The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
173) พลังที่แท้จริง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://wallpaperaccess.com
ลางอัปมงคลเริ่มคืบคลานเข้ามาในจิตใจของอากิเนะ เพราะพอเดาได้ว่าอมนุษย์ตรงหน้าคิดจะทำสิ่งใด ซึ่งก็คงไม่พ้นบีบคั้นเธอด้วยการทรมานท่านปู่ ผู้เป็นญาติเพียงหนึ่งเดียว
“ ไม่นะ ขออย่าให้เป็นแบบนั้น ”
ทว่าคำภาวนาของอากิเนะไม่ใกล้เคียงกับคำว่าได้ผลเลย เพราะมารร้ายได้ตรงเข้าไปหาเทพศาสตรา พร้อมยกขาขึ้นกระทืบยอดอก
“ อุ้ก….” เทพศาสตราถึงกับกระอัก ด้วยจุกเสียดจากน้ำหนักเท้าที่กดทับ
“ ปล่อยนะ อย่าทำท่านปู่ แกมาลงกับชั้นดีกว่า ” น้ำตาของอากิเนะเริ่มไหลพรากอีกครั้ง ปากก็ส่งเสียงวิงวอนด้วยกระแสที่สั่นเครือ ราวกับถูกทำร้ายซะเองก็ไม่ปาน ทว่าอมนุษย์ไม่สนใจ มันหันกลับมาแสยะยิ้มให้ พร้อมตอบกลับอย่างดุเดือด
“ เชอะ ข้าจะทำร้ายท่านไปทำไม ในเมื่อประสงค์ของข้าคือ….ได้สู้กับท่านในร่างที่แท้จริง ”
อากิเนะสับสนเหลือประมาณ ความรู้สึกด้านลบที่หลากหลายประดังเข้ามาในจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นโศกเศร้า เจ็บปวด สิ้นหวัง ปิดท้ายด้วยความ…..โกรธแค้น
“ กะ….แก หยุดเดี๋ยวนี้นะ ” โทสะที่รุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของร่างกาย ดวงตาสดใสแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวอีกวาระ แต่มารร้ายกลับเหม่อมองด้วยอาการชื่นชม พร้อมหวดชายโครงซ้ายของเทพศาสตรา
“ อั้ก….” เทพศาสตรากระอักโลหิตอีกครั้ง และถ้าเดาไม่ผิด ดาเมจในการเตะครั้งนี้ น่าจะทำให้กระดูกซี่โครงหักไปหนึ่งซี่
“ บ้าที่สุด ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เราคงเป็นเครื่องมือให้มารร้ายใช้กระตุ้นอากิเนะ แต่จะทำยังไง ในเมื่อเราหมดสภาพไปแล้ว ” เทพศาสตราได้แต่คับแค้นใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในสมองพยายามขบคิดอย่างหนัก ทว่าก็พบกับคำว่า….สิ้นหนทางอยู่ตลอด
“ เป็นไงบ้าง ท่านโกรธพอรึยัง รีบเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ไม่งั้น เจ้าแก่นี่ได้ตายคาเท้าของข้าแน่ ” มารร้ายพูดจบ ก็หวดเข้าไปอีกหนึ่งดอก
“ แก……” อากิเนะคำรามในลำคอ ดวงตาแลโกรธเกรี้ยว ไม่ต่างจากสัตว์ป่า ใบหน้าที่เคยสดใสบูดบึ้งอย่างรุนแรง ทำให้ดูสวยคมอีกเท่าตัว
มารร้ายสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังเวทที่เพิ่มพูนขึ้นมาเรื่อยๆของเด็กสาว ทำให้มันรู้สึกยินดี เพราะใกล้จะได้ประจันกับบุคคลในตำนาน จึงกระทืบลงไปที่หน้าท้องของเทพศาสตราถี่รัว เพื่อเร่งผลงาน
“ อุ้ก….” คราวนี้ เทพศาสตราจุกเสียดจนพูดไม่ออก เขาได้แต่ชำเลืองไปยังหลานสาวที่นั่งตัวสั่น พร้อมอ้อนวอนอยู่ในใจ
“ อากิเนะอย่าโกรธนะ ไม่ว่าปู่จะเป็นตายร้ายดียังไง ก็อย่าปล่อยเธอออกมา ”
แต่ไม่ว่าเทพศาสตราจะวิงวอนซักเท่าใด อากิเนะก็ไม่มีทีท่าจะคลายจากโทสะ แรงโกรธยิ่งผลักดันให้ระดับพลังของเธอพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด ก็ถึงขั้นทำให้โซ่เหล็กสีดำที่พันธนาการเริ่มแตกร้าว
“ แก…ปล่อยท่านปู่เดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้น ” อากิเนะพ่นคำขู่เสียงขุ่น ดวงตาแข็งกร้าวเปล่งประกายแวววาว
มารร้ายยินดีจนเนื้อเต้น เพราะอีกนิดเดียว ก็จะสมหวัง ปีศาจผมขาวรอคอยการต่อสู้แบบนี้มานานนับร้อยปี ด้วยที่ผ่านมา แทบไม่เคยมีอมนุษย์ตนใดมีฝีมือใกล้เคียงกับมัน
“ หึ หึ หึ อีกนิดเดียวเท่านั้น แต่ว่า…ถ้าเราได้เจอท่านผู้นั้น พร้อมกับฆ่าเจ้าเฒ่านี่ไปด้วย มันคงเป็นอะไรที่ดีงามสุดๆ ดังนั้น ก่อนที่จะผจญศึกใหญ่ จงตายซะเถอะ ” มารร้ายนึกทบทวนเสร็จ มันก็ยกแขนขวาขึ้นสูง เพื่อเตรียมเสียบฝ่ามือคมมีดลงไป จุดหมายคืออกข้างซ้ายของเทพศาสตรา
“ ถึงเวลาแล้วสินะ ” ปรมาจารย์ยอดนักสู้ปิดตาลง ในใจน้อมรับความตายที่กำลังย่างก้าวเข้ามา แต่ไม่ทันที่ฝ่ามือคมมีดจะเสียบทะลุอก อากิเนะก็ตะโกนใส่อย่างดุเดือด
“ หยุดได้แล้ว ”
“ เฮ้ย ” มารร้ายรับรู้ได้ถึงแรงลมระดับทอร์นาโด อันพัดให้ร่างบางของอมนุษย์กระเด็นไกลแบบไร้หลักยืน แต่สุดท้าย มันก็กลับมาเหยียบพื้นได้
“ นะ…นี่มันบ้าอะไรกัน เรากระเด็นได้ไง ” มารร้ายสบถดัง พร้อมหันไปมองสองปู่หลาน แต่พอประจักษ์ ก็ตื่นตระหนก
“ นะ…นั่นมัน…..”
มารร้ายถึงกับพูดไม่ออก เพราะสิ่งที่เห็นคืออากิเนะที่กำลังลุกขึ้นยืน โซ่เหล็กดำที่ล่ามสองมือขาดกระจุยไม่เป็นชิ้นดี รอบร่างบางแผ่ซ่านไปด้วยออร่าสีม่วงอมดำ
“ หึ หึ หึ นะ….นั่นนางมาแล้ว ยอดเยี่ยมที่สุด ” มารร้ายถึงกับยืนตัวสั่น สีหน้าดูอิ่มเอมแบบสุดฤทธิ์จนกระเดียดไปทางบ้าคลั่ง คล้ายพวกแฟนพันธุ์แท้ที่ชอบเกาะติดดาราดัง ส่วนเทพศาสตราที่นอนหงายสิ้นท่า ได้แต่ทอดถอนใจ เพราะไร้แม้แต่แรงจะส่งเสียง
“ เฮ้อ….จบแล้ว โลก The Dark World ถูกทำลายแน่ ”
อากิเนะในเวอร์ชั่นใหม่เหลือบมองมารร้ายที่ยืนแสยะยิ้ม จากนั้น เธอก็กล่าวสั้นๆว่า…..
“ ชั้นมาแล้ว แกต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ”
“ หึ หึ หึ ใช่แล้ว นี่แหละสุดยอดปรารถนา ” มารร้ายคำรามในลำคอ แต่ไม่ทันได้พูดคำต่อไป มันก็กระเด็นไกลอีกครั้งด้วยลมประหลาด
“ เฮ้ย! ” มารร้ายพยายามเกร็งกาย เพื่อหยุดยั้งการปลิว และเมื่อมันเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าอากิเนะหายไปแล้ว
“ เอ๊ะ! ท่านผู้นั้นหายไปไหน ”
ทว่ามารร้ายก็ยืนงงไม่นาน ก็สัมผัสได้ถึงไอเย็นประหลาดที่ด้านหลัง กระแสนั้นแฝงจิตสังหารอย่างเต็มเปี่ยมจนแม้แต่อมนุษย์ระดับมันยังอดสยองไม่ได้
“ นะ…นี่มันอะไรกัน ”
ขณะที่มารร้ายยืนตัวแข็ง เสียงที่หวานใสก็ดังแว่วมาจากด้านหลัง แต่ในเวลาเดียวกัน กระแสนั้นก็ผสมความเยือกเย็นที่แม้แต่น้ำแข็งขั้วโลกยังต้องอาย
“ แกต้องการพบกับชั้นไม่ใช่เหรอ แกก็ได้พบแล้วไง ทำไมไม่รีบหันมา ”
มารร้ายค่อยๆหันกลับมาตามคำสั่ง จึงพบกับอากิเนะเวอร์ชั่นใหม่ แม้รูปลักษณ์จะดูไม่ต่างจากเดิม แต่เธอก็มีดวงตาที่แข็งกร้าว แถมทั่วร่างยังแผ่ออร่าสีม่วงอมดำออกมาจางๆ อันชวนให้น่าสะพรึงกลัว
“ หึ หึ หึ นี่ขนาดเรารวมร่างกับไอ้มาวินจนสมบูรณ์ ทำให้พลังสูงขึ้นหลายขั้น แต่ท่านผู้นั้นยังดูเหนือล้ำกว่า เพราะแค่ยืนเฉยๆ ก็ปล่อยจิตสังหารออกมาได้ถึงเพียงนี้ ” มารร้ายมองขนแขนที่ลุกชูชัน บ่งบอกว่ามันกลัวจากใจจริง แต่ด้วยความเหี้ยมหาญของนักสู้ ผู้ผ่านสมรภูมิมาอย่างยาวนาน อมนุษย์จึงเรียกสติกลับมาได้
“ ไม่ได้ เราจะกลัวไม่ได้ ต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นผู้ใด เราทำแบบนี้มาตลอดไม่ใช่เหรอ ”
แต่ไม่ทันที่มารร้ายจะปลุกปลอบตัวเองจนเสร็จสรรพ อากิเนะก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่ไม่มีใครมองทัน จากนั้นก็ปล่อยหมัดขวาใส่ใบหน้าของอมนุษย์
“ เปรี้ยง ”
ร่างบางของอมนุษย์กระเด็นไกลแบบไร้แรงต้าน ไม่นาน ก็ถูกหยุดด้วยต้นไม้ใหญ่ แต่แรงปะทะนั้นหนักหน่วง ส่งผลให้พฤกษาอายุกว่าร้อยปีหักโค่นในทีเดียว
“ โครม…..”
“ อุ้…อุก นะ….นี่มัน ความเร็วอะไรกัน เหนือกว่าเราชนิดไม่ติดฝุ่น ไหนจะพลังนั่นอีก ” มารร้ายค่อยๆยันกายลุกขึ้นยืน เรี่ยวแรงในกายหดหายไปกว่าครึ่ง ด้วยถูกแรงโจมตีที่หนักหน่วง มือขวาปาดโลหิตสีดำที่ริมฝีปาก ส่วนในใจนึกช็อค เพราะไม่เคยพ่ายแพ้ใครในด้านความเร็วมาก่อน
อากิเนะยังคงยืนอยู่ที่เดิม มีเพียงใบหน้าที่หันมามองมารร้าย พอเห็นว่าอริคนสำคัญยังไม่ฟุบ เธอก็เดินเข้าไปหาแบบไม่รีบร้อน
มารร้ายแปลกใจในพลังและความเร็วที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าพันทวี แต่เทพศาสตราเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน เพราะตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยเห็นอากิเนะต่อยใครซักที
“ นี่หลานทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ ”
มารร้ายได้ยืนตัวสั่น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งจนตนเองไม่อาจเทียบได้ แต่ด้วยจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ต่อผู้ใด มันจึงข่มความกลัวของตัวเอง
“ ฮึ่ม…..แล้วเราจะกลัวไปทำไม อย่างมากก็แค่ตาย อีกอย่าง เราต้องการดวลกับท่านผู้นั้นไม่ใช่หรือ ”
ออร่าสีอำพันพวยพุ่งออกมาจากร่างบางของมารร้าย ดูไม่ต่างจากเปลวเพลิงจากเตาแก๊สขนาดใหญ่ พริบตาต่อมา อมนุษย์ก็กางฝ่ามือทั้งสองข้าง เพื่อปล่อยแสงเลเซอร์จากสิบนิ้วมือ
ทว่าอากิเนะก็โยกหลบได้อย่างง่ายดาย บ่งบอกถึงความเร็วที่ล้ำไปอีกระดับ ทำให้มารร้ายตื่นตระหนก
“ ละ…หลบได้หมดเลยเหรอ ปะ…เป็นไปมะ…ไม่ได้ ”
“ อันที่จริง ของแค่นี้ ไม่ต้องหลบก็ได้ เพราะมันช่างเป็นการโจมตีที่อ่อนแอนจนน่าสมเพช ” อากิเนะสบถคำออกมา ซึ่งเป็นวาจาที่ค้านกับนิสัยของเธอโดยสิ้นเชิง ทำให้เทพศาสตราตื่นตกใจ
“ ไม่น่าเชื่อว่าอากิเนะจะพูดคำแบบนี้ออกมาได้ หรือนางคนนั้นจะตื่นโดยสมบูรณ์ ”
มารร้ายยอมรับว่าแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง เพราะแสงนั้นจัดเป็นไม้ตายก้นหีบที่ทะลวงได้ทุกอย่าง และมันก็ใช้เผด็จศึกมาหลายสมรภูมิ จึงตะโกนท้าทาย
“ เป็นไปไม่ได้หรอก ต่อให้ท่านแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่อาจหยุดพลังของข้า ที่พูดมาก็แค่ราคาคุยเท่านั้น ”
อากิเนะเวอร์ชั่นใหม่นิ่งตรึกตรอง ก่อนจะกล่าวท้าทาย
“ งั้นเจ้าก็ยิงแสงพวกนั้นออกมา ข้าจะยืนรับทั้งหมดเอง ”
มารร้ายแสยะยิ้มมุมปาก เพราะตัวมันไม่ได้คิดจะยิงเวทแสงจากนิ้วมือเพียงอย่างเดียว แต่จะจัดสองเวทใหญ่ที่ถนัดเข้าไปด้วย
“ เสร็จข้าล่ะ ต่อให้เป็นท่านก็ทนไม่ได้ นี่แหละนาที่เขาเรียกว่า…ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย ” มารร้ายขบคิดในใจ ก่อนจะตอบกลับไป
“ งั้นเตรียมรับพลังของข้าให้ดี อย่าได้ผิดสัญญาเป็นอันขาด ”
“ ฟู่…..” อากิเนะเป่าปากระบายลม ก่อนจะยกสองแขนขึ้นมาตั้งท่าป้องกัน ใบหน้าปล่อยรอยยิ้มที่ดูมั่นใจ
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ