The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  168.42K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) NPC ประหลาด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เครดิตภาพจาก  https://pixabay.com

 

“ หา………ที่นี่น่ะหรือจุดลงทะเบียน แล้วเพื่อนร่วมอาชีพคนอื่นๆหายไปไหนกันหมด ” มาวินร้องประท้วง

          

 

       แน่นอนว่าไร้คำตอบ เพราะตอนนี้มีเพียงมาวินคนเดียวที่ยืนอยู่กลางทุ่งกว้าง อึดใจต่อมาเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ 

 

“ อืม…..ไหนๆก็ไหนๆ เราลองสำรวจกระท่อมหลังนี้ดูดีกว่า เผื่อว่าจะมีอะไรติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง เฮ้อ………. ชาตินี้ชั้นจะได้ลงทะเบียนไปตีมอนสเตอร์แบบคนอื่นมั้ยเนี่ย อยากบู๊จนใจจะขาดอยู่แล้ว ” 

         

 

         มาวินเดินตรงไปยังเคหสถานที่หมายตา เขาดึงลูกบิดเหล็กสนิมจับออกมาอย่างช้าๆ พอประตูผุพังเปิดกว้าง ก็ก้าวเข้าไปสำรวจในกระท่อม

        

 

          สิ่งที่เห็นเบื้องหน้าก็คือ.....ห้องเล็กขนาด 10×10 เมตร บนพื้นห้องปูด้วยดินสีดำ ผนังรอบด้านบุด้วยไม้เก่าที่เรียงชิดกันอย่างลวกๆ มีหยากไย่ ฝุ่นละอองลอยคลุ้งอยู่กลางอากาศอย่างเนืองแน่น ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้ร้างราผู้คนมาซักล้านปี ท้ายห้องมีชั้นวางของที่ทำมาจากเหล็ก บนนั้นบรรจุกองเศษกระดาษสีดำคล้ำจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีลังไม้ กองสัมภาระไร้ราคาและกระเป๋าเดินทางที่ผุพังวางซ้อนอยู่อีกหลายใบ 

 

“ โห.......นี่มันไม่ใช่ห้องเก็บของแล้วล่ะ แต่เป็นที่เก็บขยะซะมากกว่า ” มาวินบ่น ขนาดเขาเป็นคนซกมกระดับห้าดาว ก็ยังรับไม่ได้กับสภาพเลวร้ายของสถานที่

        

 

       มาวินเดินเข้าไปสำรวจอย่างละเอียด  มือข้างหนึ่งปัดหยากไย่ที่ขวางทาง ส่วนอีกข้างยกขึ้นมาอุดจมูก เขามองไปรอบๆ แต่ก็พบเพียงกองขยะที่ไร้ค่า  ทันใดนั้นเองเด็กหนุ่มก็ได้ยินเสียงแปลกๆดังขึ้นที่ท้ายห้อง

 

“ คร็อก…….ฟี้ .”

      

 

         มาวินรู้ในทันทีว่านี่คือเสียงกรน เมื่อเพ่งมองไปยังจุดกำเนิด เขาก็พบกับเตียงขนาดเล็กที่มีคนนอนอยู่ แต่ก็เห็นบุคคลผู้นั้นไม่ถนัดนัก เพราะภายในห้องถูกปกคลุมด้วยความมืดสลัว 

 

“ ใครกัน ทำไมมานอนในสถานที่อันเลวร้ายแบบนี้ ” เด็กหนุ่มนึกสงสัย สองเท้าย่องไปหา        

       

 

        เมื่อมาวินเดินมาถึงจุดเกิดเหตุ เขาก็พบกับชายชราผู้หนึ่ง บนกายผอมบางถูกปิดบังด้วยเสื้อคลุมสีกระดำกระด่างที่ยาวถึงหน้าแข้ง เส้นผมขาวรกรุงรัง หนวดเคราสีเดียวกันดูยุ่งเหยิง ดวงตาปูดโปนบนใบหน้าเหี่ยวย่นปิดพริ้ม บ่งบอกถึงสภาวะที่หลับลึก 

 

“ อ้าว….ก็แค่ขอทานแก่ๆคนหนึ่งนี่นา ” มาวินอุทานดัง ในใจนึกเวทนายาจกเฒ่าผู้นี้ ทว่าเด็กหนุ่มก็ไม่อยากให้การสำรวจต้องไร้ความหมาย เขาจึงพยายามเพ่งพินิจชายแก่อย่างละเอียดอีกครั้ง ไม่นานก็ได้ข้อสรุป

 

“ เฮ้อ......ดูจากสารรูปแล้ว ถ้าไม่ใช่คนบ้า ก็เป็นภารโรง แต่ทำยังไงถึงจะรู้แน่ชัดว่าตาแก่นี่คือใคร คงต้องพิสูจน์ด้วยวิธีนี้ ” มาวินบ่นพึมพำกับตนเอง 

         

 

          หลังจากมาวินพูดจบ เขาก็สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆอยู่หลายที อึดใจต่อมาก็ตะโกนใส่หูชายแก่จนสุดเสียง

 

“ ช่วยด้วย ไฟไหม้แล้ว……” 

        

 

          สิ่งที่มาวินกระทำบังเกิดผล ชายแก่ในชุดเสื้อคลุมเก่าถึงกลับถลึงตา พร้อมลุกพรวดขึ้นมานั่ง จากนั้นก็ทำหน้าตื่นและรีบร้องละล่ำละลัก

 

“ แย่แล้ว ไฟไหม้ หนีเร็ว ไม่สิ ของสำคัญทั้งนั้น  ดับไฟเดี๋ยวนี้ ” 

         

 

          มาวินขมวดคิ้วนิ่วหน้า ในใจนึกสงสัยเป็นอย่างยิ่ง เพราะเท่าที่เห็น  ของที่อยู่ในห้องล้วนมีแต่ขยะที่ไร้ค่า เวลาต่อมาเด็กหนุ่มจึงปลอบชายแก่ผู้ตื่นตระหนก

 

“ ไฟไม่ได้ไหม้หรอก ชั้นว่าลุงคงฝันร้ายไปเองมากกว่า ” 

 

“ เอ......แต่เท่าที่จำได้ ข้ากำลังฝันว่านอนอาบแดดให้สาวๆมาทาผิวอยู่นี่นา ไหงกลายมาเป็นไฟไหม้ได้ฟะ ” ผู้เฒ่าเริ่มสับสน 

 

“ เอาน่า เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ว่าแต่ชั้นมีเรื่องจะถามลุงหน่อย พอรู้มั้ยว่าจุดลงทะเบียนของพวกไร้อาชีพอยู่ที่ไหน ” มาวินตัดบทในทันที 

         

 

          ชายแก่เหลือบมอง ดวงตาเหลืองคล้ายคนที่เป็นโรคดีซ่านจับจ้องไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม พักนึงก็เอ่ยถามด้วยท่าทางที่ดูตื่นกลัว

 

“ ไอ้หนู แกถามทำไม ” 

 

“ ก็ชั้นจะได้ไปลงทะเบียนกับ NPC ประจำอาชีพไงเล่า ลุงรู้มั้ย ชั้นตามหา NPC สาขานี้มาตั้งสองชั่วโมงแล้ว หาตัวยากบรรลัยเลย ไม่รู้ว่าไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ” เด็กหนุ่มหัวเขียวตอบเซ็งๆ 

         

 

           ทันทีที่สิ้นคำ ตาแก่ก็ถึงกลับตาเหลือกโปน คราวนี้ถลนหนักจนเกือบจะหลุดออกนอกเบ้า ปากก็ส่งคำถามออกมาช้าๆ ท่าทางดูสงสัยและสับสน

 

“ ที่พูดแบบนี้ หมาย……ความ……วะ……ว่า….” 

 

“ ใช่แล้ว ชั้นคือสายไร้อาชีพ ” มาวินตอบเรียบๆ ในใจนึกฉงนว่าทำไมทุกคนต้องตื่นตกใจกับอาชีพนี้ 

         

 

         ปฏิกิริยาแรกที่มาวินได้เห็นก็คือ.......รอยยิ้มบนใบหน้าอันเหี่ยวย่น ปฏิกิริยาที่สองก็คือน้ำตาที่รินไหลด้วยความปีติยินดี ปฏิกิริยาสุดท้ายคือการกระโดดโลดเต้นไปทั่วบริเวณ พร้อมส่งเสียงเฮดังราวกับคนสติแตก 

 

“ เย้..... วูปี้......  ดีใจเอย ดีใจจัง มีพวกแล้วโว้ย วูปี้....... ” 

         

 

          มาวินถึงกับช็อก แต่หลังจากตั้งสติได้ เขาก็สอบถามรัวเร็ว 

 

“ เฮ้.......ลุง ไหงดีใจเป็นบ้าเป็นหลังแบบนั้นล่ะ ” 

        

 

           ชายแก่ไม่ตอบคำ แต่รีบรุดเข้ามาสวมกอดแนบแน่น  เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วจนมาวินไม่ทันตั้งตัว จึงได้แต่ยืนตัวแข็งให้อีกฝ่ายกอดรัดอยู่ข้างเดียว 

 

“ ดีใจโว้ย…… มีคนมาสมัครแล้ว….. ฮ่า ฮ่า ฮ่า ” ชายแก่ยังคงเอะอะโวยวายไม่เลิก ดูเหมือนว่าความยินดีปรีดาจะมีมากมายจนไม่อาจหมดจากจิตใจได้โดยง่าย

         

 

            เด็กหนุ่มเริ่มยั้วนิดๆกับความบ้าที่ไร้ขีดจำกัดของผู้เฒ่า เขาจึงสะบัดหนีจากการกอดรัด พร้อมกระชากคอเสื้อและตะคอกใส่ด้วยอารมณ์โกรธ 

 

“ นี่.....ตาแก่ เลิกบ้า แล้วบอกชั้นมาเดี๋ยวนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำแบบนี้ มันหมายความว่ายังไง ” 

 

“ โอเค ขอเวลาซักเดี๋ยวนะ ฮะๆ ” ชายแก่สติแตกพยายามระงับอารมณ์ของตัวเอง 

         

 

         หลังจากมาวินรอคอยได้ประมาณหนึ่งนาที ชายแก่ก็เริ่มแจกแจง ทว่าเขาก็หลงเหลือความตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย เพราะขณะที่พูด ใบหน้ายังเปื้อนรอยยิ้ม มิหนำซ้ำน้ำเสียงที่เปล่งออกมายังเจือปนอาการสั่นเทา

 

“ ฮ่าๆ เอิ้กๆ คืองี้ ชั้นแค่ดีใจที่มีคนมาลงทะเบียนสาขาไร้อาชีพน่ะ ฮ่าๆ ” 

 

“ แค่คนมาลงทะเบียน ทำไมต้องดีใจขนาดนั้น ” มาวินนึกสงสัย 

 

“ นี่นายไม่รู้จริงๆหรือ ” คราวนี้เป็นฝ่ายชายแก่ที่ถามบ้าง 

 

“ ก็ชั้นเพิ่งมาถึงโลกนี้ จะไปรู้อะไรเล่า ” มาวินโวยกลับ แต่นั่นไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นมาเลย ตรงกันข้ามกลับทำให้ผู้เฒ่าผมขาวยิ่งมึนหนักกว่าเดิม

 

“ โอเค เรื่องอื่นๆช่างมันก่อน กลับมาเรื่องของเราดีกว่า ตกลงแล้ว ทำไมลุงถึงดีใจขนาดนั้นล่ะ ” มาวินเริ่มตัดบท หลังเห็นลุงผมขาวมึนงงอย่างหนักหน่วง

 

“ เหอๆ สาเหตุที่ดีใจ เพราะนายเป็นคนแรกในรอบสิบปีที่มาลงทะเบียนในสายอาชีพนี้ ” ผู้เฒ่าแจงอย่างรวดเร็ว สีหน้า ท่าทางบ่งบอกว่าสบอารมณ์

 

“ หา........ทำไมเป็นงั้น ทีอาชีพอื่น มีคนไปสมัครตั้งมากมาย บางสาขาถึงขั้นต่อแถวกันลงทะเบียน ” เด็กหนุ่มตีหน้าเอ๋อเหรอ  

 

“ นี่แกล้งไม่รู้ ใช่มั้ยเนี่ย ” ชายแก่ถามกลับ 

 

“ จะแกล้งทำไมล่ะ ก็บอกแล้วไงว่าชั้นเพิ่งมาถึงโลกนี้ได้แค่สองชั่วโมง ” มาวินโวยซ้ำ ท่าทางเหมือนอยากเข้าไปขยี้ชายแก่ให้สิ้นซาก 

 

“ ไอ้หนู เอ็งไปเมายาที่ไหนมาวะ ข้าเริ่มสับสนแล้ว จะมีโลกนี้ โลกไหนได้ยังไง มันก็มีแค่ The Dark World เพียงโลกเดียวเท่านั้นเอง ” ชายแก่สับสนหนักถึงขั้นหน้าบูด

 

“ เอาล่ะ ต่อไปชั้นจะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว เอาเป็นว่าลุงช่วยอธิบายให้ฟังที…….ทำไมอาชีพนี้ถึงหาคนมาลงทะเบียนได้ยากเย็นแสนเข็ญขนาดนี้ ” มาวินสะกดกลั้นอารมณ์โกรธ พร้อมถามต่อด้วยท่วงท่าที่พยายามจะผ่อนคลาย 

 

“ อืม……จะให้เล่าตั้งแต่ต้นเลยมั้ย ” ผู้เฒ่าย้อนถาม ทั้งที่สีหน้ายังดูงงๆ เนื่องจากไม่เคลียร์กับสิ่งที่มาวินโวยวาย

 

“ เอ้า ว่ามา ชั้นมีเวลา ” มาวินพูดจบ เขาก็ทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิบนพื้นดิน

 

“ อืม….. ” ผู้เฒ่ารับคำสั้นๆ พลางหลับตา เพื่อย้อนรำลึกเรื่องราว จากนั้นก็เล่าความเป็นไป

            

 

         เมื่อประมาณหมื่นปีที่แล้ว โลก The Dark World ได้ถือกำเนิดขึ้นมา โดยการสร้างสรรค์ของจอมเทพสูงสุด ในตอนนั้นทั่วทั้งโลกมีเพียงอาชีพเดียวนั่นก็คือ “ไร้อาชีพ” ประชากรยังไม่รวมตัวกันเป็นชุมชนเมือง แต่มักนิยมอยู่รวมกันเป็นเผ่า พวกเขาอาศัยอยู่ตามป่าเขา ลำเนาไพร การดำรงชีพหลักมาจากการล่ามอนสเตอร์และหาผลไม้ป่า   

         

 

          เวลาเปลี่ยนไป ทุกอย่างพัฒนาขึ้น ประชากรก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน พวกเขาเริ่มรวมตัวกันเป็นสังคมเมือง พร้อมก่อกำเนิดสาขาอาชีพเบื้องต้นอันได้แก่ นักสู้ ชาวบ้าน  และนักศึกษา ต่อมาทั้งสามอาชีพก็แตกแยกย่อยไปอีกหลากหลายอาชีพ แต่ละอาชีพมีความถนัดเฉพาะด้าน

          

 

         ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ "ไร้อาชีพ" เสื่อมความนิยมลง เพราะถือว่าเป็นสายที่ไม่เก่งด้านใดเลย ทุกคนเริ่มเปลี่ยนไปสายอาชีพอื่น ส่วนประชากรรุ่นหลังที่เกิดมาล้วนได้รับสายเลือดจากพ่อและแม่ ทำให้มีสายอาชีพตามบุพการีผู้ให้กำเนิด จึงแทบไม่มีใครเกิดมาในสายนี้  

 

“ อ้อ.......เพราะอย่างนี้นี่เอง ถึงไม่มีใครมาลงทะเบียนในสายอาชีพนี้มาตั้งสิบปี แล้วตกลงชั้นจะมีเพื่อนร่วมอาชีพกับเขามั้ยเนี่ย ” มาวินถาม ท่าทีดูหวาดหวั่น 

 

“ ทำไมจะไม่มีเล่า ในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมา เอ็งมีเพื่อนร่วมอาชีพตั้งสามคนเชียวนะ ” ตาแก่แจงด้วยใบหน้ายิ้มละไม

 

“ เหรอ...... ดีใจจัง พวกเขาคงเป็นใหญ่เป็นโตกันหมดแล้ว เพราะอยู่ในสายอาชีพที่หายาก ” เด็กหนุ่มถามถึงความเป็นไปของรุ่นพี่ร่วมอาชีพ สีหน้าแฝงแววคาดหวังอยู่ลึกๆ 

 

“ ความจริง มันมีกฎห้ามบอกว่า......ประชากรคนไหน อยู่ที่ไหน มีความเป็นอยู่ยังไง แต่วันนี้ข้าดีใจ เลยจะแหกกฎให้เอ็งซักครั้ง ฮ่าๆ ” ชายแก่หัวเราะดีใจ 

 

“ แจ่มเลย ลุง ว่ามา ” มาวินยิ้มรับ เขาอยากรู้ความยิ่งใหญ่ของเพื่อนร่วมอาชีพจนเนื้อเต้น 

 

“ คนแรกหายสาบสูญ ” ชายแก่พูดหน้าตาเฉย ทั้งที่คำตอบนั้นชวนหลอนแบบสุดๆ 

 

“ หา……… ” เด็กหนุ่มร้องลั่นห้อง สีหน้าดูเหวอไปถนัดตา 

 

“ จริงๆแล้ว อาจไม่หายสาบสูญก็ได้ แต่เท่าที่รู้ ไม่มีใครเห็นเขามาร่วมสิบห้าปีแล้ว ” ผู้เฒ่าแจงอีกครั้ง ใบหน้ายังคงแย้มยิ้ม

 

“ เหอๆ แล้วคนที่สองล่ะ ” มาวินหัวเราะแห้งๆ พลางคิดในแง่ดีว่า......ชายผู้นี้คงเป็นคนขี้อายล่ะมั้ง 

 

“ คนที่สองยังอยู่ดีมีสุข กินอิ่มนอนหลับ และเป็นถึงหัวหน้าสมาคมเชียวนะ ไอ้หนู ” ผู้เฒ่าแจง พร้อมยิ้มด้วยความภาคภูมิ 

 

“ เหรอ...... แจ่มเลย สมาคมอะไร อยู่ที่ไหนหรือ ลุง ” มาวินยิ้มตอบ เขานึกสะใจอยู่ภายใน 

 

“ ต้องอย่างนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นซีเนียร์ในอาชีพของชั้น ” 

 

“ ฮ่าๆ ชายผู้นี้อยู่ที่ “ฟูเถา” เมืองหลวงของโลก นายไปหาได้เลย เขาเป็นหัวหน้าสมาคมขอทาน ” ผู้เฒ่าแจงพร้อมเสียงหัวเราะรื่นเริง 

 

“ เดี๋ยวนะ ช้าๆชัดๆซิ สมาคมอะไรนะ ” มาวินเริ่มหุบยิ้ม 

 

“ สมาคมขอทาน ” ผู้เฒ่าแจงซ้ำ

 

“ หา……. งั้นเขาก็เป็น…..” มาวินร้องเหวอ 

 

“ ใช่แล้ว เขาเป็นขอทาน ” ผู้เฒ่าตอบ ใบหน้ายังคงแย้มยิ้มดุจเดิม 

 

“ เหอๆ แล้วคนสุดท้ายอ่ะ ลุง ” เด็กหนุ่มหัวเราะแห้งๆอีกรอบ พลางคิดในใจว่า........อย่างน้อยชายคนนี้ก็ได้เป็นถึงหัวหน้าสมาคม 

 

“ คนที่สาม อ้อ….. ตอนนี้เขาอยู่กับเราที่นี่แหละ ขอตัวแผล็บนะ ” พอผู้เฒ่าพูดจบ ก็แวบหายไปค้นบางสิ่งในกองสัมภาระ เวลาผ่านไปห้านาที เขาก็เดินกลับมา ในมืออันเหี่ยวย่นถือโถเก่าๆที่มีรอยร้าวประดับอยู่

 

“ ขอแนะนำให้รู้จักสมาชิกคนที่สาม ” ผู้เฒ่าพูดจบ ก็โชว์โถให้เด็กหนุ่มได้ยล ปากฉีกยิ้มกว้างจนสุดหล้า

 

“ หา……..อย่าบอกนะว่า…….นี่คือ….. ” มาวินถามเสียงสั่น 

 

“ ใช่ สมาชิกคนนี้ได้ตายไปแล้ว นี่คือโถใส่อัฐิของเขา ฮ่า ฮ่า ฮ่า ” ผู้เฒ่าหัวเราะชอบใจ แต่เด็กหนุ่มกลับล้มทั้งยืน ท่าทางหมดเรี่ยวหมดแรง 

 

“ เหอๆ สรุปคนแรกหายสาบสูญ คนที่สองเป็นขอทาน ส่วนคนที่สามตาย ใช่มั้ย ลุง ” มาวินย้อนถามเสียงหลง ในใจหวังอยู่ลึกๆว่าชายแก่น่าจะจำผิด

 

“ ถูกต้อง โดยเฉพาะคนที่สาม รู้สึกจะตายตั้งแต่สามวันแรกที่ลงทะเบียนเลยนะ อืม……ถ้าจำไม่ผิดเขาน่าจะตายที่หน้าประตูเมืองนี้เอง ” ผู้เฒ่าแจงด้วยรอยยิ้ม ทั้งที่ไม่ควรจะยิ้ม 

 

“ ตายยังไง ” มาวินถามเพลียๆ 

 

“ ตายจากการดวลตัวต่อตัวกับเด็ก 10 ขวบสายนักศึกษา ฮ่าๆ พอดีเด็กนั่นเกิดพลั้งมือ ยิงเวทไฟใส่เขาแรงไปหน่อยน่ะ ” ผู้เฒ่าตอบด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ 

 

“ ฮะๆ อย่างน้อยเขาก็ตายในการดวลอย่างมีเกียรติมั้งนะ ” เด็กหนุ่มยิ้มแหยๆ พลางคิดเข้าข้างตัวเอง 

          

 

          หลังจากทำใจกับประวัติศาสตร์อันแสนยาวนานและสลดหดหู่ เด็กหนุ่มก็เริ่มถามถึงสิ่งที่สำคัญ 

 

“ แล้วตกลง NPC ประจำสายอาชีพของชั้นอยู่ที่ไหนล่ะ ” 

 

“ อ้าว.......ก็ข้านี่แหละ NPC ของสายนี้ จะลงทะเบียนเลยมั้ย ไอ้หนู ” ผู้เฒ่าย้อนถาม 

 

“ ลุงนี่นะ NPC ” มาวินร้องเสียงหลง เขาไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์จะไปจุดไต้ตำตอแบบนี้ 

 

……………………………………………….

          

        ผู้เฒ่ายื่นแบบฟอร์มการลงทะเบียนให้มาวิน เด็กหนุ่มสำรวจอยู่อึดใจ ก็พบว่ามันคือกระดาษที่เก่าพอสมควร เนื่องจากสีขาวเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแล้ว

      

 

        มาวินข่มใจรับความอนาถของสายอาชีพอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ลงมือกรอกข้อมูลในกระดาษ เด็กหนุ่มถาม NPC เฒ่าเป็นระยะ เนื่องจากมีบางจุดที่ตนเองไม่เข้าใจ  รายละเอียดบนแบบฟอร์มมีดังนี้

 

แบบฟอร์มการลงทะเบียน

ชื่อ  นายมาวิน   เทพอัศดง   วันเกิด 15 สิงหาคม 2544   เกิดที่  ไม่รู้ 

อาชีพ ไร้อาชีพ 

อายุ 16 ปี   สูง 168 ซม.   หนัก 56 กก. 

บิดา   นายเอนก   เทพอัศดง   อาชีพ  ไม่รู้ 

มารดา  นางปารวดี   เทพอัศดง   อาชีพ  ไม่รู้ 

ที่อยู่   ไม่รู้ 

ด้วยความเคารพและนับถือ

ศาสตราจารย์ผู้ไร้ลักษณ์

 

ขอยืนยันว่าบุคคลที่ลงนามในแบบฟอร์มนี้เป็นประชากรของ The Dark World โดยถูกกฎหมายทุกประการ 

 

“ โห....... ไอ้หนู ชีวิตนายนี่ท่าทางยุ่งเหยิงไม่เบา ขนาดที่เกิดและอาชีพของพ่อแม่ นายยังไม่รู้เลย ” ผู้เฒ่าบ่นพึมพำ ซึ่งเด็กหนุ่มก็ได้แต่ทำเฉย ไม่โต้ตอบประการใด ภายในใจนึกขบคิด 

 

“ จริงๆก็รู้ว่าเกิดที่ไหน แต่ไม่รู้จะบอกยังไงต่างหาก ขืนบอกไปว่าชั้นเกิดที่กรุงเทพ พ่อกับแม่เปิดร้านค้าที่อเมริกา ตาแก่นี่ได้มึนหนักกว่าเดิมแน่ ” 

 

“ เอาล่ะ เป็นอันเรียบร้อย อ้อ เกือบลืม นี่นาฬิกา ” ผู้เฒ่าถูมือไปมาด้วยความยินดี พลางส่งนาฬิกาข้อมือให้เด็กหนุ่ม 

          

 

         มาวินรับมาสวมใส่ นาฬิกาเรือนนั้นมีรูปทรงประหลาด ดูเผินๆเหมือนนาฬิกาสปอร์ต ทว่าตัวเรือนกลับดูเก่าๆ ไร้ราคายังไงชอบกล แถมยังมีสีกระดำกระด่างและสกปรก

 

“ นายรู้วิธีใช้มั้ย ” ผู้เฒ่าถาม 

 

“ รู้แล้ว เด็กที่เจอกันเมื่อชั่วโมงก่อนเป็นคนบอก ” มาวินตอบ พลางสำรวจนาฬิกาของตนเองอย่างไม่ค่อยพอใจ เพราะมันดูก๊องแก๊งจนเกินบรรยาย

 

“ ดี งั้นข้าจะบอกให้ฟังอีกครั้ง นาฬิกาเรือนนี้สำคัญมาก เพราะมันใช้ระบุตัวตนของเอ็ง ทั้งชื่อและอาชีพรวมถึงระดับพลังด้านต่างๆ จะไม่มีใครแกะมันออก ยกเว้นเจ้าของนาฬิกา ” ผู้เฒ่าอธิบายยาวเหยียด ซึ่งมาวินก็ทนรับฟังแบบเซ็งๆ เพราะรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว  

 

“ ที่สำคัญ เรามีกฎ......ห้ามทำนาฬิกาหาย เพราะถ้าไม่มีมัน เอ็งจะกลายเป็นคนเถื่อนในทันที แถมจะโดนปรับหนักเวลามาขอเรือนใหม่ที่สำนักงานโลก ซึ่งจะประจำตามเมืองใหญ่ๆ ” ผู้เฒ่าแจง  ทว่ามาวินก็หาวยาวแบบไม่ใส่ใจนัก ในหัวสมองนึกขบคิด

 

“ เกมนี้มีกฎเยอะจนน่าเบื่อ ตอนนี้อยากออกไปตีมอนสเตอร์แล้ว ” 

 

“ โอเค มีคำถามมั้ย ” ผู้เฒ่าถาม 

 

“ ไม่มี ไปได้ยังอ่ะ ลุง ” มาวินหาวโชว์อีกรอบ 

 

“ ไปได้แล้ว โชคดีนะ ไอ้หนู ” ผู้เฒ่ายิ้มส่ง  สีหน้าเปล่งประกายปลาบปลื้ม เขายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำหน้าที่เป็นครั้งแรกในรอบสิบปี 

         

 

          ทันทีที่เด็กหนุ่มกำลังจะเดินออกจากกระท่อม ผู้เฒ่าก็สะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อย ท่าทางเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงร้องเรียกเด็กหนุ่มอย่างเร่งรีบ 

 

“ เฮ้ หยุดก่อน เจ้าหนู ”

 

“ เอ๊ะ มีอะไรหรือ ” มาวินหันกลับมาถาม

 

“ โอ้....... ข้าลืมอะไรบางอย่าง รอก่อนนะ ไอ้หนู ” 

 

“ มีไรอีกล่ะ ลุง ” มาวินถามหน้ามุ่ยๆ เขาเซ็งที่โดนขัดจังหวะ เพราะตอนนี้ใจกระสันอยากล่ามอนสเตอร์เต็มแก่แล้ว 

 

“ พอดีจะบอกว่า เมื่อประชากรลงทะเบียนหรือเลื่อนขั้น พวกเขาจะได้รับอุปกรณ์หรืออาวุธจาก NPC  ข้าลืมให้อุปกรณ์ว่ะ รอแผล็บนะ ” ผู้เฒ่าพูดจบ  เขาก็ล้วงเข้าไปในอกเสื้อ เพื่อคลำหาบางอย่าง 

 

“ อาวุธอะไรอ่ะ ลุง ขอแจ่มๆนะ เอาแบบยิงโป้งเดียว ระเบิดกระจุยนับสิบตัว ” มาวินยิ้มชอบใจ พลางลุ้นตัวโก่งว่าตนเองกำลังจะได้อะไรมาครอบครอง 

 

“ แท่นๆแท้น........ นี่ไง …… สุดยอดของทำมาหากิน ” ผู้เฒ่าล้วงบางอย่างออกมา สิ่งนั้นก็คือถ้วยสังกะสีเก่าๆสีกระดำกระด่าง 

 

“ เอ่อ…….มันคืออาวุธอะไร ใช้งานยังไง ” มาวินถึงกับคอตก ปากก็เอ่ยถามเพลียๆ ในใจคาดหวังว่าเจ้าสิ่งนี้น่าจะเป็นอาวุธร้ายที่คล้ายกับถ้วยสังกะสี 

 

“ อ้อ........มันคือถ้วยเก่า หลักๆก็ใช้ขอทาน ใส่เศษเหรียญได้ดีเลยทีเดียว ” ผู้เฒ่าแจงเสียงระรื่น ใบหน้าเหี่ยวย่นกลั้วไปด้วยรอยยิ้มที่สดใสจนมาวินนึกอยากตื้บคนแก่ขึ้นมาซักครั้ง ก็ดูคำแนะนำและสิ่งของที่ให้มาแต่ละอย่างสิ ดีๆทั้งนั้นเลย 

 

“ เฮ้อ……. ลุงเก็บไว้ใช้เองเถอะ เกรงใจน่ะ ” มาวินปฏิเสธ ท่าทางดูผิดหวังสุดๆ 

 

“ เอาน่า ข้าเชื่อว่าเอ็งต้องได้ใช้มันแน่ รับไปซะ ” ผู้เฒ่ารีบยัดของสิ่งนั้นใส่มือของเด็กหนุ่ม ส่งผลให้มาวินต้องเก็บใส่กระเป๋ากางเกงอย่างไม่เต็มใจ

 

“ เสร็จเรื่องแล้วนะ ” มาวินถามย้ำ 

 

“ เออ เสร็จแล้วว่ะ ขอให้โชคดีรอบสอง ” NPC จอมเพี้ยนยิ้มส่งอีกครั้ง 

 

“ เอ่อ........ก่อนไป ชั้นขอถามหน่อย ในแบบฟอร์มลงทะเบียน ท้ายกระดาษมันลงชื่อว่า “ศาสตราจารย์ผู้ไร้ลักษณ์” คนๆนั้นคือใครหรือ ลุง ” เด็กหนุ่มถาม 

 

“ อ้าว....... ก็ข้านี่ไง ข้าคือ ศาสตราจารย์ผู้ไร้ลักษณ์  ” ผู้เฒ่าตอบ พร้อมรอยยิ้มที่แสนหวาน 

 

“ เหอๆ โอเค ลาก่อน ลุง โชคดีเช่นกัน ” เด็กหนุ่มหัวเราะแห้งๆ เขาแอบคิดอยู่ในใจ

 

" ถ้าตาเฒ่านี้เป็นศาสตราจารย์จริง เราก็คงเป็นพระเจ้าของโลกใบนี้ไปแล้วมั้ง " 

          

 

          ในที่สุดมาวินก็ผ่านการลงทะเบียนเป็นที่เรียบร้อย เขาเดินออกจากสถานที่แห่งนั้น เพื่อไปทำภารกิจบู๊กับมอนสเตอร์ตามที่ใจใฝ่ฝัน โดยมีศาสตราจารย์ผู้ไร้ลักษณ์ยืนส่งอยู่ห่างๆ สายตาคู่นั้นฉายแววปลาบปลื้มยินดีที่ได้ให้กำเนิดสมาชิกใหม่เป็นครั้งแรกในรอบสิบปี

 

 

 

สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา