The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
117) เด็กหนุ่มจากแดนไกล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเครดิตภาพจาก https://wallpaperaccess.com
โอคุยาสุถึงกับนิ่งอึ้ง เพราะการขับไล่ภูตอาคม ถ้าไม่ใช้เพลงดาบที่ร้ายกาจ ก็ต้องใช้เวทมนตร์คาถาที่รุนแรง แต่เท่าที่ดู อากิเนะไม่ได้ใช้ทั้งสองสิ่ง ดังนั้นจึงเหลือแค่ทางเดียว นั่นก็คือ……เด็กสาวผู้นี้ต้องมีพลังวิญญาณที่มากมายมหาศาล ชนิดที่สามารถแผ่อณูออกมาทำลายสิ่งที่ไม่มีตัวตน
“ โห...... นี่มันพลังอะไรกันเนี่ย ชักตื่นเต้นแล้วสิ ทั้งสวยทั้งเก่งแบบนี้ ต้องเอามาเป็นภรรยาให้ได้ ” โอคุยาสุนึกตื่นเต้นยินดีใจ หัวสมองเริ่มขบคิดแผนการเผด็จศึกสาวสวยต่อไป
หลังเหตุการณ์สงบลง สองหนุ่มสาวก็พากันเดินเล่นริมน้ำ ขณะนั้นเอง โอคุยาสุก็พลันรำลึกไปถึงช่วงเวลาที่เขาเคยอาศัยอยู่กับรุ่นพี่จอมแสบ ซึ่งนายคนนั้นได้แนะนำว่า......
“ โอคุยาสุ นายจงจำไว้ให้ดี พวกสาวๆส่วนใหญ่ล้วนร่างกายอ่อนแอ ไม่สามารถทำอะไรที่สมบุกสมบัน ”
โอคุยาสุยิ้มกรุ้มกริ่ม สีหน้าเบิกบานเป็นที่สุด ด้วยชายหนุ่มสามารถคิดแผนการพิชิตใจสาวงามได้อีกครั้ง
“ ดีล่ะ ในเมื่อร่างกายของพวกสาวๆอ่อนแอ ดังนั้นเราจะพาน้องหญิงเดินเที่ยวรอบสวนซักหลายรอบ ให้รู้สึกเมื่อยล้าจนเดินไม่ได้ จากนั้นเราก็จะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษให้นางขี่หลัง ในที่สุด หัวใจสองดวงก็ผูกติดกัน เหอ เหอ เหอ อะกึ้ย......” โอคุยาสุเริ่มหัวเราะแปลกๆ ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มที่ดูพิลึก อากิเนะจึงอดสงสัยไม่ได้
“ พี่โอคุยาสุเป็นอะไรไป ไม่สบายรึเปล่าคะ ”
โอคุยาสุตื่นจากภวังค์โดยพลัน กายสูงเพรียวสะดุ้งแรงราวกับกุ้งเต้น ปากก็รีบกล่าวปฏิเสธ
“ ไม่มีอะไรจ้ะ พี่แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง เที่ยวต่อเลยมั้ยจ๊ะ อากิเนะ ”
อากิเนะยิ้มรับตามประสาคนใสที่แสนซื่อ จากนั้นก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เบิกบาน
“ ได้จ้า เรามาเดินเที่ยวกันต่อเถอะ ”
โอคุยาสุดูมุมานะมากขึ้น เขาพาอากิเนะเดินเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ถนนหนทางก็มีทั้งราบเรียบ เนินสูงชัน ทางขรุขระ แม้กระทั่งการข้ามลำธารตื้นๆก็ปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
แน่นอนว่าอากิเนะผู้ใสซื่อไม่ขัดคำชวนเลยซักนิด และทุกแห่งที่ไปก็ล้วนสวยงาม นั่นทำให้เด็กสาวรู้สึกดี ผิดกับโอคุยาสุที่ยิ่งเดินมากเท่าไหร่ ใบหน้ายิ่งบูดบึ้งเท่านั้น เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงตะวันใกล้ตกดิน ซามูไรหนุ่มรูปงามก็ถึงขั้นนอนแผ่สามสลึงลงกับบนพื้นหญ้าราบเรียบ
“ โอย....... เหนื่อยชะมัด พี่แทบจะยกขาไม่ขึ้นแล้ว ” โอคุยาสุโวยดัง
“ ฮะๆ ไม่เห็นเหนื่อยเลย แถมแต่ละที่ก็สวยๆทั้งนั้น แต่ว่าตอนนี้ใกล้จะมืด เราคงต้องกลับกันแล้ว ” อากิเนะหัวเราะเสียงใส ดูเหมือนระยะทางที่เดิน จะไม่ทำให้เด็กสาวผู้นี้อ่อนล้าลงเลย
“ เหอๆ ไอ้รุ่นพี่บ้า ไหนบอกว่าสาวๆจะมีร่างกายอ่อนแอจนไม่สามารถเดินเที่ยวได้นานๆ นี่แม่คุณเล่นเดินไปเดินมาเกือบทั้งวัน แต่กลับไม่มีเหงื่อออกเลยซักหยด เป็นเราซะอีกที่แย่จนถึงขั้นนอนพังพาบ ” โอคุยาสะนอนมองสาวเจ้าที่ยืนยิ้มหน้าแป้น ภายในใจนึกสงสัยว่าทำไมคุณเธอถึงได้อึดแบบนี้
“ เดินไหวมั้ย พี่โอคุยาสุ ” อากิเนะถามยิ้มๆ
“ ฮะๆ ไม่ไหวก็ต้องไหวแล้ว ” โอคุยาสุพยายามยันกายลุกขึ้นยืน เพราะถึงเขาจะถ่วงเวลาต่อไปได้อีกนิด มันก็ไม่น่าจะเปลี่ยนใจให้เด็กสาวมาหลงรัก
ช่วงที่ทั้งสองกำลังจะกลับ ดวงตากลมโตของอากิเนะก็ไปสะดุดกับสิ่งหนึ่งที่กองอยู่ริมธารน้ำ ด้วยความสลัวของยามย่ำค่ำ ทำให้ดูไม่ออกว่า....มันคืออะไร
“ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ พี่โอคุยาสุ นั่นมันคืออะไร ” อากิเนะฉุดแขนเสื้อของโอคุยาสุ พร้อมร้องบอก
“ หือ..... นั่นน่ะสิ อะไรมากองอยู่ตรงนั้น ซากสัตว์ตายรึไง ” โอคุยาสุตอบเนือยๆ ในหัวของเขานึกถึงแต่เตียงนอนที่แสนอบอุ่น
“ อ้าว อย่างงั้นยิ่งต้องรีบเข้าไปดู เพราะไม่รู้ว่าเจ้าสัตว์ตัวนั้นตายแล้วรึยัง ถ้ายังมีชีวิตอยู่ เราอาจช่วยมันได้ ” อากิเนะรีบร้องบอก สีหน้าแสดงออกว่าห่วงใยอย่างชัดเจน อันบ่งบอกได้ถึงจิตใจที่แสนการุณย์
“ ไปเถอะน่า อากิเนะ ถึงเข้าไปดู เราก็ช่วยไม่ได้อยู่ดี เพราะดูจากสภาพ มันน่าจะร่อแร่เต็มที ” โอคุยาสุร้องบอก น้ำเสียงดูเรื่อยเฉื่อย
อากิเนะยืนมองซากประหลาดอยู่พักหนึ่ง ดวงตากลมโตก็เปล่งประกายจริงจัง บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นในจิตใจ
“ พี่โอคุยาสุกลับบ้านไปก่อนเถอะ อากิเนะจะไปช่วยสัตว์น้อยตัวนั้นเอง ”
“ เดี๋ยวก่อน น้องหญิง อย่าเข้าไปดูมันเลย ไร้ประโยชน์น่า อ้าว......ไปซะแล้ว ” โอคุยาสุรีบร้องห้าม แต่ไม่ทัน สาวน้อยผู้ใสซื่อได้ก้าวเข้าไปหาร่างประหลาดที่นอนแน่นิ่งอยู่ริมน้ำแล้ว
อากิเนะก้าวเข้าไปหาด้วยท่าทางที่ดูเร่งร้อน เพราะห่วงใยในสวัสดิภาพของร่างที่เห็น สำหรับเธอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตใด ล้วนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน
อากิเนะใช้เวลาอยู่อึดใจ ก่อนจะถึงตำแหน่งที่ร่างนั้นสถิตอยู่ ทำให้พบว่า.....แท้จริงแล้ว สิ่งนั้นไม่ใช่สิงสาราสัตว์ แต่เป็นมนุษย์ผู้ชายต่างหาก
“ อ้าว...... ไม่ใช่สัตว์นี่ ” อากิเนะอุทานดังด้วยความตกใจ
เด็กสาวพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก็พบว่ามนุษย์ที่เห็นเบื้องหน้าเป็นเด็กหนุ่มที่มีร่างกายเล็กบาง ดวงตาบนใบหน้าอ่อนเยาว์ปิดสนิทราวกับคนตาย เส้นผมที่ย้อมเขียวดูยุ่งเหยิง ทั่วร่างกายมีบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง คราบเลือดแดงฉานเกาะอยู่ตามชุดกังฟูที่ขาดรุ่งริ่ง
“ เด็กหนุ่มนี่นา แถมยังบาดเจ็บสาหัสอีก ตายรึยังนะ ” อากิเนะคิดในใจ เธอก้มลงไปจับชีพจร พร้อมอธิษฐานให้เจ้าของร่างยังมีชีวิตอยู่
เด็กสาวนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อฟังสัญญาณของชีพจร ในตอนแรก เธอพบแต่ความเงียบ แต่พอตั้งสติให้แน่วแน่ ก็สัมผัสได้ถึงเสียงเต้นของหัวใจที่แผ่วเบา
“ ตึ้ก ตึ้ก ตึ้ก....... ”
อากิเนะแย้มยิ้มขึ้นมาในทันที เพราะสิ่งนี้บอกให้รู้ว่า......เด็กหนุ่มร่างเล็กยังไม่ตาย
“ เอ๊ะ นั่นคนนี่นา น่าจะเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นนะ ดูจากหน้าตา ท่าทางและการแต่งกาย เป็นคนจากดินแดนภายนอก ” โอคุยาสะที่เดินตามมา เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้าง
“ ใช่แล้ว ที่สำคัญ เขายังไม่ตายด้วย ” อากิเนะร้องบอก ใบหน้าฉาบไปด้วยรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความดีใจ
“ ปล่อยเขาไว้ตรงนี้เถอะ น้องหญิง เขาลือกันว่าคนที่อยู่นอกดินแดนนั้นเต็มไปด้วยพวกขี้โกง เจ้าเล่ห์และชั่วร้าย หมอนี่ก็คงไม่แตกต่าง ทว่ามันหลุดเข้ามาในดินแดนลี้ลับได้ยังไง เหลือเชื่อจริงๆ ” โอคุยาสุเสนอต่อสาวงาม สีหน้าดูฉงน
อากิเนะนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูมุ่งมั่นยิ่งกว่าเดิม
“ ไม่ อากิเนะจะพาเขาไปรักษาที่บ้าน ”
โอคุยาสุดูอึ้งนิดๆกับอาการแข็งขืนของสาวน้อย แต่เมื่อปรับอารมณ์ได้ เขาก็เริ่มโวยวาย เพื่อหาเรื่องคัดค้าน
“ โอย......ไม่เอาหรอก ดูแล้วหมอนี่ท่าจะตัวหนักไม่ใช่เล่น พี่ไม่แบกมันแน่ ถ้าน้องหญิงอยากพาไป ก็แบกเองแล้วกัน ” โอคุยาสุพูดจบ เขาก็ทำสีหน้าเหยียดๆ ด้วยรู้สึกว่าเด็กหนุ่มที่นอนพังพาบ ดูสกปรกและน่าขยะแขยง
อากิเนะลุกขึ้นยืน ประกายตาของเด็กสาวดูจริงจัง มันทำให้ซามูไรรูปงามต้องหลบสายตา เพราะไม่อาจทานทนต่อความปรารถนาที่แรงกล้า ไม่นาน เด็กสาวก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว
“ ได้ อากิเนะจะพาเด็กหนุ่มคนนี้ไปเอง ”
“ เหอๆ ตามสบาย จะใช้วิธีไหนก็เชิญเลย ” โอคุยาสุผายมือ พร้อมหัวเราะออกมานิดๆ เพราะไม่ว่ามองมุมไหน ก็ไม่มีทางเลยที่เด็กสาวตัวเล็กๆอย่างอากิเนะจะแบกร่างของเด็กหนุ่มผู้นี้ไปจนถึงบ้านพัก
อากิเนะสำรวมจิตอยู่ชั่วขณะ ทันใดนั้นเอง ร่างกายเล็กบางก็พลันเปล่งประกายแสงสีขาวออกมา ทำให้โอคุยาสุที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เกิดอาการแสบตา
“ เหวอ......น้องหญิงจะทำอะไร ” โอคุยาสุร้องถามเสียงหลง พร้อมเอามือป้องดวงตาของตนเอง เพื่อกันแสงสว่างที่สาดกระจายออกมาอย่างรุนแรง แต่อากิเนะไม่ตอบคำใด เธอเพียงแต่ตะโกนออกมาดังๆ
“ เคลื่อนย้ายในพริบตา ”
สิ้นคำกล่าว โอคุยาสุก็รู้สึกว่าแสงสีขาวเริ่มสว่างไสวมากขึ้นเรื่อยๆจนทุกสิ่งรอบตัวดูขาวโพลนไปหมด วินาทีนั้นเอง ทั้งสามก็หายวับไปจากสถานที่นั้น เหลือไว้แต่ความมืดมิดยามราตรี
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดารค์ไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ