The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
49) ยกแรกของแม็กซ์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เครดิตภาพจาก https://pixabay.com
เมื่อชายร่างยักษ์ปรากฏตัว ทั้งอัฒจันทร์ก็เงียบกริบ ทุกคนล้วนตกอยู่ในอาการเดียวกันนั่นก็คือ….นั่งตัวเกร็ง กัดฟันกรอดใหญ่ ใจรู้สึกตื่นเต้นผสมกับหวาดกลัว แม้กระทั่งเจ้าจ๋ออย่าง มาวิน ก็ไม่ยกเว้น
“ ฮะๆ นี่น่ะเหรอ แทงค์อันดับหนึ่ง ท่าทางอย่างกับ เอ่อ.....ปีศาจ ” มาวินหัวเราะแห้งๆ
“ อืม ถ้าได้เห็นแม็กซ์ลงมือ นายจะรู้เองว่าเขาเป็นมากกว่าปีศาจซะอีก ” เหมยลี่พยักหน้ารับช้าๆ ปากสั่นเล็กน้อย เพราะอีกไม่กี่อึดใจ เธอก็จะได้เห็นฝีไม้ลายมือของแทงค์ระดับโลก
……………………..
อินอสต้ามองมาที่แม็กซ์ ดวงตาคมเข้มหรี่ต่ำ คล้ายคนที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนักหน่วง หน้าหยาบกร้านก็แข็งเกร็งราวหินแกรนิต เขาดูเคร่งเครียดจนบรรดาลูกทีมต้องเอ่ยปากถาม
“ ลูกพี่อินอสต้า ทำไมถึงดูซีเรียสขนาดนั้น ”
อินอสต้านิ่งไปแวบหนึ่ง ก่อนตอบกลับช้าๆด้วยเสียงที่แหบต่ำ
“ ราสส่งแม็กซ์มาแค่คนเดียว มีแผนอะไร เพราะต่อให้หมอนั่นเก่งขนาดไหน ก็รับมือพวกเราไม่ไหว ”
“ ฮ่าๆ นึกว่าเรื่องอะไร พวกราสคงเห็นการแข่งครั้งนี้เป็นเพียงนัดอุ่นเครื่องและโชว์ตัว มันเลยเล่นแบบปล่อยๆ ลูกพี่อย่าไปสนใจเลย ” ลูกทีมร่างเตี้ยล่ำแจงด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ แต่อินอสต้ายังไม่คลายกังวล เขาพูดกับตัวเองเบาๆ
“ ขอให้เป็นอย่างนั้นจริงๆเถอะ ”
พอเกมการแข่งใกล้จะเริ่มต้น อินอสต้าและลูกทีมได้ยินเสียงประกาศของโฆษก
“ ขอเชิญผู้เล่นทั้งสองทีมกลับฐาน เพื่อเตรียมแข่งขัน ”
ผู้เล่นทีมมัฟฟินกลับฐานของตนเอง ส่วนแม็กซ์ สมาชิกหนึ่งเดียวของราส ได้ยืนรออยู่ในฐานแล้ว
บริเวณฐานของทั้งสองทีมเป็นลานกว้างที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 เมตร กลางลานมีเสาคอนกรีตต้นใหญ่ขนาดสามคนโอบตั้งตระหง่าน มันสูงราวๆสิบเมตร
อินอสต้ายืนนำหน้า กัปตันทีมมาดขรึมกวาดตามองทุกคน ก่อนจะอธิบายแผนการเล่นให้ลูกทีมฟัง
“ แม้ราสจะส่งผู้เล่นมาแค่คนเดียว แต่พวกเราอย่าประมาท หยั่งเชิงด้วยแผนหลักของเราก่อน นั่นก็คือรักษาป้อมทั้งสามจุดให้แน่นหนา มีช่องว่าง ค่อยรุกคืบทำลายป้อมของข้าศึก เพื่อดันให้ถึงฐานใหญ่ "
แผนดังกล่าวดูรัดกุมยิ่งนัก แต่เมื่ออินอสต้าอธิบายจบ ลูกทีมร่างเตี้ยล่ำ ผู้อวดดีก็สวนคำ
“ ลูกพี่ มันมาแค่คนเดียวเอง ไม่จำเป็นต้องใช้แผนอะไรให้มากความ รุมโจมตีเลยดีกว่า ต่อให้เก่งแค่ไหน ก็ต้านเราไม่อยู่หรอก หรือไม่ก็ปล่อยให้ผมออกไปดวลเดี่ยว เพื่อหยั่งเชิงดูก่อน ”
“ จริงด้วย ให้หยางลองก่อนก็ได้ ถ้าพลาดยังไง พวกผมขอดวลต่อเอง ” ลูกทีมรายอื่นสนับสนุน เพราะถ้าใครล้มแทงค์มือหนึ่งของโลกได้ ย่อมได้รับทั้งชื่อเสียงและเงินทองอย่างมหาศาล
อินอสต้าหรี่ตาลง เขานิ่งคิดด้วยความสุขุมตามนิสัย ก่อนโอนอ่อนผ่อนตามความเห็นของลูกทีม
“ ลองดูก่อนก็ได้ หยาง นายออกไปดวลกับมัน ”
เมื่ออินอสต้าเปิดไฟเขียวให้ ชายร่างเตี้ยล่ำ หน้าจืดก็ยิ้มกริ่ม เขาหยิบทวนสั้นคู่ขึ้นมา จากนั้นก็เดินไปยังลานกว้างกลางสนาม เพื่อดวลกับยักษ์ใหญ่ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
หยางเดินตรงไปหาแม็กซ์ด้วยท่าทางที่ดูมั่นใจ ภายในแอบฝันหวาน
“ ข้าเคยหลอกแทงแทงค์ช้าๆด้วยทวนคู่สองเล่มนี้มานักต่อนักแล้ว แกก็คงเหมือนคนอื่น ถ้าล้มแกได้ คงดังเป็นพลุแตกแน่ ดีไม่ดี อาจมีทีมใหญ่ดึงไปร่วมทีม ทีนี้ล่ะ เงินทองไหลมาเทมา ฮ่า ฮ่า ฮ่า..... ”
เมื่อทั้งสองประจันหน้ากัน หยางก็กล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงที่คล้ายจะเย้ย
“ หวัดดี แม็กซ์ ช่วยออมมือให้ข้าด้วยนะ ฮ่าๆ ”
ชายร่างยักษ์ไม่ตอบคำ แต่มองตรงไปยังอินอสต้า ซึ่งยืนดูการต่อสู้อยู่ที่แนวหลัง ดูไปแล้ว เขาไม่มีท่าทีสนใจหยางเลย ทำให้หนุ่มร่างเตี้ยล่ำถึงกับสะอึก
“ เฮ้ย คู่ต่อสู้ของแกอยู่ตรงนี้เฟ้ย มองไปทางไหนฟะ ” หยางตะโกน ทั่วกายสั่นเทาด้วยความโกรธที่ถูกเมิน
คราวนี้นับว่าได้ผล ชายร่างยักษ์หันกลับมามองหยาง แววตาดูนิ่งเฉย อึดใจต่อมา แทงค์ชื่อดังก็กล่าวสั้นๆว่า......
“ เข้ามา ”
“ หน็อย.....ไอ้แทงค์หน้าโง่ ” หยางเกิดบันดาลโทสะที่ถูกหยาม เขาจึงพุ่งเข้าไปแทงทวนสั้นที่หน้าอกของอีกฝ่าย
“ เคร้ง...... ”
ก่อนที่ปลายทวนจะกระทบเป้าหมาย ขวานหินขนาดใหญ่ก็ขยับเข้ามาปัดอย่างรุนแรง เป็นผลให้ทั้งทวนและคนปลิวไปตามทาง
“ เฮ้ย ” หยางร้องลั่น ความแรงนั้นทำให้เขาล้มก้นจ้ำเบ้า แต่ก็รีบลุกขึ้นมา พร้อมเตรียมเข้าไปสัประยุทธ์อีกครั้ง ทว่ามือขวากลับสั่นไม่หยุด เมื่อก้มลงไปดู ก็พบรอยแตกร้าวตรงปลายทวนที่ใช้แทง
“ โอ้ว..... นี่มันอะไรกัน มันเร็วจนปัดอาวุธได้ทัน มิหนำซ้ำ ยังฟาดได้แรงจนทำให้มือเราสั่น กระทั่งทวนสั้นที่หล่อมาจากเหล็กกล้ายังร้าวได้ถึงขนาดนี้ พลังอะไรกันเนี่ย ” หยางตื่นตระหนก ใบหน้าที่เคยอวดดี กลับกลายเป็นขาวซีด
ไม่รู้ว่าแม็กซ์รู้สึกรำคาญหรือเบื่อยังไงไม่ทราบได้ แต่เจ้ายักษ์เริ่มกล่าวกับหยางด้วยเสียงที่ห้าวใหญ่
“ ว่าไง จะบุกเข้ามาหรือจะให้ข้าบุกเข้าไป ”
ด้วยความกลัวที่เริ่มเกาะกินหัวใจ ทำให้หยางไม่กล้าตอบ เขาเหลือบมองไปรอบๆ เพื่อหาช่องทางต่อสู้ แต่ถึงยังไง ชายร่างเตี้ยล่ำก็เป็นนักสู้มืออาชีพที่ผ่านมาหลายสังเวียน ทำให้ปรับอารมณ์ได้เร็วและคิดแผนใหม่ได้ทัน
“ ลานกลางสนามกว้างขวางพอสมควร เห็นทีเราต้องใช้ความไวในการเคลื่อนที่ เข้าตีตอดแล้วถอยฉาก เพื่อตัดกำลังไปเรื่อยๆ ” หยางคิดแผนอยู่ในใจ เขาเริ่มเอาจริง ไม่ติดประมาทเหมือนตอนแรก เพราะแม็กซ์ที่ยืนตรงหน้า ไม่ได้เชื่องช้าเหมือนแทงค์ดาดๆที่เคยเจอ
เมื่อคิดได้ดังนั้น หยางก็เริ่มวิ่งวนรอบตัว เพื่อหยั่งเชิงและรอจังหวะเหมาะๆ เขาเป็นนักสู้ที่เคลื่อนไหวได้เร็วมาก มันว่องไวจนคนดูแทบมองไม่ทัน ถึงกระนั้น แม็กซ์ก็ไม่มีท่าทีตกใจ แทงค์ร่างยักษ์ยังคงนิ่งเฉย ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงเหลือบไร
“ เป็นไงเล่า งงล่ะสิ ฮ่าๆ ” หยางเคลื่อนที่ไปรอบๆ ปากก็ร้องตะโกนข่มขวัญเป็นระยะ ความเร็วเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆจนทุกคนมองเห็นเขาเป็นเพียงเงาดำที่วูบวาบไปมา ทว่าแทงค์ร่างยักษ์ยังคงนิ่งเฉย
“ ฮ่าๆ สงสัยจะกลัวจนพูดไม่ออก นี่คือท่าไม้ตายของข้า รับไป เงาปีศาจ ” หยางคำรามดัง ก่อนเร่งความเร็วสูงสุด ทำให้เกิดเงาดำนับสิบวิ่งวนรอบกาย วินาทีต่อมา หนึ่งในเงาปีศาจก็พุ่งโฉบแผ่นหลังของแม็กซ์
“ ปั้ก ”
เสียงคล้ายของแข็งกระทบกันดังขึ้น แม็กซ์รีบหันหลัง เพื่อรับการโจมตี ทว่าเงาดำนั้นได้ถอยฉากออกไป แล้ววิ่งวนรอบกายแทงค์คนดังดุจเดิม
สีหน้าของแม็กซ์ยังดูเฉยเมย คล้ายไม่รู้สึกรู้สาอะไร เขาสำรวจจุดที่โดนโจมตี พบว่ามีรอยแดงจางๆปรากฏบนแผ่นหลังล่ำสัน แทงค์คนดังจึงมองมาที่หยาง ซึ่งตอนนี้กลายเป็นเงาดำวิ่งวนไปมา จากนั้นก็ออกปากท้าทาย
“ มีแค่นี้เองเหรอ โจมตีเข้ามาอีก ”
“ หน็อย เจ้ายักษ์ บังอาจดูถูกข้ารึ แกต้องเจอนี่ เงาดำปีศาจ ” หยางคำราม เงาดำที่วิ่งวนรอบตัวได้พุ่งโฉบเข้ามาจู่โจม จากนั้นมันก็ถอยฉากออกไปวงนอก ไฟท์เตอร์เตี้ยล่ำเดินเกมแบบนี้อีกหลายวาระ ทำให้แทงค์คนดังโดนตีอยู่ฝ่ายเดียว
แม้ว่าเงาดำปีศาจจะน่ากลัวและโกงมหาประลัย (ไม่โกงได้ยังไง ก็อัดคนอื่นอยู่ฝ่ายเดียว) แต่เป็นท่าที่ใช้กำลังมาก ดังนั้นนักสู้ร่างเตี้ยล่ำจึงคลายกระบวนท่า แล้วกลับมายืนประจันหน้ากับแทงค์คนดังอีกครั้ง
“ แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก เป็นไง แม็กซ์ แกยังจะเมินข้าอีกมั้ย ”
แม้ว่าตามร่างกายล่ำสันจะมีรอยแดงจางๆจากการโจมตี แต่แม็กซ์ก็ยังยืนนิ่ง คล้ายกับว่าการโจมตีเมื่อครู่นี้เป็นเพียงแมลงวันที่บินวนไปมา เพื่อสร้างความรำคาญ ครู่หนึ่ง ชายร่างยักษ์ก็ตอบกลับ
“ มีเพียงเท่านี้เองเหรอ โจมตีให้หนักๆ ”
เมื่อหยางได้ยินคำหยามหยัน เขาก็เกิดอาการคลั่ง ผมสั้นเป็นกระบังตั้งสูงด้วยความแค้น ร่างเตี้ยล่ำสันที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามเริ่มสั่นเทา ปากก็ตวาดกลับเสียงดัง
“ ได้เลย ในเมื่อแกต้องการแบบนี้ ข้าก็จัดให้ เตรียมรับไม้ตายสุดยอด ”
สิ้นเสียงคำราม หยางก็เกร็งกาย เพื่อเค้นพลังแฝงที่อยู่ในตัว ไม่นานนัก ก็เกิดออร่าสีขาวจางๆแผ่ออกมา เมื่อแสงสีเปล่งประกายถึงขีดสุด ไฟท์เตอร์ร่างเตี้ยล่ำจึงเงยหน้าขึ้นมา
“ ท่าร้อยเงาพุ่งทะลวง ”
วินาทีต่อมา ร่างของหยางก็กลายสภาพเป็นเงาดำนับสิบ พวกมันพุ่งทะลวงเข้าไปหาแม็กซ์ แต่ก่อนจะเข้าถึงตัว ชายร่างยักษ์ก็แหกปากตะโกน กระแสนั้นรุนแรงจนทำให้ทุกคนในโคลอสเซียมได้ยินอย่างชัดเจน
“ ฮ้า ”
สิ้นเสียงตะโกน แม็กซ์ก็ฟาดขวานหินลงไปที่ฝูงเงาดำ
“ โครม ”
เสียงกัมปนาทดังสนั่น อึดใจต่อมา ควันก็ลอยคละคลุ้งไปทั่วลานประลอง ฝูงชนเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องและเงียบกริบดุจป่าช้า เนื่องจากการโจมตีครั้งนี้ มันรุนแรงและรวดเร็วจนเกินบรรยาย เมื่อฝุ่นจางลง สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาก็คือ…….ร่างเตี้ยล่ำสันของหยางที่นอนจมกองเลือดอยู่แทบเท้าของแม็กซ์ แทงค์อันดับหนึ่งของโลก
เหมือนสวิตช์เปิดเสียงเฮทำงาน เพราะในอึดใจต่อมา ก็บังเกิดเสียงโห่ร้องจากผู้คน
“ เฮ....... แม็กซ์....... ”
ใบหน้าของอินอสต้าและมวลหมู่สมาชิกเริ่มถอดสี เนื่องจากพวกเขาต้องเสียมือดีอย่างหยางไป ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว บ่งบอกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของแทงค์อันดับหนึ่งได้เป็นอย่างดี
“ เห็นมั้ยเล่า บอกแล้วว่าอย่าประมาท ” อินอสต้าย้ำกับลูกทีม น้ำเสียงสั่นเทา ซึ่งจะโทษเขาก็ไม่ถูก เพราะใครก็ตามที่ได้เห็นการโจมตีที่รุนแรง ย่อมต้องเกิดความกลัวกันทุกคน
แม็กซ์มองหยางที่นอนสิ้นสภาพอยู่ครู่หนึ่ง ก็ปรากฏแสงสีฟ้าอ่อนแผ่ออกมา มันเปล่งประกายแวบหนึ่ง ก่อนจะเลือนหายไปพร้อมนักสู้ร่างเตี้ย
……………………….
“ อ้าว เฮ้ย ทำไมร่างของเจ้าเตี้ยล่ำถึงหายไปได้ ” มาวินร้องถามเหมยลี่ ท่าทางตื่นเต้น
เหมยลี่ไม่ได้ตอบทันที เธอเอาแต่ยืนเกร็ง ดวงตามองไปยังการต่อสู้เบื้องหน้า กายสั่นเล็กน้อย ทำให้มาวินนึกแปลกใจ
“ ไม่เคยเห็นยัยโย่งเป็นแบบนี้มาก่อน การต่อสู้เมื่อครู่ มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ ” ถึงมาวินจะนึกสงสัย แต่ก็ไม่คลายอยากรู้อยากเห็น เจ้าจ๋อเลยกระตุกไหล่ของเด็กสาวแรงๆ พร้อมตะโกนถามเสียงดัง
“ ไอ้ตี๋นั่นหายไปได้ยังไง ยัยโย่ง ”
“ เอ๊ะ ” เด็กสาวร่างสูงตื่นจากภวังค์ พร้อมหันมามองคู่สนทนา เธอยืนอึ้งไปพักใหญ่ ก่อนถามกลับ
“ ขอโทษ เมื่อกี้ว่าอะไร”
“ ฮะๆ สุดยอดไปเลย เมื่อกี้ชั้นถามเธอว่า.....เจ้าตี๋เตี้ยล่ำนั่นหายไปไหน ” มาวินเกาหัวแกรก พร้อมทวนคำถามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
“ อืม.....ไอเทมหินวิญญาณที่ติดตัวผู้เล่นเริ่มทำงานน่ะ ” เด็กสาวกล่าวสั้นๆ
คำตอบดังกล่าว ทำให้มาวินไปไม่เป็น เพราะไม่รู้ว่าหินวิญญาณคืออะไร เด็กหนุ่มหัวเขียวจึงถามต่อ
“ หินวิญญาณคืออะไร แล้วเจ้าล่ำหายไปไหน ”
ดูเหมือนว่าเหมยลี่จะรู้ตัวแล้วว่าคำอธิบายของตนฟังดูไม่เคลียร์ จึงดึงสติกลับมา พร้อมแจกแจงอย่างละเอียด
“ หินวิญญาณคือไอเทมที่ผู้เล่นทุกคนต้องพกติดตัว เพราะมันสามารถเซฟพลังชีวิตเฮือกสุดท้ายและลดทอนการโจมตีถึงตายให้เหลือเพียงแค่สลบ จากนั้น หินก็จะเปล่งแสง พร้อมวาร์ปผู้เล่นไปยังห้องพยาบาล ”
“ อ้อ เข้าใจแล้ว กีฬานี้น่าจะเซฟผู้เล่นมากกว่าที่คิด เพราะโจมตีหนักเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครตาย ฮะๆ ดี ชักคันไม้คันมืออยากเล่นบ้างแล้วสิ ” มาวินถูมือไปมา
“ ใครว่าไม่มี ถ้าการโจมตีนั้นรุนแรงเกินไป ผู้เล่นอาจเสียชีวิตทันที ในฤดูกาลที่แล้ว มีนักกีฬาตายเกือบร้อยคนเลยนะ นี่ยังไม่นับพวกบาดเจ็บสาหัสและพิการ ประเภทหลังมีจำนวนมากกว่าประเภทแรกถึงสิบเท่า ” เหมยลี่ร้องค้าน
ข้อมูลดังกล่าว ฟังดูน่าสะพรึงกลัวจนมาวินรีบหันมามองเหมยลี่ เพื่อค้นหาร่องรอยของการหยอกล้อ แต่ก็พบเพียงสีหน้าที่จริงจัง เขาเลยกลืนน้ำลายลงคอ พร้อมรำพันกับตัวเอง
“ เฮือก.......ต่อให้ตายซักสิบชาติ ชั้นก็จะไม่เล่นเกมนี้ ”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ