สืบสู้ผี ภาค 1-2
8.7
เขียนโดย Jintanakorn
วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.18 น.
73 ตอน
3 วิจารณ์
64.67K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
49) การติดเชื้ออย่างไม่คาดคิด ?!
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ "ทุกคนถอยออกไป !" เสียงของท่านจ้าวประกาศก้อง "ทหารลาดตระเวนของเรา ได้ติดเชื้อของอสูรดำเข้าแล้ว ขอให้พวกเราทุกคนจงได้ระวังตัวกันให้ดีๆ !"
สิ้นเสียงของท่านจ้าว องครักษ์ทั้งสองคนของท่านจ้าวก็ถลาเข้ามาทางเบื้องหน้าทั้งซ้ายทั้งขวาเพื่อคุ้มครองท่านจ้าวให้อยู่ในความปลอดภัยทันที
คำว่า 'ทหารลาดตระเวนของพวกเราได้ติดเชื้อของอสูรดำเข้าซะแล้ว' ทำให้ผมนึกกังขาขึ้นมาทันทีเช่นกัน ?
ก็ท่านจ้าวได้เคยพูดให้พวกเราได้ยินกันมาก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือว่า เชื้อของอสูรดำนั้นจะไม่สามารถระบาดติดต่อไปยังพวกชาวมิตทราห์ของท่านจ้าวได้ ก็แล้วนี่ทำไมถึงไม่ตรงกับที่ท่านจ้าวได้พูดไว้ล่ะ ?
ผมเหลือบไปมองไอริณกับพี่เมฆแว่บหนึ่ง ก็เห็นเธอกับพี่เมฆต่างก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเหมือนกัน เพราะในตอนนี้ทั้งสองคนก็คงจะรู้สึกสงสัยเหมือนกับผมอยู่แน่ๆ
ดูเหมือนท่านจ้าวจะเหลือบมาเห็นสีหน้าของพวกเราเข้าพอดีเช่นกัน
"พวกท่านอาคันตุกะคงสงสัยกันสินะ ว่าจู่ๆทำไมทหารลาดตระเวนของเราถึงได้ไปติดเชื้อของอสูรดำเข้าได้ ทั้งๆที่ในตอนแรกข้าก็เคยบอกไว้แล้วว่า เชื้ออสูรดำนั่นน่ะ ไม่อาจจะระบาดติดต่อมายังพวกเราได้เลย"
ท่านจ้าวพูดขึ้นแล้วก็โคลงหัวเล็กน้อย ขณะที่หันกลับไปจ้องมองที่ร่างของทหารลาดตระเวนคนที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนลำตัวของกวางยักษ์
"เรื่องนี้ ข้าอยากจะขออธิบายสักหน่อย..." ท่านจ้าวกล่าวต่อไป "แรกเริ่มเดิมที เชื้อของสูรดำนั่นน่ะ สามารถติดต่อมายังพวกเราได้ทุกคน จนทำให้เผ่าพันธ์ของพวกเราได้เคยล้มตายลงไปเป็นจำนวนมาก ในตอนท้ายของเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งการสูญเสียอณาจักรดินแดนของพวกเรา ก็อย่างที่ข้าเพิ่งจะได้เล่าให้พวกท่านฟังไปแล้วนั่นเอง เพียงแต่ว่าในตอนหลังพวกเราได้ค้นพบตัวยาพิเศษที่เมื่อนำมาใช้กับพวกเรา ก็ทำให้พิษจากอสูรดำนั่นได้สลายตัวเองลงไปในเวลาอันรวดเร็ว และเมื่อเราได้นำมาฉีดให้กับพวกเราไว้ล่วงหน้าแล้ว ฤทธิ์จากยาพิเศษนั่นจะทำให้ร่างกายของพวกเรามีภูมิคุ้มกันจากพิษของอสูรดำนั่นได้ถึงหนึ่งเดือนเลยทีเดียว..."
นั่นคือคำอธิบายของท่านจ้าว ที่ได้ทำให้ผมหมดสิ้นซึ่งความสงสัยลงไปในทันที ส่วนไอริณกับพี่เมฆก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกับผม
แต่ขณะที่ท่านจ้าวกำลังจะอธิบายอะไรเพิ่มเติมอีก ร่างของทหารลาดตระเวนที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนกวางยักษ์มาได้ครู่หนึ่งก็ค่อยๆสั่นขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วก็สั่นรัวเร็วขึ้นราวกับมีบางสิ่งบางอย่างกำลังคุ้มคลั่งอยู่ในร่างของเขา !
ทหารองครักษ์ทั้งสองรีบยกหอกปลายแหลมอันวาววับขึ้นมาเตรียมต้านรับสิ่งประหลาดที่กำลังจะเกิดขึ้นกับร่างของทหารลาดตระเวนนั้นอย่างไม่รอช้า
"ท่านจ้าว หน่วยลาดตระเวนของเราคนนี้ น่ากลัวว่าจะไม่ได้ติดแค่เชื้ออสูรดำเพียงอย่างเดียว ?" หนึ่งในทหารองครักษ์พูดขึ้นอย่างตระหนก
และพริบตานั้นเอง ปากของทหารลาดตระเวนที่อยู่บนหลังกวางก็อ้าออกจนกว้าง พร้อมๆกับมีสิ่งที่แปลกประหลาดสีดำๆพุ่งออกมาเป็นทางสายยาวเหยียด !
สิ่งนั้นดูเผินๆแล้วมันเหมือนกับเป็นงูสีดำที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีลำตัวยาวราวหกเจ็ดเมตร มันได้พุ่งเข้าหาหอกอาวุธที่อยู่ในมือของหนึ่งในองครักษ์ที่เพิ่งได้พูดกับท่านจ้าวไปเมื่อกี้นี้ ด้วยความเร็วราวสายฟ้าแล่บ !
จากนั้นลำตัวของมันก็ม้วนเข้าไปพันอยู่ที่กลางลำของด้ามหอกนั้นและเลื้อยพันไปจนถึงมือทั้งสองขององครักษ์คนนี้ก่อนที่เขาจะตั้งหลักทำอะไรได้ทัน !
และแล้วมันก็ม้วนรัดข้อมือและวงแขนขององครักษ์จนหอกที่อยู่ในมือนั้นตกลงกับพื้นทันที !
จากนั้นมันก็ชูหัวขึ้นเหนือร่างขององครักษ์ แล้วก็แยกเขี้ยวขู่ฟ่อใส่ใบหน้าของเขาจนเขาถึงกับผงะหน้าหงาย !
และไม่ใช่แค่มีเสียงขู่ฟ่อเท่านั้น มันยังอ้าปากพ่นน้ำสีดำๆออกมาใส่หน้าอันตื่นตระหนกขององครักษ์คนนี้อย่างที่เขาก็ไม่สามารถที่จะปัดป้องได้ทันท่วงทีอีกเช่นกัน !
ทหารองครักษ์อีกคนหนึ่ง รีบดึงร่างของท่านจ้าวถอยหลังออกไปกรูดๆเพื่อให้อยู่ห่างจากตรงนั้นทันที ขณะที่สายตาของท่านจ้าวก็ยังมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึง !
และขณะนี้เหล่าทหารของท่านจ้าวเกือบทั้งหมดก็ได้ข้ามธารน้ำมาอยู่ทางฝั่งนี้กันเรียบร้อยแล้ว และพวกเขาต่างก็รีบตรงเข้าไปตั้งค่ายกลบางอย่างอยู่รายรอบท่านจ้าวเพื่ออารักขาคุ้มครองร่างของท่านจ้าวให้อยู่ในความปลอดภัยเต็มขั้น แม้ว่าในสีหน้าของพวกทหารนั้นจะไม่สามารถกลบเกลื่อนความตระหนกที่ได้ปรากฏอยู่ในสีหน้าของพวกเขาเองได้ก็ตาม
ส่วนผมและพวกฝ่ายเรา ต่างก็ถอยออกไปจากตรงจุดเดิมพอควร แต่เราก็ยังคงมองเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้อย่างชัดเจนเหมือนเดิม
หลังจากที่หนึ่งในทหารองครักษ์ได้โดนงูประหลาดพ่นน้ำสีดำใส่หน้า เขาก็ล้มฟุบลงไปตรงพื้นหญ้าข้างหน้าแทบจะทันที แต่แล้วเขาก็ค่อยๆยันร่างของตัวเองขึ้นมาใหม่อย่างช้าๆ แต่ขณะที่เขาหันหน้ามาทางพวกเรา หน้าของเขาก็เกิดอาการกระตุกขึ้นมาอยู่สองสามครั้ง และเมื่อเขากระพริบตาอีกครั้ง สีฟ้าดั้งเดิมที่อยู่ในดวงตาทั้งคู่ของเขาก็กลับกลายไปเป็นสีดำทมิฬเหมือนกับทหารลาดตระเวนที่นั่งอยู่บนหลังกวางตัวนั้น..!
"พวกทหารได้ติดเชื้ออสูรดำเข้าอีกคนแล้ว..." เสียงพี่เมฆเอ่ยขึ้นกับพวกเรา
ผมหันไปหาพี่เมฆ "เชื้อนั่น คงจะอยู่ในน้ำสีดำที่ไอ้งูนั่นพ่นออกมาใช่ไม๊ครับพี่เมฆ ?"
"ใช่แน่ๆแล้ว แต่น่าแปลกนะ ที่คราวนี้ไอ้เชื้อบ้านั่นกลับระบาดติดต่อไปยังร่างกายของพวกเขาได้ และก็อย่างรวดเร็วมากซะด้วยสิ ?" พี่เมฆว่า
เจ้างูสีดำตัวนั้น ลงไปม้วนตัวพันอยู่บนด้ามหอกที่ตกอยู่บนพื้นหญ้า และก็ชูคอชูหัวขึ้นมามองพวกเราทั้งหมดด้วยอาการโยกหัวไปมาราวกับงูเห่าหรืองูจงอางที่เตรียมพร้อมจะพุ่งเข้าโจมตีศัตรูที่อยู่ตรงหน้า
ส่วนทหารองครักษ์ของท่านจ้าวที่เพิ่งได้ติดเชื้อของอสูรดำไปหมาดๆ ก็ได้ลุกขึ้นมายืนอย่างมั่นคง โดยที่สีดำในดวงตาทั้งสองข้างนั้นก็ได้ฉายให้เห็นถึงความชั่วร้ายที่ได้เข้าควบคุมร่างนี้ไว้ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ส่วนทหารลาดตระเวนคนที่ได้ติดเชื้อมาก่อนหน้านี้ บัดนี้ก็ได้ปีนลงมาจากหลังกวางและเดินตรงเข้ามาหยุดอยู่ใกล้ๆกับทหารองครักษ์ที่เพิ่งติดเชื้อคนล่าสุด
แล้วท่านจ้าวก็ตะโกนมาทางพวกเรา "ท่านอาคันตะกะทั้งหลาย โปรดถอยไปให้ห่างๆ ขณะนี้พวกเราทุกๆคนมีโอกาสที่จะติดเชื้ออสูรดำได้กันหมดทุกคน และแม้กระทั่งพวกทหารของเราเองในตอนนี้ก็อาจจะช่วยคุ้มครองชีวิตให้กับพวกท่านไม่ได้ด้วยซ้ำไป...!"
น้ำเสียงของท่านจ้าวดูจะมีความไม่สบายใจแฝงอยู่ไม่น้อย
"ท่านจ้าวคะ..." เสียงไอริณตะโกนกลับไป "ท่านอย่าได้เป็นห่วงพวกเราเลย พวกเราทั้งหมดมาถึงตรงนี้ได้ ก็คิดว่าจะดูแลตัวเองต่อไปได้ พวกเราจะพยายามระวังตัวกันให้มาก และไม่รีบเผ่นหนีกันไปในตอนนี้หรอกค่ะ...!"
"งั้นก็ตามนั้น ก็แล้วแต่ความต้องการของพวกท่านกันก็แล้วกันนะ..." ท่านจ้าวว่า "แต่บางทีแล้ว พวกทหารของข้านั้น ก็อาจจะสามารถขับไล่คนที่ติดเชื้อนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไรนักก็ได้ เพราะที่จริงแล้วเราก็ยังมีวิธีที่จะขับไล่พวกมันได้อยู่ และเราก็ไม่อยากจะสังหารคนที่เคยเป็นพี่น้องในพงษ์พันธ์ุของพวกเราเลยแม้แต่คนเดียว แม้ว่าพวกเขาจะสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไปแล้วก็ตามเถอะ..."
ไอริณขมวดคิ้วขึ้นมา "แล้วจะทำอย่างไรเหรอคะ ท่านจ้าว ?" เธอถามท่านจ้าวไปด้วยสีหน้าที่กังขา
ท่านจ้าวไม่ตอบไอริณ แต่กลับกวาดตามองเหล่าทหารของตัวเองรอบหนึ่ง แล้วสั่งออกไป
"พวกเจ้าทุกคนจงฟังข้า...! จงหยิบหน้ากากอสูร'อูราณห์'ขึ้นมาสวมกันอีกครั้งหนึ่ง... เดี๋ยวนี้ !"
สิ้นคำสั่งของท่านจ้าว เหล่าทหารของท่านจ้าวทั้งหมดต่างก็เอื้อมไปหยิบหน้ากากอสูรอูราณห์ที่มีเขาสองเขาขึ้นมาทันที โดยที่ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ถอดออกและนำไปแขวนไว้ที่ข้างตัว แต่บัดนี้พวกเขาได้นำมันขึ้นมาสวมกันอีกครั้งด้วยความรวดเร็วและพร้อมเพรียง !
และก็ใช่แล้ว... พวกเราคงจะลืมในจุดนี้ไปว่า คนที่ติดเชื้ออสูรดำจนกลายเป็นครึ่งคนครึ่งอสูรกายนั้นจะมีความหวาดกลัวต่ออสูรอูราณห์ แม้ว่าจะเห็นแค่เพียงหน้ากากก็จะสำคัญว่าเป็นอสูรอูราณห์ไปจริงๆ
"อย่างงี้นี่เอง ริณเองก็ลืมเรื่องหน้ากากนั่นไปเลย" ไอริณพูดอย่างยิ้มๆ ส่วนผมเองก็พยักหน้าเข้าใจ แล้วก็อดที่จะยิ้มๆขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน
แต่สีหน้าของพี่เมฆนั้น ดูจะไม่ได้ผ่อนคลายลงไปจากเดิม แต่กลับขมวดคิ้วจนหัวคิ้วย่นหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิมซะอีก
"พี่ว่า ครั้งนี้ดูท่ามันจะแปลกๆอยู่นะ ?"
"อะ... อะไรเหรอครับพี่เมฆ...?" แล้วผมกับไอริณก็มองตามสายตาพี่เมฆที่จ้องมองไปทางด้านนั้นอย่างไม่วางตากันอีกครั้ง
เมื่อมองดูดีๆแล้ว พวกเราก็ได้เห็นว่า ทหารทั้งสองของท่านจ้าวที่เพิ่งได้ติดเชื้ออสูรดำ ไม่ได้มีทีท่าที่จะหวาดกลัวลนลานต่อหน้ากากเหมือนอย่างที่พวกเราได้คาดกัน เพราะทหารทั้งสองนั้นยังคงยืนสงบนิ่งอยู่เหมือนเดิมก่อนที่จะเริ่มมีการเคลื่อนไหวกันอีกครั้ง โดยทหารทั้งสองนั้นก็ค่อยๆย่างเท้าเข้าไปหากลุ่มทหารของท่านจ้าวกันด้วยหน้าตาที่ดูเฉยเมยตายด้าน และก็ไม่แสดงความครั่นคร้ามใดๆออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย โดยก็ยังมีอสรพิษสีดำทมิฬที่เลื้อยขนาบตามไปติดๆ !
คุณพระช่วย...! นี่หมายความว่า ผู้ที่ติดเชื้ออสูรดำในขณะนี้นั้น สามารถที่เอาชนะความกลัวในอสูรอูราณห์ไปได้แล้ว อย่างนั้นหรือ..?
แล้วท่านจ้าวกับพวกทหารล่ะ... จะทำยังไงกันต่อไปล่ะทีนี้...?!
(โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆนี้ครับ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ