The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
91) รู้ผลแพ้ชนะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://www.uhdpaper.com
โจจี้ถึงกับตาเหลือก เพราะตอนนี้เขาโดนต้อนเข้ามุม ดวงตาจับจ้องมาที่มาวินซึ่งกำลังเกร็งกาย เพื่อปลดปล่อยท่าไม้ตายสูงสุดออกมา
“ เสือดาวไล่เหยื่อ ”
สิ้นเสียงร้อง มาวินก็สืบเท้าเข้ามาโจมตี แต่ในจังหวะนั้นเอง เด็กหนุ่มก็รู้สึกจุกอย่างรุนแรง คล้ายมีของแข็งกระแทกท้อง
“ อุก…..นี่มันอะไรกัน ” มาวินก้มลงไปมอง จึงพบว่าสิ่งที่ทำให้กระอักก็คือ......ด้ามดาบคันตานะของโจจี้ ทว่าเด็กหนุ่มยังไม่ยอมแพ้ เขาข่มความเจ็บปวด พร้อมปล่อยท่าไม้ตายสูงสุดออกมาอีกครั้ง
“ หน็อย...... แค่นี้หยุดชั้นไม่ได้หรอก เสือดาวไล่….”
แต่ก่อนที่มาวินจะได้ปล่อยกระบวนท่า โจจี้ก็ชิงลงมือก่อน ด้ามดาบคันตานะนับสิบพุ่งเข้าใส่ร่างเล็กบางของเด็กหนุ่ม มันเป็นการโจมตีที่รุนแรงและแม่นยำ
“ ปึก ปึก ปึก...... ”
มาวินกระเด็นไกลถึงห้าเมตรและร่วงหล่นลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น
โจจี้ยืนนิ่งอยู่บนลานประลอง มือขวากระชับดาบคันตานะแน่น ใบหน้าซีดเผือดด้วยอาการช็อก ถ้าเมื่อกี้ โจมตีช้าไปนิดเดียว คนที่ล้มก็ควรเป็นเขา ขณะที่หนุ่มหล่อกำลังอึ้ง เด็กสาวร่างสูงก็เอ่ยถาม
“ เป็นไง ทีนี้นายรู้ซึ้งถึงฝีมือของเจ้าลิงหัวเขียวแล้วรึยัง ”
โจจี้ปรับสีหน้าของตนเองให้เป็นปกติ จากนั้นก็หันกลับไปตอบ น้ำเสียงดูจริงจัง
“ อืม..... พอรู้ฝีมือบ้างแล้ว แต่ว่าที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ.....ความคิดของมัน ”
“ ใช่แล้ว แม้เจ้าลิงหัวเขียวยังไม่เก่งเท่าไหร่ แต่ทั้งไหวพริบ ปฏิภาณและความคิดพลิกแพลงล้วนอยู่ในขั้นสุดยอด เลยเป็นคนที่รับมือยาก ” เหมยลี่เสริม พร้อมนึกถึงช่วงเวลาที่เคยฝึกซ้อมกับมาวิน มีหลายครั้งที่เธอเกือบเสียท่า
“ ฮะๆ ตอนนี้ก็สรุปได้แล้ว……หมอนี่อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เราพิชิตคองโกล่า ” โจจี้หัวเราะ พร้อมหันไปมองมาวินที่นอนสลบไสล ประกายตาแฝงแววคาดหวัง
……………………….
“ เฮ้ย อะไรกันฟะ ” มาวินผวาเฮือกใหญ่ พร้อมลุกขึ้นมาตะโกน แต่สิ่งที่เห็นคือ.......ความมืดมิดยามราตรี
“ ที่นี่คือ…” มาวินพยายามสงบสติอารมณ์และนึกทบทวนอยู่พักใหญ่ จึงรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไร
“ จำได้แล้ว ชั้นกำลังสู้กับโจจี้อยู่นี่หว่า มันอยู่ที่ไหนฟะ ” มาวินกระชากเสียงกร้าว พร้อมยันกายลุกขึ้นยืน แต่ก่อนจะได้ขยับตัว ความรู้สึกปวดแปล๊บนับสิบจุดก็บังเกิดขึ้นบนร่างกาย ความรุนแรงไม่ต่างจากถูกเข็มแหลมทิ่มแทง
“ โอ๊ย นี่มันอะไรกัน ” มาวินทรุดกายลงนั่งคุกเข่า สีหน้าบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บปวด
“ กระบวนท่าที่โดนไปเมื่อครู่คือ….พันเข็มทิ่มแทง เป็นกระบวนท่าที่ใช้คมดาบแทงเข้าไปนับสิบ หลักการก็คล้ายๆท่าพยุหะแมวป่าของนายนั่นแหละ แต่ของชั้นจะพิเศษกว่าตรงที่ทำให้ผู้ที่โดน เกิดความรู้สึกเจ็บปวดคล้ายโดนเข็มแทง ” เสียงนิ่มๆของโจจี้ดังขึ้นที่ด้านข้าง มาวินเลยหันไปมอง จึงพบกับหนุ่มหล่อที่กำลังเอนหลังพิงขอนไม้ ทำให้รู้ว่า…..เขาพ่ายแพ้ในการต่อสู้ไปแล้ว
“ บ้าชะมัด นี่ชั้นแพ้แล้วหรือนี่ ” มาวินกัดฟันกรอดใหญ่ เขารู้สึกเจ็บใจเป็นที่สุด อากัปกิริยาของเด็กหนุ่ม ทำให้โจจี้ที่ลอบสังเกต ถึงกับเลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัย
“ นี่ถามจริงเถอะ นายคิดว่าจะเอาชนะชั้นที่เป็นนักสู้ขั้นสามจริงๆเหรอ ลืมไปแล้วรึไงว่าตัวเองเป็นแค่นักสู้ขั้นหนึ่ง ”
“ เออ ใช่ดิ ชั้นอุตส่าห์ไล่ต้อนนายจนมุมได้แล้วแท้ๆ เอ๊ะ แต่เดี๋ยวก่อน ” มาวินฉุกคิดขึ้นมาได้
“ อะไรของนาย ” โจจี้ถาม
“ นายบอกชั้นเอง….จะไม่ตอบโต้ในสิบกระบวนท่าแรก แต่พอเข้าสู่กระบวนท่าสุดท้าย นายกลับอัดชั้นด้วยท่าพันเข็มบ้าๆบอๆอะไรนั่น แบบนี้ มันขี้โกงนี่หว่า ” มาวินร้องด่าอย่างดุเดือด เมื่อรู้ว่าหนุ่มหล่อเล่นตุกติก
“ เหอๆ ” โจจี้หลบหน้าไปทางอื่น พร้อมหัวเราะแก้เขิน
“ ตกลงจะเอายังไง หือ..... ไอ้ขี้โกง ” มาวินตวาดซ้ำ เขาทำท่าจะลุกขึ้นมาขย้ำ
“ เหอๆ ก็ไม่ไงหรอก แต่ชั้นว่า….เอ่อ นายน่าจะนับกระบวนท่าผิดนะ ” โจจี้แก้ตัวตะกุกตะกัก
“ เป็นไปไม่ได้ ชั้นคิดอยู่ตลอดว่าจะไล่ต้อนนายให้จนมุมยังไง และจะใช้กระบวนท่าไหนปิดเกม รับรองเลยว่านับไม่ผิดอย่างแน่นอน ” มาวินเถียงกลับ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
“ แต่ชั้นว่านายน่าจะลืมนับกระบวนท่าแรกไปนะ ” โจจี้ร้องท้วง
“ นับแล้วโว้ย กระบวนท่าแรกคือท่าที่ชั้นพุ่งเข้าไปต่อยนายไง ” มาวินเถียง
“ โอ้ๆ ไม่ใช่แล้ว นั่นคือ.....กระบวนท่าที่สองต่างหาก ” โจจี้ปฏิเสธ ทำนองจะตำหนิคู่สนทนาว่า….คุณพลาดแล้ว
“ จะบ้าเหรอ จังหวะที่ชั้นพุ่งเข้าไปต่อย เป็นการโจมตีครั้งแรก มันจะเป็นกระบวนท่าที่สองได้ยังไง นายมึนแล้ว ไอ้บ้าห้าร้อย ” มาวินเถียงกลับ ใบหน้าขมวดนิ่วเป็นเชิงสงสัย
“ จุ๊ๆ ผิดแล้ว นั่นถือว่าเป็นกระบวนท่าที่สองต่างหาก กระบวนท่าแรกนั้นก็คือ……” โจจี้จุ๊ปากและเตรียมเฉลย โดยมีเด็กหนุ่มหัวเขียวเอียงคอมองด้วยท่าทางที่ดูหงุดหงิด
“ ท่าที่นายยกการ์ดขึ้นมาเตรียมต่อสู้ยังไงล่ะ ”
หลังจากโจจี้แถลง ทุกสิ่งในที่นั้นดูเงียบสงบ คล้ายเกิดอาการช็อกจากคำตอบที่แสนจะหน้าด้าน แต่พอมาวินตั้งสติได้ เขาก็เดือดดาลจนถลาเข้าไปกระชากคอเสื้อของหนุ่มผมทอง พร้อมตวาดเสียงดัง
“ ไอ้บ้า แกโกงชั้นนี่หว่า ไอ้ทุเรศ ไอ้จอมโกง ไอ้ๆ...... ” มาวินจัดหนักทุกคำที่ด่า
“ ฮะๆ โทษที ” โจจี้ได้แต่ยิ้มแห้งๆในลักษณะที่คล้ายจะสำนึกผิด
มาวินกัดฟันกรอดใหญ่ พร้อมแสดงอาการขึงขังอยู่พักหนึ่ง ต่อมาเขาก็เริ่มได้คิดและคลายมือจากปกเสื้อของหนุ่มผมทอง ปิดท้ายด้วยการตอบกลับเสียงอ่อย
“ เฮ้อ....... จะว่าไปแล้ว ชั้นก็สู้ไม่ได้จริงๆนั่นแหละ นายมีเซ้นส์และประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม สามารถอ่านการโจมตีได้อย่างทะลุปรุโปร่ง มิหนำซ้ำกระบวนท่าก็ยังรวดเร็วและแม่นยำ ไม่ได้มีแต่ความหนักหน่วงแบบที่ชั้นเข้าใจในตอนแรก ”
โจจี้เงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่ม สายตาคมซึ้งสังเกตเห็นแววโศก ทำให้เขานึกสงสัย.....ทำไมมาวินต้องจิตตกขนาดนี้ เพราะการต่อสู้เมื่อครู่เป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้น
“ เฮ้ จริงจังไปรึเปล่า การประลองเมื่อกี้ มันแค่ซ้อมมือ อย่าซีเรียสนักเลย เปลี่ยนมาฟังชีวิตรักของชั้นต่อดีกว่า ยังเหลือประสบการณ์จากสาวๆอีกตั้ง 999 คนที่ยังไม่ได้เล่า ”
มาวินยิ้มเศร้าๆ พร้อมเหลือบมองโจจี้นิดหนึ่ง ก่อนตอบกลับเนือยๆ
“ ใช่ มันแค่การเล่นสนุก กระนั้นก็เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าชั้นอ่อนแอแค่ไหน และถ้ายังเป็นแบบนี้ คงไปไม่ถึงแคว้นเยอมาเนีย ”
โจจี้ลอบสังเกตอากัปกิริยาของมาวินมาตลอด เขานึกสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปแคว้นเยอมาเนียขนาดนั้น เพราะช่วงชีวิตที่ผ่านมา หนุ่มผมทองคิดแต่จะสนุกกับสิ่งที่นิยมชมชอบ อาทิเช่น การพนัน ผู้หญิงและเหล้า ส่วนเป้าหมายชีวิตหรือสิ่งที่คิดฝัน ไม่เคยปรากฏในหัวสมอง เลยทำให้เขาอยากรู้มากขึ้น จึงถามกลับมาตรงๆ
“ ทำไมนายถึงอยากไปแคว้นเยอมาเนียขนาดนั้น มีอะไรรอนายอยู่เหรอ ”
มาวินฝืนยิ้ม พร้อมตอบแผ่วเบา อันค้านกับบุคลิกกวนๆของตนเอง
“ ที่นั่นเป็นสถานที่ๆอาจทำให้ชั้นได้กลับบ้านเกิด ”
“ บ้านเกิดของนายอยู่ไหน แล้วทำไมไม่เดินทางไปที่นั่นโดยตรง จะผ่านแคว้นเยอมาเนียให้มันยุ่งยากทำไม ” โจจี้ถามต่อ เขายอมรับว่ายิ่งพูดคุยกัน ยิ่งสงสัยเด็กหนุ่มมากขึ้น
“ นายไม่รู้หรอกว่าบ้านเกิดของชั้นอยู่ที่ไหน มันเป็นสถานที่ๆเหลือเชื่อเอามากๆ แต่บอกได้แค่คำเดียวว่าชั้นต้องไปแคว้นเยอมาเนียก่อน ถึงจะกลับบ้านได้ ” มาวินตอบเรียบๆ แต่ในช่วงสุดท้ายที่พูด โจจี้รับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่ไม่เคยพานพบจากผู้ใด นั่นทำให้เขาต้องแอบพิจารณาเด็กหนุ่มผู้นี้ใหม่
“ หมอนี่มัน…..”
ทั้งสองเงียบไปชั่วขณะ พวกเขาเพ่งมองไปที่กองไฟซึ่งกำลังลุกโชน ในที่สุดโจจี้ก็เป็นฝ่ายเอ่ยปาก
“ พูดตามตรง ถ้าอยากไปแคว้นเยอมาเนีย นายต้องเก่งกว่านี้ ”
“ อืม....... ” มาวินพยักหน้ารับคำ ก่อนดำดิ่งสู่ภวังค์ ทำให้โจจี้ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆแอบชำเลืองมอง พร้อมเสนอตัว
“ งั้นเอางี้มั้ย ชั้นจะสอนวิชาดาบให้ เผื่อว่านายจะเก่งขึ้นมาบ้าง ”
ทันทีที่สิ้นคำ มาวินถึงกับผงะ พร้อมตะโกนดังด้วยความตกใจ
“ นายพูดจริงรึเปล่าฟะ พี่ชายผมทอง ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ