The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
55) น้ำตาฟ้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เครดิตภาพจาก https://wallpaperaccess.com
บรรยากาศหลังแข่งเต็มไปด้วยความชื่นมื่น ผู้ชมนับหมื่นพากันขนานนามของแทงค์คนดัง จากนั้นก็แยกย้ายกลับบ้าน
“ โห..... เกมวันนี้โคตรมันเลย สาแก่ใจมาก เชื่อมั้ย...ถ้าชั้นได้ลงเล่นนะ จะปั่นหัวเจ้าแทงค์ปีศาจนั่นให้หมุนจนลืมบ้านเลขที่เลยทีเดียว ฮ่าๆ ” มาวินคุยโตสลับหัวเราะชอบใจ ท่าทางคึกคะนอง
“ อืม.... ” เหมยลี่รับคำสั้นๆ ท่าทีเฉยเมย สายตาเหลือบมองไปรอบๆ เพื่อหาทางออก แต่ก็ไร้หนทาง ด้วยมีผู้คนนับหมื่นขวางกั้น
“ พูดก็พูดนา เจ้าแทงค์นั่นก็เก่งใช่ย่อย แต่ยังมีจุดอ่อนอยู่อย่าง เธอรู้มั้ยว่าคืออะไร ” มาวินเอ่ยถาม ใบหน้าเรียวเล็กยิ้มไม่หุบ
“ เหรอ แล้วจุดอ่อนนั้นคือ…..” เหมยลี่ถามสั้นๆ เธอดูไม่ค่อยใส่ใจนัก
“ จุดอ่อนนั้นก็คือ…..” พอพูดถึงตรงนี้ มาวินก็หยุดและมองไปรอบๆ จากนั้นก็ขยับเข้ามาใกล้ๆ เพื่อเฉลยตำตอบด้วยเสียงกระซิบ ท่าทางที่น่าสงสัย ทำให้เหมยลี่อยากรู้ขึ้นมาเล็กน้อย
“ จุดอ่อนของแทงค์ปีศาจนั่นก็คือ….ชั้นยังไงเล่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า...... ” มาวินพูดจบ เขาก็หัวเราะลั่นจนสุดเสียง ความบ้าบอของเด็กหนุ่ม ทำให้เหมยลี่รู้สึกห่อเหี่ยวและนึกเศร้าอยู่ในใจ
“ ไม่น่าตั้งใจฟังเลย ”
“ อ้าว....จริงๆนะ สาเหตุที่ชั้นเป็นจุดอ่อนของเจ้าแทงค์บ้า เพราะชั้นเป็นอัจฉริยะที่สามารถบั่นทอนให้หมอนั่นอ่อนกำลังลง มีหลายแผนที่ใช้ได้เลยนะ เธออยากฟังมั้ย ” พอมาวินเห็นเด็กสาวเมินเฉย เขาก็เริ่มร้อนรนและพยายามชักแม่น้ำทั้งห้ามาสาธยาย
ระหว่างที่ต่อแถว เพื่อออกจากสนาม มาวินเริ่มพล่ามพรรณนาถึงแผนการต่างๆ อาทิเช่น ลอบวางยาถ่าย พอแม็กซ์ปวดท้อง ก็เข้าโจมตีให้หนัก หรือไม่ก็ยัดเงินให้แทงค์ปีศาจแกล้งยอมแพ้ ยังมีวิธีอื่นๆอีกมากมายที่หลุดโลกไม่แพ้กัน ทำให้เหมยลี่ถึงกับเพลีย แต่แล้วเด็กสาวร่างสูงก็คิดแผนการที่ทำให้ตนสบายรูหู จึงกล่าวสั้นๆว่า.....
“ ชั้นรู้จักโค้ชทีม ROD ประจำเมืองนี้ ชั้นฝากให้นายลงแข่งได้นะ ”
การแสดงออกแรกของมาวินคือหน้าซีด มือไม้สั่น เด็กหนุ่มใช้เวลารวบรวมกำลังใจอยู่นาน จากนั้นก็ตอบกลับมาว่า…..
“ ไม่รู้คราวนี้เป็นยังไง รู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอเป็นคราวหน้าดีกว่า แฮะๆ ”
เหมยลี่ซ่อนยิ้ม เธอรู้สึกดีใจที่แผนสยบแมลงโม้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด นับแต่นี้ จะไม่มีคำพูดใดหลุดจากปากของมาวิน ซึ่งก็จริงตามที่คาด เด็กหนุ่มสงบปาก แล้วเดินตามมาเงียบๆ
……………………….
หลังจากวัยรุ่นทั้งสองออกจากสนาม ก็ตรงไปกินมื้อเย็นที่ร้านอาหารแนวคาวบอยอันเป็นจุดที่ฝากม้า สภาพภายในกลับคืนสู่ภาวะปกติ โต๊ะ เก้าอี้ที่ล้มระเนระนาดจากการวิวาทเมื่อกลางวัน ถูกจัดเก็บจนเข้าที่ ส่วนเหล่ากรรมกรท่าเรือและนักสู้ผมทองได้อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
การกินอาหารเย็นในครั้งนี้ดูเรียบร้อยเป็นที่สุด เนื่องจากเจ้าลิงหัวเขียวยังอยู่ในโหมดสงบเสงี่ยม สันนิษฐานว่าน่าจะกลัวถูกส่งไปแข่ง ROD จวบจนอาหารคำสุดท้ายไหลลงท้อง มาวินก็เริ่มเอื้อนเอ่ย
“ หลังกินเสร็จ เราจะไปไหนกันต่อ ”
เหมยลี่นิ่งตรึกตรอง แววตามองตรงไปข้างหน้าอย่างปราศจากความหมาย ครู่หนึ่ง เธอก็ตอบกลับ
“ หาโรงแรมนอน จากนั้นก็ขึ้นเรือเดินทางสู่แผ่นดินใหญ่ ”
“ ว้าว.... จะได้นั่งเรือแล้ว เย้ เย้ เย้ ดีใจจัง ” มาวินยกสองแขนขึ้นสูง ปากก็เฮดังจนทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว ทำให้เหมยลี่ต้องปรามด้วยการกระซิบเบาๆ
“ อยากแข่ง ROD มั้ย ”
หลังจากมาวินได้ยินเสียงกระซิบ เจ้าลิงจอมซนก็กลับมาเป็นเด็กเรียบร้อยอีกครั้ง ปากก็โต้ตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบาไม่แพ้กัน
“ ไม่เอาอ่ะ ชั้นเกรงใจ ”
………………………
เมื่อรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ทั้งสองก็ออกมาเที่ยวชมเมืองยามค่ำคืน (ความอยากของมาวินล้วนๆ) ซึ่งการพาทัวร์ในครั้งนี้ เป็นหน้าที่ของเหมยลี่
สถานที่ซึ่งพบบ่อยสุด หนีไม่พ้นผับ บาร์หรือไม่ก็ร้านเหล้าแนวโลกยุคกลางผสมแฟนตาซี เหล่าลูกค้ามาจากทั่วทุกสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นตาแก่คาวบอยที่นั่งกกอีหนูอยู่ตรงมุมห้อง ชายหนุ่มชุดซามูไรที่ยืนขรึมอยู่หน้าบาร์ นี่ยังไม่นับสาวภารตะ ผู้สวมใส่ชุดระบำแขกที่ทำมาจากผ้ากำมะหยี่
ทั้งสองเที่ยวชมอยู่นาน หลายชั่วโมง สถานที่สุดท้ายในทัวร์นี้ก็คือ.....บ่อน้ำพุหน้าประตูเมือง ซึ่งตอนนี้มีผู้คนประจำอยู่ไม่เกิน 10 นาย ส่วนใหญ่จะนั่งกันเป็นคู่
สองวัยรุ่นนั่งพักผ่อนตรงบ่อน้ำพุอันเป็นจุดที่ห่างไกลจากคู่อื่น มาวินนั่งพิงฐาน ส่วนเหมยลี่นั่งอยู่บนขอบฐานที่มีความสูงประมาณเอว
“ เฮ้อ......สนุกจังเลย ได้ไปเยือนตั้งหลายผับแหนะ แต่เมื่อยขาไปหน่อยนะ ฮะๆ ” มาวินหัวเราะร่า พร้อมบิดกายไปมา เพื่อขับไล่ความเมื่อยขบ
“ มันก็ต้องเมื่อยอยู่แล้ว นายให้ชั้นพาเดินตั้งสามชั่วโมงนี่นา ” เหมยลี่ตอบเรียบๆ ด้วยความสลัวยามราตรี เลยมองไม่เห็นสีหน้าของเธอ
“ ฮะๆ ก็มันสนุกนี่นา สถานที่แห่งนี้อย่างกะเมืองโบราณแบบรีมิกซ์เลย มีทั้งพวกคาวบอย อาหรับ อาลาดิน แถมนักสู้กังฟูแบบพวกเราก็มี อ้อ มีซามูไรญี่ปุ่นอีกต่างหาก สุดยอดไปเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า ” มาวินพล่ามไปเรื่อย ใบหน้าทะเล้นยิ้มแป้นไม่หุบปาก เขาดูไม่ต่างจากเด็กน้อยที่เพิ่งออกมาจากสวนสนุก
เหมยลี่รู้สึกงงงวย เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่มาวินพูดเลย เพราะคำว่า ญี่ปุ่น อาหรับ ซามูไร ไม่มีความหมายในโลกนี้ แต่เด็กสาวก็เก็บงำความสงสัย
“ ว่าแต่.....ทำไมเธอถึงดูคล่องเส้นทางในเมืองนี้ อย่างกับอยู่มาหลายปีเลย ” มาวินฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามเพื่อนสาว
เหมยลี่นิ่งอยู่หลายวินาที ก่อนจะตอบกลับมาเบาๆ โดยไม่มองหน้า
“ ชั้นท่องอยู่ในถิ่นนี้มากว่าสองปีแล้ว ”
“ ว้าว..... แจ่มเลย อย่างงี้เธอก็เที่ยวจนรอบแล้วสิ วันหลังพาทัวร์โซนอื่นบ้างดิ ” มาวินยิ้มหน้าใสขึ้นมาทันที เรื่องกิน เรื่องเที่ยว เรื่องสนุก นับเป็นของโปรดอยู่แล้ว
“ อ้าว.....แล้วนายไม่ไปแคว้นเยอมาเนีย เพื่อกลับบ้านหรือ…” เหมยลี่ถามกลับ เธอหันมาสบตาเด็กหนุ่ม
“ เออ......ใช่ ลืมไปเลย ว้า น่าเสียดาย แย่จัง ” มาวินตบเข่าตัวเอง พลางสบถดัง
“ นายนี่มันจริงๆเลย..... เจ้าลิงหัวเขียว ” เหมยลี่บ่นเบาๆ แต่ถ้ามองให้ดี จะเห็นรอยยิ้มที่ดูเจือจาง
“ เฮ้อ..... แต่จะว่าไปท้องฟ้าที่นี่ ก็ดูสวยจัง ” มาวินเงยหน้ามองท้องฟ้า ดวงตาเล็กเรียวเริ่มฉายประกายโศก อันเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นจากเด็กหนุ่ม
เหมยลี่มองหน้ามาวิน เธอไม่เข้าใจว่าทำไม เจ้าลิงหัวเขียวถึงแปรเปลี่ยนเป็นแบบนี้ จึงได้แต่นิ่ง ไม่เอ่ยคำใดออกมา
บรรยากาศในเวลานั้นมีแต่ความเงียบ มีเพียงเสียงลมเย็นที่พัดแผ่ว นานๆจะได้ยินเสียงคู่รักที่พำนักอยู่แถวนั้น สำเนียงบ่งบอกถึงความหวานหูมิรู้หาย แต่ถ้าเอาเนื้อความ เห็นทีจะไม่ได้ซักกระบวน เพราะกระแสเบาเกินไป เมื่อเดดโซนผ่านไปได้ระยะหนึ่ง มาวินก็เอ่ยปาก
“ เชื่อมั้ย ที่ๆชั้นจากมา แทบไม่เคยเห็นแสงดาวเลย ยามที่เห็นมันในลักษณะนี้ จะเป็นตอนที่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดเท่านั้น ” มาวินพูดขึ้นมาเบาๆ น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
เหมยลี่หันกลับไปมองมาวินที่นั่งแผ่หลา ใบหน้าเล็กเรียวดูเศร้าหมอง นั่นชวนให้เด็กสาวอยากรู้ พอเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มก็กล่าวขึ้นมาอีก
“ และเชื่อมั้ย ทุกครั้งที่ดูดาว ก็จะมีจันคอยอยู่กับชั้นตลอดเวลา แต่ครั้งนี้กลับไม่มี ”
น้ำเสียงของมาวินแฝงแววเจ็บปวดอย่างชัดเจน ชนิดที่เหมยลี่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนประสาท บ้าบออย่างหมอนี่ จะมีสภาพแบบนี้ได้ เธอจึงตัดสินใจถามไปตรงๆ
“ จันก็คือคนรักของนาย…..ใช่มั้ย ”
มาวินเงยหน้ามองท้องฟ้าเงียบๆ ใบหน้าดูสงบและเจือความสุขอยู่เล็กน้อย คล้ายว่ากำลังขบคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต วินาทีต่อมา เด็กหนุ่มก็ค่อยๆหลับตาลง หยาดน้ำใสสายหนึ่งเริ่มไหลออกมาจากขอบดวงตา
เหมยลี่มองอากัปกิริยาของมาวินด้วยอารมณ์ใดไม่ทราบได้ เพราะใบหน้าของเธอยังคงไร้อารมณ์ดุจเดิม แต่ก่อนจะได้พูดคำใดออกมา ก็มีเสียงเล็กๆของเด็กน้อยคนหนึ่งดังแว่วมาตามสายลม
“ อย่าทำผมเลยครับ ผมไม่ได้ขโมย ผมถูกใส่ความ ”
มาวินและเหมยลี่ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน ทั้งสองรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา จากนั้น เด็กสาวร่างสูงก็วิ่งตรงไปยังจุดเกิดเหตุ โดยมีเด็กหนุ่มหัวเขียววิ่งตามไปติดๆ เขาปาดคราบน้ำตาบนใบหน้า ความโศกเศร้า ห่วงหา อาวรณ์มลายหายไปสิ้น ด้วยมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นที่เบื้องหน้า
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ