The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
73) ความผิดปกติ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เครดิตภาพจาก https://pixabay.com
ระหว่างที่มาวินอึ้งกับการปรากฏตัวของวัวตัวที่สาม เจ้าตัวที่เด็กหนุ่มกำลังขึ้นคร่อม ก็กู่ร้องเสียงดัง คล้ายจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมสัญชาติก็ไม่ปาน
“ มอ……. ”
วัวตัวที่สามเหลือบมองเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ผู้เคราะห์ร้าย ครู่หนึ่ง มันก็ส่งเสียงตอบกลับ เป็นเชิงรับทราบ
“ มอ……. ”
มาวินผู้เป็นมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวถึงกับกุมขมับ พร้อมบ่นพึมพำเบาๆ เพื่อระบายความเครียดที่สุมอยู่ในใจ
“ เหอ เหอ เหอ….. มันร้องใส่กันไปมาอย่างกะร่วมสามัคคีชุมนุม เพื่อระดมบาทาใส่เราเลยแฮะ ซวยแล้วดิ มีหวังเละเป็นโจ๊กยามเช้าแหงๆ ”
และสิ่งที่มาวินคิด ก็เป็นความจริง เจ้าวัวตัวที่สามเริ่มย่างสามขุมเข้าหา ท่าทางเอาเรื่อง
“ เอาไงดีฟะ แค่ตัวเดียวก็เต็มกลืนแล้ว นี่ดันโผล่มาตั้งสองตัว ” มาวินขบคิดอย่างหนัก ระหว่างนั้นเอง วัวตัวที่เขาขึ้นคร่อม ก็อาศัยทีเผลอ สะบัดกายสุดกำลัง
“ เหวอ…… ” เมื่อผจญกับแรงเหวี่ยงที่รุนแรง มาวินก็ร้องดัง ด้วยพลังอันมหาศาล ทำให้เด็กหนุ่มหัวเขียวหลุดออกจากหลังลงไปนอนแอ้งแม้ง
“ พลั๊ก ”
“ อั๊ก.. ” มาวินจุกเสียด แต่ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ทำให้เด็กหนุ่มฝืนเด้งกายขึ้นมารับศึก
พอเด็กหนุ่มตั้งหลักได้ เขาก็พบว่าถูกสองวัวร่างใหญ่กระหนาบทั้งหน้าหลัง ดวงตาแดงก่ำจ้องมองมาไม่วางวาย
“ รู้งี้ นอนต่อให้พวกมันกระทืบจนตายไปซะเลยดีกว่า เหอๆ ” เด็กหนุ่มยิ้มแหยๆ พลางนึกท้อแท้อยู่ในใจ
วัวทั้งสองจ้องมาวินอยู่อึดใจ พวกมันก็เริ่มตะกุยขาหน้า เด็กหนุ่มรู้ทันทีว่านี่คือท่วงท่าก่อนจะทะยานเข้ามาขวิด
“ แย่แล้ว การพุ่งขวิดของพวกมันค่อนข้างเร็ว แถมครั้งนี้ ต้องรับมือถึงสองตัว เราไม่มีทางหลบพ้นอย่างแน่นอน จะทำยังไงดีนะ ” คิ้วของมาวินขมวดนิ่ว เขาพยายามคิดทบทวนอย่างหนักหน่วง เพื่อหาทางออก
“ มอ……. ” เสียงวัวทั้งสองคำรามยาว บ่งบอกถึงประสงค์ร้ายอย่างชัดเจน
“ เอาไงดี หรือจะคุกเข่ายอมแพ้ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เจ้าพวกนี้เป็นวัวนี่หว่า มันฟังเราพูดไม่รู้เรื่องแน่ๆ ” แม้มาวินจะใกล้ตาย แต่เขาก็ยังไม่วายเพ้อเจ้อตามสันดาน
“ มอ….. ” วัวทั้งสองร้องประสานเสียงกัน ร่างอวบใหญ่กว่าร้อยกิโลแข็งเกร็ง พวกมันย่อตัวลงต่ำ
คราวนี้มาวินไม่พล่ามเพ้อละเมออีกต่อไป เขาเหลือบมองวัวทางซ้ายทีขวาทีสลับกัน ดวงตาเหลือกลานด้วยความหวาดกลัว ทว่าในจังหวะที่สองสัตว์ป่ามีกีบพุ่งเข้าใส่ ประกายตาของเด็กหนุ่มกลับดูกร้าวแกร่ง รอยยิ้มเย้ยหยันเริ่มเชิดสูง
วัวทั้งสองพุ่งใส่มาวินสุดกำลังแบบไม่ลังเล พอห่างเพียงหนึ่งก้าว ดวงตาของเด็กหนุ่มก็พลันถลึงขึ้นมา พร้อมฉากหลบไปทางขวาทันที
“ มอ…… ” วัวทั้งสองร้องเสียงหลง สัตว์ป่าเขาโง้งตกใจมากที่จู่ๆเป้าหมายได้หายไป สิ่งที่เห็นในตอนนี้คือใบหน้าของกันและกัน แน่นอนว่าด้วยความเร็วในการพุ่งทะยานและระยะห่างที่ค่อนข้างกระชั้นชิด ทำให้พวกมันต้องปะทะกัน
“ โครม ”
“ มอ….. ”
เสียงปะทะดังสนั่นลั่นป่าเขียวขจี หลังจากนั้น ก็มีเสียงลากยาวของสัตว์ประเภทวัว กระแสนั้นโหยหวน เพราะเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส แต่ไม่นาน ทุกสิ่งก็พลันสงบ
บรรยากาศในป่าเต็มไปด้วยความเงียบสงัด หลังจากนั้น ก็เกิดเสียงขยับกาย มันมาจากเด็กหนุ่มหัวเขียวที่นอนแผ่หลาอยู่ตรงพุ่มไม้ข้างทาง
“ อู้ย….. นี่เราโดนขวิดจนกระเด็นมาติดพุ่มไม้เลยเหรอเนี่ย มีอวัยวะชิ้นไหนขาดหายไปบ้างนะ ” มาวินบิดกายไปมา เพื่อคลายความเมื่อยขบ พร้อมสลัดใบไม้ใบหญ้าที่เกาะตามร่างกาย
“ เอ๊ะ เดี๋ยว เจ้าวัวพวกนั้นยังอยู่สินะ แล้วพวกมันอยู่ไหน การต่อสู้ยังไม่จบนี่นา ” ทันทีที่มาวินคิดได้ เขาก็เหลียวมองไปรอบๆด้วยอาการระวังภัย
มาวินหันรีหันขวางอยู่พักใหญ่ เขาก็ถึงกับนิ่งอึ้ง เมื่อพบว่า…….วัวสองตัวที่ตามหา กำลังนอนตาค้าง น้ำลายแตกฟองตรงจุดที่อยู่ไม่ห่าง
“ เฮ้ย ไหงพวกมันไปนอนกองตรงนั้นฟะ เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย ” มาวินสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
เด็กหนุ่มหัวเขียวยืนงงกับเหตุการณ์อยู่พักใหญ่ จึงเริ่มคิดได้…..มันก็ดีแล้วนี่ ที่จู่ๆศัตรูลงไปนอนกองกับพื้นซะอย่างงั้น
“ เหอ เหอ เหอ.... ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พี่วัวทั้งหลายอย่าฟื้นขึ้นมาแล้วกัน กระผมจะได้ไปลุยต่อในด่านถัดไป ” มาวินบ่นพึมพำเบาๆ จากนั้นก็เดินจากไป
…………………….
ณ.ห้องทดลองวิทยาศาสตร์ ทุกคนเริ่มคลายกังวล โดยเฉพาะโจจี้ เขาถึงกับหงายหลังลงไปนอนแผ่หลาบนโซฟา ท่าทางโล่งใจ
“ เฮ้อ…… รอดไปอีกหนึ่งด่าน เจ้าน้องชายหัวเขียวนี่มันดวงแข็งใช่ย่อย ว่างั้นมั้ย เหมยลี่ ” โจจี้หันไปคุยกับเหมยลี่ที่ยังคงยืนนิ่ง ดวงตาคมเข้มจับจ้องไปที่ภาพมาวินซึ่งปรากฏบนหน้าจอขนาดใหญ่
โจจี้เห็นท่าทางที่ผิดแปลกไปของเหมยลี่ หนุ่มหล่อผมทองจึงเอ่ยถาม สีหน้าฉงน
“ เฮ้ เป็นอะไรไป เธอยังห่วงน้องชายหัวเขียวอยู่อีกเหรอ จริงๆแล้วหมอนั่นก็มีฝีมือไม่ใช่ย่อย แบบนี้ มีหวังผ่านดันเจี้ยนระดับ 20 อยู่เหมือนกัน ”
เหมยลี่ยังคงยืนนิ่ง อึดใจต่อมา เธอก็ตอบกลับเบาๆ
“ จริงอยู่ที่เจ้าลิงหัวเขียวมีลุ้นผ่านดันเจี้ยนระดับ 20 แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ…..”
“ คือ….อะไร ” โจจี้เริ่มสนใจ เขาลุกขึ้นมานั่งฟัง
“ ในจังหวะที่หลอกให้วัวชนกันเอง ไม่ใช่ฝีมือของเจ้าลิงหัวเขียวอย่างแน่นอน ” เหมยลี่ตอบกลับห้วนๆ
“ หา…… เธอพูดแบบนี้หมายความว่าไง ก็เห็นอยู่โทนโท่ว่าในตอนที่หลบสองวัวป่า เป็นเจ้าน้องชายหัวเขียวชัดๆ จะไม่ใช่มันได้ยังไง ” โจจี้อุทานดัง เขารู้สึกงงงวย
“ ไม่รู้สิ เพราะในขณะที่วัวป่าพุ่งเข้าใส่ สีหน้าและแววตาของเจ้าลิงหัวเขียวดูเปลี่ยนไป ” เหมยลี่อธิบายด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย ทำให้โจจี้นึกหวั่น เพราะมีโอกาสน้อยมากที่คนนิ่งอย่างเด็กสาวร่างสูงจะเกิดอาการแบบนี้
“ เอ….. มันจะเป็นไปได้ยังไง ชั้นไม่เห็นว่าสีหน้าของน้องชายหัวเขียวจะเปลี่ยนเลย เธอคิดมากไปเองล่ะมั้ง ” โจจี้ปลอบใจ ทั้งที่เขาก็ไม่แน่ใจในคำพูดของตัวเอง
“ อืม……. ก็ขอให้ชั้นคิดมากไปเองแล้วกัน ” เหมยลี่ตอบกลับเบาๆ เธอนึกไปถึงตอนที่มาวินต่อสู้กับโกส คราวนั้น ท่าทางของเด็กหนุ่มก็ดูแปลกไป
……………………
มาวินเดินไปตามทิศทางที่ลูกศรลอยฟ้าชี้บอก ผ่านไปพักหนึ่ง เขาก็เจอถ้ำใหญ่ ปากทางเข้ากว้างขวางถึงขนาดมนุษย์ 5 นายสามารถเดินเรียงหน้ากระดานได้อย่างสบาย ทว่าพอส่องเข้าไปข้างใน กลับพบแต่ความมืดมิด อันยากจะบอกว่าสุดเขตถ้ำนั้น……..ลึกแค่ไหน
“ เหอๆ อย่าบอกนะว่าคราวนี้ ให้ลุยเข้าไปในถ้ำ ชั้นยิ่งกลัวความมืดซะด้วยสิ ” มาวินหัวเราะแห้งๆ เด็กหนุ่มหยุดยืนอยู่ครู่หนึ่ง เสียงโจจี้ก็ดังออกมาจากนาฬิกาข้อมือ
“ เยี่ยมมากที่สามารถผ่านด่านแรกของดันเจี้ยนมาได้ ถ้ำนี้คือด่านที่สอง ”
“ เออ....พูดง่ายดีเนอะ ” มาวินประชดเล็กน้อย เพราะน้อยใจในโชคชะตาที่ต้องมาตกระกำลำบากอยู่กลางดันเจี้ยนโหด แต่ตัวโจจี้กลับเอาแต่พูดพล่ามในห้องทดลองที่แสนสบาย
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ