สืบสู้ผี ภาค 1-2

8.7

เขียนโดย Jintanakorn

วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.18 น.

  73 ตอน
  3 วิจารณ์
  64.70K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

22) เขาชื่อเมฆา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ราวกับว่าเขาจะอ่านจิตใจผมออก เขาจึงถอดแว่นตาดำออกมาให้เห็นหน้าเห็นตาเขาชัดๆ หน้าตาของเขานั้น ถือว่าดูบ้านๆเหมือนคนต่างจังหวัดทั่วๆไป ดวงตาของเขานั้นค่อนข้างจะตี่เล็กเรียว มองดูดีๆหน้าตาของเขาก็ดูละม้ายคล้ายกับนักร้องเพลงเพื่อชีวิตระดับตำนานของเมืองไทยคนหนึ่งอยู่เหมือนกัน

"พวกน้องสองคน คงมีคำถามที่อยากจะถามผมอยู่มากมายแน่ๆ" เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูจริงใจ "ส่วนตัวผมเอง...เอ่อ... ขอแทนตัวเองว่าพี่ดีกว่า เพราะว่าเริ่มจะแก่แล้ว ฮ่าๆ ส่วนตัวพี่เองก็มีสิ่งที่จะเล่าให้น้องทั้งสองฟังอยู่หลายเรื่องเหมือนกัน และก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่สำคัญ ตอนแรกน้องสองคนคงจะคิดว่าพี่นั้นมาตามสะกดรอย แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะถ้าช่วงนี้มันไม่มีเหตุอันสำคัญบางอย่าง พี่เองก็คงไม่ได้มาปรากฏตัวอยู่แถวนี้หรอกนะ..."

ไอริณยิ้มกริ่มออกมา พร้อมชำเลืองมองหน้าผม ประมาณเหมือนจะพูดว่า 'เห็นไม๊ริณนิกแล้ว'

แล้วชายลึกลับคนนี้ก็ชี้ไปที่ศาลาริมทางที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้นัก "พี่เห็นตรงโน้นมีศาลาอยู่ริมทางหลังหนึ่ง เราไปนั่งคุยกันตรงนั้นเถอะ ดีกว่าจะมายืนคุยให้ยุงกัดอยู่ตรงนี้ ผีสางน่ะ พี่ไม่เคยกลัวหรอกนะ แต่ยุงนี่พี่กลัวมันกัดจริงๆเลย ฮ่าๆ..." เขาพูดแล้วก็เดินนำเราไปทันที

ผมสบตากับไอริณ แล้วเราก็รีบเดินตามเขาไป

ที่ศาลาริมทางหรือริมทุ่งนี้ ได้เปิดไฟนีออนไว้ ทำให้เราพอจะมองเห็นหน้าเห็นตากันได้ชัดเจนมากขึ้น

พอนั่งลงได้ที่แล้ว ผมก็แนะนำตัวเอง "เอ่อ... ผมชื่อกิตตินะครับพี่ชายส่วนเธอคนนี้..."

"ส่วนเธอคนนี้ก็คือไอริณ..." เขาชิงพูดชื่อเธอขึ้นมา 'พี่สืบมาหมดแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกการเคลื่อนไหวของน้องทั้งสอง ตั้แต่ก่อนที่พวกน้องจะมาถึงร้านขายของชำของเจ๊ทับทิมนั่นอีก..."

"ห๋า...?!" ผมอุทาน แล้วก็หันไปมองหน้าไอริณ ก่อนที่จะหันกลับมามองเขา "แต่... แต่ผมเองก็เพิ่งได้ชวนไอริณมานะครับพี่ชาย ?"

ชายลึกลับยิ้มกริ่ม "จะว่าไปจริงๆแล้ว ก็ถือซะว่าพี่ได้ตามสะกดรอยน้องกิตติมาก่อนหน้านี้อยู่เหมือนกัน ตั้งแต่น้องเริ่มรู้สึกตัวว่า มีวิญญาณของผู้ชายขนดกๆอยู่ที่บ้านแฝดที่น้องพักนั่นล่ะ แต่การสะกดรอยของพี่ในตอนนั้น เป็นไปด้วยความบริสุทธิใจหรือมีเจตนาเป็นที่ตั้งนะครับน้อง ฮ่าๆ"

แล้วเขาก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ "เอ่อ... ลืมไปพี่ยังไม่ได้แนะนำตัวของพี่เองเลย ชื่อของพี่ก็คือ เมฆา หรือจะเรียกว่าเมฆก็ได้นะ..." เขาแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้ม

"แต่ดั้งเดิมนั้นพี่เป็นคนเขมร แต่มาอยู่เมืองไทยได้เนิ่นนานแล้ว พี่เคยมีอาจารย์ดีมีตบะสูงที่ได้สอนวิชาอาคมต่างๆให้กับพี่ตั้งแต่อยู่ในเขมร ซึ่งจริงๆตัวท่านเองนั้นก็เป็นพระธุดงค์มาจากเมืองไทย ที่ได้เข้าไปพำนักอยู่ในเขมรได้ไม่ต่ำกว่าสามสิบปีแล้ว จนต่อมาก็ทำให้พี่ได้เจอกับอาจารย์ และท่านก็ได้สอนวิชาต่างๆให้กับพี่มากมาย แต่ก็น่าเศร้าเหลือเกิน ที่ตอนนี้ท่านก็ได้มรณะภาพไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้เอง..." พี่เมฆแล้วก็อดทำตาเศร้าๆขึ้นมาไม่ได้

"ครับพี่เมฆ... ผมขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ" ผมพูดอย่างจริงใจ

"ริณเองก็เช่นกันนะคะพี่..." ไอริณพูดแล้วก็ก้มหน้าเศร้าๆ

"ครับ ขอบคุณครับน้องทั้งสอง ทุกสิ่งทุกอย่างใดๆในโลกนี้ไม่มีคำว่าเที่ยงแท้แน่นอนหรอกครับ จะบุญหนักศักดิ์ใหญ่หรือจะวาสนาบารมีสูงส่งแค่ไหน ก็ไม่อาจจะหลีกหนีพ้นกฏของธรรมชาติไปได้เลยแม้แต่คนเดียว..."

แล้วพี่เมฆก็เอามือเช็ดหางตาที่ดูเหมือนจะมีน้ำซึมๆออกมาหน่อยหนึ่ง ก่อนจะเล่าต่อไป

"แต่ก่อนที่อาจารย์ของพี่จะมรณะภาพไปนั้น พี่เองก็ได้กลับไปอยู่ที่เขมรมาซะช่วงหนึ่ง เพื่อที่จะดูแลปรนนิบัติอาจารย์ของพี่ในระยะบั้นปลายของท่าน ก่อนที่ท่านจะละสังขารจากโลกนี้ไป แต่ทว่าก่อนที่อาจารย์ของพี่จะละสังขารไปนั้น ท่านก็ได้เล็งเห็นถึงเหตุอันสำคัญบางอย่างที่จะส่งผลให้มีผู้บริสุทธิจำนวนมากต้องได้รับความทุกข์ทรมานจากสิ่งที่ชั่วร้ายบางอย่างที่ได้เข้ามาคุกคามจิตและวิญญาณอันบริสุทธิ์ของพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่ทันได้รู้ตัวหรือว่ามีความผิดใดๆเลย..."

พี่เมฆหยุดไปนิดหนึ่ง ก่อนที่จะเล่าต่ออย่างเน้นเสียง "สิ่งที่ชั่วร้ายที่มีดวงจิตอันต่ำช้าสามานย์นี้ มันกำลังดำเนินงานอันสกปรกโสมมของมันด้วยการใช้จิตหรือวิญญาณของมนุษย์เป็นเครื่องมือในการที่จะไปให้ถึงเป้าหมายบางอย่างของมัน และอาจารย์ของพี่นั้นก็ต้องการให้พี่หาทางหยุดยั้งมันให้จงได้ ไม่ว่าจะด้วยตัวของพี่เอง หรือว่าการร่วมมือกับผู้ที่เล็งเห็นและต้องการจะต่อต้านความชั่วร้ายพวกนี้...!"

ถึงตอนนี้ ผมกับไอริณก็อดจะตาโตขึ้นมาไม่ได้

"พี่เมฆคะ..." ไอริณพูดขึ้นเมื่อเห็นพี่เมฆเว้นช่วงพูดไป "สิ่งที่ชั่วร้ายที่พี่เมฆพูดถึงนี้ คืออะไร หรือเป็นใครกันแน่คะ...?"

พี่เมฆมองหน้าไอริณ "บางทีน้องไอริณอาจจะเคยได้ยินเรื่องของเขามาบ้างแล้วก็ได้นะครับ..."

ไอริณกระพริบตาปริบๆ "ถ้าให้ริณเดา... หรือว่าจะเป็นคนๆนั้นเอง คนที่พี่สาวของไอริณได้เคยพูดถึงว่า... ถ้าได้เจอก็ให้หลีกลี้หนีเขาไป อย่าได้เผชิญหน้าลองดีกับเขาเป็นอันขาด...!"

อะไรนะ...?" ผมจ้องหน้าไอริณ "นี่น้องริณคงไม่ได้หมายถึงผู้ชายลึกลับที่ใส่ชุดไทยโบราณคนที่ได้ปรากฏตัวที่บ้านแฝดนั่นหรอกนะ...?!"

ก่อนที่ไอริณจะพูดอะไรต่อ พี่เมฆก็พยักหน้าช้าๆเป็นความหมายว่าใช่...!

"และมันก็ผู้นี้ก็คือ คนร้ายตัวจริงที่เป็นบงการให้วิญญาณร้ายมาเข้าสิงไอ้สามคนนั้นเพื่อให้มาดักเล่นงานพวกน้องอยู่เมื่อกี้นี้ไง...!"

แล้วผมกับไอริณก็ถึงกับต้องตกตะลึงพรึงเพริดไปอีกครั้ง !

"น้องทั้งสอง..." พี่เมฆพูดต่อไป "มันมีบางสิ่งบางอย่างที่ซ่อนเร้น "มันมีบางสิ่งบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ในบ้านแฝดหลังนั้น...!" พี่เมฆบอกเสียงเข้ม "และสิ่งนั้นมันก็คงมีความเกี่ยวโยงกับวิญญาณของชายขนดกที่ชื่อสิงห์อย่างที่น้องได้ตั้งข้อสังเกตุกันไว้ และการที่พวกน้องกำลังสืบเรื่องราวของเขา รวมทั้งค้นหาความจริงบางอย่างที่ถูกซุกซ่อนอนู่ที่นั่นนั้น มันก็อาจจะส่งผลกระทบต่อแผนการอันชั่วร้ายบางอย่างของมันเข้าก็ได้ มันจึงคิดจะกำจัดหรือควบคุมน้องไว้ แต่พี่ก็คิดว่า มันน่าจะคิดควบคุมพวกน้องให้อยู่ในอำนาจของมันมากกว่าที่จะกำจัดทิ้งนะ..."

ผมกับไอริณต่างก็หันมาสบตากันแล้วก็หันกลับไปมองพี่เมฆ

"แต่พวกน้องก็อย่าเพิ่งไปกลัวอะไรจนเกินไปล่ะ..." พี่เมฆพูดแล้วก็ยิ้มที่มุมปาก "เพราะเมื่อเหตุการณ์มันเป็นอย่างนี้แล้ว เราก็จะต้องช่วยกันค้นหาสิ่งอันเป็นปริศนาที่ได้ถูกซุกซ่อนอยู่ในบ้านหลังนั้นกันต่อไปให้ได้ว่า มันเป็นอะไรกันแน่ เพราะพี่คิดว่าสิ่งนั่นมันมีความหมายอย่างยิ่งยวดต่อแผนการร้ายบางอย่างของคนที่มีดวงตาราวกับพระเพลิงคนนั้น...!"

พี่เมฆหยุดไปครู่หนึ่ง และประสานสายตามาที่ผมและไอริณ "และบางที... บางทีเราอาจจะสามารถยับยั้งแผนการร้ายบางอย่างของมันลงได้บ้าง หรืออาจจะช่วยกันปลดปล่อยวิญญาณที่ทนทุกข์ทรมานอยู่ในบ้านหลังนั้นได้อีกด้วย..."

"งั้น..." ไอริณเอ่ยขึ้น "สรุปแล้ววิญญาณของชายขนดกนั้นก็ชื่อสิงห์จริงๆสินะคะ ส่วนเหตุการณ์ที่พี่กิตได้ฝันเห็นผู้ชายที่ชื่อสิงห์ในอดีตนั้นก็เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงตั้งแต่เมื่อครั้งอดีตอย่างที่ริณได้คาดการณ์ไว้ใช่หรือเปล่าคะพี่เมฆ ?"

"ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นล่ะครับน้องไอริณ..." พี่เมฆตอบ "พี่คิดว่าวิญญาณของชายที่ชื่อสิงห์นั้นได้ถูกจองจำไว้ที่บ้านแฝดหรือแถวๆนั้นมาเนิ่นนานทีเดียวล่ะครับ และเขาก็ต้องมีความทุกข์ความทรมานมาอย่างยาวนานเช่นกัน ส่วนการที่เขาได้เข้ามาในจิตหรือในฝันของน้องกิตตินั้น ก็เพื่อต้องการที่จะสื่อสารหรือขอความช่วยเหลืออะไรบางอย่าง อย่างที่น้องกิตติได้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ แต่ทว่า... เขาเองนั้น ก็คงถูกกีดขวางซะก่อนที่จะสื่อสารอะไรได้สำเร็จน่ะครับ..."

"ใช่แล้ว...!" ผมเชื่อมต่อเรื่องราวได้ทันที "และเป็นเพราะ... เพราะแมวดำตัวนั้นมันโผล่ออกมาขัดขวางซะก่อน ทั้งตอนที่ผมเจอเขาจริงๆที่ตรงต้นโพธิ์ และตอนที่ผมฝันเห็นเขาในอดีต ล้วนมีเจ้าแมวดำอันน่าขนลุกตัวนั้นโผล่มาทั้งสองครั้งเลยล่ะครับพี่เมฆ...!"

และทันใดนั้นเอง ผมก็ต้องสะดุ้งขึ้นมาสุดตัว จนต้องกระโดดลุกขึ้นยืนทันที เมื่อเสียงหัวเราะบางอย่างได้ดังขึ้นมาหลังจากที่ผมพูดได้ยังไม่ขาดคำ !

เสียงหัวเราะประหลาดๆแหลมๆเล็กๆที่ฟังดูคล้ายกับเสียงแมว เสียงมันเหมือน... เหมือนแมวกำลังหัวเราะ !!

แล้วไอริณกับพี่เมฆก็ต้องลุกขึ้นมายืนเหมือนกับผม เพราะเขาสองคนก็ได้ยินเสียงหัวเราะอันน่าขนลุกนั้นด้วยเหมือนกัน...!

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา