The Last Love รักครั้งสุดท้าย
เขียนโดย ศรุตา
วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 22.08 น.
แก้ไขเมื่อ 18 มกราคม พ.ศ. 2562 22.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) บทที่ 3 จากลา (Part 2/2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความภายในห้องที่เป็นทั้งห้องพักแพทย์และห้องทำงานส่วนตัวของเมย์ ตอนนี้ถูกคนสองคนถือวิสาสะเข้ามานั่งรอผู้เป็นเจ้าของ
คนหนึ่งคือเพื่อนสนิท คบหาและรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนไฮสคูล นอกจากคบหากันฉันเพื่อนแล้ว ยังเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกันอีกด้วย
ศาสตราจารย์แอลลิสัน วอสบอน (Allieson Wosbon) สุดยอดผู้เชี่ยวชาญเนรอนเทคโนโลยีของโลกคนที่ 10 อายุไล่เลี่ยกับเมย์ นัยน์ตาสีเทา ผมบลอนด์ หยิกเป็นลอน ซอยสั้นเหนือต้นคอเล็กน้อย เพื่อความสะดวกและเหมาะกับนิสัยผู้เป็นเจ้าของที่มักทำอะไรกระฉับกระเฉง ว่องไว จบปริญญาตรีด้านเนรอนเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเดียวกับเมย์ จบปริญญาโทสองสาขาวิชา คือ เนรอนเทคโนโลยี และบริหารธุรกิจ จบการศึกษาขั้นสูงสุดระดับปริญญาเอก ด้านเนรอนเทคโนโลยี จากมหาวิทยาลัยคเวเซอร์ ปัจจุบันเป็นเจ้าของโรงแรมห้าดาว มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของเมือง
แอลลิสันเป็นคนรักเพื่อน ใจร้อน วู่วาม ทำอะไรไม่ยั้งคิด พูดจาขวานผ่าซาก ชนิดนึกอะไรได้ปุ๊บ เป็นต้องพูดออกมาปั๊บ ไม่คำนึงถึงสถานการณ์รอบตัวหรือจิตใจผู้ฟังว่าเป็นอย่างไร แค่ตัวเองได้พูดสิ่งที่คิดออกมาก็พอ ยิ่งถ้าใครยั่วโมโหถึงขั้นสติแตก ไม่ว่าอะไรก็ฉุดไม่อยู่ รับรองหูชากันไปเป็นแถบ แต่ยังดีที่มีคน ๆ หนึ่งที่ยอมฟังและทำตามโดยไร้เงื่อนไข คน ๆ นี้คือเมย์ เพื่อนที่คบหากันนานกว่าสิบปี สนิทที่สุด รู้ใจเธอมากที่สุด และไว้ใจให้เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ
เพราะความที่คบกันมานาน บวกกับนิสัยรักเพื่อนพ้อง ไม่ว่าเมย์มีเรื่องเดือดร้อนหรือไม่สบายใจ แอลลิสันต้องรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแทนทุกครั้งไป และยิ่งเข้ามาวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่านับจากเรื่องในอดีตของเมย์เกิดขึ้น
อีกคนก็เป็นเพื่อนสนิท คบหาและเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ปริญญาตรีจนจบเอก ปัจจุบันยังทำงานแผนกเดียวกันอีกด้วย
ดร.เพย์ตัน เกย์เนอร์ (Payton Gaynor) สุดยอดผู้เชี่ยวชาญเนรอนเทคโนโลยีของโลกคนที่ 8 เจ้าของนัยน์ตาหวานสีน้ำตาล เข้ากันกับสีผมซึ่งยาวถึงกลางหลัง จบปริญญาตรี ด้านการแพทย์ มหาวิทยาลัยเดียวกับเมย์ จบปริญญาโท แพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับหัวใจและโรคหัวใจ และเนรอนเทคโนโลยี จากมหาวิทยาลัยคเวเซอร์ จบการศึกษาสูงสุดระดับปริญญาเอก ด้านเนรอนเทคโนโลยี ปัจจุบันเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลคเวเซอร์ มีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าแผนกหัวใจและโรคเกี่ยวกับหัวใจ
เพย์ตันเป็นคนใจเย็น สุขุม รอบคอบ ไม่ช่างพูด มีเหตุผล เข้าอกเข้าใจคนอื่น เป็นที่ปรึกษาและผู้ฟังที่ดี รู้จักนิสัยและตัวตนของเมย์ดีที่สุด อาจดีกว่าเจ้าตัวด้วยซ้ำ
“โธ่เว้ย! เมื่อไหร่เมย์จะมาเสียที ไหนบอกว่าวันนี้มีประชุม ยังไงก็ต้องมาไง รอมาตั้งนานแล้วนะ ยังไม่เห็นมีทีท่าว่าจะมาซักที เพย์ตันว่าไง?” คนใจร้อนเอ่ยออกมาอย่างหมดความอดทน
ยังไม่ทันที่เพย์ตันจะตอบอะไร ประตูห้องเปิดออก แล้วคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอก็ก้าวเท้าเข้ามา
เพราะรู้จักนิสัยของเมย์เป็นอย่างดี ทั้งคู่คาดว่าเรื่องที่เกิดในห้องประชุมคงส่งผลกระทบไม่มากก็น้อย เมื่อวานทั้งสองคนพยายามโทรศัพท์ติดต่อตลอดวันที่เหลือ แต่เจ้าเพื่อนตัวดีกลับปิดเครื่อง จนถึงตอนนี้ยังไม่ยอมเปิด จะบุกไปหาถึงบ้านก็ไม่กล้าพอ เกรงว่าถ้าไปแบบไม่บอกกล่าว จากเรื่องเล็กกระจ้อยร่อยอาจกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต จึงตกลงกันว่าจะมาดักรอที่ห้องนี้ เพราะหนึ่งในนั้นรู้ว่าวันนี้ทางโรงพยาบาลมีประชุมหัวหน้าแผนก อย่างไรเสียเมย์ก็ต้องมา
“เมย์... เป็นยังไงบ้าง” สองคนพูดออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย น้ำเสียง แววตา และท่าทางบ่งบอกชัดเจนถึงความห่วงใย
“ก็สบายดี วันนี้ก็มาทำงาน ไม่เห็นรึไง แล้วนี่มีธุระอะไร เข้ามาในห้องส่วนตัวคนอื่นแบบนี้ได้ยังไงกัน” เมย์กลับตอบแบบไม่รู้สึกรู้สา เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
“ถ้าไม่อยากให้ทำแบบนี้ ก็หัดเปิดโทรศัพท์ซะบ้าง อะไรกัน เพื่อนอุตส่าห์เป็นห่วงจะเป็นจะตาย ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนไปได้ เอ้า! ว่ายังไง เรื่องที่ประชุมกับเอมิเลียเมื่อวานจะเอายังไง”
เมื่อเห็นเจ้าของห้องยังคงเฉยเมย ไม่มีทีท่าว่าจะเอื้อนเอ่ย คนใจร้อนจึงรีบพูดต่อทันที “เรื่องเอริน่ะ ว่ายังไง”
“เอริ? ทำไม?” เสียงยังคงอยู่ในโทนเฉยชา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ด้วยกลัวว่าแอลลิสันจะทำเสียเรื่อง เพย์ตันจึงเป็นฝ่ายสนทนาแทน
“เมย์ได้คุยกับเอริรึยัง”
“คุยกับเอริ? คุยทำไม มีเรื่องอะไรต้องคุย”
“เมย์” คำพูดสั้น ๆ ทว่าหนักแน่น จริงจังจนคู่สนทนารู้สึกได้
“คุยแล้ว”
“แล้วเอริอธิบายว่ายังไง”
“ก็ไม่ได้อธิบายว่ายังไงนี่”
“หมายความว่ายังไง เกิดอะไรขึ้น ทำไมตาถึงได้ช้ำขนาดนี้”
“ฉันตบหน้าเอริไปหนึ่งที เป็นการตอบแทนการกระทำของเด็กนั่น แล้วก็ไล่ออกจากบ้านไปแล้ว ก็ไม่รู้หรอกนะว่าไปเป็นตายอยู่ที่ไหน บางทีอาจจะอยู่กับเรย์น่ามั้ง มีอะไรอยากรู้อีกไหม” เมย์ตอบกลับอย่างมีอารมณ์
“เรย์น่า! ยัยนี่มาเกี่ยวอะไรด้วย?” ความอยากรู้ทำให้ต้องขัดขึ้นมาหลังจากเงียบไปนาน
“เมย์... มันเกิดอะไรขึ้น เล่าให้ละเอียดได้ไหม” เพย์ตันถามย้ำอีกครั้ง เพราะสังหรณ์ใจและวิตกว่าเรื่องราวบานปลายไปกันใหญ่แล้ว
ด้วยความรำคาญ อยากให้เพื่อนออกไปให้พ้นหูพ้นตาเสียที จึงตัดสินใจเล่ารายละเอียดทั้งหมด ตั้งแต่ออกจากห้องประชุมมาเจอเรย์น่า จนกลับถึงบ้านอีกครั้งแล้วไม่เจอเอริ ทำให้ปักใจเชื่อว่าลูกศิษย์ในปกครองคงเห็นแก่เงินและความสบายตกลงยอมรับข้อเสนอ ย้ายไปอยู่กับอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อย
“คิดจริง ๆ เหรอเมย์ว่าเอริจะทำแบบนั้น ไม่ถามเรย์น่าให้แน่นอนสักหน่อยเหรอ”
“โอ๊ย! จะต้องไปถงไปถามทำไมให้มากความ ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่ายัยเรย์น่าน่ะนิสัยยังไง ป่านนี้เด็กนั่นสบายใจเฉิบไปแล้ว ข้อเสนอดีออกปานนั้น กะแล้วว่าต้องคบไม่ได้ เห็นแก่เงิน เมย์... ช่างหัวเด็กนั่นเถอะนะ อย่าไปใส่ใจอะไรมากเลย กะอีแค่คนโกหกหลอกลวง เล่นละครตบตาเก่ง” แอลลิสันพูดด้วยอารมณ์เดือดดาลเสียยิ่งกว่าเจ้าของเรื่อง
“ตกลงธุระที่ทำให้มาที่นี่หมดแล้วใช่ไหม ยังมีอะไรที่อยากรู้อีก? ถ้าไม่มี... ฉันขอตัว ต้องไปประชุม” พูดจบก็เดินออกจากห้อง ปล่อยให้สองคนที่เหลือมองตามด้วยความเป็นห่วง
กว่าธุระที่โรงพยาบาลจะเสร็จ กลับถึงบ้าน เวลาล่วงเลยจนถึงหกโมงเย็น จู่ ๆ สมองเจ้ากรรมดันไปคิดถึงคน ๆ นั้นขึ้นมาอีก
ทุกครั้งที่กลับถึงบ้านในสภาพเหนื่อยล้าเช่นนี้ เมย์จะเดินตรงเข้าครัวไปหาเอริที่มักอยู่ที่นั่นในเวลานี้เสมอเพื่อเตรียมมื้อเย็น เข้าไปจนถึงตัวแล้ว เมย์จะสวมกอดฝ่ายนั้นจากทางด้านหลัง ประทับรอยจูบแผ่วเบาและนุ่มนวลบริเวณต้นคอ ซบหน้าอิงแอบอยู่อย่างนั้น จนแม่ครัวตัวดีหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ความเหนื่อยหายมลายสิ้น
‘กลับมาแล้วเหรอคะ วันนี้เหนื่อยไหม รออีกแป๊บนึงนะคะ อาหารเย็นใกล้เสร็จแล้วล่ะค่ะ’ เป็นคำพูดที่ได้ยินเป็นประจำ แต่กลับไม่เคยเบื่อที่จะฟังเลย
“ทำไมฉันถึงคิดถึงเธอขนาดนี้นะเอริ ทั้งที่เธอทำให้ฉันเจ็บปวดเจียนตายอยู่แบบนี้แท้ ๆ ทีกับคนนั้น... กับเรื่องในอดีตครั้งนั้น... ฉันยังไม่รู้สึกปวดใจขนาดนี้เลย ทำไมกันนะ นี่ฉันรักเธอมากขนาดนี้เชียวหรือ... เอริ”
เช้าวันที่สามที่เมย์ลืมตาตื่นแล้วพบว่าตัวเองกลับมาอยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่ หน้าที่และความรับผิดชอบที่มีต่อคนไข้ ทำให้ฝืนใจลุกขึ้นอาบน้ำ แต่งตัว ออกไปทำงาน ทั้งที่อยากนอนอยู่อย่างนี้ ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร พบปะ หรือพูดคุยกับใครทั้งสิ้น
เสียงเลขาหน้าห้องดังขึ้นจากอินเตอร์คอมบนโต๊ะทำงาน ขณะเมย์กำลังง่วนกับกองเอกสาร
“ดร.เมอร์ริสันคะ... ดร.เกย์เนอร์ขอพบค่ะ ย้ำว่ามีเรื่องสำคัญต้องพบให้ได้ด้วยค่ะ”
สิ้นเสียงเลขาส่วนตัว เจ้าของห้องรู้สึกหงุดหงิดทันที ในใจพลันคิดว่า ‘ไม่รู้มีอะไรนักหนา มาหาอยู่ได้ รำคาญ!’ แต่ก็ตอบกลับด้วยการอนุญาต
หลังปล่อยให้ผู้มาเยือนจัดการหาที่นั่งเอาเอง เมย์เริ่มเปิดฉากการสนทนา “มีอะไรเพย์ตัน ฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะคุยกับใครหรอกนะ”
“เมย์... เอริไม่ได้อยู่กับเรย์น่าตามที่เธอเข้าใจนะ”
ข้อมูลที่ได้รับทำให้อึ้ง ทว่าสามารถปรับอารมณ์ ความรู้สึกให้กลับคืนสู่ปกติได้แทบจะในทันที จนคู่สนทนาจับสังเกตไม่ได้
“แล้วยังไง”
คำตอบแสนเย็นชาของเพื่อนทำให้คนที่เคยใจเย็นกับทุกสถานการณ์ กลับมีอารมณ์โกรธขึ้นมาเหมือนกัน
“พูดออกมาได้ยังไง เอริเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ ที่ต้องเป็นแบบนี้เพราะเธอไม่ใช่รึไง ไม่คิดออกตามหาบ้างเลยเหรอเมย์”
“ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน! เด็กนั่นโตพอดูแลตัวเองได้แล้ว ไม่ใช่เด็กอมมือ ต้องคอยประคบประหงมตลอดเวลา ไปอยู่ไหน เป็นตายยังไง มันก็เรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับฉัน ที่ต้องมีวันนี้ก็ทำตัวเองไม่ใช่รึไง หมดธุระ ออกไปได้แล้ว”
“คิดได้อย่างนี้ก็ดี อย่าเสียใจทีหลังก็แล้วกัน” พูดจบ ลุกจากเก้าอี้ ออกจากห้อง ปล่อยเพื่อนผู้แสนเย็นชากังวลกับคำพูดที่ตั้งใจมาหาถึงที่นี่
ปากก็พูดว่าไม่สนใจ ไม่ใช่เรื่องของเธอ แต่ใจนี่สิ ร้อนรน กระวนกระวาย คิดแล้วคิดอีก พยายามนึกสถานที่ที่เอริน่าจะหนีไปอยู่ แต่ไม่เห็นมีแห่งไหนพอเป็นไปได้
“เธอไปอยู่ที่ไหนกันแน่นะเอริ รู้บ้างไหมว่าฉันคิดถึงและเป็นห่วง... ป่านนี้เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ทิฐิไม่เข้าเรื่องเลย” เมย์รำพันถึงลูกศิษย์ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
Email: saruta.map@gmail.com
Facebook: https://www.facebook.com/saruta.map/
E-book: The Last Love
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ