The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี
เขียนโดย Jalando
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
101) ดาบในมือสังหารสาว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เครดิตภาพจาก https://walldump.com
ดาบคาตานะถูกชักออกมาอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน โจจี้ก็พุ่งทะยานใส่งูใหญ่ เมื่อหนึ่งมนุษย์ หนึ่งมอนสเตอร์ปะทะกัน ได้บังเกิดแสงสีขาวเปล่งประกายออกมา มันช่างแรงกล้า ไม่ต่างจากอาทิตย์ที่ร้อนแรง
แสงเจิดจ้าเกิดขึ้นชั่วขณะ หลังจากนั้นก็ดับลง อึดใจต่อมา ได้ปรากฏร่างสูงเพรียวของโจจี้ที่ยืนค้างในท่าเหวี่ยงดาบ สีหน้าราบเรียบ คล้ายไร้เรื่องราวอันใด
ส่วนงูยักษ์นั้นชูคอสูงอยู่ด้านหลังของโจจี้ ดูเหมือนสัตว์ไร้ขาจะเป็นปกติ อันบ่งบอกว่าการโจมตีเมื่อครู่ น่าจะไร้ผล เวลาต่อมา มันก็ค่อยๆขยับกาย ทำให้เกิดรอยแผลยาวรอบคอ ลิ่มเลือดสีแดงคล้ำเริ่มหลั่งทะลักออกมา
“ ฟู่……… ” เสียงร้องคล้ายลมรั่วดังออกมาจากปากของงูร้าย คาดว่าน่าจะเป็นสำเนียงที่ฟ้องถึงความเจ็บปวด ครู่หนึ่ง แผลฉกรรจ์เริ่มปริแตก ในที่สุด ก็ถึงขั้นหลุดออกมาเกือบทั้งยวง หรือเรียกง่ายๆว่า “คอขาดร่องแร่ง”
“ หึๆ เป็นไงเล่า ท่าไม้ตายของชั้น ” โจจี้ยืนชมผลงานของตัวเอง เขายิ้มมุมปาก
ขณะที่โจจี้กำลังย่ามใจ ดวงตาของงูยักษ์ก็เปล่งประกายร้อนแรง แน่นอนว่าโฟกัสของมันย่อมจับมาที่หนุ่มผมทอง
“ เฮ้ โจจี้ มันยังไม่ตาย ระวังตัว ” เหมยลี่เห็นท่าทีของงูยักษ์ เธอจึงร้องเตือน
ทันทีที่ได้ยินเสียง คิ้วของโจจี้ก็กระตุกแรง เสี้ยววินาทีต่อมา เขามองเห็นคมเขี้ยวของอสรพิษร้าย มันพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ เฮ้ย ” โจจี้ร้องคำเดียว ก่อนพุ่งทะยานสุดกำลัง โดยไม่สนว่าทิศทางที่หลบหนีจะเป็นมุมไหน ซึ่งนั่นก็ทำให้เขารอดตายอย่างหวุดหวิด
“ โครม ”
แม้อสรพิษร้ายจะพลาดพลั้ง แต่ก็ไม่ยอมแพ้ มันโงหัวขึ้นสูง เพื่อเตรียมฉกอีกครั้ง
“ เหวอ..... คอขาดร่องแร่งขนาดนี้ มันยังขยับได้อีก สยองเป็นบ้าเลย ” มาวินที่กำลังเกาะต้นไม้ ร้องบอกเสียงสั่น
โจจี้รีบลุกขึ้นยืน เพื่อประจันหน้ากับงูยักษ์ เขาเอื้อมมือไปจับฝักดาบ แต่ทันทีที่สัมผัส ก็พบกับความว่างเปล่า
“ เฮ้ย ดาบหายไปไหนฟะ ”
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะในจังหวะที่หนุ่มผมทองกระโจนหลบ ศาสตราคู่ใจเกิดหลุดมือ ทำให้เขาจนแต้มถึงขั้นต้องกระชากฝักดาบออกมา เพื่อใช้เป็นอาวุธ
“ ช่วยไม่ได้แฮะ ใช้ไอ้นี่แก้ขัดไปก่อน ” โจจี้บ่นพึมพำ พลางเงยหน้าขึ้นมองอสรพิษร่างยักษ์
อสรพิษร้ายเลื้อยเข้าหาโจจี้อย่างช้าๆ ลิ่มเลือดจากแผลฉกรรจ์เริ่มทะลักออกมาอย่างมากมายจนนองทั่วแผ่นดิน แม้อาการบาดเจ็บจะทำให้มันช้าลง แต่ก็ยังมีกำลังมากพอจะฉกกัด จังหวะที่สัตว์ร้ายชูคอขึ้นสูง ก็บังเกิดเรื่องไม่คาดฝัน
“ ฉั้ว ”
เหมยลี่พุ่งโฉบเข้าหางูยักษ์ ดาบในมือฟันลงไปยังลำคอที่ร่องแร่ง ทำให้ศีรษะของสัตว์ร้ายขาดสะบั้น พร้อมน้ำพุเลือดที่พุ่งกระฉูดออกมาจากแผลฉกรรจ์
โจจี้ดูเหวอนิดๆที่เหมยลี่เป็นฝ่ายปิดเกม แต่เขายังไม่วางใจ ด้วยกายใหญ่โตของสัตว์ร้ายยังคงกระตุกเล็กน้อย พอมันนิ่งสนิท หนุ่มผมทองก็ถอนหายใจออกมา
“ เฮ้อ……. เรียบร้อย ”
“ นายประมาทเกินไป งูเป็นสัตว์เลือดเย็นที่ตายยาก ถ้าไม่ตัดหัวให้เด็ดขาด มันก็ยังมีพิษสงอยู่ ” เหมยลี่กล่าวเรียบๆ พร้อมยื่นดาบคาตานะให้ ตามเนื้อตัวแดงฉานไปด้วยเลือดงู เมื่อประกอบกับใบหน้านิ่งๆ ดวงตาจริงจัง ยิ่งทำให้เธอดูน่าเกรงขาม ไม่ต่างจากนักฆ่าสาวที่ผ่านการสังหารมานับครั้งไม่ถ้วน
“ ขอบใจ ชั้นประมาทไปจริงๆนั่นแหละ ” โจจี้รับดาบคาตานะที่เปื้อนเลือดมาทำความสะอาด ทันใดนั้นเอง เจ้าลิงจ๋อประจำคณะ (มาวิน) ก็เข้ามาสมทบ
“ เฮ้ พี่ชายผมทอง มันตายรึยัง ” มาวินเอ่ยถามโจจี้ด้วยเสียงที่แผ่วเบา ดวงตาเล็กเรียวเพ่งมองไปที่ศีรษะของงูยักษ์
“ ฮะๆ หัวขาดขนาดนี้ ถ้ายังไม่ตาย ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว ” โจจี้หัวเราะเบาๆ นับได้ว่าชายผู้นี้มีกำลังขวัญที่ดีเยี่ยม ถึงขั้นขำได้ ทั้งที่ไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา เขาเพิ่งรอดตายมาอย่างหวุดหวิด
มาวินเหลือบมองเหมยลี่ที่บัดนี้ยืนกอดอก ครู่หนึ่ง ก็หันกลับไปมองโจจี้ที่ยืนยิ้ม หลังจากนั้น เจ้าลิงหัวเขียวประจำคณะก็เอ่ยถามหนุ่มผมทองอีกครั้ง
“ แน่ใจนะ ”
“ แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีก ” โจจี้รับประกันด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้รับคำรับรองขนาดนี้ มาวินก็ใจกล้าถึงขั้นเอาเท้าขวาไปเหยียบหัวงูใหญ่ พร้อมหัวเราะลั่นด้วยความสะใจ ราวกับว่าเขาคือผู้พิชิตสัตว์ร้ายด้วยตัวเอง (ทั้งที่ความจริง ไม่ได้ทำอะไรซักอย่าง)
“ ฮ่าๆ เป็นไงเล่า เจ้างูบ้า เห็นฝีมือของเทพบุตรหัวเขียวรึยัง ”
โจจี้หัวเราะตาม ส่วนเหมยลี่ได้แต่ส่ายหัวไปมาเบาๆ เพราะรู้สึกเหนื่อยใจกับความบ้าบอที่ไม่หยุดหย่อนของมาวิน
……………………..
ทุกคนใช้เวลาพักเหนื่อยที่แคมป์ร่วมสองชั่วโมงเศษ พอกินอาหารกลางวันเสร็จ พวกเขาก็เริ่มเก็บข้าวของ เพื่อเตรียมออกเดินทาง ระหว่างนี้ โจจี้ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเตร่เข้ามาหามาวินที่กำลังดับกองไฟ
“ เฮ้ น้องชายหัวเขียว ในฐานะที่เป็นฮันเตอร์ระดับสูง ชั้นมีอะไรจะแนะนำนาย ” โจจี้แสร้งพูดเสียงเข้ม พร้อมตีหน้าขรึม
“ แนะๆ……นำอะไรเหรอ ” มาวินดูเหวอ เพราะเมื่อพิจาณาจากท่าทีของคู่สนทนา ดูเหมือนว่าบรรยากาศจะมาคุมิใช่น้อย
“ เออ นี่ นายเคยได้ยินเรื่องของจิตวิญญาณบ้างมั้ย ” โจจี้ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาโอบไหล่เด็กหนุ่ม พร้อมกระซิบแผ่วเบา เพื่อเข้าเรื่องในทันที
“ นายๆ…..หมายถึง ผะๆ….. ผีเหรอ ” มาวินเริ่มอ้าปากค้าง ลำคอแข็ง สำหรับเขา ถ้างูเป็นอันดับสองของความกลัว ผีหรือสสารที่ไร้ตัวตนก็น่าจะครองอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
“ อืม…… ก็ประมาณนั้นแหละ ” โจจี้พยักหน้ารับ จากนั้นก็ยิ้มขรึมๆ
“ ตะๆ…… ตกลงแล้ว นะๆ….. นายจะบอกอะไร……หรือว่า..... ” มาวินกล่าวติดขัด ดวงตากลิ้งกลอกไปมาด้วยความหวาดกลัว โจจี้จึงแสร้งทำเป็นนิ่งขึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบกลับมาด้วยท่าทางที่ดูจริงจัง
“ คืองี้…..น้องชาย พวกเราเหล่าฮันเตอร์มีความเชื่อว่ามอนสเตอร์ทุกตัว ต้นไม้ทุกต้นล้วนมีจิตวิญญาณ เมื่อกายเนื้อของพวกมันพินาศลง จิตวิญญาณก็จะหลุดออกมาและวนเวียนรอบสิ่งที่มันเคยสิงสู่ ”
“ เหวอ….. นายจะบอกว่า....ผีงูยักษ์ มันออกจากร่าง แล้ววนเวียนอยู่แถวนี้ ใช่มั้ย ” มาวินเริ่มเสียขวัญ
“ ก็ประมาณนั้นแหละ ” โจจี้แกล้งทำตาลอย พร้อมส่งเสียงแหบแห้งออกมา หวังหลอกมาวินสุดกำลัง
“ เหวอ…….กลัวแล้ว ” มาวินร้องลั่น เขากระโดดเกาะแขนโจจี้แน่นชนิดที่ว่า…ถึงตาย ข้าก็ไม่ยอมปล่อย
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดารค์ไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ