The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  166.63K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

33) ผมอยากเป็นพระเอกครับ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

เครดิตภาพจาก  https://www.pinterest.com
 
 
“ จะดีหรือ มันจะรบกวนพวกหนูหรือเปล่า ” คุณยายถาม ท่าทางดูเกรงใจ 
 
“ ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้ออกนอกเส้นทางไปมากเท่าไหร่ จริงมั้ย ยัยโย่ง ” มาวินหันกลับมาถามเหมยลี่ ซึ่งเธอก็พยักหน้ารับ 
 
“ อืม…..ถ้างั้น ยายต้องรบกวนพวกหนูแล้วล่ะ ” คุณยายก้มหัวขอบคุณ 
 
“ ไม่เป็นไร ยายขึ้นมาเลย ” มาวินพูดจบ เขาก็ก้มหลังให้คุณยายขี่ 
         
 
         คุณยายค่อยๆปีนขึ้นหลังของมาวินอย่างทุลักทุเล พอเสร็จเรียบร้อย เด็กหนุ่มก็กล่าวกับเหมยลี่ 
 
“ เฮ้ ยัยโย่งฝากดูแลเจ้าสังกะสีให้ชั้นด้วย ” 
        
 
         เหมยลี่พยักหน้ารับอีกครั้ง สีหน้านิ่งเฉยจนคาดเดาอารมณ์ไม่ได้ดุจเดิม ถึงกระนั้น มาวินก็ไม่ใส่ใจ อาจเป็นเพราะเริ่มชินกับบุคลิกของเพื่อนร่วมทาง
         
 
        มาวินเดินลงไปในแม่น้ำที่เชี่ยวกราก กระแสไหลแรงราวกับน้ำป่า แต่กลับไม่ลึกอย่างที่คิด จุดที่ลึกสุดรู้สึกว่าจะแค่เอวเท่านั้น ทำให้ข้ามผ่านได้อย่างไม่ยาก เมื่อสองวัยรุ่นและหนึ่งคนชราก้าวขึ้นฝั่ง เด็กหนุ่มก็เริ่มโอ้อวด 
 
“ ฮะๆ นึกว่าจะยาก ที่ไหนได้ แค่ลุยตรงๆก็จบแล้ว พวกเราคงโง่มาก ถ้าคิดจะข้ามที่สะพานถัดไป ”  
         
 
        แน่นอนว่าไม่มีเสียงตอบจากผู้ใด ทำให้มาวินรู้สึกแกร่วไปตลอดทาง แต่ถ้าจับสังเกตให้ดี จะเห็นสีหน้าแปลกใจของเหมยลี่ เพราะเธอเองก็นึกฉงนอยู่เหมือนกัน
 
“ เอ……ปกติแม่น้ำสายนี้จะลึกจนมิดหัวนี่นา แต่ทำไมคราวนี้ถึงตื้นแบบนี้ล่ะ ”  
        
 
         ทั้งสามเดินทางมาถึงหมู่บ้านลูกากู บรรยากาศเงียบเชียบจนผิดปกติ เคหสถานแต่ละหลังเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวที่สร้างแบบง่ายๆ หลังคาปูด้วยฟางหรือไม่ก็กระเบื้อง 
 
“ เอายังไงดี ” มาวินถามเหมยลี่ แต่แทนที่จะได้รับคำตอบ เด็กสาวร่างสูงก็จูงม้าตรงเข้าไปหาชายแก่ร่างผอมที่กำลังผ่าฟืนอยู่หน้าหมู่บ้าน 
 
“ ขอฝากม้าไว้กับลุงหน่อย พวกเรากำลังพาคุณยายคนนี้ไปส่งที่บ้านน่ะ ” เหมยลี่ไหว้วานหน้าตาเฉย
 
“ เอ่อ.....ได้ ว่าแต่คุณยายที่พวกหนูพามาส่งเป็นใครกันหรือ ” ชายแก่รับคำ พลางทำหน้างุนงง 
 
“ อ้าว.....นี่ลุงจำคนในหมู่บ้านตัวเองไม่ได้หรือ พิลึกจริงๆ ” มาวินเริ่มโวยวายตามสไตค์ของตนเอง
 
“ เอ…..แปลกมาก ชั้นอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด แต่ไม่เคยเห็นคุณยายคนนี้เลย เอ๊ะ ” ชายแก่พูดไปเรื่อย แต่ในจังหวะที่สบตากับคุณยายปริศนา เขาก็เกิดอาการชะงักงันอย่างฉับพลัน
 
“ อ้าว....ลุงเป็นอะไรไป ตาค้างเชียว ” มาวินเห็นอาการของชายแก่ ก็นึกสงสัย เขาโบกมือไปมาที่บริเวณใบหน้า ทว่าอีกฝ่ายได้แต่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้น 
 
“ ไปกันเถอะจ้ะ บ้านของยายอยู่ด้านหลังหมู่บ้านนี้เอง ” คุณยายร้องบอก  
        
 
          มาวินหันไปมองเหมยลี่เป็นเชิงปรึกษา เด็กสาวจึงพยักรับและนำม้าทั้งสองตัวไปผูกที่ต้นไม้ใหญ่แถวนั้น จากนั้นก็เดินไปยังท้ายหมู่บ้าน   
         
 
          ระหว่างทาง ทุกบ้านถูกปิดจนหมด ทำให้บรรยากาศดูวังเวง ถ้าจะบอกว่าที่นี่คือหมู่บ้านร้างหรือหมู่บ้านผีสิง ก็ไม่ใช่เรื่องที่พูดเกินจริง         
 
“ ทำไมถึงเงียบแบบนี้ คนที่นี่ เขาไม่ทำงานทำการกันรึไง ” มาวินเริ่มบ่นตามประสาคนปากเปราะ แม้เหมยลี่จะไม่พูดอะไร แต่ก็ปรากฏเค้าความกังวลอยู่บนใบหน้า อันที่จริง เธอเองก็คิดไม่ต่างจากเด็กหนุ่ม
 
“ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะพวกเรากำลังถูกชาวแก๊งยมทูตตามรังควาน พวกมันน่าจะอยู่กับหัวหน้าหมู่บ้านที่กลางลานน่ะจ้ะ ” คุณยายร้องบอกเบาๆ ราวกับกลัวว่าใครจะได้ยิน
 
“ โธ่เอ๊ย แค่อันธพาลกระจอกไม่กี่คน พวกเราไม่กลัวหรอก จริงมั้ย ยัยโย่ง ” มาวินสวนขึ้นมาด้วยอารมณ์คะนอง แต่เหมยลี่ไม่ตอบ เธอถามคุณยายต่อ เพื่อขอทราบรายละเอียด 
 
“ แก๊งยมทูตมีกันกี่คน พวกมันเป็นใคร มาจากที่ไหน หัวหน้าแก๊งชื่ออะไร ทำอะไรได้บ้าง ”  
          
 
          คุณยายขมวดคิ้วนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเครียดขึ้ง 
 
“ แก๊งนี้มีกันประมาณ 20-30 คน แต่ละคนล้วนเป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่แข็งแรง พวกมันจะมาเก็บส่วยจากหมู่บ้านเดือนละครั้ง ทุกครั้งที่มา จะขนของกินและเสบียงไปประมาณครึ่งหนึ่ง ทำให้พวกเราลำบากมาก ” 
 
“ โธ่เอ๊ย จำนวนคนแค่นี้เอง เราจัดการปราบพวกมันกันเถอะ ” มาวินร้องตอบทันควัน เขารู้สึกดีใจที่จะได้เล่นบทบู๊อีกครั้ง แต่เหมยลี่ยังไม่กล่าวคำใด สีหน้าส่อแววครุ่นคิด ความเงียบมาเยือนคนทั้งสามได้ครู่หนึ่ง คุณยายก็ห้ามปรามด้วยความเป็นห่วง 
 
“ อย่าไปมีเรื่องเลย พวกหนูเป็นแค่เด็กวัยรุ่นธรรมดา ไม่น่าจะสู้รบตบมือกับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ดูแข็งแรง มิหนำซ้ำ หัวหน้าของพวกมันก็คือ……”  
 
“ หัวหน้าของพวกมันคือ…เนโครมันเซอร์ ใช่มั้ย ” เหมยลี่ร้องถามโดยไว 
 
“ ใช่แล้วจ้ะ ” คุณยายพยักหน้ารับคำ  
 
“ อืม….แสดงว่าข่าวลือนั้นเป็นจริง ” เด็กสาวก้มหน้านิ่ง ท่าทางดูครุ่นคิดยิ่งกว่าเดิม
         
 
          การสนทนาดังกล่าวสร้างความงุนงงให้กับมาวินอย่างหนักหน่วง พระเอกหนุ่มหันไปมองคุณยายที เหมยลี่ที จากนั้นก็เอ่ยถามแบบโง่ๆ 
 
“ นี่ตกลง จะมีใครบอกชั้นมั้ยว่า......เนโครมันเซอร์คืออะไร ” 
         
 
           สองสาวต่างวัยพากันเงียบกริบ ราวกับว่าสิ่งที่จะกล่าวต่อไป เป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวและสยดสยองจนเกินบรรยาย แต่สุดท้าย เด็กสาวก็เป็นฝ่ายขยายความ
 
“ เนโครมันเซอร์คือสายอาชีพขั้นสาม ”  
 
“ งั้นเจ้านี่ก็เก่งพอตัวอ่ะดิ สายไหนล่ะ บู๊แหลกว่องไวรึไง ” มาวินร้องถาม 
 
“ ไม่ใช่ พวกนี้มาจากสายนักศึกษาที่เน้นพลังเวทและปัญญา ดังนั้น ด้านกำลังและความเร็ว ไม่มีทางสู้สายนักสู้โดยตรงอย่างพวกเรา แต่ทว่า….” เด็กสาวอธิบายอย่างใจเย็น ก่อนที่จะหยุดไปซะอย่างงั้น  
 
“ เอ้า เล่าต่อดิ หยุดทำไม ” เด็กหนุ่มถามต่อด้วยอาการร้อนรน เขาอยากรู้เรื่องนี้อย่างรุนแรง 
         
 
         เด็กสาวรวบรวมกำลังใจนิดหนึ่ง ก่อนตอบกลับมาอย่างยากลำบาก 
 
“ แต่เนโครมันเซอร์เป็นพวกที่ถนัดเวทมนตร์ ที่สำคัญ เวทมนตร์ที่ใช้ก็แตกต่างจากผู้อื่น ” 
 
“ ต่างยังไง พวกนี้ยิงเวทระเบิดกระจาย หรือสามารถทำลายหมู่บ้านนี้ในพริบตาเดียวหรือไง ” มาวินถามต่อ สีหน้าเริ่มตึงเครียดเล็กน้อย 
 
“ ไม่ใช่จ้ะ พวกนี้ใช้มนตร์มืดที่เกี่ยวข้องกับความตายและคำสาป จัดเป็นสายพิเศษที่หายาก อาชีพนี้ไม่สามารถสมัครกับ NPC ประจำเมือง แต่ต้องผ่านการทำภารกิจที่แปลกประหลาด พิสดารและน่าสยดสยอง ” คราวนี้คุณยายเป็นฝ่ายอธิบายบ้าง  
         
 
         ความเงียบปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้มันสงัดซะจนทั้งสามได้ยินเสียงลมโชย ถ้าตั้งใจฟังให้ดี ก็จะพบว่าเสียงหวีดหวิวนั้นคล้ายกับเสียงปีศาจโอดครวญอย่างไม่มีผิดเพี้ยน อันชวนให้รู้สึกขนพองสยองเกล้าไปตามๆกัน มาวินเลยเอ่ยถามคุณยายด้วยเสียงที่สั่นเทา
 
“ แล้วพวกนี้เรียกผีได้หรือเปล่า ” 
 
“ ไม่ใช่แค่เรียกผีได้ พวกนั้นยังมีคำสาปที่โดนเข้าไปทีเดียว อาจถึงตายหรือไม่ก็กลายเป็นบ้า นับเป็นสายอาชีพที่รับมือยาก ” เหมยลี่เสริมขึ้นมาบ้าง 
 
“ ฮะๆ หรือเราจะเปลี่ยนใจ ถอยหลังหนีซะตอนนี้ ” เด็กหนุ่มหัวเราะแห้งๆ ก่อนย้ำเตือนถึงทางเลือกที่กระทำได้ 
 
………………………
           
         ทั้งสามเดินทางมาถึงกลางหมู่บ้าน ก็พบกับบ้านไม้สองชั้นที่ดูโดดเด่น ด้านหน้ามีลานกว้างทรงกลมซึ่งปรากฏกลุ่มชายฉกรรจ์ราวๆ 10 คนยืนอยู่ พวกมันล้วนมีหน้าตาที่บ่งบอกว่าเป็นอันธพาล ร่างกายล่ำสันสวมใส่เสื้อยืดและกางเกงยีนส์สีดำ ใกล้ๆกันนั้น มีชายร่างผอมสูงวัยกลางคนยืนตัวสั่น สีหน้าฉายแววหวาดกลัว 
 
“ เกิดอะไรขึ้น” มาวินร้องถาม 
 
“ กลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นคือลิ่วล้อในแก๊งยมทูต ส่วนชายตัวผอมๆนั่นก็คือหัวหน้าหมู่บ้านของพวกเรา ” คุณยายรีบบอก เสียงของเธอดูสั่นเครือ 
 
“ เอายังไงดี ยัยโย่ง ” มาวินหันไปถามเด็กสาวร่างสูง
        
 
         เด็กสาวหน้าเข้มคิดอยู่อึดใจ ก่อนตอบกลับมาเบาๆ
 
“ อย่าไปยุ่ง หัวหน้าของพวกมันเป็นเนโครมันเซอร์ที่รับมือได้ยาก พวกเรารีบพาคุณยายไปส่ง แล้วไปจากที่นี่ดีกว่า ” 
 
“ อืม……เอื้อก ” มาวินกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ ในใจขบคิด…..คงจะดีไม่ใช่น้อย ถ้าไม่ต้องพบกับคนที่ใช้เวทคำสาปซึ่งโดนเข้าไปทีเดียว แล้วถึงตาย
         
 
        เมื่อตกลงกันได้ วัยรุ่นทั้งสองก็เดินผ่านกลุ่มคน เพื่อไปส่งคุณยายที่ท้ายหมู่บ้าน ระหว่างนั้นเอง หูของมาวินก็แว่วเสียงขู่ตะคอกของเหล่าชายฉกรรจ์
 
“ ไอ้แก่ ทำไมเสบียงของเดือนนี้ มันน้อยจังวะ ” 
 
“ เดือนนี้ผลผลิตไม่ดีครับ โปรดเห็นใจพวกผมเถิด ” ชายวัยกลางคนอ้อนวอน ท่าทางดูน่าสงสาร 
 
“ ไม่ได้ ข้าไม่สนว่าพวกแกจะลำบากแค่ไหน ยังไงก็ต้องเอาเสบียงมาเพิ่ม เข้าใจมั้ย ” ชายร่างใหญ่กระชากคอเสื้อของชายวัยกลางคนขึ้นมาขู่
 
“ แต่ว่า…… ” หัวหน้าหมู่บ้านพยายามต่อรอง 
 
“ ผั้ว ” เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่น พร้อมการร่วงลงไปนอนกองกับพื้นของชายวัยกลางคน สาเหตุเพราะชายร่างใหญ่เริ่มเล่นบทโหดด้วยการใช้หลังมือตบเข้าไปที่แก้มอย่างรุนแรง 
 
“ อู้ย…….. ” ชายวัยกลางคนโอดครวญเบาๆด้วยความเจ็บปวด เลือดแดงไหลทะลักออกจากปาก 
 
“ ยังมีคำว่าแต่อีกมั้ย จำไว้ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ไปหาเสบียงมาเพิ่มให้มากกว่านี้ ” ชายร่างใหญ่ตวาด 
 
“ เห็นใจด้วยเถิด ถ้าท่านเอาเสบียงไปมากกว่านี้ พวกเราคงไม่สามารถมีชีวิตรอดจนถึงหน้าหนาวได้ ขอความกรุณาด้วยเถอะครับ ” ชายวัยกลางคนก้มลงคุกเข่า พร้อมอ้อนวอนขอความเห็นใจ 
 
“ ยังมีหน้ามาขอร้องอีก พวกเรารุมกระทืบมันจนกว่าจะยอมให้เสบียงเพิ่ม ” ชายร่างใหญ่สั่งสมุนที่มาด้วย 
 
“ ได้เลยลูกพี่ ” ลิ่วล้อสองคนเดินออกมาจากกลุ่ม เพื่อหวังยำคนที่ไร้ทางสู้ 
 
“ อย่า…….ขอร้องล่ะ ” ชายวัยกลางคนถอยกรูด แต่ก็ไม่ทำให้หนีพ้น เมื่อลิ่วล้อคนหนึ่งเข้าถึงตัว หมัดหนักๆก็พุ่งปะทะใบหน้า ทำให้เขาล้มลงไปนอนหงายอีกครั้ง 
 
“ โอ๊ย.... ” ชายแก่ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด เลือดอีกสายทะลักออกจากปลายจมูก
 
“ ฮ่าๆ….. หมัดหนักนี่หว่า ต่อยเข้าไปทีเดียว ถึงกับทำให้เจ้าหมอนี่หงายเงิบไปเลย ” กลุ่มชายฉกรรจ์ที่มาด้วย พากันหัวเราะชอบใจต่อความชั่วช้าที่พวกตนได้กระทำ 
 
“ เฮ้ย ยังไม่จบแค่นี้หรอกเฟ้ย พวกเอ็งดูนี่ให้ดีนะ ฮัดช่า ” ลิ่วล้อคนนั้นพูดจบ ก็ตรงเข้าไปซัลโวท้องน้อยด้วยแข้งขวา ส่งผลให้หัวหน้าหมู่บ้านถึงกับตัวงอ 
 
“ ฮ่าๆ ยิงประตูได้สวยมากว่ะ ” พลพรรคโห่ร้องครื้นเครง 
 
“ เฮ้ย ข้าเริ่มคันมือแล้วว่ะ ขอมั่งดิ ” ลิ่วล้ออีกคนนึกคะนอง จึงตรงเข้ามากระทืบกลางแผ่นหลังของอีกฝ่าย 
 
“ อุ้ก ” ร่างผอมบางกระแทกพื้น พร้อมกระตุกกายแรง โลหิตแดงทะลักออกจากปากของหัวหน้าหมู่บ้าน
 
“ ฮ่าๆ มีกระตุกด้วยโว้ย เบรกแดนซ์หรือไงวะ ” เหล่าแก๊งเฮฮา 
 
“ เฮ้ย เอาแค่เจ็บนะ อย่าให้ถึงตาย ข้าต้องการรีดเสบียงจากพวกมันเท่านั้น เข้าใจมั้ย ” ชายร่างใหญ่ที่น่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม ร้องบอกพรรคพวกให้ลดความคะนอง ไม่งั้นจะเสียงาน 
 
“ จัดให้ ลูกพี่ ” ลิ่วล้อคนที่กำลังเหยียบแผ่นหลัง ยิ้มรับ ก่อนจะหวดเท้าขวาเข้าไปที่ชายโครง ทำให้ชายวัยกลางคนกระเด็นกระดอนไปตามแรงเท้าอีกวาระ 
 
“ โอ๊ย...... ” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังออกมาจากปากของหัวหน้าหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าเกราะกรังไปด้วยคราบฝุ่นผสมคราบเลือดจนแยกไม่ออก ดูน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่มีใครในกลุ่มชายโฉดนึกเห็นใจ กลับมองว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเป็นเพียงความบันเทิงหลังอาหารกลางวันเท่านั้น 
           
 
         ระหว่างที่เหล่าลิ่วล้อกำลังสนุกสนานกับการทำร้ายคนไม่มีทางสู้ ก็มีใครบางคนพุ่งเข้ามาที่ด้านหลัง วินาทีต่อมา ฝ่าเท้าบางของคนผู้นั้นก็ฟาดเข้าไปที่ต้นคอ ส่งผลให้หนึ่งในสองชายโฉดร้องได้คำเดียว ก่อนร่วงล้มลงไปนอนกองกับพื้นในทันที 
 
“ อั้ก ” 
 
“ เฮ้ย….แก ” ลิ่วล้ออีกคนตกใจ จึงหันกลับมาต่อยขวา แต่คนผู้นั้นก้มหลบอย่างง่ายดาย และสวนกลับด้วยการปล่อยหมัดรัวสุดกำลัง 
 
“ ย่า ย่า ย่า………. ” บุคคลผู้นั้นส่งเสียงร่ำร้อง ในยามออกหมัด
 
“ อุกๆ……อั้กๆ……” ลิ่วล้อถึงขั้นกระตุกกายไปตามน้ำหนักหมัดที่กระทบถูก
 
“ ย้าก…… ” บุคคลปริศนากู่ร้องยาว ก่อนปล่อยหมัดสุดท้ายเข้าไปที่ขมับ ความแรงส่งผลให้ใบหน้าสะบัด แน่นอนว่าจุดจบของสมุนผู้นี้คือ.......นอนตาลอยอยู่บนพื้น
          
 
         เหล่าชายฉกรรจ์ดูตื่นกลัวผสมงุนงง ผู้มาใหม่ที่มีฝีมือร้ายกาจคือใคร เมื่อเห็นเต็มสองตา ก็พบว่าคนผู้นั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยเยาว์ กายเพรียวบางถูกซ่อนอยู่ในชุดกังฟูแขนกุดสีเขียว ดวงตาเรียวเล็กแฝงแววมุ่งมั่น บนศีรษะประดับผมรองทรงที่ไว้รากไทร
 
“ เฮ้ย แกเป็นใครกันวะ ไอ้หนู…” หัวหน้าทีมร่างใหญ่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม แต่ก็ไม่ได้ทำให้มาวินตื่นกลัว เด็กหนุ่มตีหน้าเข้ม พร้อมตอบกลับด้วยท่าทางที่ดูจริงจัง
 
“ ชั้นชื่อ……มาวิน และงานนี้ ชั้นขอเป็นพระเอก ” 
 
 
สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา