The Last Love รักครั้งสุดท้าย
-
เขียนโดย ศรุตา
วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 22.08 น.
9 ตอน
0 วิจารณ์
10.60K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 มกราคม พ.ศ. 2562 22.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) บทที่ 5 ความจริง (1/2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 5
ความจริง
เจ้าของห้องนอนขนาดเล็กกว่ากำลังง่วนกับการถอดเสื้อ ทั้งที่เป็นการกระทำง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่สำหรับเอริตอนนี้... ยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา นับจากวันที่บาดแผลปรากฏบนร่างกาย ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่สร้างความเจ็บปวด บางครั้งอยากกระชากแขนให้ขาดเสียให้มันรู้แล้วรู้รอดไป โดยเฉพาะตอนสวมใส่หรือถอดเสื้อ ยิ่งสร้างความรำคาญใจ ปกติแทบยกแขนไม่ขึ้น ยังต้องมาใส่ ๆ ถอด ๆ เสื้อผ้าพวกนี้ ทั้งเสียเวลา ทั้งทรมาน เคราะห์ซ้ำกรรมซัดที่ตอนนี้เป็นฤดูหนาว จำนวนเสื้ออย่างน้อย 3 ชั้น คิดแล้วต้องถอนใจเฮือกใหญ่
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ขณะเหลือเสื้ออีกเพียง 1 ตัว ประตูห้องนอนเปิดออก คนมาใหม่เข้ามาพร้อมอุปกรณ์ทำแผลครบชุด
“มีธุระอะไรคะ?”
เพราะการเข้ามาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง กอปรกับไม่ต้องการให้เห็นบาดแผล น้ำเสียงบ่งบอกความไม่พอใจจึงถูกเปล่งออกมา
"ทำไม ถ้าไม่มีธุระแล้วฉันจะเข้ามาไม่ได้เลยหรือไง ที่นี่มันบ้านฉัน จะไปตรงไหน เมื่อไหร่ ยังไงก็ได้"
เอริไม่อยากต่อปากต่อคำ ต้องการเพียงให้เมย์ออกจากห้อง ไม่อยากถูกจับได้ว่ากำลังปวดแผลเหลือคณานับ จึงได้แต่ก้มหน้า หลบสายตาช่างสังเกต คมประดุจเหยี่ยว
"ฉันมาทำแผลให้"
สะดุ้งสุดตัว หัวใจตกไปถึงตาตุ่ม สงสัยว่าเมย์รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร และรู้มากน้อยแค่ไหน แต่ไม่อยากเสียเวลาคิดหาสาเหตุ สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้คือ... ทำอย่างไรก็ได้ให้เมย์ออกไปจากห้องให้เร็วที่สุด
"บาดแผลอะไร? เอามาจากไหนกัน? ไอไม่เห็นรู้เรื่องด้วยเลย" ยังคงปากแข็ง แถเสียจนสีข้างถลอกเลือดไหลซิบ ๆ
"เอริ ก็รู้กันอยู่ว่าเธอเป็นคนที่โกหกได้แย่เอามาก ๆ นี่ยังกล้าปดฉันอีกเหรอ! " ท้ายเสียงตวัดขึ้นเพื่อให้คู่สนทนารับรู้ถึงความไม่พอใจ
ถึงแม้ว่าความดีใจที่มีต่อการกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งจะมากเพียงใด แต่ความโกรธที่ถูกปิดบังจากเรื่องต่าง ๆ รวมถึงความแคลงใจในความสัมพันธ์ของคนรักกับคู่ปรับทำให้พลั้งปาก เอ่ยคำพูดที่ทำร้ายทั้งตัวเองและเด็กสาว พลอยทำให้สถานการณ์ยํ่าแย่
"ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมเรย์น่าถึงได้ปล่อยให้เธอต้องทนปวดกับแผลขนาดนี้ เห็นชอบพอกันจะตาย งานนั่นก็ไปทำมาด้วยกัน ตอนเกิดเรื่องก็ยังอยู่ด้วยกัน แทนที่จะแสดงความรับผิดชอบ กลับต้องมาเป็นฉันที่ต้องรับหน้าที่นี้แทน โชคร้ายชะมัด! "
"ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ! ฉันไม่เคยขอร้อง อ้อนวอนคุณให้ช่วยอยู่แล้ว ชีวิตนี้เป็นของฉัน จะเป็นยังไง มันก็เรื่องของฉัน ไม่ต้องมายุ่ง! " ความน้อยเนื้อต่ำใจเป็นแรงผลักดันให้เอริระบายออกมาผ่านคำพูด
เปรียบเสมือนคมกรีดลึกใจเมย์ เป็นครั้งแรกที่เอริแสดงกิริยา แววตา และพูดจาด้วยถ้อยคำรุนแรง ยังไม่ทันได้ต่อความยาวสาวความยืด คนที่ยืนหันหลังให้ จู่ ๆ ทรุดลงไปกองกับพื้น มือทั้งสองกุมอยู่ที่จมูก
"เอริ! ขอฉันดูหน่อย" พูดพร้อมพาเรือนร่างสูงโปร่งลงคุกเข่า เพื่อดูอาการ
เมย์ค่อย ๆ ประคองร่างบางให้ยืดตัวขึ้นอย่างเบามือ ภาพตรงหน้าสร้างความตกใจสุดขีด เลือดสด ๆ กำลังทยอยกันรินไหลออกจากจมูกของผู้เป็นดวงใจ ไม่ต่างอะไรกับน้ำตาจากนัยน์ตาสีฟ้าครามตอนนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเอริคือผลกระทบจากการยับยั้งการทดลองเกี่ยวกับเนรอนเทคโนโลยีครั้งแรกของเจ้าตัว เป็นอาการป่วยซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
อุบัติเหตุครั้งนั้นเกิดจากความอยากรู้อยากเห็น ความสะเพร่าของเพื่อนร่วมชั้นเรียน และนั่นทำให้เอริตระหนักถึงความสามารถพิเศษของเธอ
อารามตกใจที่เจ้าสิ่งประดิษฐ์จวนเจียนระเบิด เกรงว่าคนในห้องแล็บอาจได้รับอันตราย จึงตัดสินใจหยุดการทดลองบ้า ๆ นั่นด้วยตนเอง ประสบความสำเร็จด้วยดี แต่ผลตอบแทนที่ได้รับกลับไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
เพราะแรงระเบิดและประสบการณ์มีเพียงน้อยจนเรียกได้ว่าแทบไม่มี ทำให้ศีรษะ แขนขวา ตามตัว แตก หัก ถลอก เลือดออก แขนซ้ายทั้งแขนเกิดแผลคล้ายไฟไหม้ จมูกมีเลือดทยอยกันไหลออกมาไม่หยุด เอริถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที เพื่อให้หมอที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้และมือดีที่สุดเป็นคนทำการรักษาให้
ทันทีที่ถึงมือเมย์ สภาพของเอริทำให้แทบล้มทั้งยืน ความรู้สึกตอนนั้นไม่ได้ต่างจากตอนนี้เท่าไหร่ การเห็นลูกศิษย์ในปกครองอยู่ในภาวะเป็นตายเท่ากัน ทำให้ตระหนักว่าเธอตกหลุมรักเด็กสาวเข้าเต็มเปา รู้ซึ้งว่าคน ๆ นี้มีค่ามากเพียงใด เมย์สัญญากับตัวเอง ‘ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ จะปกป้อง ดูแลเอริด้วยชีวิต’
อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เอริต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลนานเกือบ 2 เดือน แม้ว่าบาดแผลและร่างกายจะได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติ แต่ได้รับของแถมเป็นอาการป่วยอย่างหนึ่งติดตัวไปตลอดชีวิต ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ต้องพกยาชนิดหนึ่งไว้กับตัวตลอดเวลา เผื่ออาการกำเริบจะได้ทำการรักษาเบื้องต้นได้ทันท่วงที
อาการป่วยที่ว่าคือสิ่งที่เอริกำลังประสบอยู่ ณ ขณะนี้... ความเจ็บปวดถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นตลอดเวลา จนกว่าเลือดที่ทยอยตัวกันออกจากจมูกจะหยุดไหล หากทวีความรุนแรงขึ้น เธอต้องผจญกับภาวะหายใจไม่ได้ คล้ายอาการของคนเป็นโรคหืดหอบ ทั้งหมดทั้งมวลนี้มีเพียงเมย์เท่านั้นที่เข้าใจและสามารถยับยั้งเอาไว้ก่อนลมหายใจสุดท้ายของเด็กสาวจะมาเยือน
หลายคนเข้าใจว่าสิ่งนี้คือเหตุผลที่ทำให้คนโลกส่วนตัวสูงอย่างเมย์ยอมให้เอริย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน
“เอริ! ในกระเป๋ากางเกงไม่มียา เธอเอาไปไว้ไหนหมด เอริ! ตอบฉันหน่อย เอริ!”
ยาที่ใช้สำหรับห้ามเลือดสั่งผลิตขึ้นมาโดยเฉพาะ หาซื้อไม่ได้ตามโรงพยาบาลหรือร้านขายยา เมย์พยายามเขย่าตัวคนในอ้อมกอด เพราะต้องการคำตอบว่ายาอยู่ที่ไหน แต่อีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเฉย ปล่อยเลือดและน้ำตาไหลแข่งกันอยู่อย่างนั้น
เมื่อนึกได้ว่าเอริมักเก็บยาที่ไม่ได้พกติดตัวไว้ในลิ้นชักข้างหัวเตียง จึงค่อย ๆ วางคนในอ้อมกอดลงกับพื้นอย่างเบามือ รีบวิ่งไปเปิดลิ้นชัก ภาพปรากฏตรงหน้าทำให้ใจต้องเจ็บแปลบ เพราะเอริไม่ได้เอายาไปแม้เพียงชิ้นเดียวในตอนที่หนีไปเมืองแลมเบิร์ท
ได้ยาที่ต้องการแล้ว เมย์นั่งลงกับพื้นข้างตัวเอริ ประคองเด็กสาวขึ้นมา เอาแผ่นหลังอันบอบบางพิงกับตัวเธอ มือซ้ายโอบกอดผู้เป็นดวงใจ ขณะมือขวานำยาห้ามเลือด ลักษณะคล้ายพลาสเตอร์ปิดแผลกดไว้ที่จมูก ความเย็นและความพิเศษของตัวยาทำให้เลือดไหลช้าลงเรื่อย ๆ ยังไม่ทันห้ามได้ คนในอ้อมกอดเริ่มหายใจติดขัด ไม่เป็นจังหวะ ถ้ายังไม่สามารถทำให้จังหวะการหายใจกลับมาเป็นปกติได้ เธอต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปแน่นอน
“เอริ... ที่รัก... เธอจับจังหวะการหายใจของฉันได้ไหม... ได้ยินฉันหรือเปล่า...”
ความเงียบคือคำตอบและสัญญาณกระตุ้นให้เมย์รู้ทันความคิดของคนในอ้อมกอด การไม่อยากมีชีวิตอยู่ ต้องการจบทุกอย่างลงพร้อมกับลมหายใจสุดท้าย เป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้ และไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้น ใจของเธอจะขาดอยู่รอน ๆ
เมย์กระชับอ้อมกอด ซบหน้าลงกับบ่าของเอริ ร้องไห้อย่างไม่อายสายตาใคร "เอริ... ได้โปรด... ฉันขอร้อง... อย่าทำแบบนี้เลยนะ ใจฉันจะขาดอยู่แล้ว ได้โปรด... จับจังหวะการหายใจของฉัน แล้วหายใจตามเถอะนะ ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ ฉันขาดเธอไม่ได้นะเอริ"
น้ำตา คำขอร้องปนเสียงสะอื้น ส่งผลให้เอริกลับมาหายใจตามจังหวะของเมย์ จนกลับมาหายใจได้ตามปกติ เลือดหยุดไหล พร้อมกับหมดสติไป
เมย์บรรจงเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของเอริอย่างทะนุถนอม อ้อมกอดยังคงมีให้อย่างต่อเนื่องจนเอริรู้สึกตัว ลืมตาตื่น
"เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า"
เอริส่ายหน้าช้า ๆ แทนคำตอบ
"อย่าทำแบบนี้อีกนะคนดี... ฉันขอร้อง"
ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ยถ้อยคำด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เปี่ยมด้วยความห่วงใย ก่อนมอบจุมพิตแผ่วเบาบนพวงแก้มขาวอมชมพู
"ค่อย ๆ ลุกนะเอริ เดี๋ยวฉันช่วยพยุงไปนั่งบนเตียง แล้วจะทำแผลกับเช็ดตัวให้"
ผ้าพันแผลที่พันตั้งแต่หลังมือเรื่อยไปจนถึงบ่า ปรากฏแก่สายตาสีฟ้าครามหลังเสื้อเชิ้ตสีครีมถูกเปลื้องออกจากร่างบาง เมื่อผ้าพันแผลค่อย ๆ หลุดออกจนหมด ภาพตรงหน้าทำให้เมย์ต้องเสียน้ำตาอีกครั้ง
บาดแผลของเอริมีอาการอักเสบมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ รู้ดีว่าเด็กสาวคงทรมานจากความเจ็บปวด หากอยากบอกเหลือเกินว่าตัวเธอเองนั้นไม่ได้เจ็บน้อยไปกว่ากันเลย
"เอริ แผลของเธอมันอักเสบมาก ฉันคงต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่กับการรักษา ซึ่งคงเจ็บพอสมควร ยังไงอดทนหน่อยนะ"
ใครเลยจะรู้ว่าเด็กสาวรูปร่างแบบบาง หน้าตาน่าทะนุถนอมจะมีความอดทนและใจเด็ดยิ่งนัก เอริไม่เคยร้องครวญคราง แสดงความเจ็บปวดออกมาให้ใครเห็น ไม่ว่าจะเป็นการทำแผลตอนนี้หรือตอนประสบอุบัติเหตุคราก่อน อย่างมากมีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมาเมื่อมันเกินความอดทนเท่านั้น
เมย์ประคองเอริให้นอนลงบนเตียง หลังจากทำแผล เช็ดตัว และเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ จุมพิตเบา ๆ บริเวณหน้าผากพร้อมประโยคที่ฟังแล้วอบอุ่นไม่แพ้ผ้าห่มที่ถูกเลื่อนขึ้นปกคลุมร่างกาย
“หลับนะคนดี เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ราตรีสวัสดิ์... ที่รัก”
คนมาทำแผลออกจากห้องไปแล้ว เหลือเพียงเจ้าของห้องที่นอนน้ำตานองหน้า ด้วยไม่รู้ว่าควรจัดการกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อคนที่เพิ่งเดินออกไปอย่างไร ควรคืนดี? หรือควรโกรธต่อ?
เมย์กลับเข้าห้องนอนของตัวเอง ถอดเสื้อผ้า พาเรือนร่างสวยงามหายเข้าห้องน้ำ เปิดฝักบัว ปล่อยสายน้ำรินรดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่างงามทรุดลงกองกับพื้น นั่งร้องไห้ราวกับต้องการให้น้ำตาประชันขันแข่งกับน้ำจากฝักบัว
เมย์กลับเข้าห้องนอนของเอริอีกครั้ง พยายามให้เงียบที่สุด เพราะไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของอีกฝ่าย ประตูห้องนอนถูกปิดอย่างเบามือ ฝีเท้าที่ก้าวสู่เตียงเป็นไปอย่างเงียบเชียบ ร่างงามซุกกายภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับคนที่กำลังนอนหันหลังให้ มือซ้ายค่อย ๆ โอบกอดเอวฝ่ายนั้น แม้จะเบามือเพียงใด ฝ่ายที่ถูกกอดก็รู้สึกตัวอยู่ดี
“ฉันทำให้เธอตื่นเหรอ ขอโทษนะ... คืนนี้ขอนอนที่นี่ด้วยคนนะ”
เว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนประโยคถัดไปจะตามมา
“เอริ... ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ให้ฉันเป็นคนดูแลเธอจนกว่าจะหายดีนะ”
เอริไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ปล่อยให้เมย์กอดเธออยู่อย่างนั้นจนทั้งคู่เข้าสู่ห้วงนิทรา
เอริตื่นนอนพร้อมกับสัญลักษณ์การมาเยือนของเช้าวันใหม่ จำได้ว่าเมื่อคืนหลับในอ้อมกอดอบอุ่นของใครบางคน เหลียวมองรอบตัวตอนนี้กลับไม่พบเจ้าของอ้อมกอดเลย เธอใช้สองมือค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นนั่งบนเตียง หางตาจับความเคลื่อนไหวบางอย่างตรงประตูห้องนอนได้ ประตูแง้มออกทีละนิดจนเผยให้เห็นคนที่มอบความอบอุ่นแก่เธอตลอดทั้งคืน
เมย์ก้าวเข้าด้านในพร้อมถาดอาหารในมือ ยิ้มอ่อนโยนถูกส่งให้เจ้าของห้องก่อนประโยคทักทายประโยคแรกของวันจะกล่าวขึ้นทำลายความเงียบ
“ตื่นแล้วเหรอ เอริ”
หลังวางถาดอาหารบนโต๊ะข้างเตียง เมย์นั่งลงข้าง ๆ เอริ มือเรียวไล้เส้นผมที่ปรกหน้าเด็กสาวออก ตามด้วยคำถามเปี่ยมด้วยความห่วงใย
“เป็นยังไงบ้าง ปวดแผลมากไหม กินซุปนี่หน่อย เสร็จแล้วจะได้กินยา กำลังร้อน ๆ เลย เดี๋ยวฉันป้อนให้”
ซุปถูกตักขึ้นจากชาม ผ่านการเป่าเพื่อบรรเทาความร้อนจากริมฝีปากบางสวย ก่อนป้อนให้คนเจ็บ
เอริไม่ปฏิเสธการกระทำเหล่านี้ ปล่อยให้อาจารย์ป้อนซุปให้จนเสร็จ แต่ยังไม่ยอมพูดด้วยแม้เพียงคำเดียว คำขอบคุณที่เจ้าตัวพูดจนติดปากเมื่อมีใครทำอะไรให้ ยังไม่ยอมเอื้อนเอ่ยให้ได้ยินกัน
นับจากวันที่เอริกลับเข้ามาอยู่บ้านของเมย์อีกครั้งจนกระทั่งวันนี้ รวมระยะเวลา 5 วันพอดิบพอดี เป็นห้าวันที่แสนทรมานสำหรับคนที่กำลังเหม่อมองท้องฟ้ายามราตรีผ่านกระจกใสภายในห้องนั่งเล่น เมย์เพิ่งเสร็จจากการทำแผล เช็ดตัว และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เอริ เธอระบายลมหายใจอย่างหนักหน่วงและยาวนานเพราะความกลัดกลุ้ม หลายวันที่ผ่านมาไม่ว่าพูด หรือทำอะไรกับเจ้าของหัวใจเธอ ฝ่ายนั้นไม่มีทีท่ารังเกียจหรือปฏิเสธการกระทำ แต่ไม่ว่าจะพยายามเพียงใด เอริก็ไม่ยอมปริปากพูดกับเธอเหมือนเคย
“เอริ... ฉันต้องทำยังไง เธอถึงยอมยกโทษให้ กลับมาพูดมาคุยกันเหมือนเดิม เธอจะทรมานฉันไปถึงไหนกัน” น้ำตาเริ่มรื้นขึ้นขอบตา
ก่อนความคิดเตลิดไปไกล เสียงข้อความเข้าดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ เมย์เดินไปหยิบขึ้นจากโต๊ะทำงาน เปิดข้อความที่ถูกส่งขึ้นอ่าน
‘พรุ่งนี้ขอพบทุกคนอีกครั้ง ที่ห้องประชุมภายในที่พักของฉัน เวลา 9 โมงตรง ขอย้ำว่าทุกคนต้องมาให้ได้... เอมิเลีย วินเบิร์ก’
“ทุกคนเหรอ? ถ้าอย่างนั้นเอริก็ต้องได้รับข้อความนี้ด้วยสิ”
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Email: saruta.map@gmail.com
Facebook: https://www.facebook.com/saruta.map/
สนใจ E-book เชิญค่ะ http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTM0MTg0OSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6Ijg3NTYxIjt9
ความจริง
เจ้าของห้องนอนขนาดเล็กกว่ากำลังง่วนกับการถอดเสื้อ ทั้งที่เป็นการกระทำง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่สำหรับเอริตอนนี้... ยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา นับจากวันที่บาดแผลปรากฏบนร่างกาย ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่สร้างความเจ็บปวด บางครั้งอยากกระชากแขนให้ขาดเสียให้มันรู้แล้วรู้รอดไป โดยเฉพาะตอนสวมใส่หรือถอดเสื้อ ยิ่งสร้างความรำคาญใจ ปกติแทบยกแขนไม่ขึ้น ยังต้องมาใส่ ๆ ถอด ๆ เสื้อผ้าพวกนี้ ทั้งเสียเวลา ทั้งทรมาน เคราะห์ซ้ำกรรมซัดที่ตอนนี้เป็นฤดูหนาว จำนวนเสื้ออย่างน้อย 3 ชั้น คิดแล้วต้องถอนใจเฮือกใหญ่
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ขณะเหลือเสื้ออีกเพียง 1 ตัว ประตูห้องนอนเปิดออก คนมาใหม่เข้ามาพร้อมอุปกรณ์ทำแผลครบชุด
“มีธุระอะไรคะ?”
เพราะการเข้ามาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง กอปรกับไม่ต้องการให้เห็นบาดแผล น้ำเสียงบ่งบอกความไม่พอใจจึงถูกเปล่งออกมา
"ทำไม ถ้าไม่มีธุระแล้วฉันจะเข้ามาไม่ได้เลยหรือไง ที่นี่มันบ้านฉัน จะไปตรงไหน เมื่อไหร่ ยังไงก็ได้"
เอริไม่อยากต่อปากต่อคำ ต้องการเพียงให้เมย์ออกจากห้อง ไม่อยากถูกจับได้ว่ากำลังปวดแผลเหลือคณานับ จึงได้แต่ก้มหน้า หลบสายตาช่างสังเกต คมประดุจเหยี่ยว
"ฉันมาทำแผลให้"
สะดุ้งสุดตัว หัวใจตกไปถึงตาตุ่ม สงสัยว่าเมย์รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร และรู้มากน้อยแค่ไหน แต่ไม่อยากเสียเวลาคิดหาสาเหตุ สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้คือ... ทำอย่างไรก็ได้ให้เมย์ออกไปจากห้องให้เร็วที่สุด
"บาดแผลอะไร? เอามาจากไหนกัน? ไอไม่เห็นรู้เรื่องด้วยเลย" ยังคงปากแข็ง แถเสียจนสีข้างถลอกเลือดไหลซิบ ๆ
"เอริ ก็รู้กันอยู่ว่าเธอเป็นคนที่โกหกได้แย่เอามาก ๆ นี่ยังกล้าปดฉันอีกเหรอ! " ท้ายเสียงตวัดขึ้นเพื่อให้คู่สนทนารับรู้ถึงความไม่พอใจ
ถึงแม้ว่าความดีใจที่มีต่อการกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งจะมากเพียงใด แต่ความโกรธที่ถูกปิดบังจากเรื่องต่าง ๆ รวมถึงความแคลงใจในความสัมพันธ์ของคนรักกับคู่ปรับทำให้พลั้งปาก เอ่ยคำพูดที่ทำร้ายทั้งตัวเองและเด็กสาว พลอยทำให้สถานการณ์ยํ่าแย่
"ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมเรย์น่าถึงได้ปล่อยให้เธอต้องทนปวดกับแผลขนาดนี้ เห็นชอบพอกันจะตาย งานนั่นก็ไปทำมาด้วยกัน ตอนเกิดเรื่องก็ยังอยู่ด้วยกัน แทนที่จะแสดงความรับผิดชอบ กลับต้องมาเป็นฉันที่ต้องรับหน้าที่นี้แทน โชคร้ายชะมัด! "
"ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ! ฉันไม่เคยขอร้อง อ้อนวอนคุณให้ช่วยอยู่แล้ว ชีวิตนี้เป็นของฉัน จะเป็นยังไง มันก็เรื่องของฉัน ไม่ต้องมายุ่ง! " ความน้อยเนื้อต่ำใจเป็นแรงผลักดันให้เอริระบายออกมาผ่านคำพูด
เปรียบเสมือนคมกรีดลึกใจเมย์ เป็นครั้งแรกที่เอริแสดงกิริยา แววตา และพูดจาด้วยถ้อยคำรุนแรง ยังไม่ทันได้ต่อความยาวสาวความยืด คนที่ยืนหันหลังให้ จู่ ๆ ทรุดลงไปกองกับพื้น มือทั้งสองกุมอยู่ที่จมูก
"เอริ! ขอฉันดูหน่อย" พูดพร้อมพาเรือนร่างสูงโปร่งลงคุกเข่า เพื่อดูอาการ
เมย์ค่อย ๆ ประคองร่างบางให้ยืดตัวขึ้นอย่างเบามือ ภาพตรงหน้าสร้างความตกใจสุดขีด เลือดสด ๆ กำลังทยอยกันรินไหลออกจากจมูกของผู้เป็นดวงใจ ไม่ต่างอะไรกับน้ำตาจากนัยน์ตาสีฟ้าครามตอนนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเอริคือผลกระทบจากการยับยั้งการทดลองเกี่ยวกับเนรอนเทคโนโลยีครั้งแรกของเจ้าตัว เป็นอาการป่วยซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
อุบัติเหตุครั้งนั้นเกิดจากความอยากรู้อยากเห็น ความสะเพร่าของเพื่อนร่วมชั้นเรียน และนั่นทำให้เอริตระหนักถึงความสามารถพิเศษของเธอ
อารามตกใจที่เจ้าสิ่งประดิษฐ์จวนเจียนระเบิด เกรงว่าคนในห้องแล็บอาจได้รับอันตราย จึงตัดสินใจหยุดการทดลองบ้า ๆ นั่นด้วยตนเอง ประสบความสำเร็จด้วยดี แต่ผลตอบแทนที่ได้รับกลับไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
เพราะแรงระเบิดและประสบการณ์มีเพียงน้อยจนเรียกได้ว่าแทบไม่มี ทำให้ศีรษะ แขนขวา ตามตัว แตก หัก ถลอก เลือดออก แขนซ้ายทั้งแขนเกิดแผลคล้ายไฟไหม้ จมูกมีเลือดทยอยกันไหลออกมาไม่หยุด เอริถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที เพื่อให้หมอที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้และมือดีที่สุดเป็นคนทำการรักษาให้
ทันทีที่ถึงมือเมย์ สภาพของเอริทำให้แทบล้มทั้งยืน ความรู้สึกตอนนั้นไม่ได้ต่างจากตอนนี้เท่าไหร่ การเห็นลูกศิษย์ในปกครองอยู่ในภาวะเป็นตายเท่ากัน ทำให้ตระหนักว่าเธอตกหลุมรักเด็กสาวเข้าเต็มเปา รู้ซึ้งว่าคน ๆ นี้มีค่ามากเพียงใด เมย์สัญญากับตัวเอง ‘ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ จะปกป้อง ดูแลเอริด้วยชีวิต’
อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เอริต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลนานเกือบ 2 เดือน แม้ว่าบาดแผลและร่างกายจะได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติ แต่ได้รับของแถมเป็นอาการป่วยอย่างหนึ่งติดตัวไปตลอดชีวิต ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ต้องพกยาชนิดหนึ่งไว้กับตัวตลอดเวลา เผื่ออาการกำเริบจะได้ทำการรักษาเบื้องต้นได้ทันท่วงที
อาการป่วยที่ว่าคือสิ่งที่เอริกำลังประสบอยู่ ณ ขณะนี้... ความเจ็บปวดถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นตลอดเวลา จนกว่าเลือดที่ทยอยตัวกันออกจากจมูกจะหยุดไหล หากทวีความรุนแรงขึ้น เธอต้องผจญกับภาวะหายใจไม่ได้ คล้ายอาการของคนเป็นโรคหืดหอบ ทั้งหมดทั้งมวลนี้มีเพียงเมย์เท่านั้นที่เข้าใจและสามารถยับยั้งเอาไว้ก่อนลมหายใจสุดท้ายของเด็กสาวจะมาเยือน
หลายคนเข้าใจว่าสิ่งนี้คือเหตุผลที่ทำให้คนโลกส่วนตัวสูงอย่างเมย์ยอมให้เอริย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน
“เอริ! ในกระเป๋ากางเกงไม่มียา เธอเอาไปไว้ไหนหมด เอริ! ตอบฉันหน่อย เอริ!”
ยาที่ใช้สำหรับห้ามเลือดสั่งผลิตขึ้นมาโดยเฉพาะ หาซื้อไม่ได้ตามโรงพยาบาลหรือร้านขายยา เมย์พยายามเขย่าตัวคนในอ้อมกอด เพราะต้องการคำตอบว่ายาอยู่ที่ไหน แต่อีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเฉย ปล่อยเลือดและน้ำตาไหลแข่งกันอยู่อย่างนั้น
เมื่อนึกได้ว่าเอริมักเก็บยาที่ไม่ได้พกติดตัวไว้ในลิ้นชักข้างหัวเตียง จึงค่อย ๆ วางคนในอ้อมกอดลงกับพื้นอย่างเบามือ รีบวิ่งไปเปิดลิ้นชัก ภาพปรากฏตรงหน้าทำให้ใจต้องเจ็บแปลบ เพราะเอริไม่ได้เอายาไปแม้เพียงชิ้นเดียวในตอนที่หนีไปเมืองแลมเบิร์ท
ได้ยาที่ต้องการแล้ว เมย์นั่งลงกับพื้นข้างตัวเอริ ประคองเด็กสาวขึ้นมา เอาแผ่นหลังอันบอบบางพิงกับตัวเธอ มือซ้ายโอบกอดผู้เป็นดวงใจ ขณะมือขวานำยาห้ามเลือด ลักษณะคล้ายพลาสเตอร์ปิดแผลกดไว้ที่จมูก ความเย็นและความพิเศษของตัวยาทำให้เลือดไหลช้าลงเรื่อย ๆ ยังไม่ทันห้ามได้ คนในอ้อมกอดเริ่มหายใจติดขัด ไม่เป็นจังหวะ ถ้ายังไม่สามารถทำให้จังหวะการหายใจกลับมาเป็นปกติได้ เธอต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปแน่นอน
“เอริ... ที่รัก... เธอจับจังหวะการหายใจของฉันได้ไหม... ได้ยินฉันหรือเปล่า...”
ความเงียบคือคำตอบและสัญญาณกระตุ้นให้เมย์รู้ทันความคิดของคนในอ้อมกอด การไม่อยากมีชีวิตอยู่ ต้องการจบทุกอย่างลงพร้อมกับลมหายใจสุดท้าย เป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้ และไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้น ใจของเธอจะขาดอยู่รอน ๆ
เมย์กระชับอ้อมกอด ซบหน้าลงกับบ่าของเอริ ร้องไห้อย่างไม่อายสายตาใคร "เอริ... ได้โปรด... ฉันขอร้อง... อย่าทำแบบนี้เลยนะ ใจฉันจะขาดอยู่แล้ว ได้โปรด... จับจังหวะการหายใจของฉัน แล้วหายใจตามเถอะนะ ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ ฉันขาดเธอไม่ได้นะเอริ"
น้ำตา คำขอร้องปนเสียงสะอื้น ส่งผลให้เอริกลับมาหายใจตามจังหวะของเมย์ จนกลับมาหายใจได้ตามปกติ เลือดหยุดไหล พร้อมกับหมดสติไป
เมย์บรรจงเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของเอริอย่างทะนุถนอม อ้อมกอดยังคงมีให้อย่างต่อเนื่องจนเอริรู้สึกตัว ลืมตาตื่น
"เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า"
เอริส่ายหน้าช้า ๆ แทนคำตอบ
"อย่าทำแบบนี้อีกนะคนดี... ฉันขอร้อง"
ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ยถ้อยคำด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เปี่ยมด้วยความห่วงใย ก่อนมอบจุมพิตแผ่วเบาบนพวงแก้มขาวอมชมพู
"ค่อย ๆ ลุกนะเอริ เดี๋ยวฉันช่วยพยุงไปนั่งบนเตียง แล้วจะทำแผลกับเช็ดตัวให้"
ผ้าพันแผลที่พันตั้งแต่หลังมือเรื่อยไปจนถึงบ่า ปรากฏแก่สายตาสีฟ้าครามหลังเสื้อเชิ้ตสีครีมถูกเปลื้องออกจากร่างบาง เมื่อผ้าพันแผลค่อย ๆ หลุดออกจนหมด ภาพตรงหน้าทำให้เมย์ต้องเสียน้ำตาอีกครั้ง
บาดแผลของเอริมีอาการอักเสบมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ รู้ดีว่าเด็กสาวคงทรมานจากความเจ็บปวด หากอยากบอกเหลือเกินว่าตัวเธอเองนั้นไม่ได้เจ็บน้อยไปกว่ากันเลย
"เอริ แผลของเธอมันอักเสบมาก ฉันคงต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่กับการรักษา ซึ่งคงเจ็บพอสมควร ยังไงอดทนหน่อยนะ"
ใครเลยจะรู้ว่าเด็กสาวรูปร่างแบบบาง หน้าตาน่าทะนุถนอมจะมีความอดทนและใจเด็ดยิ่งนัก เอริไม่เคยร้องครวญคราง แสดงความเจ็บปวดออกมาให้ใครเห็น ไม่ว่าจะเป็นการทำแผลตอนนี้หรือตอนประสบอุบัติเหตุคราก่อน อย่างมากมีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมาเมื่อมันเกินความอดทนเท่านั้น
เมย์ประคองเอริให้นอนลงบนเตียง หลังจากทำแผล เช็ดตัว และเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ จุมพิตเบา ๆ บริเวณหน้าผากพร้อมประโยคที่ฟังแล้วอบอุ่นไม่แพ้ผ้าห่มที่ถูกเลื่อนขึ้นปกคลุมร่างกาย
“หลับนะคนดี เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ราตรีสวัสดิ์... ที่รัก”
คนมาทำแผลออกจากห้องไปแล้ว เหลือเพียงเจ้าของห้องที่นอนน้ำตานองหน้า ด้วยไม่รู้ว่าควรจัดการกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อคนที่เพิ่งเดินออกไปอย่างไร ควรคืนดี? หรือควรโกรธต่อ?
เมย์กลับเข้าห้องนอนของตัวเอง ถอดเสื้อผ้า พาเรือนร่างสวยงามหายเข้าห้องน้ำ เปิดฝักบัว ปล่อยสายน้ำรินรดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่างงามทรุดลงกองกับพื้น นั่งร้องไห้ราวกับต้องการให้น้ำตาประชันขันแข่งกับน้ำจากฝักบัว
เมย์กลับเข้าห้องนอนของเอริอีกครั้ง พยายามให้เงียบที่สุด เพราะไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของอีกฝ่าย ประตูห้องนอนถูกปิดอย่างเบามือ ฝีเท้าที่ก้าวสู่เตียงเป็นไปอย่างเงียบเชียบ ร่างงามซุกกายภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับคนที่กำลังนอนหันหลังให้ มือซ้ายค่อย ๆ โอบกอดเอวฝ่ายนั้น แม้จะเบามือเพียงใด ฝ่ายที่ถูกกอดก็รู้สึกตัวอยู่ดี
“ฉันทำให้เธอตื่นเหรอ ขอโทษนะ... คืนนี้ขอนอนที่นี่ด้วยคนนะ”
เว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนประโยคถัดไปจะตามมา
“เอริ... ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ให้ฉันเป็นคนดูแลเธอจนกว่าจะหายดีนะ”
เอริไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ปล่อยให้เมย์กอดเธออยู่อย่างนั้นจนทั้งคู่เข้าสู่ห้วงนิทรา
เอริตื่นนอนพร้อมกับสัญลักษณ์การมาเยือนของเช้าวันใหม่ จำได้ว่าเมื่อคืนหลับในอ้อมกอดอบอุ่นของใครบางคน เหลียวมองรอบตัวตอนนี้กลับไม่พบเจ้าของอ้อมกอดเลย เธอใช้สองมือค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นนั่งบนเตียง หางตาจับความเคลื่อนไหวบางอย่างตรงประตูห้องนอนได้ ประตูแง้มออกทีละนิดจนเผยให้เห็นคนที่มอบความอบอุ่นแก่เธอตลอดทั้งคืน
เมย์ก้าวเข้าด้านในพร้อมถาดอาหารในมือ ยิ้มอ่อนโยนถูกส่งให้เจ้าของห้องก่อนประโยคทักทายประโยคแรกของวันจะกล่าวขึ้นทำลายความเงียบ
“ตื่นแล้วเหรอ เอริ”
หลังวางถาดอาหารบนโต๊ะข้างเตียง เมย์นั่งลงข้าง ๆ เอริ มือเรียวไล้เส้นผมที่ปรกหน้าเด็กสาวออก ตามด้วยคำถามเปี่ยมด้วยความห่วงใย
“เป็นยังไงบ้าง ปวดแผลมากไหม กินซุปนี่หน่อย เสร็จแล้วจะได้กินยา กำลังร้อน ๆ เลย เดี๋ยวฉันป้อนให้”
ซุปถูกตักขึ้นจากชาม ผ่านการเป่าเพื่อบรรเทาความร้อนจากริมฝีปากบางสวย ก่อนป้อนให้คนเจ็บ
เอริไม่ปฏิเสธการกระทำเหล่านี้ ปล่อยให้อาจารย์ป้อนซุปให้จนเสร็จ แต่ยังไม่ยอมพูดด้วยแม้เพียงคำเดียว คำขอบคุณที่เจ้าตัวพูดจนติดปากเมื่อมีใครทำอะไรให้ ยังไม่ยอมเอื้อนเอ่ยให้ได้ยินกัน
นับจากวันที่เอริกลับเข้ามาอยู่บ้านของเมย์อีกครั้งจนกระทั่งวันนี้ รวมระยะเวลา 5 วันพอดิบพอดี เป็นห้าวันที่แสนทรมานสำหรับคนที่กำลังเหม่อมองท้องฟ้ายามราตรีผ่านกระจกใสภายในห้องนั่งเล่น เมย์เพิ่งเสร็จจากการทำแผล เช็ดตัว และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เอริ เธอระบายลมหายใจอย่างหนักหน่วงและยาวนานเพราะความกลัดกลุ้ม หลายวันที่ผ่านมาไม่ว่าพูด หรือทำอะไรกับเจ้าของหัวใจเธอ ฝ่ายนั้นไม่มีทีท่ารังเกียจหรือปฏิเสธการกระทำ แต่ไม่ว่าจะพยายามเพียงใด เอริก็ไม่ยอมปริปากพูดกับเธอเหมือนเคย
“เอริ... ฉันต้องทำยังไง เธอถึงยอมยกโทษให้ กลับมาพูดมาคุยกันเหมือนเดิม เธอจะทรมานฉันไปถึงไหนกัน” น้ำตาเริ่มรื้นขึ้นขอบตา
ก่อนความคิดเตลิดไปไกล เสียงข้อความเข้าดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ เมย์เดินไปหยิบขึ้นจากโต๊ะทำงาน เปิดข้อความที่ถูกส่งขึ้นอ่าน
‘พรุ่งนี้ขอพบทุกคนอีกครั้ง ที่ห้องประชุมภายในที่พักของฉัน เวลา 9 โมงตรง ขอย้ำว่าทุกคนต้องมาให้ได้... เอมิเลีย วินเบิร์ก’
“ทุกคนเหรอ? ถ้าอย่างนั้นเอริก็ต้องได้รับข้อความนี้ด้วยสิ”
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Email: saruta.map@gmail.com
Facebook: https://www.facebook.com/saruta.map/
สนใจ E-book เชิญค่ะ http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTM0MTg0OSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6Ijg3NTYxIjt9
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ