The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  165.56K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

49) ยกแรกของแม็กซ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

เครดิตภาพจาก  https://pixabay.com

 

      เมื่อชายร่างยักษ์ปรากฏตัว ทั้งอัฒจันทร์ก็เงียบกริบ ทุกคนล้วนตกอยู่ในอาการเดียวกันนั่นก็คือ….นั่งตัวเกร็ง กัดฟันกรอดใหญ่ ใจรู้สึกตื่นเต้นผสมกับหวาดกลัว แม้กระทั่งเจ้าจ๋ออย่าง มาวิน ก็ไม่ยกเว้น 

 

“ ฮะๆ นี่น่ะเหรอ แทงค์อันดับหนึ่ง ท่าทางอย่างกับ เอ่อ.....ปีศาจ ” มาวินหัวเราะแห้งๆ

 

“ อืม ถ้าได้เห็นแม็กซ์ลงมือ นายจะรู้เองว่าเขาเป็นมากกว่าปีศาจซะอีก ” เหมยลี่พยักหน้ารับช้าๆ ปากสั่นเล็กน้อย เพราะอีกไม่กี่อึดใจ เธอก็จะได้เห็นฝีไม้ลายมือของแทงค์ระดับโลก

 

……………………..

           

      อินอสต้ามองมาที่แม็กซ์ ดวงตาคมเข้มหรี่ต่ำ คล้ายคนที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนักหน่วง หน้าหยาบกร้านก็แข็งเกร็งราวหินแกรนิต  เขาดูเคร่งเครียดจนบรรดาลูกทีมต้องเอ่ยปากถาม 

 

“ ลูกพี่อินอสต้า ทำไมถึงดูซีเรียสขนาดนั้น ” 

        

 

       อินอสต้านิ่งไปแวบหนึ่ง ก่อนตอบกลับช้าๆด้วยเสียงที่แหบต่ำ 

 

“ ราสส่งแม็กซ์มาแค่คนเดียว มีแผนอะไร เพราะต่อให้หมอนั่นเก่งขนาดไหน ก็รับมือพวกเราไม่ไหว ” 

 

“ ฮ่าๆ นึกว่าเรื่องอะไร พวกราสคงเห็นการแข่งครั้งนี้เป็นเพียงนัดอุ่นเครื่องและโชว์ตัว มันเลยเล่นแบบปล่อยๆ ลูกพี่อย่าไปสนใจเลย ” ลูกทีมร่างเตี้ยล่ำแจงด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ แต่อินอสต้ายังไม่คลายกังวล เขาพูดกับตัวเองเบาๆ

 

“ ขอให้เป็นอย่างนั้นจริงๆเถอะ ” 

         

 

       พอเกมการแข่งใกล้จะเริ่มต้น อินอสต้าและลูกทีมได้ยินเสียงประกาศของโฆษก

 

“ ขอเชิญผู้เล่นทั้งสองทีมกลับฐาน เพื่อเตรียมแข่งขัน ” 

         

 

       ผู้เล่นทีมมัฟฟินกลับฐานของตนเอง ส่วนแม็กซ์ สมาชิกหนึ่งเดียวของราส ได้ยืนรออยู่ในฐานแล้ว 

         

 

       บริเวณฐานของทั้งสองทีมเป็นลานกว้างที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 เมตร กลางลานมีเสาคอนกรีตต้นใหญ่ขนาดสามคนโอบตั้งตระหง่าน มันสูงราวๆสิบเมตร

        

 

       อินอสต้ายืนนำหน้า กัปตันทีมมาดขรึมกวาดตามองทุกคน ก่อนจะอธิบายแผนการเล่นให้ลูกทีมฟัง

 

“ แม้ราสจะส่งผู้เล่นมาแค่คนเดียว แต่พวกเราอย่าประมาท หยั่งเชิงด้วยแผนหลักของเราก่อน นั่นก็คือรักษาป้อมทั้งสามจุดให้แน่นหนา มีช่องว่าง ค่อยรุกคืบทำลายป้อมของข้าศึก เพื่อดันให้ถึงฐานใหญ่ " 

         

 

       แผนดังกล่าวดูรัดกุมยิ่งนัก แต่เมื่ออินอสต้าอธิบายจบ ลูกทีมร่างเตี้ยล่ำ ผู้อวดดีก็สวนคำ

 

“ ลูกพี่ มันมาแค่คนเดียวเอง ไม่จำเป็นต้องใช้แผนอะไรให้มากความ รุมโจมตีเลยดีกว่า ต่อให้เก่งแค่ไหน ก็ต้านเราไม่อยู่หรอก หรือไม่ก็ปล่อยให้ผมออกไปดวลเดี่ยว เพื่อหยั่งเชิงดูก่อน ” 

 

“ จริงด้วย ให้หยางลองก่อนก็ได้ ถ้าพลาดยังไง พวกผมขอดวลต่อเอง ” ลูกทีมรายอื่นสนับสนุน เพราะถ้าใครล้มแทงค์มือหนึ่งของโลกได้ ย่อมได้รับทั้งชื่อเสียงและเงินทองอย่างมหาศาล 

        

 

       อินอสต้าหรี่ตาลง เขานิ่งคิดด้วยความสุขุมตามนิสัย ก่อนโอนอ่อนผ่อนตามความเห็นของลูกทีม 

 

“ ลองดูก่อนก็ได้ หยาง นายออกไปดวลกับมัน ” 

         

 

       เมื่ออินอสต้าเปิดไฟเขียวให้ ชายร่างเตี้ยล่ำ หน้าจืดก็ยิ้มกริ่ม เขาหยิบทวนสั้นคู่ขึ้นมา จากนั้นก็เดินไปยังลานกว้างกลางสนาม เพื่อดวลกับยักษ์ใหญ่ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว 

        

 

       หยางเดินตรงไปหาแม็กซ์ด้วยท่าทางที่ดูมั่นใจ ภายในแอบฝันหวาน

 

“ ข้าเคยหลอกแทงแทงค์ช้าๆด้วยทวนคู่สองเล่มนี้มานักต่อนักแล้ว แกก็คงเหมือนคนอื่น ถ้าล้มแกได้ คงดังเป็นพลุแตกแน่ ดีไม่ดี อาจมีทีมใหญ่ดึงไปร่วมทีม ทีนี้ล่ะ เงินทองไหลมาเทมา ฮ่า ฮ่า ฮ่า..... ” 

        

 

        เมื่อทั้งสองประจันหน้ากัน หยางก็กล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงที่คล้ายจะเย้ย 

 

“ หวัดดี แม็กซ์ ช่วยออมมือให้ข้าด้วยนะ ฮ่าๆ ” 

        

 

       ชายร่างยักษ์ไม่ตอบคำ แต่มองตรงไปยังอินอสต้า ซึ่งยืนดูการต่อสู้อยู่ที่แนวหลัง ดูไปแล้ว เขาไม่มีท่าทีสนใจหยางเลย ทำให้หนุ่มร่างเตี้ยล่ำถึงกับสะอึก

 

“ เฮ้ย คู่ต่อสู้ของแกอยู่ตรงนี้เฟ้ย มองไปทางไหนฟะ ” หยางตะโกน ทั่วกายสั่นเทาด้วยความโกรธที่ถูกเมิน 

         

 

       คราวนี้นับว่าได้ผล ชายร่างยักษ์หันกลับมามองหยาง แววตาดูนิ่งเฉย อึดใจต่อมา แทงค์ชื่อดังก็กล่าวสั้นๆว่า......

 

“ เข้ามา ” 

 

“ หน็อย.....ไอ้แทงค์หน้าโง่ ” หยางเกิดบันดาลโทสะที่ถูกหยาม เขาจึงพุ่งเข้าไปแทงทวนสั้นที่หน้าอกของอีกฝ่าย

 

“ เคร้ง...... ”  

          

 

       ก่อนที่ปลายทวนจะกระทบเป้าหมาย ขวานหินขนาดใหญ่ก็ขยับเข้ามาปัดอย่างรุนแรง เป็นผลให้ทั้งทวนและคนปลิวไปตามทาง

 

“ เฮ้ย ” หยางร้องลั่น ความแรงนั้นทำให้เขาล้มก้นจ้ำเบ้า แต่ก็รีบลุกขึ้นมา พร้อมเตรียมเข้าไปสัประยุทธ์อีกครั้ง ทว่ามือขวากลับสั่นไม่หยุด เมื่อก้มลงไปดู ก็พบรอยแตกร้าวตรงปลายทวนที่ใช้แทง

 

“ โอ้ว..... นี่มันอะไรกัน มันเร็วจนปัดอาวุธได้ทัน มิหนำซ้ำ ยังฟาดได้แรงจนทำให้มือเราสั่น กระทั่งทวนสั้นที่หล่อมาจากเหล็กกล้ายังร้าวได้ถึงขนาดนี้ พลังอะไรกันเนี่ย ” หยางตื่นตระหนก ใบหน้าที่เคยอวดดี กลับกลายเป็นขาวซีด

        

 

        ไม่รู้ว่าแม็กซ์รู้สึกรำคาญหรือเบื่อยังไงไม่ทราบได้ แต่เจ้ายักษ์เริ่มกล่าวกับหยางด้วยเสียงที่ห้าวใหญ่

 

“ ว่าไง จะบุกเข้ามาหรือจะให้ข้าบุกเข้าไป ” 

        

 

       ด้วยความกลัวที่เริ่มเกาะกินหัวใจ ทำให้หยางไม่กล้าตอบ เขาเหลือบมองไปรอบๆ เพื่อหาช่องทางต่อสู้ แต่ถึงยังไง ชายร่างเตี้ยล่ำก็เป็นนักสู้มืออาชีพที่ผ่านมาหลายสังเวียน ทำให้ปรับอารมณ์ได้เร็วและคิดแผนใหม่ได้ทัน

 

“ ลานกลางสนามกว้างขวางพอสมควร เห็นทีเราต้องใช้ความไวในการเคลื่อนที่ เข้าตีตอดแล้วถอยฉาก เพื่อตัดกำลังไปเรื่อยๆ ” หยางคิดแผนอยู่ในใจ เขาเริ่มเอาจริง ไม่ติดประมาทเหมือนตอนแรก เพราะแม็กซ์ที่ยืนตรงหน้า ไม่ได้เชื่องช้าเหมือนแทงค์ดาดๆที่เคยเจอ 

        

 

       เมื่อคิดได้ดังนั้น หยางก็เริ่มวิ่งวนรอบตัว เพื่อหยั่งเชิงและรอจังหวะเหมาะๆ เขาเป็นนักสู้ที่เคลื่อนไหวได้เร็วมาก มันว่องไวจนคนดูแทบมองไม่ทัน ถึงกระนั้น แม็กซ์ก็ไม่มีท่าทีตกใจ แทงค์ร่างยักษ์ยังคงนิ่งเฉย ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงเหลือบไร

 

“ เป็นไงเล่า งงล่ะสิ ฮ่าๆ ” หยางเคลื่อนที่ไปรอบๆ ปากก็ร้องตะโกนข่มขวัญเป็นระยะ ความเร็วเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆจนทุกคนมองเห็นเขาเป็นเพียงเงาดำที่วูบวาบไปมา ทว่าแทงค์ร่างยักษ์ยังคงนิ่งเฉย

 

“ ฮ่าๆ สงสัยจะกลัวจนพูดไม่ออก นี่คือท่าไม้ตายของข้า รับไป เงาปีศาจ ” หยางคำรามดัง ก่อนเร่งความเร็วสูงสุด ทำให้เกิดเงาดำนับสิบวิ่งวนรอบกาย วินาทีต่อมา หนึ่งในเงาปีศาจก็พุ่งโฉบแผ่นหลังของแม็กซ์ 

 

“ ปั้ก ” 

      

 

       เสียงคล้ายของแข็งกระทบกันดังขึ้น แม็กซ์รีบหันหลัง เพื่อรับการโจมตี ทว่าเงาดำนั้นได้ถอยฉากออกไป แล้ววิ่งวนรอบกายแทงค์คนดังดุจเดิม 

        

 

       สีหน้าของแม็กซ์ยังดูเฉยเมย คล้ายไม่รู้สึกรู้สาอะไร เขาสำรวจจุดที่โดนโจมตี พบว่ามีรอยแดงจางๆปรากฏบนแผ่นหลังล่ำสัน แทงค์คนดังจึงมองมาที่หยาง ซึ่งตอนนี้กลายเป็นเงาดำวิ่งวนไปมา จากนั้นก็ออกปากท้าทาย 

 

“ มีแค่นี้เองเหรอ โจมตีเข้ามาอีก ” 

 

“ หน็อย เจ้ายักษ์ บังอาจดูถูกข้ารึ แกต้องเจอนี่ เงาดำปีศาจ ” หยางคำราม เงาดำที่วิ่งวนรอบตัวได้พุ่งโฉบเข้ามาจู่โจม จากนั้นมันก็ถอยฉากออกไปวงนอก ไฟท์เตอร์เตี้ยล่ำเดินเกมแบบนี้อีกหลายวาระ ทำให้แทงค์คนดังโดนตีอยู่ฝ่ายเดียว 

         

 

       แม้ว่าเงาดำปีศาจจะน่ากลัวและโกงมหาประลัย (ไม่โกงได้ยังไง ก็อัดคนอื่นอยู่ฝ่ายเดียว) แต่เป็นท่าที่ใช้กำลังมาก ดังนั้นนักสู้ร่างเตี้ยล่ำจึงคลายกระบวนท่า แล้วกลับมายืนประจันหน้ากับแทงค์คนดังอีกครั้ง 

 

“ แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก เป็นไง แม็กซ์ แกยังจะเมินข้าอีกมั้ย ” 

         

 

        แม้ว่าตามร่างกายล่ำสันจะมีรอยแดงจางๆจากการโจมตี แต่แม็กซ์ก็ยังยืนนิ่ง คล้ายกับว่าการโจมตีเมื่อครู่นี้เป็นเพียงแมลงวันที่บินวนไปมา เพื่อสร้างความรำคาญ ครู่หนึ่ง ชายร่างยักษ์ก็ตอบกลับ

 

“ มีเพียงเท่านี้เองเหรอ โจมตีให้หนักๆ ” 

         

 

        เมื่อหยางได้ยินคำหยามหยัน เขาก็เกิดอาการคลั่ง ผมสั้นเป็นกระบังตั้งสูงด้วยความแค้น ร่างเตี้ยล่ำสันที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามเริ่มสั่นเทา ปากก็ตวาดกลับเสียงดัง 

 

“ ได้เลย ในเมื่อแกต้องการแบบนี้ ข้าก็จัดให้ เตรียมรับไม้ตายสุดยอด ” 

        

 

         สิ้นเสียงคำราม หยางก็เกร็งกาย เพื่อเค้นพลังแฝงที่อยู่ในตัว ไม่นานนัก ก็เกิดออร่าสีขาวจางๆแผ่ออกมา เมื่อแสงสีเปล่งประกายถึงขีดสุด ไฟท์เตอร์ร่างเตี้ยล่ำจึงเงยหน้าขึ้นมา

 

“ ท่าร้อยเงาพุ่งทะลวง ” 

       

 

       วินาทีต่อมา ร่างของหยางก็กลายสภาพเป็นเงาดำนับสิบ พวกมันพุ่งทะลวงเข้าไปหาแม็กซ์ แต่ก่อนจะเข้าถึงตัว ชายร่างยักษ์ก็แหกปากตะโกน กระแสนั้นรุนแรงจนทำให้ทุกคนในโคลอสเซียมได้ยินอย่างชัดเจน

 

“ ฮ้า ” 

       

 

       สิ้นเสียงตะโกน แม็กซ์ก็ฟาดขวานหินลงไปที่ฝูงเงาดำ

 

“ โครม ”  

        

 

       เสียงกัมปนาทดังสนั่น อึดใจต่อมา ควันก็ลอยคละคลุ้งไปทั่วลานประลอง ฝูงชนเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องและเงียบกริบดุจป่าช้า เนื่องจากการโจมตีครั้งนี้ มันรุนแรงและรวดเร็วจนเกินบรรยาย เมื่อฝุ่นจางลง สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาก็คือ…….ร่างเตี้ยล่ำสันของหยางที่นอนจมกองเลือดอยู่แทบเท้าของแม็กซ์ แทงค์อันดับหนึ่งของโลก 

         

 

       เหมือนสวิตช์เปิดเสียงเฮทำงาน เพราะในอึดใจต่อมา ก็บังเกิดเสียงโห่ร้องจากผู้คน

 

“ เฮ....... แม็กซ์....... ” 

        

 

       ใบหน้าของอินอสต้าและมวลหมู่สมาชิกเริ่มถอดสี เนื่องจากพวกเขาต้องเสียมือดีอย่างหยางไป ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว บ่งบอกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของแทงค์อันดับหนึ่งได้เป็นอย่างดี

 

“ เห็นมั้ยเล่า บอกแล้วว่าอย่าประมาท ” อินอสต้าย้ำกับลูกทีม น้ำเสียงสั่นเทา ซึ่งจะโทษเขาก็ไม่ถูก เพราะใครก็ตามที่ได้เห็นการโจมตีที่รุนแรง ย่อมต้องเกิดความกลัวกันทุกคน 

        

 

       แม็กซ์มองหยางที่นอนสิ้นสภาพอยู่ครู่หนึ่ง ก็ปรากฏแสงสีฟ้าอ่อนแผ่ออกมา มันเปล่งประกายแวบหนึ่ง ก่อนจะเลือนหายไปพร้อมนักสู้ร่างเตี้ย

 

……………………….

 

“ อ้าว เฮ้ย ทำไมร่างของเจ้าเตี้ยล่ำถึงหายไปได้ ” มาวินร้องถามเหมยลี่ ท่าทางตื่นเต้น

         

 

        เหมยลี่ไม่ได้ตอบทันที เธอเอาแต่ยืนเกร็ง ดวงตามองไปยังการต่อสู้เบื้องหน้า กายสั่นเล็กน้อย ทำให้มาวินนึกแปลกใจ 

 

“ ไม่เคยเห็นยัยโย่งเป็นแบบนี้มาก่อน การต่อสู้เมื่อครู่ มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ ” ถึงมาวินจะนึกสงสัย แต่ก็ไม่คลายอยากรู้อยากเห็น เจ้าจ๋อเลยกระตุกไหล่ของเด็กสาวแรงๆ พร้อมตะโกนถามเสียงดัง 

 

“ ไอ้ตี๋นั่นหายไปได้ยังไง ยัยโย่ง ” 

 

“ เอ๊ะ ” เด็กสาวร่างสูงตื่นจากภวังค์ พร้อมหันมามองคู่สนทนา เธอยืนอึ้งไปพักใหญ่ ก่อนถามกลับ 

 

“ ขอโทษ เมื่อกี้ว่าอะไร” 

 

“ ฮะๆ สุดยอดไปเลย เมื่อกี้ชั้นถามเธอว่า.....เจ้าตี๋เตี้ยล่ำนั่นหายไปไหน ” มาวินเกาหัวแกรก พร้อมทวนคำถามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

 

“ อืม.....ไอเทมหินวิญญาณที่ติดตัวผู้เล่นเริ่มทำงานน่ะ ” เด็กสาวกล่าวสั้นๆ

        

 

       คำตอบดังกล่าว ทำให้มาวินไปไม่เป็น เพราะไม่รู้ว่าหินวิญญาณคืออะไร เด็กหนุ่มหัวเขียวจึงถามต่อ 

 

“ หินวิญญาณคืออะไร แล้วเจ้าล่ำหายไปไหน ” 

        

 

        ดูเหมือนว่าเหมยลี่จะรู้ตัวแล้วว่าคำอธิบายของตนฟังดูไม่เคลียร์ จึงดึงสติกลับมา พร้อมแจกแจงอย่างละเอียด

 

“ หินวิญญาณคือไอเทมที่ผู้เล่นทุกคนต้องพกติดตัว เพราะมันสามารถเซฟพลังชีวิตเฮือกสุดท้ายและลดทอนการโจมตีถึงตายให้เหลือเพียงแค่สลบ จากนั้น หินก็จะเปล่งแสง พร้อมวาร์ปผู้เล่นไปยังห้องพยาบาล ” 

 

“ อ้อ เข้าใจแล้ว กีฬานี้น่าจะเซฟผู้เล่นมากกว่าที่คิด เพราะโจมตีหนักเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครตาย ฮะๆ ดี ชักคันไม้คันมืออยากเล่นบ้างแล้วสิ ” มาวินถูมือไปมา

 

“ ใครว่าไม่มี ถ้าการโจมตีนั้นรุนแรงเกินไป ผู้เล่นอาจเสียชีวิตทันที ในฤดูกาลที่แล้ว มีนักกีฬาตายเกือบร้อยคนเลยนะ นี่ยังไม่นับพวกบาดเจ็บสาหัสและพิการ ประเภทหลังมีจำนวนมากกว่าประเภทแรกถึงสิบเท่า ” เหมยลี่ร้องค้าน

       

 

        ข้อมูลดังกล่าว ฟังดูน่าสะพรึงกลัวจนมาวินรีบหันมามองเหมยลี่ เพื่อค้นหาร่องรอยของการหยอกล้อ แต่ก็พบเพียงสีหน้าที่จริงจัง  เขาเลยกลืนน้ำลายลงคอ พร้อมรำพันกับตัวเอง

 

“ เฮือก.......ต่อให้ตายซักสิบชาติ ชั้นก็จะไม่เล่นเกมนี้ ” 

 

 

 

สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา