The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) การฝึกฝน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://unsplash.com
………………………………….
ดวงตะวันขึ้นสูงที่กลางหัว บ่งบอกว่ายามนี้ได้ล่วงเข้าสู่เที่ยงวัน แสงแดดเจิดจ้าแผ่ความร้อนไปทั่ว แต่ด้วยไอเย็นจากน้ำตก จึงทำให้บรรเทาความระอุอยู่หลายส่วน
บริเวณหน้าน้ำตกแห่งนี้ปรากฏกายหนุ่มสาวคู่หนึ่ง เด็กหนุ่มมีดวงตาเรียวเล็ก ใบหน้าซูบผอมแลดูทะเล้น ผมสีเขียวยุ่งเหยิงเป็นกระเซิง อาภรณ์ที่สวมใส่คือชุดนักสู้ขาดเก่าที่ดูซอมซ่อราวกับยาจก ส่วนเด็กสาวเป็นคนร่างสูงเพรียว ใบหน้านิ่งขรึม ท่าทางจริงจัง ผมสีดำยาวประมาณบ่า เมื่อนำมาประกอบกับชุดกังฟูแดงปักลายมังกรทอง ทำให้เธอดูสง่าอยู่ในที
ทั้งสองยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง เด็กสาวร่างสูงก็เปิดฉากกล่าว น้ำเสียงห้าวหาญ ดังกังวานและชัดเจน
“ กังฟูถือกำเนิดที่แคว้นฉาน มันคือวิชาการต่อสู้ที่ใช้มือเปล่าเป็นหลัก เวลาต่อมามีคนนำไปประยุกต์ใช้กับอาวุธประเภทต่างๆ วิชานี้แบ่งออกเป็นสามสาย นั่นก็คือ……สายพลัง สายความเร็ว สายพลิกแพลง อ้าว……เฮ้ย ”
เด็กสาวอุทานดัง เมื่อเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มยืนหลับ น้ำลายไหลยืด เธอส่ายหัวด้วยความระอา จากนั้นก็ใช้เท้าขวางัดหินก้อนเล็กให้ลอยสูงระดับศีรษะ แล้วตวัดเท้าซ้ายไปยังเป้าหมายเต็มเหนี่ยว
“ เปรี้ยง ”
ก้อนหินพุ่งปะทะหน้าผากของมาวินเต็มแรง ใบหน้าซูบผอมผงะในทันที
“ โอ๊ย…… ใครขว้างหินใส่ชั้นฟะ เจ็บนะโว้ย ” เด็กหนุ่มโวยดัง พร้อมยกมือขึ้นกุมหน้าผาก
“ ชั้นเอง โทษฐานที่ไม่ตั้งใจ ชั้นอธิบายให้ฟังตั้งนาน แต่นายดันยืนหลับซะอย่างงั้น ” เด็กสาวตอบกลับ ท่าทางขุ่นเคือง
“ อู้ย….. โทษที ชั้นทนฟังทฤษฎีนานๆไม่ได้น่ะ ฟังทีไร เผลอหลับทุกที ฮะๆ ” เด็กหนุ่มหัวเราะแห้งๆ พลางกล่าวขอโทษ
เด็กสาวส่ายหัวไปมา ใจรู้สึกเซ็งกับโรคสมาธิสั้นของมาวิน ทันใดนั้นเองเธอก็เอามือซ้ายทุบลงมาที่อุ้งมือขวา สีหน้าดีใจ เพราะฉุกคิดไอเดียใหม่อย่างฉับพลัน
“ อืม…… รู้แล้ว สำหรับคนอย่างนาย ใช้วิธีนี้สอน น่าจะดีกว่า ”
“ วิธีอะไร ” เด็กหนุ่มถามงงๆ
“ เดี๋ยวก็รู้ เอาล่ะ กังฟูมีสามสายนะ เจ้าลิงหัวเขียว ” เด็กสาวชิงพูดอย่างรวดเร็ว พร้อมตั้งท่าต่อสู้
“ เดี๋ยวนะ ชั้นชื่อ มาวิ….” เด็กหนุ่มหัวเขียวร้องค้าน แต่ไม่ทันได้ประกาศนาม เด็กสาวก็พุ่งเข้ามาเอาหัวไหล่กระแทก ด้วยความแรงเร็ว ทำให้เขากระเด็นไกล ก่อนจะร่วงไถลไปกับพื้นอีกหลายตลบ
เด็กหนุ่มค่อยๆยันกายลุกขึ้นยืน เพราะยังจุกเสียดอยู่ ปากก็บ่นพึมพำด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ที่จู่ๆถูกรุกเร็วแบบไม่ทันตั้งตัว
“ อู้ย….. เธอทำอะไรเนี่ย รุนแรงชะมัด ”
“ กระบวนท่านี้มีชื่อว่า น้ำป่าไหลทะลัก เป็นการส่งแรงอัดเข้าไปที่ร่างกายของคู่ต่อสู้ มันถูกจัดอยู่ในสายกำลัง อันเป็นสายที่ปะทะกันแบบตรงๆ ” เด็กสาวอธิบายยาวเหยียด มาวินก็เริ่มพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
“ ส่วนสายที่สองคือสายของความเร็ว ” เด็กสาวย่อตัวลงนิดนึง จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่มาวิน เมื่อเข้าประชิด เธอก็ออกหมัดรัวเป็นปืนกล ทุกกำปั้นที่ปล่อยออกมาล้วนรวดเร็วชนิดที่มองไม่ทัน แต่การโจมตีดูไม่ค่อยมีน้ำหนักมากเท่าไหร่ เลยทำให้ร่างบางที่ผอมโซถอยหลังไปแค่สองก้าว
“ กระบวนท่านี้เรียกว่า อสรพิษเก้าหัว ทุกฝ่ามือที่จู่โจมใส่อย่างรวดเร็ว ล้วนสกัดไปที่จุดตายทั้งเก้า ” เด็กสาวอธิบายเรียบๆ
“ อู้ย….. คราวนี้ไม่หนักเท่าไหร่ แต่โคตรแสบตรงบริเวณที่โดนทิ่มเลย นี่เธอสกัดจุดตายทั้งเก้าของชั้นแล้ว ใช่มั้ยเนี่ย ” เด็กหนุ่มเริ่มสำรวจตามร่างกายของตนเอง ก็พบว่ามีรอยจ้ำแดงๆอยู่ตามจุดที่โดนสกัด
“ สุดท้ายก็คือสายพลิกแพลง เอาล่ะ นายโจมตีเข้ามาเลย ” เด็กสาวร่างสูงถอยหลังไปหนึ่งก้าว จากนั้นก็กวักมือเชื้อเชิญให้มาวินเข้าจู่โจม
แต่แทนที่มาวินจะโจมตีตามคำสั่ง เขากลับเวิ่นเว้ออยู่กับเรื่องเดิมๆ สีหน้าส่อแววกังวลใจ ปากก็พล่ามเหลวไหล เลอะเทอะไปตามประสา
“ แล้วชั้นจะตายมั้ยเนี่ย เธอเล่นจี้จุดตายทั้งเก้า ”
“ โจมตีเข้ามาได้เเล้ว เจ้าลิงหัวเขียว ขืนยังไร้สาระอยู่แบบนี้ นายโดนชั้นอัดแน่ ” เด็กสาวตวาดใส่ ทำให้มาวินสะดุ้งโหยง เขารีบตั้งท่ารัดกุม เพื่อเตรียมโจมตี
“ เข้ามาได้ ” เด็กสาวร้องสั่งเสียงดัง
“ อืม….. ท่าไหนดีนา….. อ้อ…… เอาไม้นี้ก็แล้วกัน เย้….. ” เด็กหนุ่มทำท่าคิดอยู่พักหนึ่ง พอนึกออก เขาก็เริ่มกระโดดโลดเต้นไปมา พร้อมยักคิ้วหลิ่วตาด้วยอาการดีใจ
“ เอ้า ตกลงจะเข้ามาได้หรือยัง มัวแต่ทำเป็นลิงเป็นค่างอยู่ได้ ” เด็กสาวเริ่มโวยต่อด้วยความหงุดหงิด
“ แฮะๆ โทษที มัวแต่ดีใจที่คิดแผนเด็ดได้น่ะ ” มาวินกล่าวขอโทษ จากนั้นก็เริ่มย่อตัวลงเล็กน้อย ดวงตาเรียวเล็กจับจ้องมาที่เด็กสาวแน่วนิ่ง เพื่อรวบรวมสมาธิ ก่อนทะยานเข้าจู่โจม
มาวินพุ่งเข้าใส่เด็กสาว พอถึงตัว เด็กหนุ่มก็ใช้ฝ่ามือฉกตามจุดต่างๆของร่างกายอย่างรวดเร็ว มันดูคล้ายคลึงกับท่าอสรพิษเก้าหัวถึงสามส่วน จะขาดก็เเค่น้ำหนัก ความเร็วและความแม่นยำ
“ เฮ้ย นี่มัน ” เด็กสาวอุทานด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะสามารถเลียนแบบได้เหมือนขนาดนั้น
เด็กสาวร่างสูงรีบปัดป้อง ในฝ่ามือสุดท้าย มาวินเล็งไปที่หัวไหล่ แต่เธอก็ยังใช้ท่อนแขนปัดได้ทันท่วงที พอกระทบถูก กังฟูสาวก็พลิกตัวหมุนเป็นวงกลม โดยใช้ขาทั้งสองข้างเป็นแกน ส่งผลให้เด็กหนุ่มเสียหลักจนถลำไปข้างหน้า ปิดท้ายด้วยการล้มคะมำลงไปนอนคลุกฝุ่น
“ กระบวนท่านี้มีชื่อว่า น้ำเชี่ยวไหลผ่านหลักไม้ เป็นท่าที่อาศัยแรงของคู่ต่อสู้ให้เป็นประโยชน์ ส่วนใหญ่จะใช้ป้องกันและทำลายจังหวะ ” เด็กสาวอธิบายต่อ ซึ่งมาวินก็พยักหน้ารับคำทุกกระบวน แม้ว่าตนจะล้มคว่ำ หน้าเปื้อนฝุ่นอยู่ก็ตาม
“ เท่าที่พิจารณา เห็นว่านายไม่เหมาะกับสายกำลัง เพราะไม่แข็งแกร่งพอ ส่วนสายพลิกแพลง เน้นเทคนิคมากเกินไป คนที่พื้นฐานไม่ดี น่าจะฝึกไม่ได้ ที่พอจะเข็นกันได้น่าจะเป็นสายความเร็ว ซึ่งชั้นก็ฝึกกังฟูสายนี้อยู่พอดี ” เด็กสาวอธิบาย สีหน้านิ่งจนจับอารมณ์ไม่ได้
“ อืม….มิน่า การเคลื่อนไหวของเธอถึงได้รวดเร็ว ขนาดชั้นยังมองตามแทบไม่ทันเลย ” เด็กหนุ่มพูดขึ้นมาลอยๆ พร้อมปัดฝุ่นออกจากตัว
เด็กสาวร่างสูงสะกิดใจในคำพูดที่ว่า “มองตามแทบไม่ทัน” เธอแอบคิดว่าความเร็วขนาดนี้ มือใหม่อย่างมาวินจะมองทันได้ยังไง
“ แล้วตกลงจะให้ชั้นฝึกกังฟูในสายของความเร็ว ใช่มั้ย ” เด็กหนุ่มเอ่ยถาม
“ ใช่แล้ว สำหรับสายนี้ สิ่งที่สำคัญก็คือ ความไว ความแม่นยำและสายตา ” เด็กสาวพูด พลางเดินไปรอบๆ เพื่อเก็บก้อนกรวดเล็กๆตามพื้นขึ้นมาไว้ในวงแขน
“ แล้วเราจะฝึกกันยังไง ” มาวินพูดเสียงสั่น ท่าทางดูแหยงๆ เพราะเริ่มเดาออกว่าเด็กสาวจะฝึกเขาด้วยวิธีใด
“ อย่างนี้ไง ” เด็กสาวร่างสูงใช้นิ้วคีบกรวดเล็กๆออกมาหนึ่งก้อน จากนั้นก็ตวัดข้อมืออย่างรวดเร็ว เพื่อขว้างสิ่งนั้นมาที่มาวิน ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัว หน้าผากของเด็กหนุ่มจึงโดนก้อนกรวดอัดใส่แบบเต็มๆ
“ โอ๊ย เบาๆ หยุดก่อน ” เด็กหนุ่มถึงกับสะดุ้งโหยงและเอามือลูบคลำหน้าผาก เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด
“ ดูวิถีการพุ่งของมันให้ดีๆ อย่าบ่น ” เด็กสาวไม่สนใจ เธอซัดกรวดก้อนที่สองด้วยวิธีเดิม คราวนี้พุ่งกระทบหัวไหล่
“ โอ๊ย ” เด็กหนุ่มร้องอีกครั้ง ความรู้สึกคล้ายโดนปืนอัดลมที่บรรจุกระสุนพลาสติกยิงใส่
“ ตั้งสมาธิซิ พยายามเพ่งมองทิศทางของก้อนกรวด จากนั้นก็ปัดป้องหรือหลบหลีก เร่งประสาทให้ไวขึ้น เอ้า ไปอีกแล้วนะ ” เด็กสาวร่างสูงตวัดมือส่งก้อนกรวดลูกที่สาม ดูเหมือนเธอจะสะใจเล็กๆกับการสอนแบบนี้ เพราะมีรอยยิ้มน้อยๆปรากฏที่มุมปาก
“ โอ๊ย….. ” เด็กหนุ่มร้องจ้ากอีกครั้ง คราวนี้เป็นทีของแขนขวาที่โดนอัด
การฝึกหฤโหดบรรเลงถึงสองชั่วโมง มาวินแทบจะหลบก้อนกรวดที่พุ่งเข้ามาไม่ได้เลย มีเพียงสองสามลูกที่หลบพ้น แต่ก็น่าจะบังเอิญซะมากกว่า เป็นผลให้ทั่วกายปรากฏรอยแดงเป็นจ้ำๆ คล้ายถูกยุงฝูงใหญ่รุมกัด
“ อู้ย…… แสบไปทั้งตัวเลย เธอนี่มันโหดจริงๆ ” เด็กหนุ่มโอดครวญ พลางเอาน้ำลายไปแตะที่บริเวณบาดแผล จากนั้นก็ซู้ดปากด้วยความเจ็บแสบ
“ เอาล่ะ ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสอง พักกินอาหารกันก่อน ” เด็กสาวกล่าวเรียบๆ พร้อมลงไปยังแอ่งน้ำตื้นที่ลึกเพียงหน้าแข้ง
“ เหรอ….. ดีจัง ชั้นหิวแล้ว ว้าว…..มื้อกลางวันจะเป็นอะไร ” เด็กหนุ่มร้องอุทาน น้ำลายไหลยืดออกมาเล็กน้อย
“ นายเห็นอะไรในแอ่งน้ำ ” หลังจากยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง เด็กสาวก็เริ่มเอ่ยถาม
“ เห็นสิ ปลาว่ายไปมารอบเธอตั้งหลายตัวแน่ะ ” เด็กหนุ่มที่นั่งขัดสมาธิอยู่ไม่ห่างตอบกลับ น้ำเสียงส่ออาการงง
“ นายคอยดูให้ดี นี่คือการฝึกความแม่นยำ ” เด็กสาวตอบเรียบๆ เธอนิ่งอยู่อึดใจ เวลาต่อมาก็ก้มลง พร้อมกระแทกฝ่ามือลงไปยังแอ่งน้ำ เป็นการโจมตีที่รวดเร็วจนผิวน้ำไม่กระเพื่อม
“ อ้าว….. เธอทำอะไรน่ะ คราวนี้จะฝึกกระแทกน้ำเล่นรึ ” เด็กหนุ่มร้องถามเสียงหลง เขาเริ่มงงกับการกระทำของเด็กสาว
เด็กสาวร่างสูงไม่ตอบคำแต่ประการใด เธอยืนนิ่งอยู่อึดใจ ปลาหน้าตาประหลาดแบบเดียวกับที่มาวินเคยกินก็ลอยขึ้นมาหนึ่งตัว
“ ว้าว….. อย่างนี้นี่เอง เธอใช้ฝ่ามือแทงปลาที่ว่ายรอบตัว เพื่อเอามากินเป็นอาหาร ใช่มั้ยเล่า โคตรเจ๋งอ่ะ” เด็กหนุ่มตะลึงจนอ้าปากค้าง สองมือปรบดังด้วยอาการชื่นชม
“ เอาล่ะ ถึงตานายแล้ว ชั้นจะก่อไฟให้ นายมีเวลาสองชั่วโมงในการหาปลา หลังจากนั้น จะเริ่มฝึกต่อในช่วงบ่าย ” เด็กสาวขึ้นจากน้ำ พลางเตรียมหาเศษไม้แถวนั้น เพื่อก่อกองไฟ
“ หา…… ชั้นทำไม่เป็น ” เด็กหนุ่มร้องอุทธรณ์เสียงดัง
“ ไม่เป็นก็ต้องเป็น จัดการซะ ไม่งั้นนายอด ” เด็กสาวตอบกลับเสียงเข้ม
มาวินเหลือบมองใบหน้าที่เรียบเฉยของเด็กสาวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินตรงไปยังแอ่งน้ำด้วยท่าทีที่ดูหงุดหงิด ปากก็บ่นงึมงำเบาๆ
“ เชอะ ชั้นหาปลาเองก็ได้ฟะ มันจะยากเย็นอะไรนักหนา ”
เด็กหนุ่มหัวเขียวพยายามตั้งท่าให้เหมือนกับเด็กสาวร่างสูง ดวงตาคมกริบจับจ้องไปที่ปลาซึ่งกำลังว่ายวนเวียนอยู่รอบตัว ทันใดนั้นเองเขาก็แทงฝ่ามือลงไปที่แอ่งน้ำอย่างรวดเร็ว ผิวน้ำไม่กระเพื่อมเลยแม้แต่น้อย สังเกตให้ดีๆ จะเห็นว่าท่าทางที่ปล่อยออกมาดูสวยงามและสง่ากว่ายอดกังฟูสาวเป็นกอง
“ ฮะๆ ” เด็กสาวที่กำลังก่อกองไฟเริ่มเปิดปากหัวเราะ
“ หัวเราะอะไร ยัยสาวนักกังฟู ” เด็กหนุ่มหันมาเอ็ดตะโร
“ หัวเราะนายไง ท่าสวย แต่ไม่โดน ก็อดนะ ฮ่าๆ ” เด็กสาวตะโกนตอบ คราวนี้เธอหัวเราะหนักกว่าเดิม
“ เธอคอยดูต่อไปก็แล้วกัน อีกเดี๋ยวปลาต้องลอยขึ้นมาแน่ ชั้นพนันว่ามันน่าจะลอยขึ้นมาถึงสองตัว ” เด็กหนุ่มเถียงกลับ พร้อมท้าพนัน ทั้งที่ตัวเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะลอยขึ้นมามั้ย
“ อ้อเหรอ ถ้ามันลอยขึ้นมาซักตัว ชั้นจะยกมือไหว้นายแบบงามๆเลย ” เด็กสาวตะโกนหยอกล้อ ผิดกับบุคลิกเงียบขรึมที่เคยแสดงออก
“ เชอะ จับเวลาได้เลย 10 วินาทีข้างหน้า มีปลาลอยขึ้นมาแน่ อย่างน้อยก็สองตัวล่ะ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวท้าต่อ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
เวลาผ่านไปนาทีเศษ ก็ยังไม่ปรากฏร่องรอยของสิ่งใด ขณะนี้เด็กสาวได้ก่อกองไฟเสร็จแล้ว เธอกำลังหมุนไม้ที่ใช้เสียบปลา เพื่อทำการย่าง หางตาเหลือบมองเด็กหนุ่มแวบนึง จากนั้นก็ร้องทักเสียงดัง
“ ทางที่ดี หาปลาตัวใหม่เถอะ รอนานแค่ไหน ก็ไม่เป็นผล มันจะผุดขึ้นมาได้ยังไง ในเมื่อการแทงเมื่อครู่ ไม่โดนอะไรเลย บอกให้เอาบุญ นายเหลือเวลาพักอีกแค่ชั่วโมงกว่าๆเท่านั้น การฝึกในช่วงบ่ายกำลังรอนายอยู่ ”
“ เชอะ ยัยบ้าเอย ” เด็กหนุ่มแอบสบถเบาๆ ก่อนตั้งท่าทะมัดทะแมงอีกครั้ง จากนั้นก็ไล่เสียบปลาที่ว่ายวนเวียนในแอ่งอย่างจริงจัง ทำให้สายน้ำแตกกระจายใส่กายของตนเอง เขาตั้งหน้าตั้งตาไล่เสียบอย่างเต็มที่ โดยไม่สนว่าจะเท่หรือไม่ หนักๆเข้าก็ถึงขั้นดำน้ำลงไปไล่จับ ถึงกระนั้น ก็ยังหาปลาไม่ได้เลยซักตัว
“ หน็อย….. ไอ้ปลาบ้า เก่งจริง ลองว่ายเข้ามือซักทีซิฟะ ชั้นจะยอมเลื่อนขั้นให้นายเป็นปลาเผาเลย ” เด็กหนุ่มตะโกนไปไล่จับปลาไป ท่าทางเดือดดาลเป็นยิ่งนัก
เด็กสาวนั่งกินปลาย่างอยู่ริมน้ำ เธอมองทุกท่วงท่าของมาวิน ดวงตาคลายความตึงเครียดลงมาก อันที่จริงดูเหมือนจะมีรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปากเสียด้วยซ้ำ เวลาต่อมาก็ตะโกนบอกเด็กหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่เจืออารมณ์ขัน
“ เคล็ดลับการจับปลาอยู่ที่สายตา ความเร็วและจังหวะ ”
“ รู้แล้วน่า ยังไงซะ เจ้าพวกนี้ก็ไม่เกินมือชั้นหรอก หน็อยแน่ ” มาวินไล่จับปลาไปก็บ่นไป
เด็กสาวนั่งมองการจับปลาสุดพิลึกพิลั่นของมาวินต่อไป ปากแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย
……………………….
เวลาเดินทางมาถึงสี่โมงเย็น ตะวันเริ่มคล้อยต่ำ ความร้อนระอุคลายตัวลง ยิ่งเป็นบริเวณน้ำตก ยิ่งทวีความร่มรื่นและเย็นฉ่ำจนน่าทิ้งตัวลงนอนซักตื่นสองตื่น ทว่าทั้งมาวินและเด็กสาวปริศนายังไม่มีท่าทีจะพักผ่อน ทั้งสองยืนประจันหน้ากันด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม จริงจัง เหตุเพราะพวกเขากำลังอยู่ในโหมดฝึกฝนวิชา
“ เอาล่ะ ต่อจากนี้ชั้นจะถ่ายทอดกระบวนท่าให้นาย โดยเพลงหมัดที่จะฝึกมีชื่อว่า หมัดแมวป่า ซึ่งเป็นกระบวนท่าในสายความเร็ว ” เด็กสาวประกาศก้อง
“ เหอๆ ชื่อเท่ดีนะ ฝึกยังไงหรือ ” เด็กหนุ่มตอบกลับ ท่าทางเซื่องซึม เพราะเพิ่งผ่านการอดอาหารกลางวันมาหมาดๆ
“ คอยดูท่าทางของชั้นและจดจำให้ดี นี่คือกระบวนท่าที่หนึ่ง แมวป่าตะปบเหยื่อ ” เด็กสาวประกาศก้อง พลางย่อตัวลงเล็กน้อย ขาขวานำขาซ้าย มือขวายื่นนำมือซ้าย ท่าร่างและการวางมือดูปราดเปรียว
“ เฮือก…… ” มาวินกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ ดวงตาจับจ้องการเคลื่อนไหวของเด็กสาวไม่วางตา
ความเงียบมาเยือนเพียงอึดใจ เด็กสาวก็ทะยานขึ้นกลางอากาศด้วยกิริยาที่คล้ายแมวป่า มือซ้ายและขวาถูกตวัดออก หลังจากที่เท้าสัมผัสพื้น เธอก็พุ่งไปข้างหน้า พร้อมปล่อยหมัดชุดอีกสองสามหมัด อึดใจต่อมาก็แปรเปลี่ยนเป็นพลิกตัวกลับหลัง แล้วปล่อยหมัดชุดตามแนวสูง กลาง ต่ำ อีกหนึ่งชุดใหญ่ ก่อนจะจบกระบวนท่าด้วยการเตะสูงเหนือหัว
“ ฟู่……. ” เด็กสาวเอาสองแขนไขว้ไปข้างหน้า ปลายเท้าแยกออกมาเล็กน้อย พร้อมเป่าปากเบาๆ
“ โห……ดูรวดเร็วและทรงพลังจัง สุดยอดเพลงหมัดเลยนะเนี่ย ” เด็กหนุ่มกล่าวชมเชย ดวงตาซาบซึ้งผสมชื่นชม
เด็กสาวปริศนาเหลือบมองมาวินแวบนึง ก่อนตอบเรียบๆด้วยสีหน้าเฉยเมย
“ กระบวนท่านี้เป็นพื้นฐานของเพลงหมัดแมวป่า อันเหมาะสมกับผู้ฝึกวรยุทธมือใหม่ ”
“ หา…..เธอจะบอกว่านี่คือท่าเบสิกของเพลงหมัดเด็กฝึกใหม่ อย่างงั้นหรอกหรือ ” เด็กหนุ่มร้องเหวอ
“ ก็ใช่น่ะสิ เอ้าเริ่มฝึกได้แล้ว ” เด็กสาวยืนกอดอก พลางเร่งให้เด็กหนุ่มเริ่มฝึก
“ เชอะ ไอ้เราก็นึกว่าเป็นกระบวนท่าของยอดวรยุทธ ” เด็กหนุ่มขยับกาย เพื่อลอกเลียนแบบกระบวนท่าเมื่อครู่ ในทันทีที่ออกท่าเด็กสาวก็ตะโกนดัง
“ หยุด นายวางเท้าผิด ท่าเริ่มต้น ต้องทำแบบนี้ ” จากนั้นเด็กสาวก็ทำท่าเริ่มต้นให้ดูใหม่
“ อ้อๆ ขอโทษที ลืมน่ะ ” เด็กหนุ่มตั้งท่าตาม คราวนี้ถูกต้องแบบไม่มีผิดเพี้ยน
มาวินขยับท่าทางตามเด็กสาวร่างสูง ฝึกเพียงสองสามรอบ ก็เริ่มจดจำได้บางส่วน เขาฝึกซ้ำอีกหลายสิบครั้ง โดยมียอดกังฟูสาวคอยควบคุม ถ้ามีบางจุดที่ผิดพลาด เธอจะแนะนำในทันที บางครั้งถึงขั้นทำท่าให้ดู และถ้ายังผิดอีก อาจารย์มาดขรึมก็เข้าไปขยับร่างกายของเด็กหนุ่มให้ถูกต้องตามแบบ
การฝึกฝนกินเวลายาวนานเกือบสองชั่วโมง พอดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า เด็กสาวจึงร้องบอก
“ เอาล่ะ วันนี้ฝึกเพียงเท่านี้ก่อน ”
“ เฮ้อ…… ” เด็กหนุ่มทรุดกายลงนั่ง คอตกพับ ท่าทางเหมือนจะหลับเสียให้ได้
“ เอาล่ะ ลุกขึ้นมา เราจะเดินทางกลับที่พัก เร็วเข้า ” เด็กสาวปริศนาออกคำสั่ง
“ อ้าว…… เราไม่พักแถวนี้หรือ ” เด็กหนุ่มถาม
“ ไม่ เวลากลางคืน บริเวณนี้จะมีมอนสเตอร์แกร่งๆโผล่ออกมา ชั้นขี้เกียจเสี่ยง ” เด็กสาวพูดเพียงแค่นั้น ก็เดินจากไป โดยไม่สนใจว่ามาวินจะเดินตามมาหรือไม่
“ เฮ้ๆ รอด้วยสิ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวรีบลุกขึ้น แล้ววิ่งตามเด็กสาว
…………………………
ยามค่ำคืนกลางป่าลึก ท้องฟ้ามืดประดุจดังถูกผ้าดำปกคลุม มีเพียงแสงดาวหลายล้านดวงที่ส่องสกาว กลางหมู่ของพวกมันปรากฏดวงจันทร์ตั้งเด่นเป็นสง่า สายลมโชยพลิ้วเพียงแผ่วๆอยู่ไม่ขาด กวาดเอาไอเย็นและกลิ่นของดอกไม้ป่าให้หอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ
มาวินนอนหงายอยู่ข้างกองไฟ เขาเอามือไขว้กัน เพื่อรองหัวนอน ใบหน้าแหงนมองท้องฟ้าที่ดาษดื่นด้วยดาวสุกใส โดยมีเด็กสาวปริศนานั่งทำอะไรบางอย่างอยู่ไม่ห่าง
มาวินนอนนิ่ง ดวงตาเรียวเล็กจับจ้องไปที่ท้องฟ้ายามราตรีแบบไม่วางตา แม้ประกายจะดูนิ่งคล้ายไร้อารมณ์ แต่ก็แฝงแววอาลัย ถวิลหาอย่างสุดซึ้ง ทันใดนั้นเอง เด็กสาวสาวก็ร้องทักแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ นายลิงหัวเขียว ทำอะไรอยู่ หลับแล้วรึ ”
เด็กหนุ่มไม่ขยับ เขายังคงนอนนิ่งอยู่ในท่าเดิม ครู่หนึ่งก็ตอบกลับมาเบาๆแค่พอได้ยิน
“ ยังไม่หลับหรอก ชั้นนอนดูดาวอยู่ ”
“ ทำไม นายดูดาวเป็นรึไง เจ้าลิงหัวเขียว ” เด็กสาวถามกลับ
เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ดวงตาหลับพริ้มลงนิดนึง จากนั้นก็ตอบกลับ
“ ดูไม่เป็นหรอก แค่ดูเพลินๆ แล้วคิดอะไรเล่นเรื่อยเปื่อยน่ะ ”
“ คิดอะไรอยู่ล่ะ ” เด็กสาวถามเรียบๆ
มาวินนิ่งอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะเฉลยความในใจ
“ ก็คิดว่า…..ที่ดาวดวงใดดวงหนึ่งบนท้องฟ้านั่นน่าจะเป็นที่ที่ชั้นจากมา และคิดว่าคนที่ชั้นระลึกถึง น่าจะกำลังมองดาวบนท้องฟ้าแล้วคิดแบบเดียวกัน” น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมาดูสั่นเครือและแฝงแววสะเทือนใจ
ความเงียบเข้าเกาะกุมสถานการณ์ คล้ายกับว่าเด็กสาวผู้ร่วมทางได้หายลับไป กระนั้นมาวินก็ไม่สนใจ ขอเพียงได้อยู่กับจินตนาการของตนเอง เท่านี้ก็สุขใจแล้ว
ทันใดนั้นเอง วิมานกลางอากาศที่เด็กหนุ่มวาดฝันก็พังทลาย เมื่อมีอะไรบางอย่างลอยมาปะทะใบหน้า สัมผัสแรกบอกให้รู้ว่า….เจ้าสิ่งนั้นดูเหนียว นิ่มและมันๆยังไงชอบกล
“ เฮ้ย….. เธอจะทำอะไร ” เด็กหนุ่มกำสิ่งที่เด็กสาวขว้างมาเอาไว้ในมือ จากนั้นก็ลุกขึ้นมาโวยวาย เพราะเริ่มหงุดหงิดที่ถูกดึงจากโลกแห่งความฝันอันอบอุ่น
เด็กสาวปริศนายังคงนั่งชันเข่า มือขวามีเนื้อติดกระดูกของสัตว์อะไรซักอย่าง เธอก้มลงกินอย่างเอร็ดอร่อย พอเหลือบไปเห็นแววตาขุ่นเคืองของมาวิน ก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ กินซะ จากนั้นก็พักผ่อน นายต้องฝึกอีกเยอะ ”
“ เอ๋….. กินอะไร ” เด็กหนุ่มเจอไม้นี้เข้าไป ก็ถึงกับเอ๋อรับประทาน ต่อมาก็เหลือบมองสิ่งที่อยู่ในมือของตนเอง จึงพบว่ามันคือเนื้อติดกระดูกชิ้นเขื่องที่ย่างรมควันจนสุก
“ ว้าว….. กำลังหิวอยู่เลย ” เด็กหนุ่มไม่รอช้า เขารีบขย้ำก้อนเนื้อติดกระดูกอย่างตะกละตะกลาม
เวลาที่ใช้ในการส่งเนื้อย่างเข้าปากมีเพียงน้อยนิด เพราะเด็กหนุ่มหิวโหยถึงขีดสุด ทันทีที่กินเสร็จ เขาก็ล้มตัวลงนอนในท่าเดิม ปากร้องลั่นด้วยความดีใจ
“ เฮ้อ…..อิ่มจังตังค์อยู่ครบ เยี่ยมเลย รอดไปอีกหนึ่งมื้อแล้ว ”
“ หึๆ ” เด็กสาวยิ้ม ในใจแอบคิดว่า เจ้าลิงหัวเขียวตัวนี้มักจะมีท่าทางและคำพูดแปลกๆออกมาให้ขำอยู่เสมอ
ขณะนี้เด็กสาวปริศนาได้ลองแหงนหน้ามองท้องฟ้าตามมาวินบ้าง ดวงตาคมกร้าวไม่วางวายไปจากม่านดำทมึนที่สุกสกาวไปด้วยแสงดาวพร่างพราว เธอมองความงามของมันด้วยอารมณ์ที่สดใสกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา หางตาเหลือบแลไปที่เด็กหนุ่มซึ่งกำลังนอนดูดาวในท่านอนหงาย เวลาต่อมาก็เอ่ยถามช้าๆด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“ เจ้าลิงหัวเขียว นายมาจากที่ไหน ”
เด็กหนุ่มผู้ถูกขนานฉายาว่า ลิงหัวเขียว นิ่งคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนตอบกลับช้าๆ
“ ที่ๆชั้นจากมา มันไกลจากที่นี่มาก ไม่แน่ใจว่าคนที่นี่จะรู้จักมันมั้ย ”
“ เป็นหมู่บ้านเล็กๆตกสำรวจรึไง ” เด็กสาวถามกลับ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาดูเคลือบแคลง
เด็กหนุ่มเงียบไปหลายอึดใจ คล้ายว่ากำลังตรึกตรองบางสิ่ง เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ตอบกลับ
“ ก็ประมาณนั้นแหละ ว่าแต่ เอ่อ…”
“ อะไรล่ะ ” เด็กสาวถามกลับในทันที สังเกตให้ดี เหมือนจะมีกระแสร้อนรนซ่อนอยู่ในน้ำเสียงเล็กน้อย
“ คือ…ชั้นอยากจะบอกว่า…ขอบคุณมากนะ ” เด็กหนุ่มกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล อันส่อแววสำนึกอย่างจริงใจ
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคู่สนทนา ส่วนมาวินก็นอนเงียบกริบ ไม่ได้พูดอะไรต่อ พักเดียวเท่านั้น เด็กสาวปริศนาก็แว่วเสียงประหลาดจากเด็กหนุ่ม กระแสนั้นแผ่วเบาและสม่ำเสมอ
“ คร่อก………ฟี้ ”
เด็กสาวจ้องมองเด็กหนุ่มผู้กำลังหลับใหล ใบหน้านั้นดูอ่อนเยาว์ บริสุทธิ์ ใสซื่อราวกับเด็กน้อย ทุกสิ่งที่ประจักษ์ ทำให้ดวงตาคมกร้าวของเธอคลายอาการเคร่งขรึม จนแลอ่อนโยนและสวยซึ้งถนัดตา เวลาผ่านไปชั่วครู่ ก็ปรากฏรอยยิ้มจางๆที่มุมปาก
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ