The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  165.64K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

73) ความผิดปกติ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

เครดิตภาพจาก  https://pixabay.com

 

      ระหว่างที่มาวินอึ้งกับการปรากฏตัวของวัวตัวที่สาม เจ้าตัวที่เด็กหนุ่มกำลังขึ้นคร่อม ก็กู่ร้องเสียงดัง คล้ายจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมสัญชาติก็ไม่ปาน

 

“ มอ……. ” 

        

 

      วัวตัวที่สามเหลือบมองเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ผู้เคราะห์ร้าย ครู่หนึ่ง มันก็ส่งเสียงตอบกลับ เป็นเชิงรับทราบ

 

“ มอ……. ” 

         

 

      มาวินผู้เป็นมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวถึงกับกุมขมับ พร้อมบ่นพึมพำเบาๆ เพื่อระบายความเครียดที่สุมอยู่ในใจ 

 

“ เหอ เหอ เหอ….. มันร้องใส่กันไปมาอย่างกะร่วมสามัคคีชุมนุม เพื่อระดมบาทาใส่เราเลยแฮะ ซวยแล้วดิ มีหวังเละเป็นโจ๊กยามเช้าแหงๆ ” 

          

 

      และสิ่งที่มาวินคิด ก็เป็นความจริง เจ้าวัวตัวที่สามเริ่มย่างสามขุมเข้าหา ท่าทางเอาเรื่อง

 

“ เอาไงดีฟะ แค่ตัวเดียวก็เต็มกลืนแล้ว นี่ดันโผล่มาตั้งสองตัว ” มาวินขบคิดอย่างหนัก ระหว่างนั้นเอง วัวตัวที่เขาขึ้นคร่อม ก็อาศัยทีเผลอ สะบัดกายสุดกำลัง  

 

“ เหวอ…… ” เมื่อผจญกับแรงเหวี่ยงที่รุนแรง มาวินก็ร้องดัง ด้วยพลังอันมหาศาล ทำให้เด็กหนุ่มหัวเขียวหลุดออกจากหลังลงไปนอนแอ้งแม้ง

 

“ พลั๊ก ”

 

“ อั๊ก.. ” มาวินจุกเสียด แต่ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ทำให้เด็กหนุ่มฝืนเด้งกายขึ้นมารับศึก 

      

 

        พอเด็กหนุ่มตั้งหลักได้ เขาก็พบว่าถูกสองวัวร่างใหญ่กระหนาบทั้งหน้าหลัง ดวงตาแดงก่ำจ้องมองมาไม่วางวาย 

 

“ รู้งี้ นอนต่อให้พวกมันกระทืบจนตายไปซะเลยดีกว่า เหอๆ ” เด็กหนุ่มยิ้มแหยๆ พลางนึกท้อแท้อยู่ในใจ 

           

 

       วัวทั้งสองจ้องมาวินอยู่อึดใจ พวกมันก็เริ่มตะกุยขาหน้า เด็กหนุ่มรู้ทันทีว่านี่คือท่วงท่าก่อนจะทะยานเข้ามาขวิด  

 

“ แย่แล้ว การพุ่งขวิดของพวกมันค่อนข้างเร็ว แถมครั้งนี้ ต้องรับมือถึงสองตัว เราไม่มีทางหลบพ้นอย่างแน่นอน จะทำยังไงดีนะ ” คิ้วของมาวินขมวดนิ่ว เขาพยายามคิดทบทวนอย่างหนักหน่วง เพื่อหาทางออก 

 

“ มอ……. ” เสียงวัวทั้งสองคำรามยาว บ่งบอกถึงประสงค์ร้ายอย่างชัดเจน 

 

“ เอาไงดี หรือจะคุกเข่ายอมแพ้ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เจ้าพวกนี้เป็นวัวนี่หว่า มันฟังเราพูดไม่รู้เรื่องแน่ๆ ” แม้มาวินจะใกล้ตาย แต่เขาก็ยังไม่วายเพ้อเจ้อตามสันดาน

 

“ มอ….. ” วัวทั้งสองร้องประสานเสียงกัน ร่างอวบใหญ่กว่าร้อยกิโลแข็งเกร็ง พวกมันย่อตัวลงต่ำ 

          

 

       คราวนี้มาวินไม่พล่ามเพ้อละเมออีกต่อไป เขาเหลือบมองวัวทางซ้ายทีขวาทีสลับกัน ดวงตาเหลือกลานด้วยความหวาดกลัว ทว่าในจังหวะที่สองสัตว์ป่ามีกีบพุ่งเข้าใส่ ประกายตาของเด็กหนุ่มกลับดูกร้าวแกร่ง รอยยิ้มเย้ยหยันเริ่มเชิดสูง 

         

 

       วัวทั้งสองพุ่งใส่มาวินสุดกำลังแบบไม่ลังเล พอห่างเพียงหนึ่งก้าว ดวงตาของเด็กหนุ่มก็พลันถลึงขึ้นมา พร้อมฉากหลบไปทางขวาทันที 

 

“ มอ…… ” วัวทั้งสองร้องเสียงหลง สัตว์ป่าเขาโง้งตกใจมากที่จู่ๆเป้าหมายได้หายไป สิ่งที่เห็นในตอนนี้คือใบหน้าของกันและกัน แน่นอนว่าด้วยความเร็วในการพุ่งทะยานและระยะห่างที่ค่อนข้างกระชั้นชิด ทำให้พวกมันต้องปะทะกัน 

 

“ โครม ” 

 

“ มอ….. ” 

        

 

      เสียงปะทะดังสนั่นลั่นป่าเขียวขจี หลังจากนั้น ก็มีเสียงลากยาวของสัตว์ประเภทวัว กระแสนั้นโหยหวน เพราะเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส แต่ไม่นาน ทุกสิ่งก็พลันสงบ

        

 

      บรรยากาศในป่าเต็มไปด้วยความเงียบสงัด หลังจากนั้น ก็เกิดเสียงขยับกาย มันมาจากเด็กหนุ่มหัวเขียวที่นอนแผ่หลาอยู่ตรงพุ่มไม้ข้างทาง 

 

“ อู้ย….. นี่เราโดนขวิดจนกระเด็นมาติดพุ่มไม้เลยเหรอเนี่ย มีอวัยวะชิ้นไหนขาดหายไปบ้างนะ ” มาวินบิดกายไปมา เพื่อคลายความเมื่อยขบ พร้อมสลัดใบไม้ใบหญ้าที่เกาะตามร่างกาย 

 

“ เอ๊ะ เดี๋ยว เจ้าวัวพวกนั้นยังอยู่สินะ แล้วพวกมันอยู่ไหน การต่อสู้ยังไม่จบนี่นา ” ทันทีที่มาวินคิดได้ เขาก็เหลียวมองไปรอบๆด้วยอาการระวังภัย 

        

 

       มาวินหันรีหันขวางอยู่พักใหญ่ เขาก็ถึงกับนิ่งอึ้ง เมื่อพบว่า…….วัวสองตัวที่ตามหา กำลังนอนตาค้าง น้ำลายแตกฟองตรงจุดที่อยู่ไม่ห่าง 

 

“ เฮ้ย ไหงพวกมันไปนอนกองตรงนั้นฟะ เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย ” มาวินสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ 

         

 

       เด็กหนุ่มหัวเขียวยืนงงกับเหตุการณ์อยู่พักใหญ่ จึงเริ่มคิดได้…..มันก็ดีแล้วนี่ ที่จู่ๆศัตรูลงไปนอนกองกับพื้นซะอย่างงั้น 

 

“ เหอ เหอ เหอ.... ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พี่วัวทั้งหลายอย่าฟื้นขึ้นมาแล้วกัน กระผมจะได้ไปลุยต่อในด่านถัดไป ” มาวินบ่นพึมพำเบาๆ จากนั้นก็เดินจากไป 

 

…………………….

          

        ณ.ห้องทดลองวิทยาศาสตร์ ทุกคนเริ่มคลายกังวล โดยเฉพาะโจจี้ เขาถึงกับหงายหลังลงไปนอนแผ่หลาบนโซฟา ท่าทางโล่งใจ

 

“ เฮ้อ…… รอดไปอีกหนึ่งด่าน เจ้าน้องชายหัวเขียวนี่มันดวงแข็งใช่ย่อย ว่างั้นมั้ย เหมยลี่ ” โจจี้หันไปคุยกับเหมยลี่ที่ยังคงยืนนิ่ง ดวงตาคมเข้มจับจ้องไปที่ภาพมาวินซึ่งปรากฏบนหน้าจอขนาดใหญ่

           

 

        โจจี้เห็นท่าทางที่ผิดแปลกไปของเหมยลี่ หนุ่มหล่อผมทองจึงเอ่ยถาม สีหน้าฉงน 

 

“ เฮ้ เป็นอะไรไป เธอยังห่วงน้องชายหัวเขียวอยู่อีกเหรอ จริงๆแล้วหมอนั่นก็มีฝีมือไม่ใช่ย่อย แบบนี้ มีหวังผ่านดันเจี้ยนระดับ 20 อยู่เหมือนกัน ” 

         

 

         เหมยลี่ยังคงยืนนิ่ง อึดใจต่อมา เธอก็ตอบกลับเบาๆ

 

“ จริงอยู่ที่เจ้าลิงหัวเขียวมีลุ้นผ่านดันเจี้ยนระดับ 20 แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ…..” 

 

“ คือ….อะไร ” โจจี้เริ่มสนใจ เขาลุกขึ้นมานั่งฟัง

 

“ ในจังหวะที่หลอกให้วัวชนกันเอง ไม่ใช่ฝีมือของเจ้าลิงหัวเขียวอย่างแน่นอน ” เหมยลี่ตอบกลับห้วนๆ 

 

“ หา…… เธอพูดแบบนี้หมายความว่าไง ก็เห็นอยู่โทนโท่ว่าในตอนที่หลบสองวัวป่า เป็นเจ้าน้องชายหัวเขียวชัดๆ จะไม่ใช่มันได้ยังไง ” โจจี้อุทานดัง เขารู้สึกงงงวย 

 

“ ไม่รู้สิ เพราะในขณะที่วัวป่าพุ่งเข้าใส่ สีหน้าและแววตาของเจ้าลิงหัวเขียวดูเปลี่ยนไป ” เหมยลี่อธิบายด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย ทำให้โจจี้นึกหวั่น เพราะมีโอกาสน้อยมากที่คนนิ่งอย่างเด็กสาวร่างสูงจะเกิดอาการแบบนี้

 

“ เอ….. มันจะเป็นไปได้ยังไง ชั้นไม่เห็นว่าสีหน้าของน้องชายหัวเขียวจะเปลี่ยนเลย เธอคิดมากไปเองล่ะมั้ง ” โจจี้ปลอบใจ ทั้งที่เขาก็ไม่แน่ใจในคำพูดของตัวเอง

 

“ อืม……. ก็ขอให้ชั้นคิดมากไปเองแล้วกัน ” เหมยลี่ตอบกลับเบาๆ เธอนึกไปถึงตอนที่มาวินต่อสู้กับโกส คราวนั้น ท่าทางของเด็กหนุ่มก็ดูแปลกไป

 

……………………

           

         มาวินเดินไปตามทิศทางที่ลูกศรลอยฟ้าชี้บอก ผ่านไปพักหนึ่ง เขาก็เจอถ้ำใหญ่ ปากทางเข้ากว้างขวางถึงขนาดมนุษย์ 5 นายสามารถเดินเรียงหน้ากระดานได้อย่างสบาย ทว่าพอส่องเข้าไปข้างใน กลับพบแต่ความมืดมิด อันยากจะบอกว่าสุดเขตถ้ำนั้น……..ลึกแค่ไหน 

 

“ เหอๆ อย่าบอกนะว่าคราวนี้ ให้ลุยเข้าไปในถ้ำ ชั้นยิ่งกลัวความมืดซะด้วยสิ ” มาวินหัวเราะแห้งๆ เด็กหนุ่มหยุดยืนอยู่ครู่หนึ่ง เสียงโจจี้ก็ดังออกมาจากนาฬิกาข้อมือ

 

“ เยี่ยมมากที่สามารถผ่านด่านแรกของดันเจี้ยนมาได้ ถ้ำนี้คือด่านที่สอง ” 

 

“ เออ....พูดง่ายดีเนอะ ” มาวินประชดเล็กน้อย เพราะน้อยใจในโชคชะตาที่ต้องมาตกระกำลำบากอยู่กลางดันเจี้ยนโหด แต่ตัวโจจี้กลับเอาแต่พูดพล่ามในห้องทดลองที่แสนสบาย

 

 

สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา