ตามสาเหตุมาจากการสอนที่ขึ้นชื่อของเธอ
“เอาละ มาส่งการบ้านที่ครูสั่งตั่งแต่อาทิตย์ที่แล้วที่หน้าห้อง”
“!!!!!”
ใช่แล้วอาจารย์คิมูระมีสไตร์การสอนที่นักเรียนเกือบทั้งโลกเกลียดก็คือการสั่งงานที่เยอะสุดๆ ตามความคิดของคนภายนอกแล้วการที่ทำการบ้านไม่เสร็จภายในระยะ1สัปดาห์แล้วก็คงคิดว่าขาดความรับผิดชอบ แต่เมื่อมาลองนั่งเรียนพร้อมกับโดนสั่งงานทุกๆสัปดาห์ด้วยปริมาณที่เห็นแล้วแถบจะเป็นลมเพราะนอกจากจะสั่งมากมายแล้วยังมีแต่โจทย์ยากๆทั้งนั้นเลยด้วย(ในความคิดของนักเรียนทุกคนที่เรียนกับอาจารย์คิมูระแล้วมักจะเกิดคำถามว่า “นี้มันใช่โจทย์ของม.ปลายเหรอ?”) แล้วถ้าไม่ส่งการบ้านก็จะโดนทำโทษในแบบของอาจารย์ฝ่ายปกครองด้วย
มันเลยทำให้ทุกคนได้ที่ทำตัวไม่ถูกเวลาบอกให้ส่งการบ้านเลยได้แต่เงียบๆและ ‘เตรียมกายเตรียมใจ’ ให้พร้อม
“เฮ้อ” ถึงจะเป็นเพียงแค่การถอนหายใจของอาจารย์คิมูระแต่มันกลับมีพลังที่ทำให้คน ‘เกือบทั้งห้อง’ สะดุ้งเลยที่เดียว ตอนนี้ภายในใจของทุกคนคือ “ใครมันจะไปทำทันเล้าครับ/ค่ะ!!!” ก็เป็นเรื่องปกติมันคงจะมีแต่ยอดมนุษย์เท่านั้นแหละที่สามารถเคลียงานของอาจารย์คิมูระพร้อมกับอาจารย์ท่านอื่นๆ(แต่เมื่อเทียบกับอาจารย์คิมูระแล้วมันก็ไม่ต่างกับหินข้างทางเลย) แล้วมันก็ดันมียอดมนุษย์อยู่จริงแถมยังอยู่ในห้องนี้อีกด้วยนั้นคือ
“อาจารย์ครับขออนุญาติส่งงาน”
“ขออนุญาติส่งงานค่ะ”
“ขออนุญาติส่งงานด้วยค่ะ”
‘ยอดมนุษย์’ ที่หมายถึงก็คือสามคนนี้มีชื่อว่า ‘ทาคากิ ไดซึเกะ’,‘อารารากิ ยูกะ’ และ ‘อาคิยามะ ชิโอริ’ งั้นเรามาเริ่มแนะนำทั้งสามคนจากความคิดเห็นของเซทสึ
คนแรกคือ ‘ทาคากิ ไดซึเกะ’ ถ้าให้พูดคงจะเป็น ‘มหาเทพลงมาจุติ’ เพราะว่าตัวของไดซึเกะนั้นสูงถึง 180 ซม. หน้าตาที่ดูหล่อเหลาและรับรู้ได้ถึงความอบอุ่น(ความคิดเห็นของผู้หญิง)กับร่างกายที่แค่มองดูก็รู้แข็งแกร่ง ส่วนการเรียนของเขาก็อยู่อันดับ ‘1’ ของชั้นมาโดยตลอด ทางด้านกีฬาก็ไม่ได้ด่อยไปกว่าการเรียนเลยเพราะเขาเป็นถึงตัวแทนเคนโด้ระดับประเทศเลยที่เดียว มันเลยทำให้เขาดังและป๊อปมากเลยทั้งในและนอกโรงเรียนถึงขนาดว่ามีนักเรียนหญิงโรงเรียนอื่นมารอหน้าโรงเรียนและสารภาพรักเลย มันเลยทำให้นักเรียนชายคิดว่า “นี้มันพระเอกในนิยายหรือการ์ตูนหรือไงฟระ”
คนต่อมาคือ ‘อารารากิ ยูกะ’ เธอมีส่วนสูง 175 ซม. มีดวงตาที่คมกริบกับใบหน้าที่เรียวสวยงาม ผมสีดำที่ยาวมาถึงแผ่นหลังแล้วเวลาเรียนหรือกีฬาเธอก็จะมัดผมเป็นทรงโพนี่เทลล์สัดส่วนของเธอนั้นอยู่ในระดับที่แค่มองด้วยตาเปล่าก็สามารถดูออกว่าเธอเป็นคนที่สุดยอดขนาดไหนแต่ไม่มีใครรู้สัดส่วนเลยไม่สามารถเปิดเผยได้ ถ้าพูดถึงโดยร่วมแล้วเธอมีอะไร ‘หลายๆอย่าง’ คล้ายอาจารย์คิมูระถึงขนาดมีคนพูดว่า “พี่น้องต่างสายเลือด?” แล้วก็จะโดนทั้งอาจารย์คิมูระและยูกะมองด้วยสายตาที่เย็นชาใส่ ส่วนตัวของยูกะนั้นก็มีผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้ไดซึเกะทำให้บางครั้งเธอก็เป็นที่1พร้อมกับไดซึเกะแต่ส่วนใหญ่เธอจะได้ที่2สะมากกว่า ส่วนด้านกีฬานั้นที่บ้านของเธอเปิดสำนักสอนเคนโด้ ‘อารารากิ’ ตั้งแต่สมัยรุ่นทวดมีจุดเด่นตรงที่พริ้วไหวดั่งสายน้ำแต่กลับล้ำลึกเหมือนก้นมหาสมุทร แล้วยังเป็นเพื่อนสมัยเด็กของไดซึเกะจากการที่เขามาเรียนเคนโด้ที่สำนักของเธอตั่งแต่สมัยเด็กอีกด้วย ด้านเคนโด้เธอก็ได้รับรางวัลชนะเลิศยูโดระดับประเทศมาแล้ว แต่พ่อของเธอก็ไม่ได้สืบทอดเจ้าสำนักเพราะเขามาทำธุรกิจส่วนตัวในชื่อ ‘อารารากิ จำกัด’ แต่เราจะเอามาพูดกันในอนาคต มันเลยทำให้เธอนั้นดังและมีคนชอบทั้งในและนอกโรงเรียนเหมือนกับไดซึเกะ และถ้าไดซึเกะคือเทพส่วนเธอคงจะเป็นซามูไรนั้นเอง(จากลักษณะภายนอกของเธอ)
ส่วน ‘อาคิยามะ ชิโอริ’ ถ้า ‘เพื่อนสมัยเด็ก’ ทั้ง 2 ของเธอคือเทพ และ ซามูไร เธอก็จะเป็น ‘เทพธิดา’ ตัวเธอนั้นมีส่วนสูงอยู่ที่ 170 ซม. ทำให้เธอตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม ดวงตาอ่อนช้อยแสดงถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนกับใบหน้าที่เรียวสวยเข้ากับดวงตา เธอปล่อยผมยาวสีดำยาวลงมาถึงเอว ด้านการเรียนและกีฬาเธอนั้นด้อยกว่าทั้งไดซึเกะและยูกะ เพราะอย่างนั้นเธอเลยได้ที่รองจากยูกะเสมอแต่เธอก็ไม่เคยใส่ใจเพราะเธอนั้น “ทำสุดความสามารถแล้ว” คือสิ่งที่เธอบอกตอนมีคนมาถามความรู้สึกของเธอ ด้านกีฬาเธอนั้นแตกต่างจากทั้ง 2 คน เพราะเธออยู่แค่ในระดับปกติเท่านั้นส่วนเรื่องราวในการพบเจอกันก็จะเว้นไว้ก่อน เพราะจุดเด่นจริงๆของเธอก็คือความใจดีและความเอาใจใส่ผู้อื่นเพราะว่าเธอจะยิ้มแย้มทุกครั้งที่มีคนมาคุยด้วยแถมเวลามีคนเอางานมาให้เธอทำเธอก็ไม่บ่นสักคนพร้อมกับทำด้วยความเต็มใจและก็จะพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกนะถ้าฉันช่วยได้ฉันก็อยากที่จะทำมันนะ” ช่างเป็นเทพธิดาอะไรอย่างนี้! เธอให้ความรู้สึกที่ ‘แตกต่าง’ จากทั้ง 2 คนโดยสิ้นเชิง ด้วยลักษณะโดยร่วมแล้วทำให้เธอก็เป็นที่ต้องการจากนักเรียนชายในโรงเรียนในโรงเรียนอย่างมากล้นด้วยเช่นกัน
“สุดยอดเลยน้า~ 3 คนนั้นนะ”
“ใช่แล้วโดยเฉพาะยูกะซังกับชิโอริจังนี่สุดยอดเลยละ”
“หยาบคายย่ะ!ไดซึเกะคุงต่างหากละที่สุดยอด”
นี้คือบทสนทนาที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ทั้ง 3 คนออกมาส่งงานกับอาจารย์คิมูระทางฝั่งนักเรียนชายก็จะคอยชม (ออกไปทางจีบแต่ทั้ง 2 คนไม่สนใจ)ยูกะและชิโอริ ส่วนฝั่งนักเรียนหญิงก็จะคัดค้านแล้วพูดถึงไดซึเกะ มันเป็นเรื่องที่ปกติจนอาจารย์คิมูระมักจะทำหน้าไม่สนใจแต่ในที่นี้ก็ไม่ได้มีแต่อาจารย์คิมูระเพราะยังมีอีก 2 คนที่เป็นเหมือนกันและแน่นอนว่านั้นคือ
“เฮ้อ~นี้จะพูดประโยค ‘เดิม’ จนจบการศึกษาเลยรึไงกัน?”
“กูขอเป็นคนหนึ่งที่ภาวนาว่าอย่าเลยได้โปรด”
ช่างแตกต่าง!!!ทั้งๆที่ทั้งโรงเรียนนั้นต้องคิดอย่างอย่างเดียวกันแต่กลับมี ‘3 คน’ เท่านั้นที่แตกต่าง จนอยากจะพูดว่าสปีชีย์เดียวกัน?เลยที่เดียว หรือว่านี้จะเป็น ‘นักสวนกระแสระดับชาติ!’ แต่เรื่องนั้นมันไม่จำเป็นเลยไม่ขอกล่าวละกัน ถ้าพูดถึงเหตุผลของอาจารย์คิมูระก็คงจะเป็นเพราะเธอค่อนข้างเคร่งคลัดก็เลยไม่สนใจบทสนทนาอัน ‘น่าเบื่อ’ นี้(อาจารย์นั้นห้ามแล้วห้ามอีกจนขี้เกียจแล้วนั้นแหละ) ส่วนทางเซทสึกับริวก่อนอื่นก็คงต้องบอกว่าพวกเขานั้นเป็น ‘ผู้ชายแท้’ แน่นอน 100%!!! แต่สิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นคือความรู้สึก ‘ชอบ’ ยูกะและชิโอริถึงแม้พวกเขาจะมองว่ายูกะนั้นเท่และสง่างามส่วนชิโอรินั้นทั้งสวยและใจดีแต่พวกเขาก็ไม่มีความรู้สึก ‘พิเศษ’ ต่อทั้ง 2 คนอยู่ดีสาเหตุก็มาจากที่พวกเขานั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์กับทั้งห้อง ‘โดยเฉพาะ’ กลุ่มของ ‘3 คนที่เป็นที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ’ เลยเพราะพวกเขานั้นชอบความสงบเลยไม่ค่อยพูดคุยกับคนอื่นเท่าไหร่แม้แต่คนที่นั่งใกล้ๆยังมีบทสนทนาอันน้อยนิดเท่านั้น ทำให้สถานะของพวกเขากับคนในห้องคือ ‘เพื่อนร่วมชั้น’ เท่านั้น
แต่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะเซทสึได้รู้ถึงความ ‘ผิดปกติ’ ของอาจารย์คิมูระเพราะโดยปกติแล้วเธอจะเริ่มบอกให้คนที่ไม่ส่งการบ้านออกมาทำโทษแต่ตอนนี้กลับทำท่าครุ่นคิดอะไรสักอย่างอยู่ เมื่อเพื่อนร่วมชั้นสักเหตุก็เริ่มเหงื่อแตกและคิดว่า “อย่าบอกนะว่าจะทำโทษโหดกว่าปกติ!!!” แต่สิ่งที่พวกเขาคิดก็ถูกปัดทิ้งไปแล้วแทนที่ด้วยควมสบายใจ เพราะดูเหมือนว่าอาจารย์คิมูระจะเขาใจคำว่า ‘วันศักสิทธิ์’ แล้ว!!!
“เฮ้อ~เอาละหลังจากที่อาจารย์ดูปฏิกิริยาของพวกเธอร่วมถึงห้องที่ครูได้สอนทำให้คิดได้ว่าอาจารย์อาจจะเห็นแก่ตัวไปหน่อย หลังจากนี้ครูจะสั่งการบ้าน ‘น้อยลง’ และให้โจทย์ที่ ‘ง่ายขึ้น’ ละกัน ขอโทษนะเป็นเพราะอาจารย์เพิ่งเขามาสอนปีแรกขอสัญญาว่าจะพัฒนาให้สามารถสอนได้มีประสิทธิภาพกว่านี้”
“!!!”
“หือ?”
“เย้~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!!!!!!!!!!!!”
“ ‘วันศักสิทธิ์’ จงเจริญโว้ยยยยยยยยยย!!!!!!”
“น้ำตาจะไหลขอแชร์นะค่ะ”
“ขอขอบคุณเทพเจ้าทุกองค์บนโลกใบนี้”
“เห้ยๆ!!! มึงดูดิกูขนลุกไปทั้งตัวเลยวะ”
“เหมือนกันเลยวะหรือว่านี้จะเป็นความฝัน!!! ถ้าเป็นงั้นขออย่าตื่นอีกเลยนะขอร้องละ”
ถึงอาจารย์คิมูระจะเขาใจถึงความรู้สึกดีใจ แต่เธอก็กระตุกแก้มทุกครั้งที่นักเรียนบรรยายความรู้สึกอออกมา แล้วเธอก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆและรอให้ทุกอย่างสงบลงก่อนค่อยเริ่มการสอน
ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที นักเรียนทุกคนก็กลับสู่ความสงบ ส่วนสีหน้าในตอนนี้นั้นกำลัง ‘ยิ้ม’ อยู่!!! ซึ่งมันไม่เข้ากับวิชาคณิตศาสตร์เลยสักนิด ทางด้านของเซทสึกับริวนั้นก็กำลังยิ้มอยู่แต่ไม่เท่าเพื่อนร่วมร่วมชั้น ถ้าให้พูดก็คงแค่ ‘ยิ้มมุมปาก’ ไม่ใช่ ‘ยิ้มแบบมองเห็นความสงบสุขของโลกหลังจบสงคราม’ นับว่าเป็นการเรียนที่มี ‘ความสุข’ ที่สุดตั้งแต่เรียนมา
ถึงแม้อาจารย์คิมูระจะกำลังสอนแล้วพยายามไม่สนใจ แต่ก็มีอาการ ‘กระตุกทุกครั้งที่หันมามอง’ แต่ก็ทำได้เพียงพูดในใจว่า ‘อย่าสนใจๆ’ ต่อไป
ความจริงแล้วหลังจากนั่งเรียนกันก็มีการกระซิบกระซาบถึง ‘การเปลี่ยนแปลง’ ของอาจารย์บางคนก็พูดว่า “หรือว่าอาจารย์แกป่วยวะ?” หรือกระทั่ง “แกอาจเจอคนที่ใช่แล้วหรือเปล่า?” แต่ไม่ว่าจะเป็นอันไหน(โดยเฉพาะอันหลัง)ถือว่าเป็นคำที่รุนแรงอย่างมากเลยโดนอาจารย์แกจ้องมาด้วยสายตาว่า “อยากนอนโล่งเย็นไหม?” แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหยุด ‘รอยยิ้ม’ ของทุกคนได้
‘อะไรนะ?’
ในระหว่างที่เซทสึกำลังตั้งใจเรียนที่สุดตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย มานั้นเขาก็สังเกตเห็นวงกลมสีขาวอันเล็กอยู่กลางห้องเมื่อสังเกตดีๆจะพบกับภาษาที่แปลกปละหลาด ในขณะที่เขากำลังมองมันอยู่นั้นสิ่งนั้นก็เริ่มขยายออกและเริ่มมีรูปเรขาคณิตปรากฎณ์ขึ้นมาพร้อมกับตัวหนังสือที่แค่มองดูก็รู้ว่าละเอียดขนาดไหน
“อะไรวะนั้น?!”
“เห้ย! มันกำลังขยายใหญ่ขึ้น!”
ทุกคนเริ่มสังเกตเห็น ‘สิ่งนั้น’ ขยายไปทั่วห้อง ด้วยความตกใจทำให้นักเรียนหลายคนเริ่มอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจและเริ่มแตกตื่นลุกขึ้นจากที่นั่ง
ในวินาทีที่อาจารย์คิมูระสังเกตุเห็นก็แสดงสีหน้าออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มสั่งให้นักเรียนรีบออกจากห้อง แต่มันสายเกินไปแล้วสิ่งนั้นกลับขยายตัวอย่างรวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่าและส่องแสงสว่างขนาดที่ว่าถ้าไม่หลับตาอาจทำให้ตาบอดได้สิ่งที่เหลือหลังจากนั้นคือห้องที่ไม่เหลือคนอยู่เลยสักคน
หลังจากสิ่งนั้นหรือก็คือ ‘วงเวทย์’ ก็หยุดปล่อยแสงมันค่อยๆหดเล็กลงและกลับไปเท่ากับวงกลมในตอนแรกและค่อยๆสลายไปอย่างช้าๆ
*
“เฮ้ออออ...วันนี้อีกแล้วสินะ”
เด็กหนุ่มวัย 17 ปีชั้นม.5กำลังบ่นสิ่งที่เขาคิดกับเพื่อนสนิทของเขา ‘ริว’ เมื่อได้ยินดังนั้นเขาเลยมองหน้า ‘เซทสึ’ สีหน้าบ่งบอกได้ถึงความทุกข์เหมือน ‘วันโลกาวิวัศ’ แล้วช่างคนละความหมายกับ ‘วันศักสิทธ์’ จริงๆ
“สวนกระแส?”
“ไม่ใช่โว้ย!”
ริวได้ถามคำถามกับเซทสึ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการปฏิเสธเสียงแข็งทำให้ริวทำหน้างงยิ่งกว่าเดิมเสียอีกแล้วจึงเริ่มถามต่อ
“ถ้าไม่ทำไมถึงทำหน้างั้นวะ? วันนี้มัน ‘วันศักสิทธิ์’ นะเพื่อน?”
“นั้นแหละ ที่ไม่อยาก”
“ทำไมวะ...”
“นึกออกแล้วสินะ”
“ชิบหายแล้ว!!!แล้วทำไมนายถึงยังใจเย็นอยู่ละ?!”
“กูขอยอมรับชะตากรรมวะ”
“หึ้ย!นึกออกแล้วลาหยุดน่าจะทันอยู่นะ... ‘กริ๊ง’ ”
“…..”
“NOOOOOOOOOOO!!! ไอ้ออดเวร”
ช่วงแรกริวนั้นยังคงดีใจใน ‘วันศักสิทธิ์’ อยู่และพอได้ยินคำพูดของเซทสึแล้วหน้าของเขาก็ซีดขึ้นมาในทันที แถมตอนนั้นยังเสนอให้หนีอีกด้วยสาเหตุคือ
“เอาละ ทุกคนนั่งที่ได้แล้วโฮมรูมเริ่มแล้วนะ”
“ไม่ทันแล้ววะเซทสึ”
“ทำใจสะเพื่อน”
คนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือ ‘อาจารย์คิมูระ’ ที่เป็นทั้งอาจารย์ที่ปรึกษาและอาจารย์สอนวิชาคณิตศาสตร์ เธอเป็นอาจารย์ที่เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อปีที่แล้ว
ส่วนสูงอยู่ที่ 170 ซม. ไว้ทรงผมโพนี่เทลล์มาพร้อมกับดวงตาที่เหมือนเหยี่ยวและหน้าอก
คัพ D ทำให้โดยร่วมแล้วออกมาเป็นอาจารย์สุดเท่ที่อยู่ฝ่ายปกครอง
เธอนั้นโดดเด่นตั้งแต่วันที่เธอมาทำงานที่โรงเรียนนี้ครั้งแรกแต่เราจะยังไม่ขอกล่าวถึงมัน
เพราะมันไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เซทสึกับริวกังวลแม้ว่าอาจารย์คิมูระจะอยู่ฝ่ายปกครองก็ตามสาเหตุมาจากการสอนที่ขึ้นชื่อของเธอ
“เอาละ มาส่งการบ้านที่ครูสั่งตั่งแต่อาทิตย์ที่แล้วที่หน้าห้อง”
“!!!!!”
ใช่แล้วอาจารย์คิมูระมีสไตร์การสอนที่นักเรียนเกือบทั้งโลกเกลียดก็คือการสั่งงานที่เยอะสุดๆ ตามความคิดของคนภายนอกแล้วการที่ทำการบ้านไม่เสร็จภายในระยะ1สัปดาห์แล้วก็คงคิดว่าขาดความรับผิดชอบ แต่เมื่อมาลองนั่งเรียนพร้อมกับโดนสั่งงานทุกๆสัปดาห์ด้วยปริมาณที่เห็นแล้วแถบจะเป็นลมเพราะนอกจากจะสั่งมากมายแล้วยังมีแต่โจทย์ยากๆทั้งนั้นเลยด้วย(ในความคิดของนักเรียนทุกคนที่เรียนกับอาจารย์คิมูระแล้วมักจะเกิดคำถามว่า “นี้มันใช่โจทย์ของม.ปลายเหรอ?”) แล้วถ้าไม่ส่งการบ้านก็จะโดนทำโทษในแบบของอาจารย์ฝ่ายปกครองด้วย
มันเลยทำให้ทุกคนได้ที่ทำตัวไม่ถูกเวลาบอกให้ส่งการบ้านเลยได้แต่เงียบๆและ ‘เตรียมกายเตรียมใจ’ ให้พร้อม
“เฮ้อ” ถึงจะเป็นเพียงแค่การถอนหายใจของอาจารย์คิมูระแต่มันกลับมีพลังที่ทำให้คน ‘เกือบทั้งห้อง’ สะดุ้งเลยที่เดียว ตอนนี้ภายในใจของทุกคนคือ “ใครมันจะไปทำทันเล้าครับ/ค่ะ!!!” ก็เป็นเรื่องปกติมันคงจะมีแต่ยอดมนุษย์เท่านั้นแหละที่สามารถเคลียงานของอาจารย์คิมูระพร้อมกับอาจารย์ท่านอื่นๆ(แต่เมื่อเทียบกับอาจารย์คิมูระแล้วมันก็ไม่ต่างกับหินข้างทางเลย) แล้วมันก็ดันมียอดมนุษย์อยู่จริงแถมยังอยู่ในห้องนี้อีกด้วยนั้นคือ
“อาจารย์ครับขออนุญาติส่งงาน”
“ขออนุญาติส่งงานค่ะ”
“ขออนุญาติส่งงานด้วยค่ะ”
‘ยอดมนุษย์’ ที่หมายถึงก็คือสามคนนี้มีชื่อว่า ‘ทาคากิ ไดซึเกะ’,‘อารารากิ ยูกะ’ และ ‘อาคิยามะ ชิโอริ’ งั้นเรามาเริ่มแนะนำทั้งสามคนจากความคิดเห็นของเซทสึ
คนแรกคือ ‘ทาคากิ ไดซึเกะ’ ถ้าให้พูดคงจะเป็น ‘มหาเทพลงมาจุติ’ เพราะว่าตัวของไดซึเกะนั้นสูงถึง 180 ซม. หน้าตาที่ดูหล่อเหลาและรับรู้ได้ถึงความอบอุ่น(ความคิดเห็นของผู้หญิง)กับร่างกายที่แค่มองดูก็รู้แข็งแกร่ง ส่วนการเรียนของเขาก็อยู่อันดับ ‘1’ ของชั้นมาโดยตลอด ทางด้านกีฬาก็ไม่ได้ด่อยไปกว่าการเรียนเลยเพราะเขาเป็นถึงตัวแทนเคนโด้ระดับประเทศเลยที่เดียว มันเลยทำให้เขาดังและป๊อปมากเลยทั้งในและนอกโรงเรียนถึงขนาดว่ามีนักเรียนหญิงโรงเรียนอื่นมารอหน้าโรงเรียนและสารภาพรักเลย มันเลยทำให้นักเรียนชายคิดว่า “นี้มันพระเอกในนิยายหรือการ์ตูนหรือไงฟระ”
คนต่อมาคือ ‘อารารากิ ยูกะ’ เธอมีส่วนสูง 175 ซม. มีดวงตาที่คมกริบกับใบหน้าที่เรียวสวยงาม ผมสีดำที่ยาวมาถึงแผ่นหลังแล้วเวลาเรียนหรือกีฬาเธอก็จะมัดผมเป็นทรงโพนี่เทลล์สัดส่วนของเธอนั้นอยู่ในระดับที่แค่มองด้วยตาเปล่าก็สามารถดูออกว่าเธอเป็นคนที่สุดยอดขนาดไหนแต่ไม่มีใครรู้สัดส่วนเลยไม่สามารถเปิดเผยได้ ถ้าพูดถึงโดยร่วมแล้วเธอมีอะไร ‘หลายๆอย่าง’ คล้ายอาจารย์คิมูระถึงขนาดมีคนพูดว่า “พี่น้องต่างสายเลือด?” แล้วก็จะโดนทั้งอาจารย์คิมูระและยูกะมองด้วยสายตาที่เย็นชาใส่ ส่วนตัวของยูกะนั้นก็มีผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้ไดซึเกะทำให้บางครั้งเธอก็เป็นที่1พร้อมกับไดซึเกะแต่ส่วนใหญ่เธอจะได้ที่2สะมากกว่า ส่วนด้านกีฬานั้นที่บ้านของเธอเปิดสำนักสอนเคนโด้ ‘อารารากิ’ ตั้งแต่สมัยรุ่นทวดมีจุดเด่นตรงที่พริ้วไหวดั่งสายน้ำแต่กลับล้ำลึกเหมือนก้นมหาสมุทร แล้วยังเป็นเพื่อนสมัยเด็กของไดซึเกะจากการที่เขามาเรียนเคนโด้ที่สำนักของเธอตั่งแต่สมัยเด็กอีกด้วย ด้านเคนโด้เธอก็ได้รับรางวัลชนะเลิศยูโดระดับประเทศมาแล้ว แต่พ่อของเธอก็ไม่ได้สืบทอดเจ้าสำนักเพราะเขามาทำธุรกิจส่วนตัวในชื่อ ‘อารารากิ จำกัด’ แต่เราจะเอามาพูดกันในอนาคต มันเลยทำให้เธอนั้นดังและมีคนชอบทั้งในและนอกโรงเรียนเหมือนกับไดซึเกะ และถ้าไดซึเกะคือเทพส่วนเธอคงจะเป็นซามูไรนั้นเอง(จากลักษณะภายนอกของเธอ)
ส่วน ‘อาคิยามะ ชิโอริ’ ถ้า ‘เพื่อนสมัยเด็ก’ ทั้ง 2 ของเธอคือเทพ และ ซามูไร เธอก็จะเป็น ‘เทพธิดา’ ตัวเธอนั้นมีส่วนสูงอยู่ที่ 170 ซม. ทำให้เธอตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม ดวงตาอ่อนช้อยแสดงถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนกับใบหน้าที่เรียวสวยเข้ากับดวงตา เธอปล่อยผมยาวสีดำยาวลงมาถึงเอว ด้านการเรียนและกีฬาเธอนั้นด้อยกว่าทั้งไดซึเกะและยูกะ เพราะอย่างนั้นเธอเลยได้ที่รองจากยูกะเสมอแต่เธอก็ไม่เคยใส่ใจเพราะเธอนั้น “ทำสุดความสามารถแล้ว” คือสิ่งที่เธอบอกตอนมีคนมาถามความรู้สึกของเธอ ด้านกีฬาเธอนั้นแตกต่างจากทั้ง 2 คน เพราะเธออยู่แค่ในระดับปกติเท่านั้นส่วนเรื่องราวในการพบเจอกันก็จะเว้นไว้ก่อน เพราะจุดเด่นจริงๆของเธอก็คือความใจดีและความเอาใจใส่ผู้อื่นเพราะว่าเธอจะยิ้มแย้มทุกครั้งที่มีคนมาคุยด้วยแถมเวลามีคนเอางานมาให้เธอทำเธอก็ไม่บ่นสักคนพร้อมกับทำด้วยความเต็มใจและก็จะพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกนะถ้าฉันช่วยได้ฉันก็อยากที่จะทำมันนะ” ช่างเป็นเทพธิดาอะไรอย่างนี้! เธอให้ความรู้สึกที่ ‘แตกต่าง’ จากทั้ง 2 คนโดยสิ้นเชิง ด้วยลักษณะโดยร่วมแล้วทำให้เธอก็เป็นที่ต้องการจากนักเรียนชายในโรงเรียนในโรงเรียนอย่างมากล้นด้วยเช่นกัน
“สุดยอดเลยน้า~ 3 คนนั้นนะ”
“ใช่แล้วโดยเฉพาะยูกะซังกับชิโอริจังนี่สุดยอดเลยละ”
“หยาบคายย่ะ!ไดซึเกะคุงต่างหากละที่สุดยอด”
นี้คือบทสนทนาที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ทั้ง 3 คนออกมาส่งงานกับอาจารย์คิมูระทางฝั่งนักเรียนชายก็จะคอยชม (ออกไปทางจีบแต่ทั้ง 2 คนไม่สนใจ)ยูกะและชิโอริ ส่วนฝั่งนักเรียนหญิงก็จะคัดค้านแล้วพูดถึงไดซึเกะ มันเป็นเรื่องที่ปกติจนอาจารย์คิมูระมักจะทำหน้าไม่สนใจแต่ในที่นี้ก็ไม่ได้มีแต่อาจารย์คิมูระเพราะยังมีอีก 2 คนที่เป็นเหมือนกันและแน่นอนว่านั้นคือ
“เฮ้อ~นี้จะพูดประโยค ‘เดิม’ จนจบการศึกษาเลยรึไงกัน?”
“กูขอเป็นคนหนึ่งที่ภาวนาว่าอย่าเลยได้โปรด”
ช่างแตกต่าง!!!ทั้งๆที่ทั้งโรงเรียนนั้นต้องคิดอย่างอย่างเดียวกันแต่กลับมี ‘3 คน’ เท่านั้นที่แตกต่าง จนอยากจะพูดว่าสปีชีย์เดียวกัน?เลยที่เดียว หรือว่านี้จะเป็น ‘นักสวนกระแสระดับชาติ!’ แต่เรื่องนั้นมันไม่จำเป็นเลยไม่ขอกล่าวละกัน ถ้าพูดถึงเหตุผลของอาจารย์คิมูระก็คงจะเป็นเพราะเธอค่อนข้างเคร่งคลัดก็เลยไม่สนใจบทสนทนาอัน ‘น่าเบื่อ’ นี้(อาจารย์นั้นห้ามแล้วห้ามอีกจนขี้เกียจแล้วนั้นแหละ) ส่วนทางเซทสึกับริวก่อนอื่นก็คงต้องบอกว่าพวกเขานั้นเป็น ‘ผู้ชายแท้’ แน่นอน 100%!!! แต่สิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นคือความรู้สึก ‘ชอบ’ ยูกะและชิโอริถึงแม้พวกเขาจะมองว่ายูกะนั้นเท่และสง่างามส่วนชิโอรินั้นทั้งสวยและใจดีแต่พวกเขาก็ไม่มีความรู้สึก ‘พิเศษ’ ต่อทั้ง 2 คนอยู่ดีสาเหตุก็มาจากที่พวกเขานั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์กับทั้งห้อง ‘โดยเฉพาะ’ กลุ่มของ ‘3 คนที่เป็นที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ’ เลยเพราะพวกเขานั้นชอบความสงบเลยไม่ค่อยพูดคุยกับคนอื่นเท่าไหร่แม้แต่คนที่นั่งใกล้ๆยังมีบทสนทนาอันน้อยนิดเท่านั้น ทำให้สถานะของพวกเขากับคนในห้องคือ ‘เพื่อนร่วมชั้น’ เท่านั้น
แต่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะเซทสึได้รู้ถึงความ ‘ผิดปกติ’ ของอาจารย์คิมูระเพราะโดยปกติแล้วเธอจะเริ่มบอกให้คนที่ไม่ส่งการบ้านออกมาทำโทษแต่ตอนนี้กลับทำท่าครุ่นคิดอะไรสักอย่างอยู่ เมื่อเพื่อนร่วมชั้นสักเหตุก็เริ่มเหงื่อแตกและคิดว่า “อย่าบอกนะว่าจะทำโทษโหดกว่าปกติ!!!” แต่สิ่งที่พวกเขาคิดก็ถูกปัดทิ้งไปแล้วแทนที่ด้วยควมสบายใจ เพราะดูเหมือนว่าอาจารย์คิมูระจะเขาใจคำว่า ‘วันศักสิทธิ์’ แล้ว!!!
“เฮ้อ~เอาละหลังจากที่อาจารย์ดูปฏิกิริยาของพวกเธอร่วมถึงห้องที่ครูได้สอนทำให้คิดได้ว่าอาจารย์อาจจะเห็นแก่ตัวไปหน่อย หลังจากนี้ครูจะสั่งการบ้าน ‘น้อยลง’ และให้โจทย์ที่ ‘ง่ายขึ้น’ ละกัน ขอโทษนะเป็นเพราะอาจารย์เพิ่งเขามาสอนปีแรกขอสัญญาว่าจะพัฒนาให้สามารถสอนได้มีประสิทธิภาพกว่านี้”
“!!!”
“หือ?”
“เย้~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!!!!!!!!!!!!”
“ ‘วันศักสิทธิ์’ จงเจริญโว้ยยยยยยยยยย!!!!!!”
“น้ำตาจะไหลขอแชร์นะค่ะ”
“ขอขอบคุณเทพเจ้าทุกองค์บนโลกใบนี้”
“เห้ยๆ!!! มึงดูดิกูขนลุกไปทั้งตัวเลยวะ”
“เหมือนกันเลยวะหรือว่านี้จะเป็นความฝัน!!! ถ้าเป็นงั้นขออย่าตื่นอีกเลยนะขอร้องละ”
ถึงอาจารย์คิมูระจะเขาใจถึงความรู้สึกดีใจ แต่เธอก็กระตุกแก้มทุกครั้งที่นักเรียนบรรยายความรู้สึกอออกมา แล้วเธอก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆและรอให้ทุกอย่างสงบลงก่อนค่อยเริ่มการสอน
ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที นักเรียนทุกคนก็กลับสู่ความสงบ ส่วนสีหน้าในตอนนี้นั้นกำลัง ‘ยิ้ม’ อยู่!!! ซึ่งมันไม่เข้ากับวิชาคณิตศาสตร์เลยสักนิด ทางด้านของเซทสึกับริวนั้นก็กำลังยิ้มอยู่แต่ไม่เท่าเพื่อนร่วมร่วมชั้น ถ้าให้พูดก็คงแค่ ‘ยิ้มมุมปาก’ ไม่ใช่ ‘ยิ้มแบบมองเห็นความสงบสุขของโลกหลังจบสงคราม’ นับว่าเป็นการเรียนที่มี ‘ความสุข’ ที่สุดตั้งแต่เรียนมา
ถึงแม้อาจารย์คิมูระจะกำลังสอนแล้วพยายามไม่สนใจ แต่ก็มีอาการ ‘กระตุกทุกครั้งที่หันมามอง’ แต่ก็ทำได้เพียงพูดในใจว่า ‘อย่าสนใจๆ’ ต่อไป
ความจริงแล้วหลังจากนั่งเรียนกันก็มีการกระซิบกระซาบถึง ‘การเปลี่ยนแปลง’ ของอาจารย์บางคนก็พูดว่า “หรือว่าอาจารย์แกป่วยวะ?” หรือกระทั่ง “แกอาจเจอคนที่ใช่แล้วหรือเปล่า?” แต่ไม่ว่าจะเป็นอันไหน(โดยเฉพาะอันหลัง)ถือว่าเป็นคำที่รุนแรงอย่างมากเลยโดนอาจารย์แกจ้องมาด้วยสายตาว่า “อยากนอนโล่งเย็นไหม?” แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหยุด ‘รอยยิ้ม’ ของทุกคนได้
‘อะไรนะ?’
ในระหว่างที่เซทสึกำลังตั้งใจเรียนที่สุดตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย มานั้นเขาก็สังเกตเห็นวงกลมสีขาวอันเล็กอยู่กลางห้องเมื่อสังเกตดีๆจะพบกับภาษาที่แปลกปละหลาด ในขณะที่เขากำลังมองมันอยู่นั้นสิ่งนั้นก็เริ่มขยายออกและเริ่มมีรูปเรขาคณิตปรากฎณ์ขึ้นมาพร้อมกับตัวหนังสือที่แค่มองดูก็รู้ว่าละเอียดขนาดไหน
“อะไรวะนั้น?!”
“เห้ย! มันกำลังขยายใหญ่ขึ้น!”
ทุกคนเริ่มสังเกตเห็น ‘สิ่งนั้น’ ขยายไปทั่วห้อง ด้วยความตกใจทำให้นักเรียนหลายคนเริ่มอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจและเริ่มแตกตื่นลุกขึ้นจากที่นั่ง
ในวินาทีที่อาจารย์คิมูระสังเกตุเห็นก็แสดงสีหน้าออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มสั่งให้นักเรียนรีบออกจากห้อง แต่มันสายเกินไปแล้วสิ่งนั้นกลับขยายตัวอย่างรวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่าและส่องแสงสว่างขนาดที่ว่าถ้าไม่หลับตาอาจทำให้ตาบอดได้สิ่งที่เหลือหลังจากนั้นคือห้องที่ไม่เหลือคนอยู่เลยสักคน
หลังจากสิ่งนั้นหรือก็คือ ‘วงเวทย์’ ก็หยุดปล่อยแสงมันค่อยๆหดเล็กลงและกลับไปเท่ากับวงกลมในตอนแรกและค่อยๆสลายไปอย่างช้าๆ
*
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ