The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  168.42K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

43) มหกรรมประจำเมือง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

เครดิตภาพจาก  https://notebookspec.com

 

.............................

         

        ณ.เส้นทางสายหลัก ได้ปรากฏสองมนุษย์ขี่ม้าเคียงกัน คนแรกเป็นเด็กสาวร่างสูงที่สวมชุดกังฟูสีแดง เธอขี่ม้าศึกสีขาว ด้วยใบหน้าคมเข้มและบุคลิกที่เคร่งขรึมเกินวัย ทำให้ดูคล้ายนักสู้ผู้ทระนง ส่วนอีกคนเป็นเด็กหนุ่มร่างเล็กที่ไว้ผมรากไทรย้อมเขียว เขาทำหน้าเบื่อโลกและเอาคางเกยคอม้าแคระสีกระดำกระด่าง จากสายตาของบุคคลภายนอก สามารถบอกได้ทันทีว่านายคนนี้น่าจะเป็นเด็กรับใช้ 

          

 

       ตอนนั้นยังเป็นเวลาเช้าตรู่ สองข้างทางปรากฏแมกไม้หนาทึบ ดูไม่น่าไว้ใจ แต่ไม่ถึงกับน่ากลัว เพราะมีผู้คนสัญจรไปมา ด้วยปลายทางคือเมืองท่าสำคัญที่มีคนอยู่อาศัยมากมาย สิ่งนี้ทำให้เด็กหนุ่มหัวเขียวคึกคัก 

 

“ โห…..เมืองที่เราจะไปคงใหญ่พอสมควร ” เด็กหนุ่มหัวเขียวมองไปยังพ่อค้าร่างยักษ์ที่กำลังขี่เกวียนบรรทุกสินค้า คาดว่ากระทาชายนายนี้น่าจะไปทางเดียวกัน เขาจึงแลบลิ้นเลียปากและเตร่เข้าไปคุยกับเพื่อนร่วมทางรายใหม่

 

“ ไม่ได้การ เห็นทีต้องแวบเข้าไปคุยซักหน่อย ” 

 

“ เฮ้ รอก่อน อย่าเพิ่งเข้าไป ” เด็กสาวมาดขรึมร้องห้าม แต่ไม่ทันการณ์ เด็กหนุ่มหัวเขียวเข้าถึงตัวพ่อค้าร่างยักษ์เป็นที่เรียบร้อย

         

 

       ทีแรกเด็กสาวร่างสูงคิดว่าเด็กหนุ่มหัวเขียวจะถูกชายร่างยักษ์ตะเพิดออกมา แต่ดูเหมือนเจ้าจอมซุกซนจะเข้ากับพ่อค้าได้เป็นอย่างดี แถมยังสร้างความสนุกสนานจนอีกฝ่ายหัวเราะชอบใจ

          

 

        เด็กหนุ่มหัวเขียวสนทนากับพ่อค้าร่างยักษ์อยู่พักใหญ่ จากนั้นก็ชักม้ากลับมาหาเด็กสาวร่างสูง พร้อมแจงข่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“ เฮ้ ยัยโย่ง มีข่าวดี พี่ชายคนนั้นบอกว่า.....อีกไม่นาน พวกเราก็จะถึงเมืองท่าแกรนด์ยักแล้ว ” 

 

“ เขาเรียกว่าเมืองท่าแกรนด์ยารด์ นี่นายเคยเรียกอะไรถูกบ้างมั้ยเนี่ย ” เด็กสาวร่างสูงกุมขมับ 

 

“ อ้อ ใช่ แกรนด์อะไรซักอย่างนี่แหละ เห็นเขาบอกว่าน่าจะใช้เวลาเดินทางอีกครึ่งชั่วโมง ” เด็กหนุ่มหัวเขียวพยักหน้ารัวๆ พร้อมตอบรวดเร็ว 

 

“ อืม ” ท่าทางของเด็กสาวร่างดูเฉยเมย เนื่องจากเธอเดินทางในแถบนี้มานานหลายปี จึงจดจำทุกสถานที่จนขึ้นใจ แต่กับเด็กหนุ่มหัวเขียว เขาย่อมต้องตื่นเต้น เพราะนี่คือการเยือนแกรนด์ยารด์เป็นครั้งแรก

 

“ พี่ชายคนนั้นยังบอกว่าเมืองแกรนด์อะไรนั่นมีคนผ่านเข้าออกวันละหลายพัน มีร้านค้า ร้านอาหารและเกมกีฬามันๆให้ดูอีกด้วย ” เด็กหนุ่มย้ำคำสุดท้ายเป็นพิเศษ เพราะเขาไม่ได้เล่นเกมอันเป็นสุดยอดปรารถนามานานถึง 3 เดือน จึงถวิลหาสิ่งนี้เป็นพิเศษ 

 

“ เฮ้อ….. นายนี่มันจริงๆเลย ” เด็กสาวร่างสูงส่ายหัวไปมา เพราะรู้สึกระอากับความไม่รู้จักโต ขณะที่เธอกำลังจะบอกว่าไม่มีเวลาไปสนใจเกมดังกล่าว อีกฝ่ายก็ชิงตอบ

 

“ พวกเรารีบห้อม้าให้เต็มฝีเท้าดีกว่า จะได้ถึงเมืองไวๆ ชั้นอยากดูการแข่งขันแล้ว เห็นว่าจะเริ่มประมาณบ่ายสามโมงของวันนี้ ” 

         

 

        เด็กสาวร่างสูงมองดวงตาที่แฝงแววตื่นเต้นยินดีของเด็กหนุ่มจอมซุกซน สุดท้าย เธอก็ใจอ่อน

 

“ ไปก็ไป แต่ชั้นให้นายดูแค่คู่เดียวนะ ” 

 

“ โอเค แท็งค์กิ้ว ” เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง พร้อมบังคับม้าให้พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยมีเด็กสาวร่างสูงควบตามไปติดๆ 

 

………………………

        

       มาวินและเหมยลี่ควบม้าอย่างเร่งร้อน ตลอดเส้นทาง วัยรุ่นทั้งสองสวนกับเหล่าชาวบ้านหลากหลายอาชีพ

        

 

        เวลาผ่านไปไม่นาน เด็กหนุ่มก็ได้กลิ่นอายของทะเล ดวงตาเรียวเล็กเห็นยอดหลังคาของตึกสูงอยู่ลิบๆ เมื่อใกล้ถึงจุดหมาย พวกเขาก็พบกับฝูงชนจำนวนมาก มันแออัดจนไม่สามารถควบม้าผ่านไปได้ เนื่องจากถนนหนทางค่อนข้างแคบ

 

“ โห….. อะไรกันเนี่ย ทำไมคนเยอะแบบนี้ ” เด็กหนุ่มตกใจ เขาเคยคิดว่าเมืองแห่งการเริ่มต้นมีคนเยอะ แต่ถ้าเทียบกับเมืองท่าแกรนด์ยาร์ด ที่นี่น่าจะมีประชากรมากกว่าถึงสามเท่าตัว

 

“ เอาไงดี ยัยโย่ง ” มาวินหันมาถามเพื่อนสาว

 

“ บังคับม้าให้เดินไปตามทาง ” เหมยลี่ตอบสั้นๆ 

 

“ อืม……เฮือก ” เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ ในใจแอบขบคิด

 

“ ดูไปแล้ว ไม่ต่างจากการจราจรในโลกของชั้นเลย ”

         

 

        วัยรุ่นทั้งสองพยายามฝ่าฝูงชน ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ ผู้คนก็เยอะขึ้นเท่านั้น มันหนาแน่นซะจนขี่ม้าต่อไปไม่ได้ พวกเขาจึงลงจากหลังม้า แล้วจูงมันเข้าเมืองแทน  

 

“ โห  เมืองนี้คนเยอะมาก ” เด็กหนุ่มเดินไปก็บ่นไป พวกเขาได้แต่ไหลไปตามทาง พร้อมกลุ่มคนที่กำลังดันตัวไปข้างหน้า ส่วนทางด้านเด็กสาวไม่ได้พูดอะไร เธอได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

 

“ ทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่เคยมีคนเยอะขนาดนี้ มันน่าจะมีมหกรรมอะไรซักอย่าง ”

          

 

        เมื่อทั้งสองมาถึงหน้าเมือง พวกเขาก็พบกับกำแพงไม้เนื้อหนาซึ่งมีความสูงราวๆ 30 เมตร ประตูเมืองเปิดกว้าง เพียงพอให้ประชาชนเดินเข้าไปพร้อมกันถึง 8 คน ที่สำคัญ เหนือประตูบานใหญ่ มีป้ายขาวขนาดมหึมาติดอยู่ มันถูกเขียนด้วยหมึกแดง อ่านจับใจความได้ว่า…………. 

 

“ วันนี้มีการแข่งขัน ROD ระหว่าง ทีมราส V.S. ทีมมัฟฟิน ” 

        

 

        เด็กสาวเข้าใจเหตุการณ์ในทันที ส่วนมาวินนั้นสับสนกว่าเดิม ว่าไปแล้ว ก็น่าจะงง เพราะเขาเพิ่งอยู่ในโลกนี้ได้เพียงสามเดือน

 

“ นี่......ROD คืออะไร ” มาวินสะกิดหัวไหล่ของเหมยลี่ พร้อมเอ่ยถาม เด็กสาวจึงนิ่งไปอึดใจ ก่อนตอบกลับมาเบาๆ

 

“ ROD คือกีฬายอดฮิต โดยแบ่งผู้เล่นออกเป็นสองทีม พวกเขาต้องต่อสู้และยึดจุดยุทธศาสตร์ในสนาม ถ้าฝ่ายไหนยึดฐานใหญ่ของศัตรูได้ ก็จะชนะในเกมนั้น ”  

        

 

        พอได้ฟังคำอธิบายคร่าวๆ มาวินก็ถึงกับตาลุกวาว ปากเล็กบางห่อเล็กน้อย พร้อมอุทานออกมาดังๆ 

 

“ ว้าว...... สุดยอด.......” 

        

 

        เด็กสาวยิ้มเล็กน้อย คล้ายจะขบขัน เธอยอมอ่อนข้อให้มาวินด้วยการชักชวน 

 

“ เดี๋ยวเราไปดูเกมกัน ” 

 

“ โอเค ” มาวินทำมือเป็นรูปตัวโอ ทว่าเหมยลี่ได้แต่ยืนอึ้ง เพราะในโลก The Dark World ไม่มีภาษามือแบบนี้

 

..............................

        

       ทั้งสองผ่านประตูเมืองอย่างยากเย็น เพราะจำนวนคนผ่านเข้าออกมีมากเป็นพิเศษ จะเรียกว่ามืดฟ้ามัวดิน ก็พูดได้แบบไม่กระดากปาก เมื่อเข้าสู่ภายใน สิ่งแรกที่ได้เห็นคือ.....ลานกว้างขนาดครึ่งสนามฟุตบอล ตรงกลางมีบ่อน้ำพุทรงกลมตั้งอยู่

         

 

        บริเวณนั้นปรากฏผู้คนมากมาย มีทั้งหนุ่มสาวที่ยืนจีบกัน คุณแม่ที่หยอกล้อกับลูก อาจารย์ที่กำลังสั่งสอนลูกศิษย์ จำนวนผู้คนทำให้ลานกว้างแห่งนี้ดูแคบลงถนัดตา

 

" โห…. นี่มันอะไรกันเนี่ย แหล่งชุมนุมชาวเมืองรึไง ทำไมถึงมีคนเยอะขนาดนี้ " มาวินอุทานดัง เขาเกิดอาการตื่นคน ส่วนเหมยลี่ ดูจะอายกับความเปิ่นของเพื่อนร่วมทาง จึงรีบเดินต่อไป โดยไม่รอเด็กหนุ่มผู้รั้งท้าย

 

" เฮ้ รอด้วย ยัยโย่ง " มาวินร้องตะโกน พร้อมเดินตามเด็กสาวผู้นำทาง

       

 

       เมื่อวัยรุ่นทั้งสองผ่านลานกว้าง ก็พบกับตัวเมือง อันประกอบไปด้วยถนนดินขนาด 8 คนเดิน มันมีจำนวนหลายสาย แต่ละสายถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ มีตึกปูนสูงประมาณ 3-4 ชั้นขนาบสองฟากฝั่ง ทุกสิ่งที่ปรากฏ ดูคล้ายความจริงจนเด็กหนุ่มไม่คิดว่ามันคือโลกของเกม

 

“ เมืองท่าแห่งนี้มีผู้คนผ่านเข้าออกอยู่ทุกวัน จึงนับเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ เลยเจริญอย่างที่เห็น ” เหมยลี่แจงเบาๆ หลังจากเห็นเด็กหนุ่มยืนเอ๋อราวบ้านนอกเข้ากรุง 

 

“ เอ่อ…..อ้อ อย่างนี้นี่เอง ” เด็กหนุ่มตอบตะกุกตะกัก 

 

“ เอาล่ะ เวลานี้ เราควรหาอะไรกิน ไปร้านประจำของชั้น ” เหมยลี่บอกจุดหมายปลายทาง ก่อนเดินนำ

 

“ อื้อ ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับคำ พร้อมจูงม้าเดินตามอย่างว่าง่าย 

 

...............................

         

       เมืองนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ จึงรองรับประชาชนที่หลั่งไหลเข้ามาได้อย่างสบาย เป็นผลให้ภายในไม่แออัด ถึงกระนั้น ก็ยังมีผู้คนเดินไปมาไม่ขาดสาย

 

“ โห….. คนเยอะมากเลยนะ ท่าทางทีมราสกับทีมมัสสินอะไรนั่น คงจะดังไม่ใช่น้อย” มาวินเอ่ยถาม ทว่าเด็กสาวกลับหันมามอง ดวงตาฉายแววประหลาด คล้ายจะตำหนิ ส่วนปากก็แจงอย่างละเอียด

 

“ ทีมราสนั่นมีดีกรีถึงแชมป์โลกเลยนะ ส่วนทีมมัฟฟิน ไม่ใช่ มัสสิน เป็นทีมดังประจำเมืองนี้ ” 

 

“ อ้อๆ เออใช่ มัฟ…. มัฟฟิน ” มาวินพยายามเรียกชื่อทีมให้ถูก

        

 

        เหมยลี่เดินนำไปได้ซักพัก ก็มาถึงตึกสูง 2 ชั้น ด้านหน้าดูคล้ายร้านเหล้าในหนังคาวบอยตะวันตก เธอผูกม้าไว้กับเสาไม้หน้าร้าน มาวินจึงผูกม้าที่ต้นเสาถัดไป เมื่อเสร็จกิจ เด็กสาวก็หันไปหาหนูน้อยวัย 10 ขวบที่ซ่อนร่างเล็กบางในชุดเสื้อยืด กางเกงยีนส์

         

 

        เหมยลี่มองเด็กน้อยที่กำลังยิ้มแป้นอยู่อึดใจ เธอก็โยนเหรียญเงินให้ผู้เยาว์ จากนั้นก็ออกคำสั่ง

 

“ ฝากดูแลม้าให้ด้วยนะ เจ้าหนู ” 

 

“ ไม่มีปัญหา ผมจะดูแลม้าให้เป็นอย่างดีเลย พี่ชาย ” เจ้าหนูตอบหนักแน่น ใบหน้าเรียวเล็กดูทะเล้น

         

 

        สิ้นคำ มาวินก็หัวเราะก๊ากจนลงไปนอนงอตัวกับพื้น เขาขำอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำให้เด็กน้อยถึงกับเอ๋อรับประทาน เพราะไม่รู้ว่าหนุ่มวัยรุ่นตรงหน้า ปกติดีหรือไม่ 

 

“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า…… เด็กนั่นเรียกเธอว่า…… พี่ชายน่ะ ก๊าก…… อุ้บ โอ๊ย ” 

         

 

        ทันใดนั้นเอง เสียงหัวเราะกวนๆก็พลันหายไป ด้วยถูกเหมยลี่เขกกระบาลจนหน้าคะมำ 

 

“ โทษฐานที่กวนประสาท ” 

 

“ อู้ย.... ทำเด็กไม่ได้ แล้วมาลงกับคนอื่นรึไง ” มาวินกุมศีรษะ ปากก็บ่นอุบอิบไปตามประสา 

 

“ หือ….. ว่าไงนะ ” เหมยลี่ทำตาเขียวใส่ พร้อมเตรียมดิ่งเข้ามาจัดชุดใหญ่

 

“ เปล่าๆ ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไรจริ้งๆ……. ” เด็กหนุ่มรีบยกมือห้าม เขาปฏิเสธด้วยเสียงที่แหลมจนผิดปกติ 

 

“ แล้วไป ” เด็กสาวหยุดการคุกคาม แล้วเดินเข้าไปในร้าน โดยไม่ทันสังเกตว่ามาวินกำลังแอบนินทา

 

“ นับวันยิ่งเหมือนยัยจันเข้าไปทุกที เอ.....หรือว่าจะเป็นยัยจัน ไม่น่าเป็นไปได้ ” 

 

……………………….

         

        ภายในร้านอาหารดูกว้างขวาง มีโต๊ะทรงกลมขนาด 4 คนตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ ด้านข้างจัดวางโต๊ะยาวทรงสี่เหลี่ยม มุมในสุดปรากฏบาร์ไม้ขัดมัน ด้านหลังมีตู้สูงหลายชั้นประดับอยู่ อันใช้เก็บขวดเหล้าหลากหลายชนิด ทว่าบรรยากาศกลับดูอึมครึม เพราะมีเพียงแสงสลัวที่แผดมาจากหลอดไฟบนเพดาน 

 

“ เหอๆ ตกลง ที่นี่เป็นร้านอาหารหรือโรงยาฝิ่น ” มาวินพึมพำเบาๆ สายตาเรียวเล็กเหลือบมองไปรอบๆ ท่าทางระแวง เด็กหนุ่มพบผู้คนมากมายที่นั่งจับกลุ่มตามโต๊ะต่างๆ พวกเขาสนทนากันอย่างเมามัน มีควันจางๆลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ อันน่าจะมาจากกล้องใส่ยาเส้นที่แทบอยู่ในปากของทุกคน

        

 

       แม้เหมยลี่จะติดใจในคำพูดเพี้ยนๆของมาวิน แต่ก็ไม่ต่อความยาวสาวความยืด เธอเหลือบมองไปรอบๆ เพื่อหาที่นั่ง ซึ่งก็ยากเต็มที เพราะร้านนี้มีผู้ใช้บริการอยู่มากมาย  

          

 

        เหมยลี่ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่ง จึงหาที่นั่งได้ มันเป็นโต๊ะทรงกลมตรงมุมห้อง พอประจำที่ เด็กสาวร่างสูงก็ขอตัว 

 

“ เดี๋ยวชั้นไปหาข่าวจากเจ้าของร้านที่บาร์เครื่องดื่มก่อน นายนั่งรอตรงนี้แหละ ” 

 

“ อื้อ อย่าไปนานนักนะ ” มาวินพยักหน้ารับคำ พลางเหลือบมองรอบตัว ท่าทางไม่ไว้วางใจ เพราะเขาคิดว่าบรรยากาศในร้านดูสยองไม่ต่างจากบ้านผีสิง เด็กสาวจึงยิ้มน้อยๆ คล้ายจะกลั้นหัวเราะ หลังจากนั้นก็เดินจากไป  

          

 

        พอได้อยู่คนเดียว มาวินก็ห่อตัว เขาดูสงบเสงี่ยมเจียมตัวเป็นที่สุด ระหว่างนั้นเอง โสตประสาทก็แว่วเสียงทุ้มลึกจากโต๊ะข้างๆ

 

“ อ้าว มากันอีกแล้วเหรอ จะแก้มือที่หมดตัวคราวที่แล้วรึไง ” 

          

 

         มาวินรีบหันมองตามเสียง สิ่งแรกที่ได้เห็นก็คือ…..หนุ่มร่างสูงเพรียวในชุดเสื้อแขนยาวสีขาว ช่วงล่างสวมใส่กางเกงขายาว นอกจากนี้ยังมีผ้าคลุมสีเดียวกัน ใบหน้าขาวเนียนและละเอียดอ่อนราวอิสตรี คิ้วสีทองประดับอยู่เหนือดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลที่มีประกายคมซึ้ง ทั้งหมดทั้งมวลดูเข้ากับจมูกโด่งเป็นสันและปากบาง เส้นผมยาวสลวยถูกรวบด้วยผ้าขาว เมื่อพิจารณาโดยรวม ชวนให้คิดว่าหมอนี่น่าจะเป็นเจ้าชายเอลฟ์จากแดนไกล

 

 

 

สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา